by drsuthichai | Jun 7, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537
จำเลยซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ความจริงที่ดินมิได้อยู่ติดถนนสาธารณะ ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะ
โมฆะ หมายความว่า เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมายหรือ นิติกรรมที่มีผลสูญเปล่าเสมือนหนึ่งว่าคู่สัญญา
ไม่เคยได้ทำนิติกรรมใดๆต่อกันเลย
โมฆียะ หมายความว่า อาจเป็นโมฆะได้เมื่อมีการบอกล้าง หรือมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการให้สัตยาบัน
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

by drsuthichai | Jun 7, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2542จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท จำเลยทั้งสามไม่ได้นำพาที่จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเกือบ 10 ปี ก็ไม่ได้ทำให้สัญญาสิทธิอาศัย ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เสียไปจนไม่สามารถใช้บังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ สิทธิของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในห้องชุดพิพาทตามสิทธิอาศัยดังกล่าวมีอยู่ก่อนหนี้ค่าภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระโจทก์ การที่จำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามสมคบกัน กระทำการโดยไม่สุจริตโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวได้โจทก์ฎีกาว่า สัญญาสิทธิอาศัยเป็นนิติกรรมอำพรางการซื้อขายห้องชุดพิพาทเป็นการแสดงเจตนาลวง เพราะจำเลยไม่ต้องผูกพันตามสัญญาสิทธิอาศัย จึงตกเป็นโมฆะ ปัญหาฎีกา ดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

by drsuthichai | Jun 7, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้วทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com
สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่
หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้ว
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
by drsuthichai | Jun 6, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2519
เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ถ้าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีเดิม จะนำคดีเรื่องเดียวกันที่ศาลชี้ขาดแล้วมาฟ้องขอให้ศาลบังคับเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างเหตุว่าจำเลยขัดขวาง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีเดิม ซึ่งยังมีผลบังคับได้อยู่ ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง ส่วนการที่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันเองนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความอีกนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดข้อตกลงตามสัญญาที่ทำกันเอง เรื่องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ศาลย่อมวินิจฉัยให้ในคดีหลังเฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ทำกันเองหรือไม่ และจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เท่านั้น
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

by drsuthichai | Jun 5, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
ซื้อขายที่ดินมีจำนวนน้อยกว่าที่ระบุในโฉนดคำพิพากษาฎีกาที่ 3202/2562″จำเลยทั้งสองทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับโจทก์ทั้งที่รู้แล้วว่าที่ดินอาจมีจำนวนน้อยกว่าที่ระบุในโฉนด ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญสำหรับผู้ที่จะเข้าทำนิติกรรมใดๆเกี่ยวกับที่ดิน แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยมิได้แจ้งเรื่องจำนวนเนื้อที่ของที่ดินลดลงให้โจทก์ทราบก่อนเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายมิใช่เป็นการใช้สิทธิแห่งตนโดยสุจริตตามป.พ.พ. มาตรา 5 จำเลยทั้งสองย่อมไม่อาจถือเอาประโยชน์จากสัญญาขายที่ดินในลักษณะเหมาเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบต่อโจทก์สำหรับจำนวนที่ดินที่ขาดหายไปซึ่งตนทราบอยู่ก่อนแล้วหาได้ไม่กรณีต้องปรับบทกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 466 เมื่อจำนวนที่ดินขาดเกินกว่าร้อยละ 5 โจทก์(ผู้ซื้อ) มีสิทธิเลือกรับไว้และใช้ราคาตามส่วนได้ตามมาตรา 466 วรรคหนึ่ง ส่วนที่ดินอีกโฉนดหนึ่งขาดจำนวนไม่เกินร้อยละ 5 โจทก์(ผู้ซื้อ) มีหน้าที่รับไว้แล้วใช้ราคาตามส่วนตามมาตรา 466 วรรคสอง และเงินค่าที่ดินที่จำเลยทั้งสองรับไว้เกินกว่าสิทธิที่พึงได้รับเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนแก่โจทก์“ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
