โดย wedigital | ธ.ค. 28, 2022 | ทั่วไป อื่นๆ
คอนโดมิเนียมกลายเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่ใครหลาย ๆ คน มีการซื้อไว้เพื่อการลงทุนในอนาคต ดังนั้นจึงทำให้กระแสของการซื้อ ขายคอนโด ยังคงอยู่ได้ไปอีกยาวนาน ซึ่งถ้าคุณกำลังสนใจจะซื้อห้องคอนโดที่ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเอง, ปล่อยเช่า หรือเพื่อเก็งกำไรขายในอนาคต มี 8 เรื่องที่คุณจะต้องควรรู้ไว้ก่อน เพื่อทำให้การซื้อขายห้องคอนโดในปี 2022 ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ได้ห้องตรงใจ ตรงงบประมาณ และสามารถผ่อนชำระไปได้จนจบตามกำหนดโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ดังนี้
1.เลือกทำเลอย่างไรให้ตรงใจ
การเลือกทำเลที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของคุณ ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมาก เพราะการซื้อคอนโดนั้นย่อมมีจุดเริ่มต้นมาจากการตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องของการเดินทางไปที่ทำงานหรือที่เรียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นจากการดูความต้องการของคุณก่อน มีโครงการใดบ้างที่อยู่ใกล้กับจุดทำงานหรือสถานศึกษาของคุณ และทำให้รู้สึกว่าเหมาะสมที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้มาก แต่อาจจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS หรือสามารถเชื่อมต่อไปสู่รถไฟใต้ดิน MRT ได้
นอกจากนี้คุณยังสามารถประเมินดูได้ว่าต้องการอยู่ในจุดที่เป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง หรืออยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่าง ๆ เพื่อทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น พร้อมไปด้วยการเลือกทำเลที่ควรจะต้องมีความปลอดภัย อยู่ในจุดชุมชนที่มีคุณภาพและช่วยทำให้คุณใช้ชีวิตในทุกวันได้อย่างสบายใจ โดยโซนที่มีคอนโดมิเนียมถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากและมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว คือ ย่านสาทร, พระราม 9, อโศก, ทองหล่อ, เอกมัย และสีลม เป็นต้น
2.เลือกสร้างใหม่หรือมือสอง
สำหรับผู้ที่ยังลังเลใจอยู่ว่าควรจะเลือกซื้อเป็นคอนโดสร้างเสร็จใหม่หรือคอนโดมือสองแบบซื้อต่อจากผู้อื่นดี เพราะให้ข้อดีที่แตกต่างกันออกไป เนื่องมาจากการซื้อคอนโดแบบมือสองจะเป็นการซื้อพร้อมตกแต่งมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการตกแต่งเพิ่มมากนัก แต่ในขณะเดียวกันคอนโดใหม่อาจจะต้องเสียค่าตกแต่งเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ในเรื่องของการอยู่อาศัยคอนโดมือสอง ก็มีสิทธิ์ที่จะต้องซ่อมบำรุงบ่อยครั้งเช่นกัน ซึ่งคอนโดมือหนึ่งในเรื่องนี้อาจจะไม่ต้องน่ากังวล ดังนั้นถ้าคุณต้องการรู้ว่าซื้อคอนโดในลักษณะใดดี? ให้ใช้วิธีการประเมินจากอายุของสิ่งก่อสร้างและประเมินดูพื้นที่โดยรวมด้วยตัวคุณเอง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมือสอง ให้คุณเริ่มพิจารณาจากอายุของคอนโดว่าสร้างเสร็จมานานแล้วเท่าไหร่?, อายุของตัวอาคารอยู่มาแล้วกี่ปี? เพื่อทำให้คุณสามารถคำนวณเรื่องของสภาพความเสื่อมได้มากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการไปดูด้วยตัวคุณเอง ถ้าส่วนกลางยังคงดีอยู่และมีการซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายหรือมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ รวมไปถึงสภาพห้องโดยรวมถือว่าดี คุณก็สามารถซื้อได้อย่างสบายใจ
3.จุดประสงค์การซื้อคืออะไร?
เรื่องต่อมาที่คุณควรรู้ คือ จุดประสงค์ในการจะซื้อคอนโดของคุณคืออะไร เพราะจะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อคอนโดในปี 2022 ได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าคุณต้องการได้คอนโดเพื่ออยู่อาศัยเอง ให้คุณเลือกคอนโดคุณภาพที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวก หรือสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบถ้วน แต่ถ้าเป็นคอนโดเพื่อการลงทุนให้เช่าและการขายเก็งกำไร คุณควรเลือกคอนโดกลางกรุงที่มีทำเลดี หรือทำเลใกล้กับโซนที่ทำงานและโซนนักศึกษามหาวิทยาลัย รวมไปถึงโซนตามแนวรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เพื่อช่วยให้คุณหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อได้ง่ายมากขึ้น
4.ตรวจสอบส่วนกลาง
อีกหนึ่งเรื่องที่คุณห้ามพลาด คือ การตรวจสอบส่วนกลางของทางคอนโดว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคใดบ้าง โดยให้เน้นกิจกรรมส่วนตัวของคุณเป็นหลัก เช่น ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ควรเลือกคอนโดที่สามารถให้สวนสีเขียวหรือห้องฟิตเนสที่คุณจะเข้าไปใช้บริการได้ตลอด หรือถ้าคุณมีเด็กเล็กควรเลือก Facilities ที่เด็ก ๆ จะวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย หรือเป็นโซนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อทำให้เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตมากที่สุด นอกจากการดูเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณควรสำรวจด้วยเช่นกัน คือ ภายในโครงการมีร้านค้าและร้านอาหารหรือไม่ ถ้าไม่มีในระยะที่ใกล้เคียงและไม่ไกลมากมีหรือไม่ รวมถึงการสำรวจดูว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนกลางของคอนโดใช้งานได้จริงแค่ไหน? มีความสะอาด มีการดูแลซ่อมแซม และมีการเข้ามาบำรุงอย่างจริงจังจากทางนิติบุคคลหรือไม่ เพื่อทำให้การซื้อคอนโดของคุณไม่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
5.ค่าใช้จ่ายโดยรวม
การซื้อ ขายคอนโด จะมีค่าใช้จ่ายอยู่หลายส่วนที่คุณจำเป็นจะต้องจดรายละเอียดต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้รู้ว่าควรเก็บเงินประมาณใด จึงจะเหมาะสมต่อการอยู่คอนโดได้แบบราบรื่น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายแบบรายเดือนและรายปี เช่น ค่าส่วนกลางของคอนโด ค่าเงินกองทุนสำรองส่วนกลาง ค่าภาษีที่ดิน และสำหรับผู้ที่กู้ธนาคารเพื่อซื้อคอนโด จะต้องรวมค่าใช้จ่ายด้านการชำระเงินกู้รายเดือนเข้าไปด้วย เพื่อทำให้คุณได้เห็นตัวเลขอย่างชัดเจนในแต่ละเดือน เพื่อนำมาประเมินดูว่าคุณจะสามารถจัดการกับรายจ่ายเหล่านี้ ได้ไปตลอดทุกเดือนหรือไม่? พร้อมการมองหาแผนสำรองด้านค่าใช้จ่ายไว้เพิ่ม เพื่อไม่ทำให้ต้องผิดพลาดจนอาจจะกลายเป็นไม่สามารถอยู่ต่อได้ ส่วนผู้ ขายคอนโด ควรจะต้องดูค่าใช้จ่ายโดยรวมหลังการขายได้แล้วเช่นกัน เพื่อนำมาประเมินดูว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ คุณจะสามารถจ่ายให้กับผู้มาซื้อได้เองหรือจะใช้เป็นการจ่ายคนละครึ่งต่อไป
6.การเตรียมงบประมาณ
เมื่อคุณรู้รายละเอียดของค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณจะต้องทำ คือ การเตรียมพร้อมด้านงบประมาณของคุณ โดยให้คุณวางแผนเรื่องการเลือกซื้อคอนโดให้เรียบร้อยก่อน เมื่อได้รูปแบบคอนโดที่ต้องการแล้ว พร้อมยื่นกู้กับทางธนาคาร คุณจะต้องรู้ว่าตัวคุณไม่ควรมีหนี้สินอยู่ที่ตัวเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในทุก ๆ เดือน เพราะอาจจะทำให้ทางธนาคารไม่อนุมัติได้ เนื่องมาจากทางธนาคารนั้นจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในแต่ละเดือน ที่เมื่อหักออกมาแล้วจะต้องเหลือเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการชำระหนี้ในส่วนอื่น ๆ
ดังนั้นถ้าคุณมีเงินเดือนหลักแสนบาท คุณจะต้องมีภาระหนี้สินที่ไม่เกินไปกว่า 4 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วนค่าผ่อนนั้นทางธนาคารจะคิดประเมินอยู่ที่ล้านละ 7,000 บาท คุณจึงนำวิธีการคิดนี้ไปประเมินดูว่าจะซื้อคอนโดราคาใด แล้วไม่กระทบต่องบประมาณที่มีมากจนเกินไป สามารถทำให้คุณผ่อนชำระได้จนครบตลอด โดยไม่ทำให้ต้องเดือดร้อนในอนาคต
7.ควรซื้อทำเลแบบไหน
ทำเลหรือบรรยากาศรอบคอนโด มีความสำคัญต่อตัวคุณมาก เพราะคุณจะต้องเข้า-ออกและใช้ชีวิตในบริเวณใกล้เคียงกับคอนโดอยู่ตลอด ดังนั้นคุณต้องประเมินดูว่าสภาพแวดล้อมรอบข้างเป็นอย่างไร ไม่ควรเลือกคอนโดที่มีสภาพแวดล้อมรอบข้างเป็นชุมชนแออัดหรือเข้าซอยลึกจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเสี่ยงต่ออันตรายได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบด้านของโครงการที่มีตลาดนัดหรือร้านค้าจำนวนมากและมีผู้คนพลุกพล่าน ก็อาจทำให้คุณไม่สะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออกได้เช่นกัน ทั้งยังต้องทนกับเสียงดังรบกวนที่อาจจะเกิดจากชุมชนได้ทุกเมื่อ
นอกจากนี้ถ้าคุณเลือกที่จะซื้อคอนโดมิเนียมที่ติดกับถนนสาธารณะ จะทำให้คุณเข้าออก-ได้ง่าย แต่ถ้าเป็นซอยขนาดเล็กและเป็นจุดที่หน้าปากซอยรถติดด้วยแล้วก็อาจจะยิ่งทำให้การใช้ชีวิตของคุณรู้สึกเครียดมากกว่าเดิมได้ ดังนั้นคุณต้องนำความสะดวกในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคุณมาประเมิน ถ้าชอบความง่ายควรเลือกคอนโดที่ติดกับถนนใหญ่ มีร้านค้า ร้านอาหารที่สามารถออกไปซื้อได้ง่าย หรืออาจจะเป็นโซนออกนอกเมืองไปเล็กน้อย เพื่อให้จุดที่อยู่อาศัยไม่หนาแน่นจนเกินไป รวมไปถึงจุดที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS, รถไฟใต้ดิน MRT และทางด่วน เพื่อทำให้คุณเดินทางได้สะดวกแบบครบทุกด้าน เป็นต้น
8.ไม่มีเงินซื้อต้องทำอย่างไร?
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด แต่ไม่มีเงินก้อนที่จะสามารถทำให้ซื้อได้ด้วยเงินสดทันที ขอแนะนำการยื่นกู้กับทางธนาคาร ที่ถือเป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้คุณสามารถซื้อห้องคอนโดได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีภาระหนี้สินเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ การยื่นกู้ซื้อคอนโดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่ผู้ที่มีอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ ถ้ามีเงินหมุนเวียนอยู่ภายในบัญชีเสมอและมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีธนาคารจำนวนมาก คุณจะสามารถยื่นกู้ได้ 100% เลยทีเดียว ดังนั้นเครดิตจึงถือว่ามีความสำคัญ แต่ถ้าต้องการให้ง่ายกว่านั้น คุณควรขอกู้ร่วมกับญาติหรือคู่สมรสที่มีเครดิตดี มีเงินเดือนมั่นคง มีเงินในบัญชีหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะยิ่งช่วยผลักดันให้สามารถซื้อคอนโดในแบบที่ต้องการได้ง่ายมากกว่าเดิม ส่วนการเลือกธนาคารนั้นให้คุณเลือกธนาคารที่มีเรทดอกเบี้ยพิเศษ หรือถ้าธนาคารใดสามารถให้ดอกเบี้ยต่ำสุดได้ คุณก็สามารถเข้าไปขอรายละเอียดพร้อมการยื่นกู้ธนาคารนั้นได้เลย แต่ถ้าต้องการความสะดวกและการอนุมัติง่ายขึ้น ขอแนะนำเป็นธนาคารที่คุณทำธุรกรรมด้วยเป็นประจำ จะทำให้การติดต่อขอข้อมูล รายละเอียด หรือเอกสารยืนยันเป็นเรื่องที่ทำได้รวดเร็ว จึงรู้ผลอนุมัติได้ง่าย
9.เรื่องควรระวังของการเลือกซื้อห้องคอนโด
สำหรับเรื่องควรระวังของการซื้อห้องคอนโดนั้นจะมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง ดังนี้
ถ้าโครงการที่คุณต้องการซื้ออยู่ขายได้ไม่หมด และมีเจ้าของโครงการเป็นเจ้าของร่วมอยู่ภายในคอนโดด้วย คุณต้องตรวจสอบดูว่าทางโครงการมีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าส่วนกลางหรือไม่ และมีการจ่ายค่าส่วนกลางไปหมดแล้วหรือยัง เพื่อทำให้การเข้าอยู่ของคุณเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด
การเลือกคอนโดแบบโครงการมิกซ์ยูสที่เป็นการอยู่อาศัยร่วมเชิงพาณิชย์ ควรเลือกให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต, ความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงค่าส่วนกลาง
ควรเลือกโครงการแล้วเสร็จที่ไม่มีปัญหาใด ๆ มาก่อน แต่ถ้าเลือกเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ คุณควรดูว่าตัวโครงการก่อสร้างล่าช้าเกินไปหรือไม่ และมีปัญหากับชุมชนข้างเคียงมาก่อนหรือไม่ เพื่อทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินเปล่าจากปัญหาการฟ้องร้องของชุมชนรอบด้าน จนทำให้การก่อสร้างอาจต้องหยุดชะงักเลยก็ได้เช่นกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ ขายคอนโดมิเนียม คุณควรรู้ทั้ง 8 เรื่องนี้ก่อน เพื่อทำให้การซื้อขายของคนเป็นไปอย่างสบายใจ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ในอนาคต จนอาจจะทำให้คุณรู้สึกเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้
โดย wedigital | ธ.ค. 22, 2021 | ทั่วไป อื่นๆ
เมื่อใดที่พบว่าเราป่วยต้องไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคหากเราพบความผิดปกติในร่างกายหรือเซลล์ในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในเชิงลบ ความเจ็บป่วยก็คงถามหาเรากันแน่นอนค่ะ วันนี้จะมาส่งกำลังใจสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็ง ไม่ว่าขั้นใดๆก็ตาม การวินิจฉัยของแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย ในด่านแรกของการรักษาคือการให้เคมีบำบัด หรือเรียกอีกอย่าง “คีโม(Chemotherapy)”
เป็นการรักษาโรคมะเร็งด้วยการใช้ยาหลายรูปแบบเข้าไปทำลายเซลล์ทั้งระบบ ไม่ว่าดีหรือร้ายก็ตาม ซึ่งจะเป็นการไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการเติบโตหรือหยุดการแบ่งตัวของเซลล์ร้ายได้ ซึ่งการให้ยาหลากหลายรูปแบบหรือที่เรียกว่าการให้คีโมนั้น อาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงในการใช้ยาเคมีบำบัดขณะทำการรักษา
วันนี้จึงอยากจะมาแบ่งปันสำหรับผู้ป่วยทุกๆคน ที่เริ่มหรือรู้ว่าตนป่วยเป็นมะเร็งแล้วนั้น เรามาเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย หยุดความกังวล และอย่ากลัวหรือคิดไปต่างๆนาๆ ทุกคนเป็นหมดคือจะคิดว่าเป็นมะเร็งแล้วจะต้องตาย ไม่เสมอไปค่ะ เรามาเตรียมรับมือเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง และได้ผลดีกับเรากันดีกว่าค่ะ
การทำคีโมหรือเคมีบำบัดสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายวัตถุประสงค์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นควรทำความเข้าใจถึงเป้าหมายของการรักษาโรคมะเร็งเมื่อแพทย์มีการแนะนำ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจ
รักษาโรคมะเร็ง การทำเคมีบำบัดมีจุดประสงค์ในการเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งให้หายไป แต่ผู้ป่วยก็อาจเกิดมะเร็งขึ้นมาใหม่ได้หลังการรักษา แต่ในบางกรณีมีความเป็นไปได้ที่ตัวยาสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แพทย์จึงไม่สามารถรับรองได้ว่าการทำเคมีบำบัดจะช่วยรักษาโรคมะเร็งให้หายขาด
ควบคุมเซลล์มะเร็ง นอกเหนือจากการเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง แพทย์อาจแนะนำการทำเคมีบำบัดให้เป็นวิธีที่เข้าไปช่วยควบคุมมะเร็งในผู้ป่วยที่มะเร็งมีการเติบโตจนแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพื่อช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น เพราะการทำเคมีบำบัดในบางครั้งอาจเป็นการเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งให้หายไปในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อผู้ป่วยกลับมาเป็นซ้ำเมื่อหยุดการรักษาซึ่งคล้ายกับการรักษาโรคเรื้อรังชนิดอื่น ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดเป็นระยะ
ช่วยประคับประคองอาการ เมื่อมะเร็งเกิดการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นจนไม่สามารถควบคุมได้ การทำเคมีบำบัดอาจมีวัตถุประสงค์ที่มุ่งในการบรรเทาอาการและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นให้มากที่สุด เช่น ช่วยลดขนาดเนื้องอกที่เข้าไปกดทับจนเกิดอาการปวดตามร่างกาย
การทำเคมีบำบัดอาจใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเพียงวิธีเดียวหรือใช้รักษาควบคู่กับวิธีอื่น เช่น การให้เคมีบำบัดเบื้องต้นก่อนการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดหรือฉายแสงรังสี เพื่อช่วยให้ก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็กลง (Neo-adjuvant Chemotherapy) การให้ยาเคมีบำบัดหลังการผ่าตัดหรือฉายรังสี (Adjuvant Chemotherapy) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัดหรือการฉายแสง หรือช่วยให้การรักษาแบบวิธีการฉายแสงและการรักษาด้วยยาชีวบำบัดได้ผลที่ดียิ่งขึ้น
ข้อห้ามของการทำเคมีบำบัด
การทำเคมีบำบัดอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ป่วยให้แย่ลงได้ในบางกรณี จึงควรทำเคมีบำบัดหรือเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทนตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกรณีต่อไปนี้
- อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ การทำเคมีบำบัดในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์อาจมีโอกาสทำให้ทารกในครรภ์พิการแต่กำเนิด
- ป่วยโรคไตหรือตับในขั้นรุนแรง ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่มักต้องผ่านขั้นตอนการกรองหรือกำจัดของเสียโดยตับและไต จึงอาจมีผลกระทบอันตรายสูงหากเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับและไตอยู่ก่อนแล้ว
- ผู้ที่มีเซลล์เม็ดเลือดต่ำ การทำเคมีบำบัดอาจทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำ ในบางรายจึงอาจต้องมีการให้เลือดหรือการใช้ยาก่อนเข้ารับการทำเคมีบำบัด เพื่อช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดให้มากขึ้น
หลังเข้ารับการผ่าตัดหรือมีบาดแผล การทำเคมีบำบัดอาจส่งผลต่อความสามารถในการซ่อมแซมบาดแผลของร่างกายที่เกิดความเสียหายขึ้น แพทย์มักแนะนำให้รอให้บาดแผลหายสนิทก่อนทำการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด เกิดการติดเชื้อ ในผู้ป่วยบางรายที่ร่างกายเกิดการติดเชื้อ ไม่ควรเข้ารับการทำเคมีบำบัด เนื่องจากอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
ขั้นตอนในการทำเคมีบำบัด
ดังนั้นการทำเคมีบำบัดจะต้องมีการวางแผนการรักษาล่วงหน้าตามขั้นตอน เพื่อให้ผลของการรักษามีประสิทธิภาพและผู้ป่วยได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ในขั้นแรก แพทย์จะมีการสอบถามประวัติผู้ป่วย ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น มีการการตรวจปัสสาวะ ตรวจดูการทำงานของตับ ตรวจเลือดดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเช็คการทำงานของหัวใจ การฉายภาพรังสีเพื่อดูขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อมะเร็ง เพื่อดูปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการทำเคมีบำบัดและเป็นการยืนยันว่าผู้ป่วยพร้อมที่จะได้รับการรักษาก่อนการวางแผนการรักษาผู้ป่วยในขั้นต่อไปตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องดูหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน เช่น ประเภทของมะเร็ง ขนาดหรือตำแหน่งการเกิด อายุของผู้ป่วย และผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้ป่วยโดยรวม
จากนั้นแพทย์จะต้องมีการพูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษา แจ้งข้อดีและข้อเสีย ไปจนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการตัดสินใจในการเลือกใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกัน แต่ในเรื่องของปริมาณการใช้ยา วิธีการให้ยา ความถี่ในการให้ยา และระยะเวลาในการทำเคมีบำบัดจะอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เป็นผู้กำหนด
ชนิดยาที่ทำการรักษาโรคมะเร็ง
- ยาชนิดรับประทาน (Oral Chemotherapy) เป็นยาในรูปแบบยาเม็ด แคปซูล หรือยาน้ำสำหรับการรับประทาน
- การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous: IV) เป็นยาที่ฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง
- การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular) การให้ยาโดยฉีดเข้าบริเวณกล้ามเนื้อของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน สะโพก
- การฉีดยาเข้าทางไขสันหลัง (Intrathecal) ยาจะถูกฉีดเข้าไปในช่องว่างระหว่างชั้นเนื้อเยื่อที่ปกคลุมสมองและเส้นประสาทไขสันหลัง
- การฉีดยาเข้าทางช่องท้อง (Intraperitoneal: IP) เป็นการให้ยาด้วยการฉีดเข้าไปที่บริเวณช่องท้องของผู้ป่วย
- การฉีดยาเข้าหลอดเลือดแดง (Intra-arterial: IA) เป็นการให้ยาโดยผ่านหลอดเลือดแดงที่สามารถนำตัวยาไปยังเซลล์มะเร็งได้
- ยาทาที่ผิวหนัง (Topical) ยาในรูปแบบครีมสำหรับทาลงไปบนผิวหนังโดยตรง
ระยะเวลาในการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความถี่ที่แตกต่างกันออกไปตามความเสี่ยงของแต่ละคน ทั้งประเภทของมะเร็ง จุดประสงค์ของการทำเคมีบำบัด วิธีในการทำเคมีบำบัด หรือแม้แต่การตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา โดยส่วนมากจะมีระยะเวลาการทำเคมีบำบัดเป็นรอบหรือช่วงระยะ เช่น เข้ารับการทำเคมีบำบัด 1 สัปดาห์แล้วเว้นให้ร่างกายได้พัก 3 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ปรับตัวและสร้างเซลล์ปกติขึ้นมาทดแทนได้ทัน รวมทั้งหมด 4 สัปดาห์ถือว่าเป็น 1 รอบ ในบางครั้งแพทย์อาจมีการเลื่อนหรือปรับตารางการทำเคมีบำบัดให้เหมาะกับคนไข้มากขึ้นในรอบต่อไป เพราะบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงขึ้น โดยแพทย์หรือพยาบาลจะเป็นผู้แจ้งให้ทราบถึงสาเหตุในการเปลี่ยนแปลงการรักษา
นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะต้องมีการกลับมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอในช่วงระหว่างการเข้ารับการทำเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์จะมีการสอบถามเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการรักษา รวมไปถึงมีการนัดตรวจพิเศษต่าง ๆ เพื่อดูความก้าวหน้าของการรักษาและปรับแผนการรักษาให้เหมาะกับผู้ป่วยมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนทำเคมีบำบัด
การทำเคมีบำบัดอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในบางด้าน การเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษาจะช่วยบรรเทาความเครียด รวมไปถึงลดผลกระทบทางด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยคำแนะนำต่อไปนี้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำอารมณ์และจิตใจให้พร้อมรับการรักษา
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาก่อนเข้าการรักษา
การดูแลและติดตามผลหลังการทำเคมีบำบัด
หลังการรักษาจบลง ผู้ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งด้านร่างกายและจิตใจจากผู้ดูแล คนรอบข้าง หรือแม้แต่ครอบครัว เพราะเป็นช่วงของการพักฟื้นร่างกาย รักษาผลข้างเคียงจากการรักษาโรค และฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้เร็วมากขึ้น แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยจะค่อย ๆ ฟื้นตัวและกลับไปทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้หลังการรักษา ซึ่งจะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพทางร่างกายของแต่ละคน วิธีการรักษาโรคมะเร็ง นอกจากนี้แพทย์อาจมีการนัดตรวจติดตามผลหลังการรักษาเป็นระยะในบางราย และผู้ป่วยควรมีการขอเก็บสำเนาของประวัติการรักษาโรคของตนเองไว้ เพราะอาจมีโอกาสในการกลับมาของโรคหรือเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการรักษาในครั้งต่อไป
ผลข้างเคียงของการทำเคมีบำบัด
ยาเคมีบำบัดไม่เพียงแต่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเซลล์ปกติและอวัยวะอื่นทั่วไป จึงทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการรักษา ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ส่วนมากมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ ยกเว้นในบางกรณีที่อาจกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงได้ จึงควรไปพบแพทย์หากพบอาการเหล่านี้
- มีไข้ขึ้นสูง
- หนาวสั่น
- หายใจลำบาก
- ผมร่วง
- เหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอก
- ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เลือดกำเดาไหลหรือเลือดออกตามไรฟัน
- เกิดแผลในปากจนทำให้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้
- อาเจียนไม่หยุด แม้ว่ารับประทานยาช่วยบรรเทาอาการอาเจียน
- ถ่ายมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน หรือมีอาการท้องเสีย
- เกิดการติดเชื้อ
ผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณและชนิดของยาที่ใช้ ความแข็งแรงของผู้ป่วย อาการของโรค รวมไปถึงการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วย บางรายมีอาการมาก บางรายมีอาการน้อยหรือไม่มีเลย เนื่องจากยาเคมีบำบัดแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงไม่เหมือนกัน และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แต่ที่เคยพบเห็นและประสบกับตัวเองมานั้นคือเรื่องของกำลังใจ และการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ต้องทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ไม่คิดฟุ้งซ่าน จะทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น อย่างไรแล้วขอให้ทุกๆท่านที่กำลังป่วย หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมะเร็ง สู้ๆ ให้กำลังใจ อย่ายอมแพ้ เราต้องหายจากโรคนี้กันค่ะ
อาหารเสริม I.M.U.RA ขอมอบกำลังใจส่งให้กับผู้ป่วยทุกๆท่าน หากท่านใดสนใจดื่มอาหารเสริมช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดหย่อนความเจ็บปวดจากอาการต่างๆ ที่จะเกิดระหว่างให้เคมีบำบัด และหลังรับเคมีบำบัด ติดต่อได้ที่ https://www.imurathailand.com
ขอขอบคุณข้อมูลสุขภาพดีดีจาก https://www.pobpad.com/
พบแพทย์ | ข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้
โดย wedigital | พ.ย. 28, 2021 | ทั่วไป อื่นๆ
การตัดเลเซอร์ (Laser cutting)
เครื่องตัดเลเซอร์ หรือ Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation หมายถึง กระบวนการที่ทำให้รังสีมีการแผ่แบบกระตุ้น คือ มีทิศทางในการถ่ายทอดพลังงานที่แน่นอน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงชั้นพลังงานของอิเลคตรอน จากชั้นที่สูงกว่าลงสู่วงโครจรของอิเลคตรอนปกติ โดยมีช่วงคลื่นแบบเดียวกันเป็นรังสีขนาน และกำลังสูงกว่ารังสีทั่วๆ ไป กระบวนการสร้างลำแสงเลเซอร์นี ในปัจจุบันก็มีการนำไปประยุกต์ใช้งานหลากหลาย หากมองไปรอบๆตัวเรา ก็ที่อุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ก็พอจะนึกออกกันนะคะ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องใช้สำนักงาน เลเซอร์พริ้นเตอร์ , เลเซอร์พอยต์เตอร์ แต่หากจะมองให้ไกลออกไปอีกนิดก็จะเห็นว่ามีการนำเลเซอร์ไปใช้กันแบบวงกว้าง ในวงการต่างๆ เช่น การแพทย์, ทหาร , อุตสาหกรรมต่าง เป็นต้น และหนึ่งในนั้นก็คืองานการตัดแผ่นโลหะ นั่นเองค่ะ
การตัดเลเซอร์ (Laser Cutting) เป็นกระบวนการตัดโดยใช้ความรอนทำการหลอมเหลววัสดุและทำให้กลายเป็นไอ โดยใช้ความร้อนจากแสงเลเซอร์ กระบวนการนี้ต้องใช้แก๊สช่วยในการกำจัดเศษเนื้อโลหะที่หลอมเหลวออก กระบวนการสร้างแสงเลเซอร์นี้ จะประกอบไปด้วยแหล่งพลังงาน, สารกำเนินเลเซอร์, ท่อเลเซอร์ ระบบการนำรังสี ซึ่งใช้ความยาวคลื่นและกำลังที่แตกต่างกันออกไป
การสร้างแสงเลเซอร์นั้นจะใช้สารกำเนิดเลเซอร์เป็นแก๊ส และใช้ระบบนำรังสี เป็นระบบกระจกเงา ซึ่งการใช้กระจกเงาในการสะท้อนลำแสงนี้ก็ทำให้มีปัญหาได้เช่น กรณีที่มีการตัดโลหะที่มีพื้นผิวเงาวาว เลอเซอร์แยกตามสารกำเนิดเลเซอร์มีหลายประเภท ได้แก่
CO2 Laser เหมาะสำหรับใช้งาน ตัด,สลัก,เชื่อม และคว้าน
Neodymium Laser เหมาะสำหรับใช้งานเชื่อม คว้าน ที่ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง
Nd-YAG Laser เหมาะสำหรับใช้งาน สลัก, เชื่อม, คว้าน ที่ต้องใช้พลังงานสูงเช่นกัน
ข้อดีของการตัดด้วยเลเซอร์
1) ความแม่นยำในการตัดชิ้นงาน
2) ประหยัดเวลาและงบประมาณ
3) การตัดด้วยลำแสงเลเซอร์ไม่มีการสัมผัสชิ้นงานโดยตรง จึงไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของวัสดุ
4) ลดความผิดพลาดน้อยกว่าการตัดชนิดอื่น
5) เครื่องตัดเลเซอร์ใช้พลังงานน้อยกว่าสำหรับการตัดแผ่นโลหะด้วยเทคโนโลยีการตัดพลาสมา
6) การตัดด้วยเลเซอร์สามารถใช้ในการตัดวัสดุจำนวนมากเช่น เซรามิก, ไม้, ยาง, พลาสติก และโลหะบางชนิด
7) การตัดด้วยเลเซอร์นั้นมีความหลากหลายอย่างมากและสามารถใช้ในการตัด หรือการแกะสลักได้ง่ายสำหรับการออกแบบที่ซับซ้อนบนชิ้นงาน
8) หน่วยการผลิตที่มีข้อ จำกัด ด้านพื้นที่ได้รับประโยชน์มากมายจากการติดตั้งเครื่องตัดเลเซอร์เนื่องจากเครื่องตัดเลเซอร์หนึ่งหรือสองเครื่องสามารถทำงานของเครื่องอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับการตัดได้
9) ประหยัดกำลังคนเนื่องจากควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
ข้อเสียของการตัดด้วยเลเซอร์
1) สิ้นเปลืองพลังงานสูงเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ๆ
2) การตัดพลาสติก อาจมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะพลาสติกเมื่อถูกความร้อนจะเกิดควันจึงต้องมีห้องการทำงานต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น รวมถึงสุขภาพเพราะมีสารพิษปล่อยออกมาในขณะตัด
3) อัตราการผลิตไม่สอดคล้องกันเมื่อใช้การตัดด้วยเลเซอร์ มันขึ้นอยู่กับความหนาของชิ้นงานชนิดของวัสดุและชนิดของเลเซอร์ที่ใช้
4) ความประมาทในการปรับระยะเลเซอร์และอุณหภูมิอาจนำไปสู่การเผาไหม้ของวัสดุบางอย่าง โลหะบางชนิดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสีถ้าความเข้มของลำแสงเลเซอร์ไม่เป็นไปตามความต้องการ
5) การมีส่วนร่วมของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นเฉพาะในกรณีที่ดำเนินการทดสอบและซ่อมแซม ในระหว่างงานเหล่านี้หากเกิดความผิดพลาดคนงานจะสัมผัสกับลำแสงเลเซอร์เขาอาจประสบกับการไหม้ที่รุนแรง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะเราได้รู้จักเครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์กันไปบ้างแล้ว ดังนั้นไม่ว่าการใช้งานกับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ใด ๆ เราควรศึกษาขั้นตอนการทำงาน หรืออาจจะต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญงาน หากจะเลือกซื้อเครื่องตัดเลเซอร์ ควรมีวิศวกรแนะนำการใช้งานอย่างถูกต้อง
บจก.โอนิ อินเตอร์เทรด ผู้นำเข้าเครื่องจักร CNC เครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์ เครื่องยิงเลเซอร์ ผู้มีประสบการณ์และชำนาญงาน โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยตอบคำถามและแนะนำการใช้งานตลอดระยะการดูแล หากสนใจสั่งซื้อได้ที่ บจก. โอนิ อินเตอร์เทรด https://www.oniintertrade.com/oni-product/bordor/
โดย wedigital | ก.ย. 20, 2021 | ทั่วไป อื่นๆ
Cutting Tools สำหรับงานตัด เป็นปัจจัยการผลิตที่มีความสำคัญมาก ซึ่งการลงทุนซื้อเครื่องจักร หรือ tools cnc ญี่ปุ่น ที่มีมูลค่าสูง แต่สิ่งที่ทำงานให้เกิด “งาน” บนตัวชิ้นงานจริงกลับเป็นเครื่องมือตัดที่มีราคาเทียบไม่ได้เลยกับเครื่องจักร ดังนั้นผู้ผลิตที่ฉลาดจะไม่ละเลยการให้ความสำคัญในการเลือกใช้เครื่องมือตัดที่เหมาะสมอย่างแน่นอน เพื่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่ได้รับ
หลักเกณฑ์ในการเลือกใช้เม็ดมีด
เม็ดมีด โดยทั่วไปจะมีมาตรฐานในการบ่งชี้เป็น Code หรือ No. ที่กำหนดด้วยตัวอักษรและตัวเลขวางเรียงกัน ยกตัวอย่างเช่น OCNC 00028 N-AE XXXX ซึ่งในแต่ละตัวอักษรและตัวเลขจะมีความสำคัญในการเลือกใช้ ซึ่งท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้จากหนังสือหรือแค็ตตาล็อกแนะนำสินค้าของผู้ผลิตแต่ละราย ซึ่งโดยทั่วไปจะมีความคล้ายคลึงกัน
เทคนิคในการเลือกใช้เม็ดมีด
1.การเลือกรูปร่างเม็ดมีด
เม็ดมีดทั่วไปแล้วมีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งสำคัญลำดับแรกที่ต้องคำนึงถึงคือมุมองศาของเม็ดมีด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความแข็งแรงของคมตัด
การเลือกTools CNC เม็ดมีดที่มีองศาใหญ่จะให้ความแข็งแรงมากกว่าเม็ดมีดองศาเล็ก เพื่อความทนทานต่อการแตกบิ่นของคมตัด
ยกตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบเม็ดมีดระหว่างเม็ดมีดสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่มีมุม 55 องศา กับ เม็ดมีดสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีมุม 90 องศา เม็ดมีดสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะมีความแข็งแรงมากกว่าและทนทานต่อการแตกบิ่นได้ดีกว่า ดังนั้นจะเหมาะกับการกลึงงานหนัก
2.การเลือกมุมหลบเม็ดมีด
ประเภทหลัก ของเม็ดมีดนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภทคืออ เม็ดมีดลบ(-)กับเม็ดมีดบวก(+) ซึ่งเมื่อพิจารณาความแข็งแรงของคมตัด เม็ดมีดลบจะมีความแข็งแรงมากกว่าและสามารถใช้งาน Tools CNC ญี่ปุ่น เม็ดมีดในทั้ง 2 ด้าน คือด้านบนและด้านล่างของเม็ดมีดทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิต
แต่การกลึงงานบางลักษณะจะไม่สามารถใช้เม็ดมีดลบได้เนื่องจากเกิดการเสียดสีกับผิวชิ้นงาน ดังนั้นหลักในการเลือกมุมหลบควรเลือกเม็ดมีดที่มีขนาดมุมหลบน้อยที่สุด เพื่อให้ได้ความแข็งแรงของคมตัดมากที่สุด
3.การเลือกขนาดค่าเผื่อของการผลิตเม็ดมีด
ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเลือกค่าเผื่อของการผลิตเม็ดมีดค่อนข้างมาก
อย่างเช่น การเลือกใช้เม็ดมีดที่มีค่าเผื่อในการผลิตน้อย ซึ่งเป็นเม็ดมีดที่ผลิตขึ้นมา ด้วยการเจียรขึ้นรูปและมีการควบคุมการผลิตอย่างใกล้ชิด ทำให้ราคาของเม็ดมีดค่อนข้างสูงหากเลือกมาใช้ในกระบวนการกลึงหยาบซึ่งไม่ต้องการขนาดของชิ้นงานที่แม่นยำมากนัก ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น
ดังนั้นการเลือกTools CNC ญี่ปุ่น ขนาดค่าเผื่อของเม็ดมีดที่ดีควรคำนึงถึงกระบวนการผลิตและความเหมาะสมตามการควบคุมขนาดของชิ้นงานแต่ละประเภท
อ้างอิง: เว็บ sumipol.com
โดย wedigital | ก.ค. 25, 2021 | ทั่วไป อื่นๆ
การติดตั้งรั้วบ้านจากเดิมใช้ไม้จริงแต่ในยุคปัจจุบันด้วยวิวัฒนาการเทคโนโลยีต่างๆ จึงมีการพัฒนาให้มีตัวเลือกที่ดีอย่างเช่น ไม้รั้ว ไม้รั้วระแนง ไม้รั้วระแนงเทียม ซึ่งผู้ใช้สามารถนำมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตกแต่งบ้านได้ เพิ่มความสวยงามอีกทั้งยังป้องกันอันตรายได้อีกด้วย การตกแต่งไม้รั้วนั้นเพื่อบังสายตาจากสิ่งภายนอก ซึ่งในปัจจุบันไม้รั้วต่างๆ ก็มีการทำจากวัสดุต่างๆ หลากหลายเช่นกัน วันนี้เลยหยิบยกมาเป็นตัวอย่างค่ะ
ไม้รั้วระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์
ไม้รั้วระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นไม้รั้วที่มีส่วนผสมของปูน ทราย และเยื่อไม้ การตกแต่งบ้านด้วยไม้รั้วระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นไม้รั้วที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะว่าวัสดุที่หาง่าย ราคาถูก และยังเลือกสีได้หลากหลายอีกด้วย แต่ข้อเสียนั้นคือแตกหักง่าย จึงควรจะต้องทำโครงเหล็กให้ถี่ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้มากขึ้น
ไม้รั้วระแนงไวนิล
ไม้รั้วระแนงไวนิล ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน สำหรับไม้รั้วระแนงไวนิลนั้นจัดได้ว่าเป็นไม้รั้วที่สวยงาม นอกจากนี้การบำรุงรักษาน้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี หรือการแตกหัก สิ่งที่คุณจะต้องทำคือการทำความสะอาดเป็นครั้งคราวด้วยการฉีดน้ำล้างฝุ่นละอองที่จับกับตัวไม้รั้วระแนง ปัจจุบันความนิยมในการติดตั้งไม้รั้วระแนงไวนิลเพิ่มขึ้น (แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงก็ตามที)
ไม้รั้วระแนงไม้
ไม้รั้วระแนงไม้เป็นวัสดุที่มีความสวยงามมาก (ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้) สามารถออกแบบได้หลากหลาย มีความทนทาน แต่ไม้คุณภาพดี ค่อนข้างหายาก อีกทั้งราคาสูง ช่างมีฝีมือรับทำค่อนข้างหายาก และที่สำคัญค่าใช้จ่ายการดูแลรักษาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว การเลือกรั้วไม้ระแนงไม้ จึงเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็นและการดูแลรักษาค่อนข้างยาก
ส่วนไม้รั้วระแนงชนิดแบบอื่นๆ ก็ได้รับความนิยมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นไม้รั้วระแนงเหล็ก ,ไม้รั้วระแนงอลูมิเนียม หรือไม้รั้วเมทัลชีท การจะเลือกไม้รั้วหรือไม้รั้วระแนง ไม้เทียมแบบไหนมาตกแต่งบ้านก็ตามเราในฐานะเจ้าของบ้านก็ควรจะทราบคุณสมบัติ และงบประมาณในการติดตั้งด้วยเรียกได้ว่าต้องวางแผนค่าใช้จ่ายก่อนทำการตกแต่ง
ความคิดเห็นล่าสุด