หลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขายการซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะ ต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8755/2551จำเลยหลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขายให้โจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองสามารถโอนสิทธิและนำไปออกเอกสารสิทธิได้ เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมสัญญา การซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 และต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

หลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขายการซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะ ต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8755/2551จำเลยหลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขายให้โจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองสามารถโอนสิทธิและนำไปออกเอกสารสิทธิได้ เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมสัญญา การซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 และต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

หลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขาย
การซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะ ต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8755/2551

จำเลยหลอกลวงเอาที่ดินที่ตนไม่มีสิทธิมาหลอกขายให้โจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองสามารถโอนสิทธิและนำไปออกเอกสารสิทธิได้ เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมสัญญา การซื้อขายที่ดินจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 และต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

คนเราที่เกิดทุกข์ก็เพราะความคิดปรุงแต่งเรานำเอาความคิดปรุงแต่งนำหน้าจิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้อยู่ตลอดเวลาหากว่าเราสับเปลี่ยนโดยการนำเอาจิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้มานำหน้าความคิดปรุงแต่ง อยู่ด้านหลัง เราก็จะไม่เกิดทุกข์อีกทั้ง จิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้ก็จะรู้เท่าทันความคิดปรุงแต่ง

คนเราที่เกิดทุกข์ก็เพราะความคิดปรุงแต่งเรานำเอาความคิดปรุงแต่งนำหน้าจิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้อยู่ตลอดเวลาหากว่าเราสับเปลี่ยนโดยการนำเอาจิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้มานำหน้าความคิดปรุงแต่ง อยู่ด้านหลัง เราก็จะไม่เกิดทุกข์อีกทั้ง จิตดั้งเดิมหรือความจริงแท้ก็จะรู้เท่าทันความคิดปรุงแต่ง

จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิมของคนเรา ตอนเราเป็นทารกเหมือนกระดาษขาวแต่พอเราเริ่มโตขึ้น เราก็เอาสิ่งสมมุติมาปรุงแต่ง จนเป็นตัวกู ของกู เช่น พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของเรา รถบ้านที่ดินเงินทองของเราจนทำให้กระดาษขาว มันเปื้อนไปหมด จนเกิดความทุกข์ ความสุข ความโลภ ความหลงความโกรธ ความรัก ความสมหวัง ความผิดหวังหากเรามีปัญญา เรารู้ว่า จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิม เป็นกระดาษขาว เราก็จะไม่หลงในสิ่งสมมุติ เราก็จะอยู่เหนือสิ่งสมมุติ จิตเดิมแท้ก็จะไม่ปรุงแต่ง

จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิมของคนเรา ตอนเราเป็นทารกเหมือนกระดาษขาวแต่พอเราเริ่มโตขึ้น เราก็เอาสิ่งสมมุติมาปรุงแต่ง จนเป็นตัวกู ของกู เช่น พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของเรา รถบ้านที่ดินเงินทองของเราจนทำให้กระดาษขาว มันเปื้อนไปหมด จนเกิดความทุกข์ ความสุข ความโลภ ความหลงความโกรธ ความรัก ความสมหวัง ความผิดหวังหากเรามีปัญญา เรารู้ว่า จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิม เป็นกระดาษขาว เราก็จะไม่หลงในสิ่งสมมุติ เราก็จะอยู่เหนือสิ่งสมมุติ จิตเดิมแท้ก็จะไม่ปรุงแต่ง

จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิมของคนเรา ตอนเราเป็นทารกเหมือนกระดาษขาวแต่พอเราเริ่มโตขึ้น เราก็เอาสิ่งสมมุติมาปรุงแต่ง จนเป็นตัวกู ของกู เช่น พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของเรา รถบ้านที่ดินเงินทองของเราจนทำให้กระดาษขาว มันเปื้อนไปหมด จนเกิดความทุกข์ ความสุข ความโลภ ความหลงความโกรธ ความรัก ความสมหวัง ความผิดหวังหากเรามีปัญญา เรารู้ว่า จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิม เป็นกระดาษขาว เราก็จะไม่หลงในสิ่งสมมุติ เราก็จะอยู่เหนือสิ่งสมมุติ จิตเดิมแท้ก็จะไม่ปรุงแต่ง

คนคิดเก่ง คิดมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นทุกข์ จึงถือได้ว่าเป็นคนที่คิดไม่เป็นคิดเก่ง คิดมาก คิดเพราะมีกิเลสตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากประสบความสำเร็จ  อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียง เราจึงคิดความอยากจึงเป็นที่มาของความทุกข์ ตามหลัก อริยสัจ 4  ที่มาของทุกข์คือ “สมุทัย” ซึ่งหมายถึง สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์หลายคนคิดกังวล คิดสงสัย  คิดกลัว คิดลบ คิดจนเครียด นักคิดเก่ง นักคิดมาก หลายคนจึงคิดจนความเครียดลงกระเพาะ คิดจนเป็นไมเกรน คิดจนเป็นโรคซึมเศร้า จึงถือได้ว่า คนคิดเก่ง คิดมาก เหล่านี้เป็นคนคิดไม่เป็นเพจ : อิสระโดยธรรม

คนคิดเก่ง คิดมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นทุกข์ จึงถือได้ว่าเป็นคนที่คิดไม่เป็นคิดเก่ง คิดมาก คิดเพราะมีกิเลสตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากประสบความสำเร็จ อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียง เราจึงคิดความอยากจึงเป็นที่มาของความทุกข์ ตามหลัก อริยสัจ 4 ที่มาของทุกข์คือ “สมุทัย” ซึ่งหมายถึง สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์หลายคนคิดกังวล คิดสงสัย คิดกลัว คิดลบ คิดจนเครียด นักคิดเก่ง นักคิดมาก หลายคนจึงคิดจนความเครียดลงกระเพาะ คิดจนเป็นไมเกรน คิดจนเป็นโรคซึมเศร้า จึงถือได้ว่า คนคิดเก่ง คิดมาก เหล่านี้เป็นคนคิดไม่เป็นเพจ : อิสระโดยธรรม

คนคิดเก่ง คิดมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นทุกข์ จึงถือได้ว่าเป็นคนที่คิดไม่เป็น
คิดเก่ง คิดมาก คิดเพราะมีกิเลสตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากประสบความสำเร็จ  อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียง เราจึงคิด
ความอยากจึงเป็นที่มาของความทุกข์ ตามหลัก อริยสัจ 4  ที่มาของทุกข์คือ “สมุทัย” ซึ่งหมายถึง สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
หลายคนคิดกังวล คิดสงสัย  คิดกลัว คิดลบ คิดจนเครียด
นักคิดเก่ง นักคิดมาก หลายคนจึงคิดจนความเครียดลงกระเพาะ คิดจนเป็นไมเกรน คิดจนเป็นโรคซึมเศร้า จึงถือได้ว่า คนคิดเก่ง คิดมาก เหล่านี้เป็นคนคิดไม่เป็น
เพจ : อิสระโดยธรรม

ความคิดเปรียบเสมือนกับลิง(คิดทุกข์ คิดสุข คิดบวก คิดลบ ความคิดมาก คิดไม่หยุด  มีลักษณะไม่อยู่นิ่ง  คิดไปคิดมาอยู่ตลอดเวลา)สติเปรียบเสมือนเชือก (สติมีหน้าที่ดึงหรือตรึงความคิดไว้)ภาวนาเปรียบเสมือนหลัก(ภาวนามากๆ อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน อย่าให้ขาดสาย แล้วความคิดก็จะค่อยๆ คิดน้อยลงไปตามลำดับ..ลำดับ)เพจ อิสระโดยธรรม

ความคิดเปรียบเสมือนกับลิง(คิดทุกข์ คิดสุข คิดบวก คิดลบ ความคิดมาก คิดไม่หยุด มีลักษณะไม่อยู่นิ่ง คิดไปคิดมาอยู่ตลอดเวลา)สติเปรียบเสมือนเชือก (สติมีหน้าที่ดึงหรือตรึงความคิดไว้)ภาวนาเปรียบเสมือนหลัก(ภาวนามากๆ อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน อย่าให้ขาดสาย แล้วความคิดก็จะค่อยๆ คิดน้อยลงไปตามลำดับ..ลำดับ)เพจ อิสระโดยธรรม

ความคิดเปรียบเสมือนกับลิง(คิดทุกข์ คิดสุข คิดบวก คิดลบ ความคิดมาก คิดไม่หยุด  มีลักษณะไม่อยู่นิ่ง  คิดไปคิดมาอยู่ตลอดเวลา)
สติเปรียบเสมือนเชือก (สติมีหน้าที่ดึงหรือตรึงความคิดไว้)
ภาวนาเปรียบเสมือนหลัก(ภาวนามากๆ อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน อย่าให้ขาดสาย แล้วความคิดก็จะค่อยๆ คิดน้อยลงไปตามลำดับ..ลำดับ)
เพจ อิสระโดยธรรม