ขาดอายุความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2519โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน สัญญากู้ข้อ 3 กำหนดให้ใช้ต้นเงินคืนวันที่ 4 มิถุนายน 2508 สัญญาข้อ 4 กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกเดือน และในสัญญาข้อ 6 มีความว่า “แม้ว่าข้าพเจ้า (จำเลย) ประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ยอมให้ท่าน (โจทก์) ฟ้องร้องเรียก6 นี้ ถ้าจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด นับแต่วันนั้นโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องต้นเงินคืนได้แล้ว ไม่จำต้องรอจนครบกำหนดวันใช้ต้นเงินคืนตามสัญญาข้อ 3 จำเลยผิดนัดไม่นำดอกเบี้ยมาชำระให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2507 โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยในวันที่ 9 กันยายน 2517 จึงเกิน 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

ขาดอายุความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2519โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน สัญญากู้ข้อ 3 กำหนดให้ใช้ต้นเงินคืนวันที่ 4 มิถุนายน 2508 สัญญาข้อ 4 กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกเดือน และในสัญญาข้อ 6 มีความว่า “แม้ว่าข้าพเจ้า (จำเลย) ประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ยอมให้ท่าน (โจทก์) ฟ้องร้องเรียก6 นี้ ถ้าจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด นับแต่วันนั้นโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องต้นเงินคืนได้แล้ว ไม่จำต้องรอจนครบกำหนดวันใช้ต้นเงินคืนตามสัญญาข้อ 3 จำเลยผิดนัดไม่นำดอกเบี้ยมาชำระให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2507 โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยในวันที่ 9 กันยายน 2517 จึงเกิน 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2519
โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน สัญญากู้ข้อ 3 กำหนดให้ใช้ต้นเงินคืนวันที่ 4 มิถุนายน 2508 สัญญาข้อ 4 กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกเดือน และในสัญญาข้อ 6 มีความว่า “แม้ว่าข้าพเจ้า (จำเลย) ประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ยอมให้ท่าน (โจทก์) ฟ้องร้องเรียก6 นี้ ถ้าจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด นับแต่วันนั้นโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องต้นเงินคืนได้แล้ว ไม่จำต้องรอจนครบกำหนดวันใช้ต้นเงินคืนตามสัญญาข้อ 3 จำเลยผิดนัดไม่นำดอกเบี้ยมาชำระให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2507 โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยในวันที่ 9 กันยายน 2517 จึงเกิน 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537จำเลยซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ความจริงที่ดินมิได้อยู่ติดถนนสาธารณะ ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะโมฆะ หมายความว่า เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมายหรือ นิติกรรมที่มีผลสูญเปล่าเสมือนหนึ่งว่าคู่สัญญาไม่เคยได้ทำนิติกรรมใดๆต่อกันเลยโมฆียะ หมายความว่า อาจเป็นโมฆะได้เมื่อมีการบอกล้าง หรือมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการให้สัตยาบันทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537จำเลยซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ความจริงที่ดินมิได้อยู่ติดถนนสาธารณะ ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะโมฆะ หมายความว่า เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมายหรือ นิติกรรมที่มีผลสูญเปล่าเสมือนหนึ่งว่าคู่สัญญาไม่เคยได้ทำนิติกรรมใดๆต่อกันเลยโมฆียะ หมายความว่า อาจเป็นโมฆะได้เมื่อมีการบอกล้าง หรือมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการให้สัตยาบันทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537
จำเลยซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ความจริงที่ดินมิได้อยู่ติดถนนสาธารณะ ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะ

โมฆะ หมายความว่า เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมายหรือ นิติกรรมที่มีผลสูญเปล่าเสมือนหนึ่งว่าคู่สัญญา
ไม่เคยได้ทำนิติกรรมใดๆต่อกันเลย
โมฆียะ หมายความว่า อาจเป็นโมฆะได้เมื่อมีการบอกล้าง หรือมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการให้สัตยาบัน

ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2542จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท จำเลยทั้งสามไม่ได้นำพาที่จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเกือบ 10 ปี ก็ไม่ได้ทำให้สัญญาสิทธิอาศัย ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เสียไปจนไม่สามารถใช้บังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ สิทธิของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในห้องชุดพิพาทตามสิทธิอาศัยดังกล่าวมีอยู่ก่อนหนี้ค่าภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระโจทก์ การที่จำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามสมคบกัน กระทำการโดยไม่สุจริตโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวได้โจทก์ฎีกาว่า สัญญาสิทธิอาศัยเป็นนิติกรรมอำพรางการซื้อขายห้องชุดพิพาทเป็นการแสดงเจตนาลวง เพราะจำเลยไม่ต้องผูกพันตามสัญญาสิทธิอาศัย จึงตกเป็นโมฆะ ปัญหาฎีกา ดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2542จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท จำเลยทั้งสามไม่ได้นำพาที่จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเกือบ 10 ปี ก็ไม่ได้ทำให้สัญญาสิทธิอาศัย ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เสียไปจนไม่สามารถใช้บังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ สิทธิของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในห้องชุดพิพาทตามสิทธิอาศัยดังกล่าวมีอยู่ก่อนหนี้ค่าภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระโจทก์ การที่จำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามสมคบกัน กระทำการโดยไม่สุจริตโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวได้โจทก์ฎีกาว่า สัญญาสิทธิอาศัยเป็นนิติกรรมอำพรางการซื้อขายห้องชุดพิพาทเป็นการแสดงเจตนาลวง เพราะจำเลยไม่ต้องผูกพันตามสัญญาสิทธิอาศัย จึงตกเป็นโมฆะ ปัญหาฎีกา ดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2542จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท จำเลยทั้งสามไม่ได้นำพาที่จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิอาศัยห้องชุดพิพาท โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเกือบ 10 ปี ก็ไม่ได้ทำให้สัญญาสิทธิอาศัย ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เสียไปจนไม่สามารถใช้บังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ สิทธิของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในห้องชุดพิพาทตามสิทธิอาศัยดังกล่าวมีอยู่ก่อนหนี้ค่าภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระโจทก์ การที่จำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามสมคบกัน กระทำการโดยไม่สุจริตโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวได้โจทก์ฎีกาว่า สัญญาสิทธิอาศัยเป็นนิติกรรมอำพรางการซื้อขายห้องชุดพิพาทเป็นการแสดงเจตนาลวง เพราะจำเลยไม่ต้องผูกพันตามสัญญาสิทธิอาศัย จึงตกเป็นโมฆะ ปัญหาฎีกา ดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้วทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้วทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้วทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์www.drsuthichai.com

สัญญาประนีประนอมนอกศาลกับในศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้ไม่
หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้ว
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2519เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ถ้าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีเดิม จะนำคดีเรื่องเดียวกันที่ศาลชี้ขาดแล้วมาฟ้องขอให้ศาลบังคับเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างเหตุว่าจำเลยขัดขวาง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีเดิม ซึ่งยังมีผลบังคับได้อยู่ ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง ส่วนการที่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันเองนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความอีกนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดข้อตกลงตามสัญญาที่ทำกันเอง เรื่องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ศาลย่อมวินิจฉัยให้ในคดีหลังเฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ทำกันเองหรือไม่ และจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เท่านั้นทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2519เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ถ้าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีเดิม จะนำคดีเรื่องเดียวกันที่ศาลชี้ขาดแล้วมาฟ้องขอให้ศาลบังคับเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างเหตุว่าจำเลยขัดขวาง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีเดิม ซึ่งยังมีผลบังคับได้อยู่ ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง ส่วนการที่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันเองนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความอีกนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดข้อตกลงตามสัญญาที่ทำกันเอง เรื่องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ศาลย่อมวินิจฉัยให้ในคดีหลังเฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ทำกันเองหรือไม่ และจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เท่านั้นทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2519
เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ถ้าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีเดิม จะนำคดีเรื่องเดียวกันที่ศาลชี้ขาดแล้วมาฟ้องขอให้ศาลบังคับเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างเหตุว่าจำเลยขัดขวาง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีเดิม ซึ่งยังมีผลบังคับได้อยู่ ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง ส่วนการที่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันเองนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความอีกนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดข้อตกลงตามสัญญาที่ทำกันเอง เรื่องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ศาลย่อมวินิจฉัยให้ในคดีหลังเฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ทำกันเองหรือไม่ และจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เท่านั้น

ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์