การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2567ผู้ร้องขอขายที่ดินซึ่งผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้เยาว์ เพื่อการศึกษาแก่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมมาร้องขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ก็เพื่อให้ศาลกำกับดูแลให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือก่อความเสียหายแก่ผู้เยาว์น้อยที่สุด เมื่อได้ความว่าการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งอนาคตของผู้เยาว์และได้รับราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้มีการขายได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าการทำนิติกรรมขายไม่ได้รับความยินยอมจาก จ. มารดาผู้เยาว์ เป็นการวินิจฉัยขัดกับข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ จ. ไม่ได้ดูแลผู้เยาว์และไม่อาจติดต่อได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษอ้างว่า ไม่มีเรื่องเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน ก็ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มาตรา 1574 กำหนดไว้ ส่วนที่อ้างว่ารอให้ผู้เยาว์ทั้งสองเจริญวัยจนบรรลุนิติภาวะตัดสินใจเอง ก็เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อเจตนารมณ์ที่มาตรา 1574 ให้ศาลกำกับดูแลการทำนิติกรรม ไม่ใช่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เยาว์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาลคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2567ผู้ร้องขอขายที่ดินซึ่งผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้เยาว์ เพื่อการศึกษาแก่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมมาร้องขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ก็เพื่อให้ศาลกำกับดูแลให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือก่อความเสียหายแก่ผู้เยาว์น้อยที่สุด เมื่อได้ความว่าการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งอนาคตของผู้เยาว์และได้รับราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้มีการขายได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าการทำนิติกรรมขายไม่ได้รับความยินยอมจาก จ. มารดาผู้เยาว์ เป็นการวินิจฉัยขัดกับข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ จ. ไม่ได้ดูแลผู้เยาว์และไม่อาจติดต่อได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษอ้างว่า ไม่มีเรื่องเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน ก็ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มาตรา 1574 กำหนดไว้ ส่วนที่อ้างว่ารอให้ผู้เยาว์ทั้งสองเจริญวัยจนบรรลุนิติภาวะตัดสินใจเอง ก็เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อเจตนารมณ์ที่มาตรา 1574 ให้ศาลกำกับดูแลการทำนิติกรรม ไม่ใช่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เยาว์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2567
ผู้ร้องขอขายที่ดินซึ่งผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้เยาว์ เพื่อการศึกษาแก่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมมาร้องขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ก็เพื่อให้ศาลกำกับดูแลให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือก่อความเสียหายแก่ผู้เยาว์น้อยที่สุด เมื่อได้ความว่าการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งอนาคตของผู้เยาว์และได้รับราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้มีการขายได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าการทำนิติกรรมขายไม่ได้รับความยินยอมจาก จ. มารดาผู้เยาว์ เป็นการวินิจฉัยขัดกับข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ จ. ไม่ได้ดูแลผู้เยาว์และไม่อาจติดต่อได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษอ้างว่า ไม่มีเรื่องเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน ก็ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มาตรา 1574 กำหนดไว้ ส่วนที่อ้างว่ารอให้ผู้เยาว์ทั้งสองเจริญวัยจนบรรลุนิติภาวะตัดสินใจเอง ก็เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อเจตนารมณ์ที่มาตรา 1574 ให้ศาลกำกับดูแลการทำนิติกรรม ไม่ใช่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เยาว์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

สัญญาประนีประนอมยอมความ

สัญญาประนีประนอมยอมความ

สัญญาประนีประนอมยอมความ คือ สัญญาที่ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาท

สัญญาเกิดขึ้นได้เพราะมีคน 2 ฝ่ายขึ้นไปร่วมทำสัญญากัน ไม่ว่าจะเป็นสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทำของ  สัญญาจ้างรับเหมาก่อสร้างต่อเติมบ้าน สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า ฯลฯ
สัญญาประนีประนอมยอมความ 2 ประเภท
สัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล คือการยอมผ่อนผันให้กันและทำสัญญากันขึ้นนอกศาล
ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามสัญญาประนีประนอมยอมความกัน อีกฝ่ายก็ต้องไปฟ้องศาลตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำขึ้นใหม่

สัญญาประนีประนอมยอมความในศาล คือการทำสัญญายอมหลังจากมีการฟ้องศาลไปแล้วและต่างฝ่ายต่างตกลงกันได้ ยอมลดราวาศอกให้อีกฝ่าย โดยมีการทำสัญญากันต่อหน้าศาล เมื่อทำสัญญาแล้วศาลจะพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ เรียกว่า “พิพากษาตามยอม”

ถ้าอีกฝ่ายไม่ทำตามสัญญาคู่ความก็สามารถบังคับคดีได้เลย ไม่ต้องไปฟ้องใหม่เพราะมีการฟ้องและศาลพิพากษาแล้ว ถ้าไปฟ้องอีกก็จะกลายเป็นฟ้องซ้ำ
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

จุดไฟให้ลุกในใจ

จุดไฟให้ลุกในใจ

จุดไฟให้ลุกในใจ เปลี่ยนวันที่แย่แย่ให้กลับมาสู้ใหม่

ในวันที่คนอื่นๆ หาเหตุผลร้อยแปดที่ต้องการ “ ยอมแพ้ ล้มเลิก ไม่ไปต่อ ”
แต่ คุณจงเป็นคนที่หาเหตุผลในการ “ สู้ต่อ ไม่หยุด เดินไปข้างหน้า ”

สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์โทนี่
www.drsuthichai.com

การสมรสซ้อน

การสมรสซ้อน

การสมรสซ้อน

ถาม นาย A มีคู่สมรสแล้ว แต่ได้หลอกนางสาว B ว่า

โสดยังไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบยนสมรส นางสาวB

หลงเชื่อว่า นายA เป็นโสดจริงๆ จึงยอมแต่งงานและจดทะเบียนสมรสด้วย

ดั้งนั้น การสมรสจะตกเป็นโมฆะหรือไม่

ตอบ ตกเป็นโมฆะ แม้ว่านางสาว B จะกระทำด้วยความสุจริตหรือไม่รู้ก็ตาม

ชายหรือหญิง หากว่ามีคู่สมรสแล้ว แล้วทำการสมรสซ้อน

ไม่ว่าจะกระทำโดยสุจริตหรือไม่ ย่อมตกเป็นโมฆะ

อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6924/2560

ป.พ.พ.มาตรา 1452 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการสมรสว่า ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้

ดังนั้น หากชายหรือหญิงทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ ไม่ว่าจะกระทำการโดยสุจริตหรือไม่ ย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น ตามป.พ.พ.มาตรา 1495

ทนายโทนี่

ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่ง

คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่ง

คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่งที่ถูกน้ำเซาะพังคําพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2546จำเลยปลูกบ้านในที่ดินพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ต่อมาที่ดินพิพาทใต้อาคารบ้านที่จำเลยปลูกสร้างถูกน้ำกัดเซาะเป็นเหตุให้ตลิ่งพังทลายลงสู่แม่น้ำ ที่ดินพิพาทกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งโดยที่จำเลยยังคงทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ตลอดมาซึ่งโจทก์ก็ยังคงสงวนสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เป็นค่าเช่าที่ดินพิพาทอยู่ มิได้ปล่อยทิ้งให้เป็นที่ชายตลิ่งที่ประชาชนทั่วไปจะเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ดังนั้น ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) เมื่อสัญญาเช่าที่ดินพิพาทสิ้นสุดลงและล่วงเลยเวลาที่โจทก์ผ่อนผันให้จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์อีกต่อไป โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์