จ้างทนายความ ฟ้องคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไหร่ ? และศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา? ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ไหม?

จ้างทนายความ ฟ้องคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไหร่ ? และศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา? ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ไหม?

จ้างทนายความ ฟ้องคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไหร่ ? และศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา?
ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ไหม?

โดย ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์(ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
คำถามประเด็นที่ 1 จ้างทนายความ ฟ้องคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไหร่ ?
ตอบ หากถามผมว่าฟ้องคดีหมิ่นประมาทจะได้ค่าเสียหายจำนวนเท่าไหร่ ? ผมบอกไม่ได้ว่าผู้ฟ้องคดีหมิ่นประมาทหากว่าชนะคดีแล้วจะได้ค่าเสียหายจำนวนเท่าไร เพราะว่ามันมีหลักเกณฑ์และมีปัจจัยหลายอย่างที่ศาลจะต้องนำมาพิจารณา แต่พูดกันตามตรงนะครับ ว่าคดีหมิ่นประมาทในประเทศไทย ได้รับค่าเสียหายน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น
ประเทศสหรัฐอเมริกา ศาลสั่ง’ทรัมป์’จ่ายค่าเสียหายคดีหมิ่นประมาทคู่กรณีกว่า 83 ล้านดอลล์ หรือเกือบ 3,000 ล้านบาทให้กับนางอี. จีน แคร์โรลล์ ซึ่งยื่นฟ้องทรัมป์ที่ทำลายชื่อเสียงของเธอในฐานะที่เป็นนักข่าวที่น่าเชื่อถือ
สำหรับประเทศไทยของเรา หากบอกกันตรงตรง การจ่ายค่าเสียหายคดีหมิ่นประมาทให้แก่คู่กรณีจะได้ค่อนข้างน้อยส่วนใหญ่ก็แค่หลักหมื่น บางกรณีอาจจะมีบ้าง เป็นหลักแสน แต่เป็นหลักล้านจะมีน้อยมากๆฯ
ดังนั้น เราจะหวังว่าจะฟ้องคดีหมิ่นประมาทให้ได้เงินเป็นล้านเป็น 10 ล้านบาทหรือ 100 ล้านบาท มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซึ่งส่วนใหญ่คดีประเภทนี้มักจะจบลงด้วยการเจรจาไกล่เกลี่ย และให้ฝ่ายที่เป็นจำเลยขอโทษและโพสต์ขอโทษตามสื่อต่างๆ แล้วก็ชดใช้เงินส่วนหนึ่ง ซึ่งคดีหมิ่นประมาทจำนวนมากไม่ได้รับค่าเสียหายเต็มตามจำนวนเงินที่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย
เช่น ศาลตัดสินแล้ว คดีหมิ่นประมาททราย เจริญปุระ คู่กรณีต้องจ่ายค่าเสียหาย โพสต์ขอโทษอีก 200 วัน(อ้างอิง มติชนออนไลน์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565)
คำถามประเด็นที่ 2 ศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา?
ตอบ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การกำหนดค่าเสียหายในคดีหมิ่นประมาท นั้น ไม่ได้มีหลักเกณฑ์แน่นอนตายตัว ว่าจะต้องจ่ายกันเท่าไหร่ เพราะเป็นดุลยพินิจของศาล ที่จะต้องนั่งพิจารณาคดีนั้นๆ บางคดีอาจได้มากหรือได้น้อย ก็คงต้องดูพฤติการณ์ต่างๆในคดี และภาพรวม ซึ่ง หลักเกณฑ์ที่ศาลใช้ในการพิจารณามีดังต่อไปนี้
1.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา ข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูดของการหมิ่นประมาทนั้น เป็นข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูดในการหมิ่นประมาทนั้นมันรุนแรงหรือมันร้ายแรงหรือหนักเบามากน้อยเพียงใด หากเป็นการทำให้เขาได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือรุนแรง อย่างนี้ ค่าเสียหายที่ได้รับก็จะสูงหรือเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหากว่าเป็นการหมิ่นประมาทแบบเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่รุนแรงหรือร้ายแรง อันนี้ก็จะได้รับค่าเสียหาย ที่ต่ำหรือจำนวนน้อย
2.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา ก็คือว่ามีใครบ้าง ที่รับรู้ข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูด หากมีบุคคลต่างๆรับรู้เป็นจำนวนมาก เช่น การโพสต์ในช่อง YouTube มีคนดูเป็นหลักล้าน , การโพสต์ใน Facebook มีคนกดไลค์กดแชร์เป็นแสนเป็นล้าน หรือโพสต์ลงในสื่อออนไลน์อื่นๆ รวมทั้งสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หากมีคนดูเป็นจำนวนมาก กล่าวคือมีคนรับรู้ในวงกว้าง และผู้เสียหายก็ได้รับผลกระทบในวงกว้าง อันนี้จะได้รับค่าเสียหายที่สูงหรือมากกว่า การโพสต์ใน Youtube มีคนดูแค่ 15 คน หรือโพสต์ใน Facebook มีคนกดไลค์อยู่ 1 คน หรือ มีการหมิ่นประมาทในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นกล่าวคือคนอ่านหรือดูเฉพาะในจังหวัดนั้นๆ ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่คนอ่านกันทั่วประเทศ แบบนี้คนรับรู้ในวงแคบและผู้เสียหายก็ได้รับผลกระทบในวงแคบ ก็จะได้รับค่าเสียหายที่ต่ำหรือน้อยลงไป
3.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา ก็คือเรื่องของระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ของการหมิ่นประมาท รวมไปถึงจำนวนกี่ครั้งในการหมิ่นประมาท เช่น ถ้าข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูดในการหมิ่นประมาท เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเขียนข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูด หมิ่นประมาทอยู่หลายครั้งหรือซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นจำนวนหลายหลายครั้ง เช่น มีการลงโพสต์ลงในกลุ่มไลน์ มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ มีการเผยแพร่ใน YouTube หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน เป็นจำนวนหลายครั้งหรือเป็นจำนวนมาก มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะเอามาคิดและพิจารณา คิดค่าเสียหาย ให้ได้รับค่าเสียหายที่สูงหรือมากขึ้น แต่ถ้าสมมุติโพสต์ลงใน Facebook หรือ Line หรือ Youtube เพียงแค่ 1 ครั้ง แล้วรีบลบหรืออีกวันสองวันรีบลบ ข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูด ออกจากระบบทันที หรือเป็นการแค่พูดหมิ่นประมาท แค่ครั้งเดียว พูดกับคนคนเดียวหรือสองคน อันนี้ค่าเสียหายที่จะได้รับมันก็จะต่ำหรือน้อยลงไป
4.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา ในเรื่องของการรับค่าเสียหายก็ คือฐานะทางสังคมของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นโจทก์หรือจำเลย เช่นฐานะภาพทางด้านสังคม ด้านการศึกษา ของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นของผู้ถูกกระทำ หากผู้ที่ถูกกระทำหรือโจทก์ เขาเป็นดารา เป็นนักการเมือง เป็นบุคคลหรือผู้มีชื่อเสียง เป็นนักร้อง กล่าวคือเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปอย่างกว้างขวาง แน่นอนว่าเขาก็จะได้รับความเสียในวงกว้างไปด้วย เขาก็จะได้รับค่าเสียหายที่สูงหรือจำนวนมาก แต่ถ้าโจทก์หรือผู้ถูกกระทำหรือผู้เสียหาร เป็นคนโดยทั่วไปไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็จะได้รับค่าเสียหายที่ต่ำหรือน้อยกว่า อีกทั้งศาลยังพิจารณา ฐานะ อาชีพ รายได้ ของผู้กระทำกับผู้ถูกกระทำ ประกอบการพิจารณาอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ครูไพบูลย์ ชนะคดีหมิ่นประมาท ศาลตัดสินจำคุก นายห้างประจักษ์ชัย 4 ปี 16 เดือน ไม่รอลงอาญา จ่ายค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยได้ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์(อ้างอิง ข่าวออนไลน์7HD เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 ) ทั้งนี้ ครูไพบูลย์ เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ศาลตัดสินสั่งจ่ายค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท
5.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา คือผลที่เกิดขึ้นจากการหมิ่นประมาท โดยเฉพาะ ผลกระทบกับคนที่ถูกกระทำมีมากน้อยเพียงใด เช่น การได้รับความอับอายขายหน้า ความเจ็บใจ เพราะ บางคนถูกสังคมตราหน้า บางคนถึงขั้นต้องลาออกจากงานไปเลย บางคนเสียสุขภาพจิต บางคนเป็นโรคซึมเศร้า บางคนอาจถูกดำเนินการทางวินัย บางคนถูกถูกตั้งกรรมการสอบสวน พวกนี้เป็นองค์ประกอบที่ศาลจะนำเอามาเป็นหลักเกณฑ์ในการคิดและวินิจฉัยค่าเสียหายว่าจะได้รับมากน้อยเพียงใด

6.ข้อที่ศาลจะต้องนำเอาไปคิดและพิจารณา คือการสำนึกผิดของผู้กระทำความผิด และผู้กระทำความผิดหรือจำเลยในคดีหมิ่นประมาท ได้มีการบรรเทาผลร้ายอะไรบ้างให้แก่โจทก์ เช่น สมมุติว่า นาย ก.ได้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมา นาย ก.ได้สำนึกผิด แล้วได้ลบโพสต์ ข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูด ออกจากระบบ ไม่ว่าจะเป็น Youtube , Facebook , Line ฯลฯ ออกไปแล้ว อีกทั้งยังได้โพสต์ ข้อความหรือเนื้อหาหรือคำพูด ที่เป็นการขอโทษ และได้มีการพูดคุยกันทำการขอโทษกับผู้เสียหายโดยตรง มีการกราบเท้าเพื่อขอโทษ มีการเจรจาขอวางเงินเพื่อชดใช้ ค่าเสียหาย จำนวนหนึ่ง ลักษณะอย่างนี้เขาถือได้ว่า จำเลย ได้พยายามบรรเทาผลร้าย แล้วได้สำนึกผิด ในการกระทำของตนเอง ศาลก็จะพิจารณาให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ต่ำลงหรือน้อยลง

สรุป สำหรับการฟ้องคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีความผิดทั้งทางอาญาและละเมิดในทางแพ่ง
ในทางอาญานั้นกฎหมายกำหนดระวางโทษจำคุกและปรับสำหรับความผิดฐานหมิ่นประมาท ส่วนในทางแพ่งนั้นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นถือเป็นการละเมิด มาตราที่มีความเกี่ยวข้อง คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
๔๒๐ , มาตรา ๔๒๓ และ มาตรา ๔๔๗
คำถามประเด็นที่ 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ไหม?
ตอบ คดีหมิ่นประมาทหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓
ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา ๓๓๓ บัญญัติไว้ว่า ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

สำหรับข้อควรระวัง หากไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรรีบร้อนไปแจ้งความ ควรปรึกษาทนายความหรือบุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นประมาทก่อนแจ้งความ เพราะหากแจ้งความไปแล้ว อาจโดนฟ้องกลับได้ โดยจำเลยสามารถฟ้องกลับได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ

#image_title

เมื่อเจอคนที่ใช่ คุณจะรู้สึกถึงความสบายใจในบางครั้งคนที่ใช่ ไม่ใช่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ เป็นคนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆเวลาที่อยู่ใกล้ และรักเราในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่รักเราในแบบที่เขาอยากจะให้เราเป็นแต่ในบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่สามารถควบคุมได้เพราะ “ ในบางครั้งคนที่ใช่ก็มาในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ และบางครั้งคนที่ไม่ใช่ก็เข้ามาในช่วงเวลาที่ใช่ ”โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์(อาจารย์โทนี่)www.drsuthichai.com

เมื่อเจอคนที่ใช่ คุณจะรู้สึกถึงความสบายใจในบางครั้งคนที่ใช่ ไม่ใช่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ เป็นคนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆเวลาที่อยู่ใกล้ และรักเราในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่รักเราในแบบที่เขาอยากจะให้เราเป็นแต่ในบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่สามารถควบคุมได้เพราะ “ ในบางครั้งคนที่ใช่ก็มาในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ และบางครั้งคนที่ไม่ใช่ก็เข้ามาในช่วงเวลาที่ใช่ ”โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์(อาจารย์โทนี่)www.drsuthichai.com

เมื่อเจอคนที่ใช่ คุณจะรู้สึกถึงความสบายใจ
ในบางครั้งคนที่ใช่ ไม่ใช่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ เป็นคนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆเวลาที่อยู่ใกล้ และรักเราในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่รักเราในแบบที่เขาอยากจะให้เราเป็น
แต่ในบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่สามารถควบคุมได้เพราะ
“ ในบางครั้งคนที่ใช่ก็มาในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ และบางครั้งคนที่ไม่ใช่ก็เข้ามาในช่วงเวลาที่ใช่ ”
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์(อาจารย์โทนี่)
www.drsuthichai.com

#image_title

กรดไกลโคลิกสกัดจากผลไม้และอ้อย

กรดไกลโคลิกสกัดจากผลไม้และอ้อย

ประโยชน์ของกรดไกลโคลิก

ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
กรดไกลโคลิกช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพและตายแล้วให้หลุดออกไป ช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น มีชีวิตชีวา และมีความกระจ่างใสมากขึ้น

ลดเลือนจุดด่างดำและฝ้า
การใช้กรดไกลโคลิกเป็นประจำสามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น

กระชับรูขุมขน
กรดไกลโคลิกช่วยในการลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วภายในรูขุมขน ซึ่งจะทำให้รูขุมขนดูเล็กลง และผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น

ลดริ้วรอยและเส้นบางๆ
การใช้กรดไกลโคลิกสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยและเส้นบางๆ บนใบหน้าดูลดลง ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น

ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
กรดไกลโคลิกมีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดความหยาบกร้านของผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบลื่นและสัมผัสที่นุ่มนวลมากขึ้น

ลดความมันส่วนเกิน
กรดไกลโคลิกช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้า ซึ่งช่วยลดปัญหาผิวมันและการเกิดสิว ทำให้ผิวดูสมดุลและไม่มันเยิ้ม

ปรับสมดุลสีผิว
ช่วยปรับสมดุลสีผิว ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น และลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ

เพิ่มการดูดซึมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การใช้กรดไกลโคลิกช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวพร้อมรับสารบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น เช่น เซรั่มและครีมบำรุงต่างๆ

วิธีการใช้กรดไกลโคลิกอย่างปลอดภัย
เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ หากเพิ่งเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดไกลโคลิก ควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ (ประมาณ 5-10%) และใช้ในปริมาณเล็กน้อย
ใช้ในตอนกลางคืน ควรใช้กรดไกลโคลิกในตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งอาจทำให้ผิวไวต่อแสงและเกิดการระคายเคือง
ทาครีมกันแดด เนื่องจากกรดไกลโคลิกทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงในตอนเช้าหลังการใช้กรดไกลโคลิก
ไม่ใช้กับผิวที่ระคายเคือง หากผิวของคุณมีอาการระคายเคือง แดง หรือเป็นสิวอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดไกลโคลิกจนกว่าผิวจะกลับมาปกติ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การระคายเคือง การใช้กรดไกลโคลิกในปริมาณสูงหรือใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคือง แสบ แดง หรือแห้ง
ผิวไวต่อแสง การใช้กรดไกลโคลิกทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น จึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด

สรุป
กรดไกลโคลิกเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูแลผิว โดยเฉพาะการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนจุดด่างดำ อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างระมัดระวังและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากคุณมีผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาผิวอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรจะซื้อสินค้าจากโรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง

 

รับผลิตเครื่องสำอาง โรงงานผลิตเครื่องสำอาง

Cn corporation Co.,LTD. รับผลิตเครื่องสำอาง โดย โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ที่ทันสมัย ผลิตตามมาตรฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข มีสูตรมาตรฐานให้เลือกหลากหลายสูตร
อาทิ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนฝ้ากระ, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว, ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย, ผลิตภัณฑ์ลดการแพ้ และการเกิดสิว, ผลิตภัณฑ์กันแดด, ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพร, ผลิตภัณฑ์สปาแคร์,
ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก ลิปแมท ลิปมัน ลิปกรอส ลิปบาล์ม นอกจากนั้นเรายังมีบริการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์

Facebookpage : Cn corporation Lab รับผลิตเครื่องสำอาง ครบวงจร
อีเมล : info@cncorporation.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 062-949-8888

การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมายมีอะไรบ้าง

การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมายมีอะไรบ้าง

การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมายมีอะไรบ้าง
โดย ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์(ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740

การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมาย มีด้วยกันทั้งสิ้นหลายรูปแบบเช่น

ข้อที่ 1 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน กล่าวคือการได้มาโดยการขอออกโฉนดที่ดินทั้งตําบล และได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย
อ้างอิง พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 58 และ มาตรา 59
ข้อที่ 2 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยนิติกรรม เช่น โดยการทำนิติกรรม ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ,จำนอง, ขายฝาก และต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ

ข้อที่ 3 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยผลของกฎหมาย เป็นที่ดินที่ไม่ได้ไปแย่งใครมา แต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ที่ดินงอกริมตลิ่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะน้ำในแม่น้ำได้พัดพาเอากรวดหินดินทรายมาถมแล้วก็เกิดการพอกพูนขึ้นทุกวันจนกลายเป็นที่ดินขึ้นมา ซึ่งตามหลักกฎหมายได้กําหนดให้ที่ดินงอกริมตลิ่งพวกนี้ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนเดิมที่เกิดที่ดินงอกริมตลิ่ง พวกนี้สามารถนําไปขอออกโฉนดได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่ดินซึ่งเกิดจากการถมที่ดินเพิ่มเติม

ข้อที่ 4 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามหลักกฎหมายโดยการครอบครองปรปักษ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์ ในทางปฏิบัติ แม้จะเข้าองค์ประกอบตามมาตรา 1382 กำหนดแล้ว ก็ไม่ใช่จะได้มาได้โดยง่ายเพราะบุคคลที่อ้างการครอบครองปรปักษ์ที่ดินนั้น จะต้องดำเนินการ จ้างทนายความ พร้อมแสดงหลักฐาน ”ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์”
ก่อนศาลจะพิจารณาหรือมีคำสั่ง จะต้องกระบวนการต่างๆ โดยศาลจะมีหมายส่งไปยังเจ้าของที่ดิน ที่มีชื่อในกรรมสิทธิ์(โฉนด)ดังกล่าว เพื่อให้มาแสดงตนในการ “คัดค้าน”และศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ที่ครองครองกล่าวอ้างการครอบครองปรปักษ์ดำเนินการเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินพิพาท และนำหลักฐานอื่นๆมาแสดงเช่น พยานบุคคล,ภาพถ่ายที่ดินที่ได้ครอบครอง,แผนที่ที่ดิน ฯลฯ เพื่อประกอบการพิจารณาในศาลด้วย
ในกรณีไม่มีผู้คัดค้านหรือเจ้าของที่ดินมาแสดงตน ศาลอาจจะมีคำสั่งให้บุคคลผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ และผู้ครอบครองนั้นจะต้องนำคำสั่งศาลไปติดต่อกรมที่ดินหรือสำนักงานที่ดินจังหวัด เพื่อขอเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวได้
ข้อที่ 5 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามหลักกฎหมายโดยทางมรดก
ที่ดินมรดกนั้นจะต้องเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์หรือมีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ ตัวอย่างเช่น โฉนดที่ดินและถ้าเป็นที่มรดก เช่น นส.3 , สค.1 ก็ถือว่าเป็นที่ดินมือเปล่าหรือมีเพียงสิทธิครอบครอง การได้ที่ดินโดยมรดกนี้จะต้องมีการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้

#image_title

ที่ดินของเราเป็นที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้า-ออก เราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

ที่ดินของเราเป็นที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้า-ออก เราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

ที่ดินของเราเป็นที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้า-ออก เราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?
โดย ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์(ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
ที่ดินตาบอด หรือ ที่ดินที่ไม่มีทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ เรามีวิธีการแก้ไขตาม กฎหมายซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ได้ 2 วิธี ดังนี้
1.ภาระจำยอม และ 2.ทางจำเป็น
1.ภาระจำยอม
ตามกฎหมายการได้มาซึ่งสิทธิของ “ภาระจำยอม” นั้น มี 2 ทาง คือ
1. การได้มาโดยผลทางกฎหมายหรือการได้มาโดยอายุความ เช่น ที่ดินของเราไม่มีทางเข้าออกเป็นที่ดินตาบอด แต่เราได้มีเจตนาในการขับรถผ่านที่ดินหรือใช้ทางผ่านที่ดินของ นาย ก. ไปไหนมาไหน โดยสงบและอย่างเปิดเผย ใครๆ ก็รู้ว่า เราได้ใช้ถนนหรือที่ดินของนาย ก. เป็นเส้นทางในการเข้าออกเป็นประจำ เป็นเวลา 10 ปี เช่นนี้แล้ว เราย่อมได้สิทธิตามกฎหมายตาม “ภาระจำยอม” เหนือที่ดินของของนาย ก. ทันที
2. การได้มาโดยผลทางนิติกรรม ตัวอย่าง เช่น นาย ฮ.มีที่ดินอยู่ทั้งหมด 2 แปลง และนาย ฮ.ได้ขายที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่ เรา โดยมีข้อตกลงว่า เราสามารถใช้ทางบนที่ดินของนาย ฮ. อีกแปลงหนึ่งเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ เช่นนี้แล้ว เรา ย่อมได้สิทธิ “ภาระจำยอม” เหนือที่ดินของนาย ฮ.
ที่สำคัญการได้มาซึ่ง ภาระจำยอม โดยผลทางนิติกรรม จำเป็นต้องทำหนังสือสัญญาและต้องไปจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าสัญญาไม่สมบูรณ์

2.ทางจำเป็น
หากของเรา เป็นที่ดินตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินของผู้อื่น ไม่มีทางเข้าออกไปถนนสาธารณะ เรามีสิทธิขอเปิด “ทางจำเป็น” กับเจ้าของที่ดินที่ปิดล้อมที่ดินของเราได้
การใช้สิทธิตามกฎหมายของ “ทางจำเป็น” เราไม่จำเป็นจะต้องทำเป็นหนังสือ หรือจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เหมือนกับ “ภาระจำยอม” เพราะ “ทางจำเป็น” เป็นสิทธิตามกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว เราซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินตาบอดสามารถขอใช้สิทธินั้นได้ เพียงแค่ต้องใช้ด้วยความสุจริต และเคารพต่อเจ้าของที่ดินที่เราไปขอที่ดินของเขา

การขอ “ ทางจำเป็น ” หรือการขอทำถนนหรือทางออก ก็ต้องใช้หลักพอสมควรแก่ความจำเป็น และจะต้องส่งผลกระทบต่อที่ดินที่ยอมให้ใช้ “ทางจำเป็น” ให้น้อยที่สุด โดยถือหลักว่า เราต้องเลือกทำถนนหรือทำทางออกที่ใกล้ถนนสาธารณะมากที่สุด และการใช้ “ทางจำเป็น” นั้น ที่สำคัญก็คือ เราหรือผู้ใช้ จะต้องจ่ายค่าทดแทน ให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ที่ให้เราใช้ “ ทางจำเป็น” ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงกันเอง ว่าจะจ่ายกันราคาเท่าไรกี่บาท

#image_title

ลักษณะทางเศรษฐกิจของปากีสถาน

ลักษณะทางเศรษฐกิจของปากีสถาน

ที่ราบลุ่มซินด์ (Sindh) เป็นหนึ่งในภูมิภาคสำคัญทางตอนใต้ของประเทศปากีสถาน มีความสำคัญทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และเศรษฐกิจ ที่ราบลุ่มนี้ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสินธุ (Indus River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในปากีสถาน และทะเลอาหรับทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีการเกษตรกรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะการปลูกข้าว ฝ้าย และพืชผลอื่นๆ ที่ช่วยเที่ยวปากีสถานราคาถูกสนับสนุนเศรษฐกิจของปากีสถาน

 

ภูมิศาสตร์และการตั้งอยู่ของที่ราบลุ่มซินด์
ที่ราบลุ่มซินด์ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดซินด์ในปากีสถาน มีการขยายตัวตามแนวชายฝั่งทะเลอาหรับทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และลากยาวไปจนถึงพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ตลอดจนถึงบริเวณปากแม่น้ำสินธุ ที่ราบลุ่มซินด์เป็นพื้นที่ที่มีการทำนาและเพาะปลูกที่สำคัญในการเที่ยวปากีสถานราคาถูก เนื่องจากดินในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และได้รับการชลประทานจากแม่น้ำสินธุ

ลักษณะทางเศรษฐกิจ
ที่ราบลุ่มซินด์ถือเป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของปากีสถาน โดยเฉพาะการปลูกข้าวและฝ้าย พื้นที่นี้มีการทำนาโดยใช้ระบบชลประทานจากแม่น้ำสินธุ ซึ่งช่วยให้การเกษตรในพื้นที่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์และผลิตอาหารในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการทำการประมงในแม่น้ำสินธุและทะเลอาหรับในการเที่ยวปากีสถานราคาถูก

การผลิตฝ้ายในซินด์มีความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากฝ้ายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอของปากีสถาน ที่ราบลุ่มซินด์ยังเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลและข้าวโพด ซึ่งทำให้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในประเทศวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

ที่ราบลุ่มซินด์มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมายาวนาน โดยเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมอินดัส (Indus Valley Civilization) ซึ่งเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่สำคัญที่สุดในโลก มีเมืองโบราณที่ชื่อว่า มหินโจดาโร (Mohenjo-Daro) ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ได้รับการขุดค้นและศึกษาโดยนักโบราณคดี เมืองนี้มีการวางผังเมืองอย่างมีระเบียบและระบบการระบายน้ำที่ซับซ้อน ถือเป็นหลักฐานสำคัญของอารยธรรมที่มีความเจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น

วัฒนธรรมของที่ราบลุ่มซินด์มีความหลากหลาย
ทั้งในด้านภาษา ศาสนา และประเพณี ชาวซินด์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังมีรากฐานทางศาสนาฮินดูที่มีอิทธิพลอยู่ในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมที่มีอยู่ในพื้นที่นี้เที่ยวปากีสถานราคาถูก

ปัญหาและความท้าทาย
แม้ว่าที่ราบลุ่มซินด์จะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ยังเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น การขาดแคลนน้ำในการชลประทาน เนื่องจากการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างไม่ยั่งยืนจากแม่น้ำสินธุ ปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูมรสุมที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อการเกษตรและการตั้งถิ่นฐานของประชากรในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น ความยากจน การว่างงาน และความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายทรัพยากรในจังหวัดซินด์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชากรในพื้นที่ล

สรุป
ที่ราบลุ่มซินด์เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ที่ราบนี้เป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของปากีสถาน และเป็นที่ตั้งของอารยธรรมอินดัสที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต อย่างไรก็ตาม ที่ราบลุ่มซินด์ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาทรัพยากรน้ำและความไม่สมดุลในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งต้องการการจัดการที่ดีและยั่งยืนเพื่อให้ภูมิภาคนี้ในการเที่ยวปากีสถานราคาถูกสามารถเติบโตและพัฒนาในอนาคตได้อย่างมั่นคง.

หากคุณกำลังมองหาจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนในฤดูหนาว ปากีสถานอาจเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม แต่ละสถานที่เหล่านี้มีความงดงามและความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้การเดินทางไปยังที่เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ หากท่านผู้อ่านอยากเที่ยวปากีสถานราคาถูก 164

 

ทัวร์ปากีสถาน จัดนำเที่ยวปากีสถาน

ราคาถูก ปากีสถานเป็นประเทศที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลาย ธรรมชาติที่งดงาม หลากหลายทางภูมิศาสตร์ เทือกเขาที่สูงตระหง่าน ไปจนถึงหุบเขาและทะเลทราย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เราเชื่อว่าการเดินทางไม่ใช่แค่การเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำให้คุณเติบโต เปิดมุมมองใหม่ๆ และทำให้ชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้

124 เบอร์โทรติดต่อ : 089 8072382
Facebook : Dream Destination Tour and Travel
Email.com : dreamdestination218@gmail.com

การเลือกซื้อรถป๊อปไฟฟ้าในปัจจุบัน

การเลือกซื้อรถป๊อปไฟฟ้าในปัจจุบัน

ความประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย
รถสามล้อไฟฟ้ามีข้อดีในด้านความประหยัดพลังงาน เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊ส เนื่องจากพลังงานไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าและสามารถชาร์จได้จากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย เช่น การชาร์จที่บ้านหรือที่สถานีชาร์จไฟฟ้าในที่สาธารณะ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก

การดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
รถสามล้อไฟฟ้ามีโครงสร้างที่ง่ายและไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งทำให้การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้งานกับน้ำมันหรือน้ำมันเครื่อง ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษา

สิ่งแวดล้อม
รถป๊อปไฟฟ้าไม่ปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เหมือนกับรถที่ใช้น้ำมันหรือแก๊ส ซึ่งทำให้ลดการปล่อยมลพิษและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดมลพิษเสียง ทำให้เมืองมีความเงียบสงบขึ้น

ประสิทธิภาพในการขับขี่
สามล้อไฟฟ้าสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีแรงบิดทันทีที่เร่งเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นหรือการขับขี่ในระยะสั้นในการรับเทิร์นรถไฟฟ้า

ความปลอดภัย
รถป๊อปไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น ระบบเบรก ABS ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบการป้องกันการชน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการควบคุมเสถียรภาพการขับขี่และการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่

ขนาดและความสะดวกในการจอด
รถป๊อปไฟฟ้ามักมีขนาดที่เล็กและคล่องตัว จึงเหมาะสมกับการขับขี่ในเมืองใหญ่หรือการใช้งานในพื้นที่แคบๆ เช่น การหาที่จอดรถ เนื่องจากสามารถจอดได้ง่ายและไม่ต้องใช้พื้นที่มากเหมือนกับรถยนต์ขนาดใหญ่

ระยะทางที่สามารถขับได้
การเลือกซื้อรถป๊อปไฟฟ้าควรพิจารณาถึงระยะทางที่รถสามารถขับขี่ได้หลังจากการชาร์จหนึ่งครั้ง ส่วนใหญ่รถป๊อปไฟฟ้าจะมีระยะทางการขับขี่ที่พอเหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง แต่หากต้องการใช้งานในระยะทางไกลๆ ก็ต้องเลือกที่มีระยะทางในการขับขี่ที่ยาวขึ้น

ราคาของรถและความคุ้มค่า
ราคาของรถสามล้อไฟฟ้าจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่นที่เลือก ในบางรุ่นราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทอื่นๆ แต่เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและพลังงาน รถป๊อปไฟฟ้ามักจะมีความคุ้มค่าในระยะยาว

การสนับสนุนจากรัฐ
หลายประเทศและองค์กรท้องถิ่นสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า โดยมีการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษี หรือการสนับสนุนการติดตั้งสถานีชาร์จ ทำให้การซื้อรถป๊อปไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากขึ้น

เทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งาน
รถป๊อปไฟฟ้าในปัจจุบันมักมาพร้อมกับฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบนำทาง, การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือ, ระบบความบันเทิงในรถ รวมทั้งฟังก์ชันการช่วยเหลือในการขับขี่ เช่น ระบบเตือนการชนหรือระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

สรุป
การเลือกซื้อรถป๊อปไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการขับขี่, ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น การประหยัดพลังงาน, ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา, ความปลอดภัย และราคาของรถ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการรับเทิร์นรถไฟฟ้า.

 

รถสามล้อไฟฟ้า UPOP

รถสามล้อไฟฟ้า ใช้ได้ทั้งผู้สูงอายุและใช้งานทั่วไป มีหลายรูปแบบให้เลือก รถสามล้อไฟฟ้านำเข้าหลายแบบ หลายขนาด รับประกันคุณภาพ ส่งถึงบ้าน พร้อมสอนการใช้งานรับเทิร์นรถไฟฟ้า
ข้อมูลการติดต่อ

LINE ID : 0993407776
เบอร์โทรศัพท์ : 099-340-7776

ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

Free A serene and spacious modern living room interior with elegant decor. Stock Photo

ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย โปร่งโล่ง และใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ทำให้บ้านดูสบายตาและเป็นระเบียบเรียบร้อย หากคุณกำลังมองหาไอเดียในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท บทความนี้มีคำตอบให้คุณ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสไตล์มินิมอล

สไตล์มินิมอลเน้นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ การตกแต่งที่ไม่ซับซ้อน พร้อมกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและทันสมัย มักจะใช้โทนสีขาว ครีม หรือสีธรรมชาติเป็นหลัก พร้อมกับการตกแต่งที่มีเส้นสายที่เรียบง่ายและไม่ยุ่งเหยิง เพื่อให้เกิดความรู้สึกสงบและโล่งโปร่ง

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้ของน้อยมาก แต่คือการเลือกใช้สิ่งของที่มีความจำเป็นและมีความหมายจริง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่ไม่ยุ่งยากและไม่ฟุ่มเฟือย

วิธีตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบ 300,000 บาท

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน

  • เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีหลายฟังก์ชัน เช่น โซฟาเบด หรือโต๊ะทำงานที่สามารถพับเก็บได้
  • เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายเรียบง่าย: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงเรียบง่าย สีพื้น และวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • เฟอร์นิเจอร์ไม้: เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เข้ากับสไตล์มินิมอลได้เป็นอย่างดี

เลือกสีที่เป็นกลาง

  • สีขาว: สีขาวช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างขวางขึ้น
  • สีเทา: สีเทาให้ความรู้สึกสงบและทันสมัย
  • สีครีม: สีครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง

Free Interior of modern hotel room with bed next to bedside table under lamp hanging from ceiling Stock Photo

ตกแต่งผนัง

  • ทาสีผนัง: เลือกสีทาผนังที่เป็นกลาง เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีม
  • ติดวอลเปเปอร์ลายเรียบ: วอลเปเปอร์ลายเรียบจะช่วยเพิ่มมิติให้กับผนัง
  • ติดภาพศิลปะ: เลือกภาพศิลปะที่มีสีสันเรียบง่ายและเข้ากับสไตล์มินิมอล

เลือกใช้แสงสว่าง

  • แสงธรรมชาติ: ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติให้มากที่สุด
  • ไฟซ่อน: ไฟซ่อนช่วยให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
  • โคมไฟ: เลือกโคมไฟที่มีดีไซน์เรียบง่าย

เพิ่มพื้นผิวที่แตกต่าง

  • พื้นไม้: พื้นไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
  • พื้นกระเบื้อง: พื้นกระเบื้องทำความสะอาดง่ายและดูทันสมัย
  • พื้นอีพ็อกซี่: พื้นอีพ็อกซี่มีความมันวาวสูง ทำให้ห้องดูทันสมัยและดูแลรักษาง่าย

 

สรุป

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท เป็นไปได้อย่างแน่นอน เพียงแค่คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน เลือกสีที่เป็นกลาง ตกแต่งผนังให้เรียบง่าย และเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกใช้พื้นอีพ็อกซี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทนทานและทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด  โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่

ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่

คำถาม
ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด
โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก
ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่
โดย…ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
คำตอบ คือ ไม่สามารถทำได้ อ้างอิง ตาม
คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๑/๒๕๖๐

โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจําเลยต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงเป็นนิติกรรม การขายฝากที่ดินพิพาทที่ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๕๖ ประกอบมาตรา ๔๙๑ กรณีจึงเป็นนิติกรรมที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสาร มาแสดง ซึ่งการรับฟังพยานหลักฐานตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔ (ข) บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟัง พยานบุคคลในกรณีขอสืบพยานบุคคลแทนเอกสารหรือสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างว่ายังมี ข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก เมื่อปรากฏว่า
หนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุราคาขายฝากและสินไถ่ไว้จํานวน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และ ผู้ขายฝากได้รับเงินจากผู้รับซื้อฝากเป็นการเสร็จแล้ว โจทก์จะนําพยานบุคคลมาสืบเพื่อ เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารว่า ราคาขายฝากที่แท้จริงมีเพียง ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับเงินตามสัญญาขายฝากไม่เต็มจํานวนไม่ได้ เพราะเป็นการนําสืบเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตามบทบัญญัติของมาตรา ๙๔ (ข) จึงต้องรับฟังตามหนังสือ สัญญาขายฝากที่ดินว่า โจทก์จําเลยตกลงขายฝากที่ดินพิพาทในราคาขายฝากและกําหนดสินไถ่ไว้ เป็นเงิน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท แม้โจทก์จะนําเงินสินไถ่ไปวางต่อสํานักงานวางทรัพย์เพื่อเป็นค่าไถ่ ที่ดินพิพาทที่ขายฝากในราคา ๒,๐๓๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่ครบตามจํานวนสินไถ่ที่กําหนดไว้ตาม สัญญา ถือเป็นการขอปฏิบัติการชําระหนี้ไม่ถูกต้อง จําเลยย่อมมีสิทธิบอกปัดไม่รับเงินสินไถ่ ดังกล่าวได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จําเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทที่ขายฝากคืน ให้แก่โจทก์

#image_title

อบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัยอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ

อบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัยอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ

การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัย: ขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถือเป็นเสาหลักในการรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรและสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล หรือโรงงานอุตสาหกรรม การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีความพร้อมและทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหัวข้อสำคัญในการอบรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่

ความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นการเสริมทักษะในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความมั่นใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การอบรมจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเองมากขึ้น รวมถึงสามารถจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อสำคัญในการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การป้องกันและระงับเหตุการณ์อาชญากรรม
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรม เช่น การสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัย, การตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก, และการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมต่าง ๆ โดยการตรวจสอบและเฝ้าระวังสถานที่อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จะสามารถป้องกันการโจรกรรม หรือเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทได้

การสังเกตพฤติกรรม: เจ้าหน้าที่ต้องเรียนรู้วิธีการสังเกตและระบุพฤติกรรมที่น่าสงสัยจากบุคคลที่เข้ามาในสถานที่ เช่น การเดินเข้ามาในเวลาที่ไม่ปกติ หรือการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่ห้ามเข้า
การรายงานเหตุการณ์: การเรียนรู้วิธีการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพไปยังผู้บังคับบัญชา รวมถึงการประสานงานกับตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การป้องกันอัคคีภัยและการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง
เหตุการณ์ไฟไหม้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้เครื่องมือดับเพลิงและปฏิบัติการระงับอัคคีภัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งจำเป็น เจ้าหน้าที่จะต้องได้รับการฝึกฝนในการใช้ถังดับเพลิง, สายยางดับเพลิง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งไฟในเบื้องต้นก่อนที่สถานการณ์จะลุกลาม

การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง: เจ้าหน้าที่ต้องรู้จักวิธีการใช้งานเครื่องดับเพลิงประเภทต่าง ๆ และการเลือกใช้อุปกรณ์ดับเพลิงให้ถูกต้องตามประเภทของไฟ (ไฟจากไฟฟ้า, น้ำมัน, หรือวัสดุธรรมชาติ)
การฝึกซ้อมการอพยพ: เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกอบรมในการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็วและมีระเบียบ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของผู้ที่อาจมีปัญหาสุขภาพหรือมีความบกพร่องในการเคลื่อนไหวในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร

การจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การอบรมการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ, การโจมตี, หรือภัยพิบัติธรรมชาติ (เช่น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม) เป็นการเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกซ้อมฉุกเฉิน: การฝึกซ้อมอพยพในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น การจัดการผู้บาดเจ็บ, การพาผู้คนออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
การปฐมพยาบาล: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เช่น การห้ามเลือด, การทำ CPR, และการให้การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บ

การให้บริการและการดูแลลูกค้า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังต้องทำหน้าที่ในการดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างมีมารยาท เช่น การช่วยแนะนำทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ, การดูแลลูกค้าในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน, และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยต่าง ๆ

การสื่อสารกับผู้ใช้บริการ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่รู้วิธีการสื่อสารที่ชัดเจนและสุภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องรู้
การจัดการสถานการณ์ที่มีความเครียด: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดได้ดี เช่น การจัดการกับลูกค้าที่ไม่พอใจหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดความวิตกกังวล

การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะในการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV), ระบบคีย์การ์ด, และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้กล้องวงจรปิด (CCTV): เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกฝนในการดูแลและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงการบันทึกข้อมูลที่สำคัญและการใช้ระบบการตรวจสอบ
การใช้งานเครื่องตรวจจับ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการใช้เครื่องมือสแกนตรวจหาวัตถุต้องสงสัย เช่น การตรวจค้นกระเป๋าหรือสัมภาระของบุคคล

ผลลัพธ์จากการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีผลลัพธ์ที่สำคัญหลายประการ ได้แก่

การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมจะสามารถปฏิบัติงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ทักษะและความรู้ที่ได้รับในการดูแลความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ
การเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ใช้บริการ: การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการอบรมอย่างดีช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ที่มาใช้บริการว่าได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ
การลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด: การเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
สรุป
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความพร้อมและความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยการอบรมไม่เพียงแต่เน้นที่การป้องกันและการปฏิบัติในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การให้บริการที่ดีและการใช้งานเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลและรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความมั่นใจสูงสุดบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร