การให้คือพลังแห่งชีิวิต

การให้คือพลังแห่งชีิวิต

พลังแห่งการให้
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

มือของผู้ให้ย่อมอยู่เหนือมือของผู้รับ และเราจะเป็นสุขใจเมื่อเราได้เป็นผู้ให้
พลังแห่งการให้ เป็นบุคลิกลักษณะหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เพราะคนที่ให้มักจะเป็นคนที่มีมากพอแล้ว เราถึงไม่แปลกใจว่าทำไม มหาเศรษฐีต่างๆ จึงตั้งมูลนิธิเพื่อบริจาค เงิน สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า ดังเช่น บิล เกตส์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ เพื่อช่วยเหลือด้านสุขอนามัย และด้านคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา
พลังแห่งการให้ จะเป็นตัวช่วยให้คุณร่ำรวยยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ก่อกำเนิดมาจากร้านขายน้ำแข็งเล็กๆ ในเมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ของสหรัฐอเมริกา เปิดบริการขายน้ำแข็งตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่ม วันละสิบหกชั่วโมง ในขณะนั้น แต่เนื่องจากเจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” มีพลังแห่งการให้ กล่าวคืออยากให้บริการแก่ผู้คนโดยมีสินค้าที่หลากหลายจึงได้เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นม ขนมปัง สบู่ ยาสีฟัน ปากกา ดินสอ สมุดฯลฯ ต่อมา ด้วยพลังแห่งการให้บริการ เจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ต้องการให้บริการแก่ชาวอเมริกามากขึ้น จึงได้ขยายสาขาออกไปทั่วสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน ด้วยพลังแห่งการให้บริการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ใช้ระบบโดยการเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงและมีสาขาเกือบทั่วโลก
พลังแห่งการให้ หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย ถามว่าแล้วเราจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้บ้าง ได้ครับ การเป็นผู้ให้ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่ท่านคิด เราสามารถ ให้โดยการลงแรง ให้โดยการช่วยคิด ให้ความรู้ทางปัญญาและให้สิ่งต่างๆ เช่น
– การเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครต่างๆ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชุมชน
– การช่วยคนตาบอดหรือคนพิการ ข้ามถนน
– การให้หนังสือดีๆ สักเล่มหนึ่งหรือการให้กำลังใจ แก่คนที่ล้มเหลว เพื่อปลุกเร้าให้เขามีกำลังใจอีกครั้ง
– การช่วยเหลือ ทำความสะอาด แม่น้ำ ลำคลอง ถนน ที่สาธารณะต่างๆ
และมีอื่นๆ อีกมากมายที่คุณสามารถทำได้ เมื่อคุณได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น คุณจะมีความรู้สึกมีความสุข
ขึ้นมาทันที ดังนั้น หากว่าคุณอยากมีความสุข อยากที่จะประสบความสำเร็จ จงมีนิสัยเป็นผู้ให้หรือทำอะไรให้แก่โลกมากๆ แล้วสวรรค์ก็จะติดหนี้คุณ แต่ต้องเป็นการให้โดยน้ำใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน จงให้โดยไม่ต้องจดจำ
การให้เลือดโดยการบริจาค ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อท่านได้บริจาคเลือดแล้ว สิ่งที่ได้ตอบแทนมาก็คือ เรื่องของสุขภาพของท่านก็จะดีขึ้น เนื่องจากร่างกายได้สร้างเลือดใหม่ที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากกว่าเลือดเก่าที่บริจาคไป อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของไขกระดูก กุศลของการบริจาคเลือดที่ได้กลับมาอีกอย่างก็คือ หากว่ามีการตรวจพบความผิดปกติในเลือดของท่าน สภากาชาดจะแจ้งให้ท่านทราบโดยทันที
พลังแห่งการให้ เป็นพลังหนึ่งของจักรวาล มันมีกฏเกณฑ์และผลลัพธ์เสมอ เพียงแต่คุณเป็นผู้ให้คนอื่นมากๆ คุณก็จะได้สิ่งต่างๆ กลับคืนมาเช่นกัน แต่จะเร็วจะช้า เท่านั้นเอง เช่น อาจารย์หรือวิทยากร ที่ให้ความรู้สอนผู้อื่นมากๆ อาจารย์หรือวิทยากรผู้นั้นก็จะมีความรู้ในเรื่องที่สอนมากขึ้นด้วย ฉะนั้น จงแจกจ่ายความรู้ให้แก่ผู้อื่นแล้วความรู้นั้นก็จะกลับมาหาท่านมากยิ่งขึ้น
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือ ความสุขที่เกิดจากที่เราได้เป็นผู้ให้

#image_title

พลังของชีวิต

พลังของชีวิต

พลังแห่งชีวิต

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com



บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีพลังต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้กระผมขอเรียกว่า “พลังแห่งชีวิต” พลังแห่งชีวิตมีด้วยกันหลายด้าน เช่น

– พลังแห่งความคิด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักเป็นคนที่มีความคิดที่ดี คิดบวก คิดในเชิงสร้างสรรค์

แต่ ตรงกันข้ามบุคคลที่ล้มเหลว มักเป็นบุคคลที่คิดลบ เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ร้าย เมื่อมองโลกในแง่ร้าย บุคคลผู้นั้นก็มักจะไม่กล้าที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตจงคิดดี คิดบวก เมื่อเราเปลี่ยนความคิดชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนแปลง

– พลังแห่งอารมณ์ อารมณ์ของคนเราทำให้เรา มีพฤติกรรมต่างๆ คนที่มีอารมณ์โกรธ อารมณ์โมโห อารมณ์
ร้าย หน้าตามักไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใส ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่คนที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สดชื่น มักเป็นคนที่หน้าตาแจ่มใส เมื่อมีอารมณ์ดี ความคิดก็จะออกมาดีด้วย ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีอารมณ์ ห่อเหี่ยว อารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า วิตกกังวล ควรรีบเปลี่ยนความคิด

– พลังแห่งการพัฒนาตนเอง เป็นพลังของคนที่ประสบความสำเร็จใช้ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะ
เป็น เรื่องของการศึกษาหาความรู้จากการอ่านมากๆ ฟังวิชาการมากๆ เข้าอบรมสัมมนามากๆ เข้าสังคมดีๆ เพื่อหาเครือข่าย การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จขาดไม่ได้

– พลังแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักเกิดจากการหาต้นแบบหรือหาแรง
บันดาล ใจจากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากแม่ บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากครู บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากนักธุรกิจชื่อดัง เป็นต้น หรือ แรงบันดาลใจอาจเกิดจากความต้องการภายในของตนเองอย่างแท้จริง กล่าวคือ คนบางคนต้องการเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก หรือ บางคนต้องการเป็นนักพูดอันดับหนึ่งของเมืองไทย เป็นต้น

– พลังของคำพูดและพลังของการเขียน เมื่อท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจำเป็นต้องเขียนเป้าหมายหรือ พูด บอกเป้าหมายที่ท่านต้องการสำเร็จในชีวิต แก่คนอื่นๆ เพื่อให้คนอื่นได้รับทราบถึงเป้าหมายของตนเอง พลังของคำพูดและพลังของการเขียนยังรวมไปถึงการต้องรู้จักพูดบวก การพูดบวก เช่น ฉันเป็นคนเชื่อมั่น ฉันทำได้ ฉันเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด ฉันมีสุขภาพแข็งแรง การพูดบวกจะเป็นการโปรแกรมสิ่งที่ดีๆ ฉะนั้นจงพูดบวก เขียนบวก แล้วจงอ่านประโยคนั้นๆ ด้วยการออกเสียงดังๆ เพื่อให้ข้อความและคำพูดเข้าไปในสมอง

– พลังแห่งแรงดึงดูด เป็นพลังของการดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน และสิ่งที่ตรงข้ามกันออกจากกัน เช่นน้ำ
กับ น้ำมัน เข้ากันไม่ได้ฉันใด คนที่มีความแตกต่างกันก็มักจะไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ความคิดของเราก็เช่นกัน หากท่านคิดในสิ่งที่ดีๆ คิดบวก สิ่งที่ดีๆก็จะเกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านคิดลบหรือคิดสิ่งที่ร้ายๆ สิ่งต่างๆที่ร้ายๆก็จะดึงดูดมาหาท่าน
แต่คนเราโดยมากมักคิดลบมากกว่า คิดบวก อีกทั้งยังจดจำประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้ายมากกว่าประสบการณ์ที่ดีๆ ฉะนั้นจงฝึกคิดบวกบ่อยๆ แล้วจิตใต้สำนึกก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดของเราให้คิดบวกมากขึ้น

– พลังแห่งการกระทำ เป็นพลังที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากหากขาดการกระทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะไม่เกิด
การ เปลี่ยนแปลงขึ้น เราคงเคยไปอบรมหลักสูตรต่างๆ แต่กลับมาแล้วไม่ได้นำสิ่งที่อบรมมาลงมือกระทำ พฤติกรรมต่างๆของเราก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จงลงมือปฏิบัติ จงลงมือกระทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เมื่อคุณลงมือปฏิบัติชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

พลังแห่งชีวิตที่กล่าวในข้อความข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ลงมือปฏิบัติ ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ พลังแห่งชีวิตจะปรากฏขึ้น หากว่าท่านมีความต้องการและแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกระทำ เมื่อความคิดเปลี่ยน การกระทำเปลี่ยน ชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลง จงลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในภายหน้า

#image_title

การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้โทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

เราต้องยอมรับว่า โทรศัพท์ มีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตหรือการดำเนินชีวิตของเราเป็น อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์สำหรับการติดต่อสื่อสารกันภายในครอบครัว การใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารเรื่องธุรกิจการงาน การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และควรศึกษา

การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรหรือของหน่วยงาน ด้วยการติดต่อทางโทรศัพท์  การติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เป็นด่านแรก สำหรับการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ไม่ว่าการติดต่อจะออกมาในรูปแบบใด ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดการตราตรึงในหัวใจตลอดไป ฉะนั้น องค์กร บริษัท ห้างร้าน หน่วยงาน ควรมีการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของตนเอง

การสนทนาทางโทรศัพท์ ควรยึดหลักในเรื่องของ  มารยาท , รวดเร็ว , ความชัดเจน

–                     มารยาท ควรคำนึงถึงเรื่องของการใช้น้ำเสียงในการพูด ไม่ควรพูดด้วยอารมณ์โกรธ โมโหฉุนเฉียว

ไม่พอใจ เพราะการแสดงอารมณ์ต่างๆมักจะถ่ายทอดไปยังความรู้สึกของผู้รับฟังได้ การพูดโทรศัพท์ที่ดีควรใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น อ่อนหวานนุ่มนวล หลีกเลี่ยงคำพูดที่ไม่เหมาะสม เช่นการพูดเกี้ยวพาราสี การพูดลวนลาม

–                    รวดเร็ว ควรรีบหยิบหูฟังขึ้น ไม่ควรให้ฝ่ายตรงกันข้ามรอนาน ควรใช้คำพูดให้กระชับ หลีกเลี่ยง

การพูดเรื่องไร้สาระ เนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งอาจมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ

–                    ความชัดเจน เป็นคำพูดที่มีความถูกต้อง มีความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ควรพูดให้มี

จังหวะที่ถูกต้อง ไม่พูดคลุมเครือ สับสน จนฟังไม่รู้เรื่อง

การใช้กระดาษบันทึก ควรจัดกระดาษบันทึกและปากกาไว้บริเวณใกล้ๆ กับโทรศัพท์เพื่อที่จะได้หยิบใช้ได้ทันที กระดาษบันทึกควรเป็นสมุดที่ฉีกได้ มีขนาดกะทัดรัดเหมาะสมแก่การบันทึกข้อความต่างๆ สำหรับการบันทึกควรเขียนด้วยตัวบรรจงให้ผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย ควรลงรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องของตัวเลข วัน เวลา ข้อมูลต่างๆ

ศิลปะการพูดทางโทรศัพท์ ควรพูดด้วยระดับน้ำเสียงที่ไม่ดังมากเกินไปหรือเบาเกินไป แต่ควรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังพอสมควร เพื่อจะทำให้เกิดความชัดเจนในการรับฟัง อีกทั้งไม่ควรพูดเร็วเกินไปหรือช้าจนเกินไป ควรมีจังหวะในการพูดให้มีความเหมาะสม มีการเว้นวรรคตอน การเว้นช่วงให้อีกฝ่ายสามารถพูดตอบโต้ได้ ควรมีคำพูดที่เป็นลักษณะการตอบรับที่มีความสุภาพ เช่น คำว่า ครับ ค่ะ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าเรากำลังสนใจในเรื่องที่เขาพูด

การนัดหมายทางโทรศัพท์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการติดต่อทางธุรกิจ หากไม่มีการนัดหมายจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเวลาที่จะพูดคุยด้วย การนัดผ่านทางโทรศัพท์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการทำธุรกิจ ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนโดยประมาณ อาจนัดล่วงหน้าประมาณ 2-7 วัน สำหรับการนัดหมายควรจัดเวลาที่ทั้งคู่มีเวลาที่ว่าง ควรบอกวัน เวลา ที่ชัดเจน ถ้าหากมีเลขา ควรแนะนำตนเองให้เลขารู้จัก แล้วจึงขอนัดหมายการนัด  และก่อนจบการสนทนาให้เราทบทวนการนัดหมายอีกครั้งเพื่อความชัดเจนและย้ำเตือน ให้อีกฝ่ายไม่หลงลืม

เมื่อเกิดความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ของผู้อื่น เราควรขออนุญาต ไม่ควรหยิบโทรศัพท์ของผู้อื่นหรือในสำนักงานของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ขออนุญาต ก่อน ควรขอคำแนะนำหากเราไม่เข้าใจการใช้เครื่องโทรศัพท์ เนื่องจากโทรศัพท์บางรุ่นมีความทันสมัย ระหว่างการสนทนาไม่ควรพูดเสียงดังจนเกินไป ควรบอกอีกฝ่ายหนึ่งว่า นี่เป็นโทรศัพท์ที่ขอยืมจาก ผู้อื่นใช้ อีกทั้งควรพูดแต่ธุระที่สำคัญที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อใช้เสร็จแล้วควรกล่าวคำขอบคุณ

เราจะเห็นได้ว่าการใช้โทรศัพท์มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่เป็นยุคของการแข่งขัน ยุคของความรวดเร็ว ซึ่งการใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างมากมาย เช่น ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง  เกิดความสะดวก รวดเร็ว ช่วยในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการใช้โทรศัพท์ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างคนในสังคมอีกด้วย

                                   

#image_title

การหาต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จ

การหาต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จเกิดจากการหา ต้นแบบ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com



จง COPY คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จ นี่คือ ปรัชญาข้อหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
การหาต้นแบบแล้ว COPY แบบของต้นแบบมีความสำคัญมาก หากว่าเราเพียงแต่ COPY เพียงแค่ 1 วิธี ท่านก็จะช่วยลดเวลาในเส้นทางอาชีพของท่านไปได้มาก ขอย้ำจงหา วิธีที่สำเร็จ เพียง 1 วิธี มีค่ามากกว่า การหา 1,000 วิธีที่ไม่ประสบความสำเร็จ

จงศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จ จงสังเกตคนที่ประสบความสำเร็จทำอย่างไรแล้วเราก็ทำตาม เช่น ดูการพูดคุย ดูบุคลิก ดูการวางแผน ดูการใช้ชีวิต แล้วก็ COPY นี่คือสูตรสำเร็จของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ยิ่งถ้าหากท่านอยู่ในธุรกิจ ที่จำเป็นจะต้องขายด้วย ท่านยิ่งไม่ต้องคิดมาก ท่านควร COPY คนที่ประสบความสำเร็จเลย เช่น วงการขายประกันชีวิต วงการธุรกิจเครือข่าย ฯลฯ
บันไดสู่ความสำเร็จ การคัดรายชื่อบุคคลที่เราจะขายหรือให้โอกาสธุรกิจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักมีขั้นตอนดังนี้คือ การจดรายชื่อ ทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง ชื่อเล่น อาชีพ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ที่ทำงาน แล้วทำการแบ่งแยกอีกครั้งหนึ่ง โดยการแยกตามกลุ่มต่างๆเช่น กลุ่มเพื่อน กลุ่มญาติ กลุ่มคนรู้จักห่างๆแบบไม่สนิทหลังจากนั้น ก็แบ่งเกรดลูกค้าโดยแบ่งออกเป็น ลูกค้ามีเงินไหม ลูกค้ามีอำนาจสั่งการได้ไหม ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าไหม ฯลฯ

ประสบความสำเร็จ โดย 4 เชื่อ 4 เกาะ

4 เชื่อ คือ

1.เชื่อมั่นบริษัท ( ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวบริษัทก่อน ว่าบริษัทมีความมั่นคง )

2.เชื่อ มั่นในผลิตภัณฑ์ ( ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวสินค้า บริการของบริษัท โดยวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ท่านควรใช้สินค้าและบริการของบริษัท เพื่อให้เกิดความมั่นใจในตัวสินค้าและบริการมากขึ้น)

3.เชื่อมั่นใน แผนตลาดของบริษัท ( ท่านจะต้องมีความเชื่อมั่นในแผนการตลาดของบริษัท ว่าเป็นไปได้ และควรศึกษาให้มากที่สุดเพื่อท่านจะได้ไปอธิบายแก่ผู้มุ่งหวังหรือคนที่ท่าน จะให้โอกาสทางธุรกิจ)

4.เชื่อมั่นในตนเอง (ท่านควรเชื่อมั่นในตนเอง ว่าถ้าคนที่ประสบความสำเร็จทำได้เราก็ทำได้ ถ้าคนอื่นทำสำเร็จ เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน)

4 เกาะ คือ

1.เกาะ เกาะบริษัท คือ เราเป็นนักขาย เราไม่ได้กินเงินเดือน ดังนั้น ท่านสามารถที่จะไม่ไปบริษัทก็ได้ แต่ในความเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จ จะต้องหาเวลา แบ่งเวลา ในการเข้าไปบริษัท

หรือที่ทำงาน เข้าไปเพื่อหาข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของบริษัท การแข่งขัน

2.เกาะ สินค้า คือ หากท่านเป็นนักขาย ท่านควรศึกษาทำความเข้าใจสินค้าที่ท่านจะขายให้มากที่สุด เมื่อลูกค้าสนใจ ท่านสามารถเสนอขายหรือตอบข้อโต้แย้งได้

3.เกาะหัวหน้า คือ งานขายเป็นงานที่ต้องถูกปฏิเสธ อีกทั้งเป็นงานที่ต้องการกำลังใจในการทำงาน การเข้าหาหัวหน้า การปรึกษาหัวหน้าจะทำให้ท่านเกิดกำลังใจในการทำงาน อีกทั้งเมื่อมีปัญหา หัวหน้าก็สามารถตอบปัญหาหรือหาทางแก้ปัญหาให้แก่ท่านได้

4.เกาะ วิชาการ คือ งานขายเป็นศาสตร์และศิลปะ อีกทั้งยังต้องอาศัยทักษะในการทำงาน การฟังเทป การฟัง VCD การฟังบุคคลที่ประสบความสำเร็จบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวพัฒนาการขายของนักขายได้

และยังมีอีกหลายเทคนิคที่คนที่ประสบความสำเร็จฝึกฝนและปฏิบัติ กระผมเองขอทยอยเขียนเป็นบทความเพื่อให้ผู้อ่านได้หาความสำราญกัน สรุปคือ หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรวดเร็ว ท่านไม่ควรคิดมากหรือหาวิธีของตนเอง จะทำให้ท่านเสียเวลา ท่านควรใช้วิธี COPY บุคคลที่ประสบความสำเร็จ แล้วท่านก็จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จตามบุคคลต้นแบบที่ท่านได้เลือก ขอให้ประสบความสำเร็จดังความตั้งใจครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

#image_title

ความสำเร็จความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวเอง

ความสำเร็จความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวเอง

ความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวท่าน
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ในโลกนี้ไม่มีใครเจริญรุ่งโรจน์ ร่ำรวย ก้าวหน้า ในชีวิตตามยถากรรม แม้แต่คนที่เกิดมาร่ำรวย เงินทอง ถ้าหากไม่มีการพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด สักวันหนึ่งก็คงต้องถดถอย ตกต่ำ ยากจน ฉะนั้นหากต้องการความเจริญก้าวหน้า เราคงต้องพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด

– มีงานวิจัยของต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ผู้วิจัยได้ไปศึกษาประวัติ ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
ใน อดีต และปัจจุบัน พบว่า ทุกคนที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนกันก็คือเรื่องของเป้าหมายในชีวิต การมีเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
การมีเป้าหมายในชีวิต คือ ท่านต้องระบุหรือเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าท่านต้องการอะไรอย่าง แท้จริง เช่น ท่านต้องการเป็นนักขายอับดับหนึ่งของเมืองไทยภายใน10 ปี , ท่านต้องการเป็นนักธุรกิจ 100 ล้าน ภายในเวลา 20 ปี , ท่านต้องการมีเงินเก็บฝากธนาคาร 20 ล้านบาทภายใน 10 ปี ฯลฯ
แต่ถ้าลองไปถามคนสัก 100 คน มีคนประมาณ 80-90 คน มักตอบว่า ฉันต้องการเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ , ฉันต้องการเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง , ฉันต้องการร่ำรวยมีเงินทองมากๆ ฯลฯ คำตอบเหล่านี้ฟังแล้วดูดี แต่หากใช่การวางแผนเป้าหมายที่ดีไม่ เนื่องจากการวางเป้าหมายที่ดีท่านต้องระบุให้ชัดเจนอีกทั้งต้องระบุวันเวลา ให้ชัดเจนด้วย

– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องมีความกระตือรือร้นเสมอ มีความจดจ่อต่อเป้าหมายที่
ตน เองวางไว้ ไม่พลัดวันประกันพรุ่ง ต้องเรียนรู้การกระตุ้นตนเอง ถ้าหากเป็นผู้นำ ก็ต้องเรียนรู้การจูงใจลูกทีมหรือเรียนรู้การกระตุ้นลูกทีม ความกระตือรือร้นหากมีอยู่กับใคร คนคนนั้นมักจะประสบความสำเร็จอย่างสูง
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องรู้จัก อดทนต่ออุปสรรค ต้องรู้จักอดทนต่อการถูกดูถูก
เหยียดหยาม อดทนต่อสิ่งที่มารบกวนเล็กๆน้อยๆ ขอให้จำไว้ว่า ความอดทนนั้นเป็นสิ่งที่น่าขื่นขม แต่ผลของมันหวานชื่นเสมอ
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต จะต้องเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง หากว่าเรามี
เป้า หมายที่แน่นอน หากว่าเรามีความอดทน หากว่าเรามีความกระตือรือร้น แต่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ท่านจะไม่สามารถเป็นอะไรได้เลย ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในชีวิตการทำ งาน
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องรู้จักมองโลกในแง่ดี คิดบวก มีอารมณ์ขัน คนที่ประสบ
ความ สำเร็จส่วนใหญ่มักเป็นคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี อีกทั้งยังมีอารมณ์ขัน การคิดบวกทำให้เห็นช่องทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค แต่การคิดลบมักทำให้ไม่เห็นทางออกของปัญหา การคิดบวกจะทำให้เกิดความสดชื่นแจ่มใส แต่การคิดลบ มักทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต มักเป็นคนที่เลือกทำงานในงานที่ตนรัก ถนัด การได้ทำงาน
ใน สิ่งที่ตนรักและถนัด มักจะทำให้การทำงานเป็นเรื่องที่สนุก ไม่เครียด อีกทั้งสามารถทำได้เป็นเวลานานๆ แต่หากเลือกทำงานในสิ่งที่ตนไม่รักหรือไม่ถนัด ก็จะทำให้ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน ไม่มีความสุข อยากเลิกทำงานไวๆ อยากลาออกจากงานนั้นๆ
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ เป็นคนที่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นคนที่ทำงานกับผู้อื่นด้วยความราบรื่น อีกทั้งมีความสามารถในการทำงานเป็นทีมได้ดี
– บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์จะต้องกล้าที่จะล้มเหลว ผู้ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงมักจะ
ต้อง ผ่านความล้มเหลวมาก่อน แต่เขาเหล่านั้นไม่ยอมล้มเลิก เขาจึงประสบความสำเร็จในชีวิต เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์เอกของโลก กว่าเขาจะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้เขาต้องล้มเหลวเป็นหลายร้อยครั้ง แต่เขาไม่ยอมล้มเลิกเขาจึงประสบความสำเร็จในการผลิตหลอดไฟฟ้าหลอดแรกของโลก ได้ แต่ถ้าหากเขาล้มเลิก พวกเราก็คงจะไม่ได้ใช้หลอดไฟฟ้าจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ขอให้ท่านเชื่อว่าท่านสามารถกำหนดโชคชะตาของตนเองได้ ถ้าหากว่าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้ แต่ถ้าวันใดท่านมีความเชื่อว่าท่านทำไม่ได้ จิตใต้สำนึกก็จะสั่งการให้ท่านทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ บัดนี้ความรุ่งโรจน์ได้ผ่านมายังมือท่านแล้ว ขอให้ท่านกล้าที่จะคว้ามันและเชื่อมั่นว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่สามารถเปลี่ยน แปลงตนเองเพื่อความรุ่งโรจน์ของท่านในอนาคตได้

#image_title

#image_titleท่

กลยุทธ์การสร้างภาพพจน์ของท่านในองค์กรของท่านเอง

กลยุทธ์การสร้างภาพพจน์ของท่านในองค์กรของท่านเอง

กลยุทธ์การสร้างภาพพจน์ของท่านในองค์กร
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

การทำงานให้เจริญเติบโตก้าวหน้าในองค์กร การมีภาพลักษณ์ที่ดีของท่านมีความสำคัญต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก การมีภาพลักษณ์ที่ดีของท่านในองค์กร จะทำให้เจ้านาย หัวหน้างาน เกิดความรัก การสนับสนุน การช่วยเหลือ แก่ท่าน
ฉะนั้นการสร้างภาพลักษณ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในองค์กรมีดังนี้
1.ท่านต้องมีผลงาน การทำงานที่ดี ท่านจะต้องแสดงผลงานที่ท่านได้รับหน้าที่ ได้รับมอบหมายและได้รับผิดชอบ ให้สำเร็จ การทำงานที่รับผิดชอบแล้วมีผลงานเกิดขึ้นมาอย่างมากมายจะทำให้ เจ้านาย หัวหน้างาน เกิดความชื่นชมในตัวท่าน หรือบางท่านอาจทำงานไม่มีผลงานมากมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรให้งานต่างๆ ที่รับผิดชอบเกิดความเสียหาย
2.จำชื่อผู้บริหารระดับสูงให้ได้ อีกทั้งต้องควรศึกษาประวัติ ลักษณะนิสัยคร่าวๆ การจำชื่อผู้บริหารแล้วเรียกได้ถูกต้องจะทำให้ผู้บริหารระดับสูงเกิดความ ภาคภูมิใจ การศึกษาลักษณะนิสัยของผู้บริหารจะทำให้เราทราบว่า เขาเป็นคนมีลักษณะอย่างไร จะทำให้เราปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมกับบุคคลนั้นๆ
3.เขียนบทความเขียนข่าวสารลงในวารสาร จดหมายข่าวขององค์กร การเขียนบทความ เขียนข่าวสารของตนเองลงในวารสารหรือลงในจดหมายข่าวขององค์กร เมื่อเจ้านาย หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องเห็น ก็จะทำให้ท่านเป็นที่รู้จักในองค์กรของท่านมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเขียนบทความจะทำให้ผู้อ่าน ทราบว่าท่านเป็นคนที่สนใจและมีความรู้ในเรื่องที่ท่านเขียน
4.ช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรหรือหน่วยงานภายนอกจัด การช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรจัด จะทำให้ท่านได้รู้จักกับบุคคลต่างๆในองค์กรมากขึ้น นับตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานระดับล่าง การช่วยเหลืองานกุศลทั้งภายในและภายนอกองค์กร นอกจากจะได้รับบุญกุศลแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ของท่านดูดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่พบเห็น
5.ฝึกการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ เช่นฝึกการพูด ฝึกการเขียน ให้สื่อสารได้อย่างชัดเจน เฉียบคม การพัฒนาการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ จะทำให้ท่านมีความเป็นผู้นำ อีกทั้งทำให้บุคคลต่างๆ รู้จักท่านมากยิ่งขึ้น เช่น การกล้าแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่ประชุม , การกล้าเขียนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร ต่อสังคม ตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ (จดหมายข่าว วารสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสาร)
6.เรียนรู้การเมืองในองค์กร การที่คนอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นองค์กร เป็นหน่วยงาน ย่อมต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ แบ่งระดับการปกครอง เพื่อให้เกิดความง่ายต่อการทำงานร่วมกัน ทุกองค์กร ทุกประเทศชาติ ย่อมไม่สามารถเลี่ยงหลีกคำว่า “ การเมือง ” ไปได้ ในองค์กรทุกๆองค์กร ก็มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จงเรียนรู้การเมืองในองค์กร แล้วท่านจะสามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในองค์กร
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเจริญก้าวหน้าในองค์กร การเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีในองค์กร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ สรุปก็คือ ท่านสามารถเพิ่มลักษณ์ที่ดีในองค์กรได้โดยวิธีการ สร้างผลงาน จำชื่อและควรศึกษาประวัติของผู้บริหารระดับสูง เขียนบทความเขียนข่าวสารลงในจดหมายข่าว วารสาร ขององค์กร ช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรหรือหน่วยงานภายนอกจัด ฝึกการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ และเรียนรู้การเมืองในองค์กร

#image_title