by drsuthichai | Jul 19, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
อุทิศที่ดินให้กับทางราชการหรือยินยอมให้ทางราชการเข้าไปดำเนินการเพื่อใช้ประโยชน์โดยมีเงื่อนไข เมื่อทางราชการมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขก็ต้องถือว่าที่ดินพิพาทยังไม่ตกเป็นของทางราชการและไม่ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เจ้าของเดิมสามารถฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2563
หนังสือแสดงความประสงค์เรื่อง การอุทิศที่ดินให้กับทางราชการหรือยินยอมให้ทางราชการเข้าไปดำเนินการเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทำขึ้นระหว่างโจทก์ทั้งสองในฐานะผู้บริจาคกับจำเลยในฐานะผู้รับบริจาค แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ทั้งสองและจำเลยในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ระบุไว้ในหนังสือแสดงความประสงค์ดังกล่าว เมื่อการยกให้ แก่จำเลยเป็นการยกให้โดยมีเงื่อนไข ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงจะตกเป็นของทางราชการและตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ต่อเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว จำเลยไม่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ภายในระยะเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือแสดงความประสงค์ ก็ต้องถือว่าที่ดินพิพาทยังไม่ตกเป็นของทางราชการและไม่ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงได้
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

by drsuthichai | Jul 19, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6166/2562
ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินไว้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการกู้ยืมเงิน
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ผู้ร้องสอดตกลงทำสัญญาซื้อขายต้นไม้กฤษณาจำนวน 900 ต้น ซึ่งจำเลยปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว และผู้ร้องสอดชำระค่าต้นไม้กฤษณาให้แก่จำเลยแล้วในวันทำสัญญา
ต่อมาโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดว่าต้นไม้กฤษณาดังกล่าวไม่เป็นทรัพย์สินที่โจทก์จะบังคับจำนองได้
#ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 145 วรรคแรก จะบัญญัติว่า “ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ปลูกหรือขึ้นอยู่” ก็ตาม
แต่หากเมื่อใดผู้ปลูกตัดไม้ยืนต้นออกไปจากที่ดินต้องถือว่านับตั้งแต่นั้นผู้ปลูกมีเจตนาจะให้ไม้ยืนต้นอยู่ติดกับที่ดินเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งอันมีจำกัดเป็นการชั่วคราว ไม้ยืนต้นที่ถูกตัดไปย่อมหมดสภาพการเป็นทรัพย์ส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 146
แม้จะได้ความตามว่าไม้กฤษณาที่ปลูกดังกล่าวเป็นต้นไม้มีอายุหลายปีโดยสภาพเป็นไม้ยืนต้นในที่ดินของจำเลยตั้งแต่ก่อนจำเลยจำนองที่ดินแก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
แต่เมื่อพิจารณาสัญญาซื้อขายต้นไม้กฤษณาระหว่างผู้ร้องสอดกับจำเลย อันมีสาระสำคัญแห่งข้อตกลงด้วยว่า ให้ผู้ร้องสอดผู้ซื้อตัดต้นไม้กฤษณาในที่ดินและนำออกจากที่ดินจำเลยมีกำหนดเวลา 4 ปี
ต้นไม้กฤษณาที่เกษตรกรปลูกโดยทั่วไปจะมีระยะตั้งแต่เวลาปลูกต้นกล้า จนฉีดสารเร่งและตัดได้ประมาณ 6-7 ปี เมื่อตัดต้นไม้กฤษณาออกไปจากลำต้น ต้นไม้กฤษณาสามารถแตกแขนงรอบๆโคนต้นได้ แต่ไม้กฤษณาเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีแก่น เมื่อโดนลมก็จะหักง่าย จึงไม่สามารถปล่อยให้กิ่งแตกแขนงขึ้นมาและใช้ประโยชน์ใดๆได้ เกษตรกรจึงใช้วิธีไถกลบและปลูกต้นกล้าใหม่เท่านั้น
พฤติการณ์แห่งคดีย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่า ต้นไม้กฤษณาที่จำเลยปลูกในที่ดินเป็นการปลูกไว้เพียงชั่วคราวในระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อต้นไม้กฤษณาโตได้ขนาดก็จะตัดโค่นนำแก่นไปสกัดเป็นน้ำหอม ซึ่งบุคคลปกติทั่วไปรวมทั้งโจทย์อาจเล็งเห็นได้
ต้นไม้กฤษณาที่ปลูกลงในที่ดินจึงเป็นทรัพย์ที่ติดกับที่ดินเพียงชั่วคราวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 146 ไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินที่จำเลยนำไปจำนองไว้แก่โจทก์
ต่างจากส่วนโคนต้น ซึ่งหากไม่มีการไถกลบไปก็อาจเป็นส่วนควบกับที่ดิน
ดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดตกลงทำสัญญาซื้อขายต้นไม้กฤษณา และชำระเงินแก่จำเลยแล้วดังกล่าวไปข้างต้น กรรมสิทธิ์ในต้นไม้กฤษณาย่อมตกได้แก่ผู้ร้องสอดตั้งแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขาย วันที่ 10 มีนาคม 2557 แล้ว
ผู้ร้องสอดชอบที่จะตัดต้นไม้กฤษณาจากที่พิพาทได้ โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับจำนองเอาจากส่วนของผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
__________
ที่มา: คำพิพากษาศาลฎีกา พุทธศักราช 2562 เล่มที่ 10 หน้า 59-62
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

by drsuthichai | Jul 19, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
ความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2565
ความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วในทันทีที่จำเลยให้ผู้เสียหายทั้งห้ากู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มิใช่ว่าจำเลยจะต้องได้รับดอกเบี้ยจากผู้เสียหายทั้งห้าก่อน
พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ม. 4 (1)
มาตรา๔ บุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทําการใดๆอันมีลักษณะเป็นการอําพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
- เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดไว้
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

by drsuthichai | Jul 19, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
การกู้ยืมเงินที่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือในการฟ้องร้องบังคับคดี ไม่จำต้องมีในขณะกู้ยืมกัน แม้จะมีหลักฐานเป็นหนังสือภายหลัง แต่ก่อนฟ้องร้องบังคับคดีก็เป็นอันใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2280/2567
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินที่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือในการฟ้องร้องบังคับคดีต้องเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาท ขึ้นไป และหลักฐานเป็นหนังสือเป็นหนังสือที่กฎหมายบังคับให้ต้องมี มิฉะนั้นจะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้ โดยไม่จำต้องมีในขณะกู้ยืมกัน แม้จะมีหลักฐานเป็นหนังสือภายหลัง แต่ก่อนฟ้องร้องบังคับคดีก็เป็นอันใช้บังคับได้ และคำฟ้องในคดีอาญาของจำเลย ถือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์สามารถฟ้องร้องให้บังคับคดีจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

by drsuthichai | Jul 19, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
สถานที่ใดจะเป็นสาธารณสถานหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2520
สถานที่ใดจะเป็นสาธารณสถานหรือไม่ ไม่ต้องคำนึงว่าสถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ผิดกฎหมาย เช่นสถานการค้าประเวณีหรือไม่เพียงแต่พิจารณาว่าสถานที่นั้นประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้หรือไม่และต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นราย ๆ ไป ถ้าประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ สถานที่นั้นก็เป็นสาธารณสถานไม่ใช่ที่รโหฐาน
ได้ความว่าเจ้าของสถานการค้าประเวณีหรือซ่องโสเภณีมิได้หวงห้ามผู้หนึ่งผู้ใดที่จะไปหาความสุขกับหญิงโสเภณี หรือไปธุระอื่นที่จะเข้าไปในห้องโถงซึ่งใช้เป็นที่รับแขกในสถานการค้าประเวณีหรือซ่องโสเภณีนั้นห้องโถงจึงเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้เป็นสาธารณสถานไม่ใช่ที่รโหฐาน พนักงานตำรวจมีอำนาจค้นและจับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93,78(3) จำเลยมีและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140, 289(2),80,52(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
