คิด ทำ อย่างมหาเศรษฐีเงินล้าน

คิด ทำ อย่างมหาเศรษฐีเงินล้าน

คิดทำอย่างเศรษฐี
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนที่จะเป็นเศรษฐี มักมีบุคลิก ลักษณะ ทัศนคติ นิสัยใจคอ ส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน เช่น หากผมชี้ไปยังกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งแล้ว ถามพวกเราว่าคนกลุ่มดังกล่าวใครเป็นคนมีฐานะดีร่ำรวย ผมเชื่อแน่ว่าหลายๆคนอาจชี้เหมือนกัน กล่าวคือ ดูจากบุคลิก ท่าทาง การพูดจา เรียกว่าคนๆนั้นเป็นคนมี “ ราศีจับ ” นั้นเอง
ดังนั้น การจะเป็นเศรษฐีท่านจำเป็นจะต้องเรียนรู้และสังเกตว่า บรรดาคนมีฐานะดี ร่ำรวยและเป็นเศรษฐีเขาคิดกันอย่างไร ซึ่งอาจพูดรวมได้ว่าเศรษฐีส่วนใหญ่มีหลักการสำคัญที่เหมือนกันดังนี้
1.มีความคิดว่าตนเองมีสิทธิเป็นเศรษฐีหรือร่ำรวยได้ วิธีการสร้างความคิด ความฝัน ที่ดีวิธีหนึ่งก็คือ หมั่นจินตนาการว่า ตนนอนหลับในบ้านหลังใหญ่ที่สวยหรู จินตนาการว่าตนขับรถคันใหญ่ราคาแพง มีคนใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ถ้าหากท่านจินตนาการบ่อยๆ ทุกๆวัน วันละหลายๆครั้งหลายๆนาที ก็จะทำให้จิตใต้สำนึกของท่านรับรู้ความรู้สึกนั้นมากขึ้น ถ้าจะให้ดีท่านควรตัดภาพรูปรถ รูปบ้านที่ตนเองต้องการ ติดไว้ในห้องทำงาน ห้องนอน แล้วมองมันทุกวัน หลักการนี้เป็นหลักการที่บริษัทฝึกอบรมเกี่ยวกับการขายใช้ในการอบรมนักขาย
2.เขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร จงเขียนเป้าหมายที่ท่านต้องการเป็นโดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรโดยแบ่งเป็น เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายระยะยาว เพราะหากไม่มีเป้าหมายก็ไม่มีทิศทาง พวกเราคงเห็นเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล เมื่อถูกคลื่นซัดไปทางใดมันก็จะเคลื่อนไปทางนั้น แต่หากเรากำหนดทิศทางหรือมีเป้าหมาย เรือลำนั้นถึงแม้จะเจอคลื่นลม ก็สามารถฝ่าฟันคลื่นลมไปยังฝั่งเป้าหมายได้ ฉะนั้นควรกำหนดเป้าหมายว่าปีหน้าเราจะสร้างรายได้เท่าไร แล้วจงเขียนมันขึ้นมา
3.หาวิธีการ เมื่อมีจินตนาการ เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ควรหาวิธีการในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เช่น ปีหน้าเราตั้งเป้าหมายว่าเราจะมีรายได้ 1 ล้านบาท เราจะทำอย่างไร เช่น เราจะเขียนหนังสือขาย เราจะขายประกันชีวิต เราจะทำธุรกิจเครือข่าย ทำจะประกอบธุรกิจ ฯลฯ เพื่อที่จะหาเงินให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
4.ลงมือทำทันที เมื่อมีจิตนาการ เมื่อมีเป้าหมาย เมื่อมีวิธีการแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การลงมือทำทันที บางคนมีจินตนาการสูง บางคนมีเป้าหมายชัดเจน บางคนมีวิธีการที่สวยหรู แต่ขาดการลงมือทำทันที สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่บังเกิดผล จงเริ่มต้นลงมือทำ
สำหรับแนวความคิด การกระทำ การดำเนินชีวิต คนที่ต้องการสร้างฐานะหรือเป็นเศรษฐีควรทำเป็นประจำก็คือ
– การพูดให้กำลังใจตนเองเป็นประจำ หากทำได้ควรทำทุกๆวัน ทุกๆตอนเช้า เช่นพูดชมเชยตนเอง พูดว่าฉัน
เป็น คนเก่งที่สุด พูดออกมาดังๆว่า ฉันเยี่ยมที่สุด เป็นต้น การพูดชมเชย การพูดให้กำลังใจตนเองบ่อยๆ และในยามเช้าๆ จะทำให้เราทำงานด้วยความเบิกบานและมีความสุขเนื่องจากอารมณ์ดีสดชื่นแจ่มใส
– มองงานที่ทำให้มีความสนุก หากทำงานที่เราไม่ชอบ งานนั้นอาจสร้างความทุกข์ให้แก่เรา แต่หากเราได้
ทำ งานที่เราชอบ งานนั้นจะเป็นงานที่สร้างความสุข ความสนุกให้แก่ตัวเราเอง จงปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน จงปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้รวดเร็วขึ้น เช่น หากเรากำลังติดแสตมป์บนซองจดหมายซึ่งมีจำนวนมากเป็นพันซอง เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะติดให้รวดเร็วขึ้น เป็นต้น
– จงทำงานให้เกินเงินเดือน การทำงานให้เกินเงินเดือน มักจะทำให้เราเกิดประสบการณ์ในการทำงาน การ
ทำ งานเกินเงินเดือน จะทำให้เราเรียนรู้ระบบการทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เจ้าของกิจการชื่นชอบ และในอนาคตหากต้องการออกไปประกอบอาชีพเองหรือเป็นเจ้าของกิจการเองก็สามารถ นำประสบการณ์ไปใช้ได้
– มีแนวคิดการใช้เงินหรือระบบทำงานแทน เช่น มีแนวคิดจะลงทุนในหุ้น ลงทุนในที่ดิน ลงทุนในระบบธุรกิจ
เครือ ข่าย เป็นต้น คนที่จะเป็นเศรษฐี ส่วนใหญ่มักมีแนวความคิดที่จะใช้เงินลงทุน กล่าวคือ ใช้เงินต่อเงิน หรือใช้เงินไปหาเงินให้มีเพิ่มมากขึ้น
ฉะนั้น หากต้องการเป็นคนร่ำรวย มีฐานะดี เป็นเศรษฐี ท่านควรหาต้นแบบ ท่านควรศึกษา แนวคิดของบรรดาเศรษฐี ว่าเขาลงทุนอะไร เขามีวิธีการลงทุนอย่างไร ถึงได้เกิดความร่ำรวยขึ้น เมื่อศึกษาจากคนต้นแบบแล้วจงเริ่มลงมือทำตามบุคคลต้นแบบ ท่านก็จะเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นเศรษฐี

#image_title

จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ

จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ

คุมโชคชะตา คว้าความสำเร็จ

                                        จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

ความตกต่ำ เป็นสิ่งที่คนเราไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความตกต่ำในชีวิต ความตกต่ำของภาวะจิตใจ ความตกต่ำของสภาพร่างกาย แต่ในความจริงเราไม่สามารถเลี่ยงหนีกับความตกต่ำนั้นได้ ดังคำสอนทางพุทธศาสนาเรื่อง โลกธรรม 8 คือ ได้ลาภ , ได้ยศ , ได้รับสรรเสริญ ,ได้สุข , เสียลาภ , เสื่อมยศ ,ถูกนินทาและพบความทุกข์ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ทุกๆคนต้องประสบ แต่จะพบมากหรือน้อย ช้าหรือเร็ว เท่านั้นเอง
การดำเนินชีวิตของคนเราหรือการทำงาน เราก็ต้องพบเจอกับความตกต่ำเช่นกัน แต่ทั้งนี้บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะทำความเข้าใจธรรมชาติของมันว่า ความตกต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ถาวรเป็นสิ่งชั่วคราว ในความจริงแล้วช่วงชีวิตของคนเรามีขึ้น มีลง หากทำความเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ได้ก็จะทำให้ความวิตกกังวลลดน้อยลง
สำหรับเทคนิคในการเผชิญหน้ากับความตกต่ำมีดังนี้
1.สร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จมักมีเป้าหมายหรือแรงบันดาลใจในชีวิต การมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจจะทำให้เรามีชีวิตที่ไม่จืดชืด แต่มีความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน เมื่อตกอยู่ในสภาพตกต่ำก็ไม่ท้อถอยง่ายๆ
2.เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำมักใช้เวลาในการปรับสภาพหรือทำใจนาน แต่คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำก็ใช้เวลาสั้นๆหรือไม่นานนักในการทำใจ หากใครที่ปรับสภาพหรือทำใจนาน ก็มักจะตกอยู่ในสภาพตกต่ำนานและพบกับความทุกข์ ดังนั้นจงเรียนรู้และพัฒนาจิตใจให้เป็นคนเข้มแข็ง ทำใจให้ลุกขึ้นสู้กับสภาพตกต่ำก็จะทำให้ท่านเกิดภาวะตกต่ำที่ไม่รุนแรงและ ไม่กินเวลานาน
3.ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า คนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะไม่โอดครวญ ถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แต่เขาจะยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้าอย่างท้าทาย เขาจะไม่ด่าดินฟ้าอากาศ เขาจะไม่ด่าทอเทพพระเจ้าองค์ใด แต่เขาจะเตรียมพร้อมที่จะรับมือ อีกทั้งยังมีความคิดในแง่บวกว่าอุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องทดสอบจิตใจ
4.ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ในบางครั้งความตกต่ำเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส ในบางเรื่องเราก็ไม่เคยพบเจอ เราควรขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือบุคคลที่เคยเผชิญกับความตกต่ำมา ก่อน ว่าเขามีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร การขอคำแนะนำดังกล่าวจะทำให้เรา มีวิธีการในการแก้ไขปัญหามากขึ้น
5.นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ ในช่วงชีวิตของเราในอดีตมักมีบางช่วงที่มีความตกต่ำ แต่เราก็สามารถผ่านพ้นมาได้ การนึกถึงอดีตที่เราสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ กำลังความคิด ในการแก้ไขปัญหา
6.รู้จักปล่อยวาง ทุกสรรพสิ่งในโลกเรานี้ มักมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป จิตใจหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ก็มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ถ้าภาวะความตกต่ำ บางอย่างเราแก้ไขไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้มันดับไปเอง โดยการต้องรู้จักปล่อยวาง เมื่อวัน เวลา เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไป
7.มองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา จะทำให้เราเกิดกำลังใจ ความมานะบากบั่นในการต่อสู้เหตุการณ์ หากเราสังเกตและศึกษาประวัติต่างๆ ของคนที่ประสบความสำเร็จ เขาเคยตกต่ำและลำบากกว่าเราแต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้ หรือหากเราดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เราก็จะเห็นว่ามีคนในโลกนี้อีกมากมายที่ลำบากกว่าเราหรือตกต่ำกว่าเรา
ดังนั้นการเผชิญหน้ากับความตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ ความอดทนและท้าทายจิตใจ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหลีกหนีมันได้ ฉะนั้นจึงขอให้เราเผชิญหน้ากับมันโดยอาศัยเทคนิคดังกล่าวคือ การสร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต , เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง , ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า , ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ , นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ , รู้จักปล่อยวาง และมองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา

#image_title

การให้คือพลังแห่งชีิวิต

การให้คือพลังแห่งชีิวิต

พลังแห่งการให้
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

มือของผู้ให้ย่อมอยู่เหนือมือของผู้รับ และเราจะเป็นสุขใจเมื่อเราได้เป็นผู้ให้
พลังแห่งการให้ เป็นบุคลิกลักษณะหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เพราะคนที่ให้มักจะเป็นคนที่มีมากพอแล้ว เราถึงไม่แปลกใจว่าทำไม มหาเศรษฐีต่างๆ จึงตั้งมูลนิธิเพื่อบริจาค เงิน สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า ดังเช่น บิล เกตส์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ เพื่อช่วยเหลือด้านสุขอนามัย และด้านคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา
พลังแห่งการให้ จะเป็นตัวช่วยให้คุณร่ำรวยยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ก่อกำเนิดมาจากร้านขายน้ำแข็งเล็กๆ ในเมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ของสหรัฐอเมริกา เปิดบริการขายน้ำแข็งตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่ม วันละสิบหกชั่วโมง ในขณะนั้น แต่เนื่องจากเจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” มีพลังแห่งการให้ กล่าวคืออยากให้บริการแก่ผู้คนโดยมีสินค้าที่หลากหลายจึงได้เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นม ขนมปัง สบู่ ยาสีฟัน ปากกา ดินสอ สมุดฯลฯ ต่อมา ด้วยพลังแห่งการให้บริการ เจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ต้องการให้บริการแก่ชาวอเมริกามากขึ้น จึงได้ขยายสาขาออกไปทั่วสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน ด้วยพลังแห่งการให้บริการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ใช้ระบบโดยการเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงและมีสาขาเกือบทั่วโลก
พลังแห่งการให้ หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย ถามว่าแล้วเราจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้บ้าง ได้ครับ การเป็นผู้ให้ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่ท่านคิด เราสามารถ ให้โดยการลงแรง ให้โดยการช่วยคิด ให้ความรู้ทางปัญญาและให้สิ่งต่างๆ เช่น
– การเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครต่างๆ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชุมชน
– การช่วยคนตาบอดหรือคนพิการ ข้ามถนน
– การให้หนังสือดีๆ สักเล่มหนึ่งหรือการให้กำลังใจ แก่คนที่ล้มเหลว เพื่อปลุกเร้าให้เขามีกำลังใจอีกครั้ง
– การช่วยเหลือ ทำความสะอาด แม่น้ำ ลำคลอง ถนน ที่สาธารณะต่างๆ
และมีอื่นๆ อีกมากมายที่คุณสามารถทำได้ เมื่อคุณได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น คุณจะมีความรู้สึกมีความสุข
ขึ้นมาทันที ดังนั้น หากว่าคุณอยากมีความสุข อยากที่จะประสบความสำเร็จ จงมีนิสัยเป็นผู้ให้หรือทำอะไรให้แก่โลกมากๆ แล้วสวรรค์ก็จะติดหนี้คุณ แต่ต้องเป็นการให้โดยน้ำใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน จงให้โดยไม่ต้องจดจำ
การให้เลือดโดยการบริจาค ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อท่านได้บริจาคเลือดแล้ว สิ่งที่ได้ตอบแทนมาก็คือ เรื่องของสุขภาพของท่านก็จะดีขึ้น เนื่องจากร่างกายได้สร้างเลือดใหม่ที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากกว่าเลือดเก่าที่บริจาคไป อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของไขกระดูก กุศลของการบริจาคเลือดที่ได้กลับมาอีกอย่างก็คือ หากว่ามีการตรวจพบความผิดปกติในเลือดของท่าน สภากาชาดจะแจ้งให้ท่านทราบโดยทันที
พลังแห่งการให้ เป็นพลังหนึ่งของจักรวาล มันมีกฏเกณฑ์และผลลัพธ์เสมอ เพียงแต่คุณเป็นผู้ให้คนอื่นมากๆ คุณก็จะได้สิ่งต่างๆ กลับคืนมาเช่นกัน แต่จะเร็วจะช้า เท่านั้นเอง เช่น อาจารย์หรือวิทยากร ที่ให้ความรู้สอนผู้อื่นมากๆ อาจารย์หรือวิทยากรผู้นั้นก็จะมีความรู้ในเรื่องที่สอนมากขึ้นด้วย ฉะนั้น จงแจกจ่ายความรู้ให้แก่ผู้อื่นแล้วความรู้นั้นก็จะกลับมาหาท่านมากยิ่งขึ้น
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือ ความสุขที่เกิดจากที่เราได้เป็นผู้ให้

#image_title

พลังของชีวิต

พลังของชีวิต

พลังแห่งชีวิต

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com



บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีพลังต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้กระผมขอเรียกว่า “พลังแห่งชีวิต” พลังแห่งชีวิตมีด้วยกันหลายด้าน เช่น

– พลังแห่งความคิด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักเป็นคนที่มีความคิดที่ดี คิดบวก คิดในเชิงสร้างสรรค์

แต่ ตรงกันข้ามบุคคลที่ล้มเหลว มักเป็นบุคคลที่คิดลบ เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ร้าย เมื่อมองโลกในแง่ร้าย บุคคลผู้นั้นก็มักจะไม่กล้าที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตจงคิดดี คิดบวก เมื่อเราเปลี่ยนความคิดชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนแปลง

– พลังแห่งอารมณ์ อารมณ์ของคนเราทำให้เรา มีพฤติกรรมต่างๆ คนที่มีอารมณ์โกรธ อารมณ์โมโห อารมณ์
ร้าย หน้าตามักไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใส ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่คนที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สดชื่น มักเป็นคนที่หน้าตาแจ่มใส เมื่อมีอารมณ์ดี ความคิดก็จะออกมาดีด้วย ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีอารมณ์ ห่อเหี่ยว อารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า วิตกกังวล ควรรีบเปลี่ยนความคิด

– พลังแห่งการพัฒนาตนเอง เป็นพลังของคนที่ประสบความสำเร็จใช้ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะ
เป็น เรื่องของการศึกษาหาความรู้จากการอ่านมากๆ ฟังวิชาการมากๆ เข้าอบรมสัมมนามากๆ เข้าสังคมดีๆ เพื่อหาเครือข่าย การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จขาดไม่ได้

– พลังแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักเกิดจากการหาต้นแบบหรือหาแรง
บันดาล ใจจากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากแม่ บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากครู บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากนักธุรกิจชื่อดัง เป็นต้น หรือ แรงบันดาลใจอาจเกิดจากความต้องการภายในของตนเองอย่างแท้จริง กล่าวคือ คนบางคนต้องการเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก หรือ บางคนต้องการเป็นนักพูดอันดับหนึ่งของเมืองไทย เป็นต้น

– พลังของคำพูดและพลังของการเขียน เมื่อท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจำเป็นต้องเขียนเป้าหมายหรือ พูด บอกเป้าหมายที่ท่านต้องการสำเร็จในชีวิต แก่คนอื่นๆ เพื่อให้คนอื่นได้รับทราบถึงเป้าหมายของตนเอง พลังของคำพูดและพลังของการเขียนยังรวมไปถึงการต้องรู้จักพูดบวก การพูดบวก เช่น ฉันเป็นคนเชื่อมั่น ฉันทำได้ ฉันเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด ฉันมีสุขภาพแข็งแรง การพูดบวกจะเป็นการโปรแกรมสิ่งที่ดีๆ ฉะนั้นจงพูดบวก เขียนบวก แล้วจงอ่านประโยคนั้นๆ ด้วยการออกเสียงดังๆ เพื่อให้ข้อความและคำพูดเข้าไปในสมอง

– พลังแห่งแรงดึงดูด เป็นพลังของการดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน และสิ่งที่ตรงข้ามกันออกจากกัน เช่นน้ำ
กับ น้ำมัน เข้ากันไม่ได้ฉันใด คนที่มีความแตกต่างกันก็มักจะไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ความคิดของเราก็เช่นกัน หากท่านคิดในสิ่งที่ดีๆ คิดบวก สิ่งที่ดีๆก็จะเกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านคิดลบหรือคิดสิ่งที่ร้ายๆ สิ่งต่างๆที่ร้ายๆก็จะดึงดูดมาหาท่าน
แต่คนเราโดยมากมักคิดลบมากกว่า คิดบวก อีกทั้งยังจดจำประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้ายมากกว่าประสบการณ์ที่ดีๆ ฉะนั้นจงฝึกคิดบวกบ่อยๆ แล้วจิตใต้สำนึกก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดของเราให้คิดบวกมากขึ้น

– พลังแห่งการกระทำ เป็นพลังที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากหากขาดการกระทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะไม่เกิด
การ เปลี่ยนแปลงขึ้น เราคงเคยไปอบรมหลักสูตรต่างๆ แต่กลับมาแล้วไม่ได้นำสิ่งที่อบรมมาลงมือกระทำ พฤติกรรมต่างๆของเราก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จงลงมือปฏิบัติ จงลงมือกระทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เมื่อคุณลงมือปฏิบัติชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

พลังแห่งชีวิตที่กล่าวในข้อความข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ลงมือปฏิบัติ ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ พลังแห่งชีวิตจะปรากฏขึ้น หากว่าท่านมีความต้องการและแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกระทำ เมื่อความคิดเปลี่ยน การกระทำเปลี่ยน ชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลง จงลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในภายหน้า

#image_title

การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้โทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

เราต้องยอมรับว่า โทรศัพท์ มีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตหรือการดำเนินชีวิตของเราเป็น อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์สำหรับการติดต่อสื่อสารกันภายในครอบครัว การใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารเรื่องธุรกิจการงาน การใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และควรศึกษา

การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรหรือของหน่วยงาน ด้วยการติดต่อทางโทรศัพท์  การติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เป็นด่านแรก สำหรับการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ไม่ว่าการติดต่อจะออกมาในรูปแบบใด ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดการตราตรึงในหัวใจตลอดไป ฉะนั้น องค์กร บริษัท ห้างร้าน หน่วยงาน ควรมีการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของตนเอง

การสนทนาทางโทรศัพท์ ควรยึดหลักในเรื่องของ  มารยาท , รวดเร็ว , ความชัดเจน

–                     มารยาท ควรคำนึงถึงเรื่องของการใช้น้ำเสียงในการพูด ไม่ควรพูดด้วยอารมณ์โกรธ โมโหฉุนเฉียว

ไม่พอใจ เพราะการแสดงอารมณ์ต่างๆมักจะถ่ายทอดไปยังความรู้สึกของผู้รับฟังได้ การพูดโทรศัพท์ที่ดีควรใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น อ่อนหวานนุ่มนวล หลีกเลี่ยงคำพูดที่ไม่เหมาะสม เช่นการพูดเกี้ยวพาราสี การพูดลวนลาม

–                    รวดเร็ว ควรรีบหยิบหูฟังขึ้น ไม่ควรให้ฝ่ายตรงกันข้ามรอนาน ควรใช้คำพูดให้กระชับ หลีกเลี่ยง

การพูดเรื่องไร้สาระ เนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งอาจมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ

–                    ความชัดเจน เป็นคำพูดที่มีความถูกต้อง มีความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ควรพูดให้มี

จังหวะที่ถูกต้อง ไม่พูดคลุมเครือ สับสน จนฟังไม่รู้เรื่อง

การใช้กระดาษบันทึก ควรจัดกระดาษบันทึกและปากกาไว้บริเวณใกล้ๆ กับโทรศัพท์เพื่อที่จะได้หยิบใช้ได้ทันที กระดาษบันทึกควรเป็นสมุดที่ฉีกได้ มีขนาดกะทัดรัดเหมาะสมแก่การบันทึกข้อความต่างๆ สำหรับการบันทึกควรเขียนด้วยตัวบรรจงให้ผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย ควรลงรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องของตัวเลข วัน เวลา ข้อมูลต่างๆ

ศิลปะการพูดทางโทรศัพท์ ควรพูดด้วยระดับน้ำเสียงที่ไม่ดังมากเกินไปหรือเบาเกินไป แต่ควรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังพอสมควร เพื่อจะทำให้เกิดความชัดเจนในการรับฟัง อีกทั้งไม่ควรพูดเร็วเกินไปหรือช้าจนเกินไป ควรมีจังหวะในการพูดให้มีความเหมาะสม มีการเว้นวรรคตอน การเว้นช่วงให้อีกฝ่ายสามารถพูดตอบโต้ได้ ควรมีคำพูดที่เป็นลักษณะการตอบรับที่มีความสุภาพ เช่น คำว่า ครับ ค่ะ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าเรากำลังสนใจในเรื่องที่เขาพูด

การนัดหมายทางโทรศัพท์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการติดต่อทางธุรกิจ หากไม่มีการนัดหมายจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเวลาที่จะพูดคุยด้วย การนัดผ่านทางโทรศัพท์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการทำธุรกิจ ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนโดยประมาณ อาจนัดล่วงหน้าประมาณ 2-7 วัน สำหรับการนัดหมายควรจัดเวลาที่ทั้งคู่มีเวลาที่ว่าง ควรบอกวัน เวลา ที่ชัดเจน ถ้าหากมีเลขา ควรแนะนำตนเองให้เลขารู้จัก แล้วจึงขอนัดหมายการนัด  และก่อนจบการสนทนาให้เราทบทวนการนัดหมายอีกครั้งเพื่อความชัดเจนและย้ำเตือน ให้อีกฝ่ายไม่หลงลืม

เมื่อเกิดความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ของผู้อื่น เราควรขออนุญาต ไม่ควรหยิบโทรศัพท์ของผู้อื่นหรือในสำนักงานของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ขออนุญาต ก่อน ควรขอคำแนะนำหากเราไม่เข้าใจการใช้เครื่องโทรศัพท์ เนื่องจากโทรศัพท์บางรุ่นมีความทันสมัย ระหว่างการสนทนาไม่ควรพูดเสียงดังจนเกินไป ควรบอกอีกฝ่ายหนึ่งว่า นี่เป็นโทรศัพท์ที่ขอยืมจาก ผู้อื่นใช้ อีกทั้งควรพูดแต่ธุระที่สำคัญที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อใช้เสร็จแล้วควรกล่าวคำขอบคุณ

เราจะเห็นได้ว่าการใช้โทรศัพท์มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่เป็นยุคของการแข่งขัน ยุคของความรวดเร็ว ซึ่งการใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างมากมาย เช่น ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง  เกิดความสะดวก รวดเร็ว ช่วยในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการใช้โทรศัพท์ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างคนในสังคมอีกด้วย

                                   

#image_title

การหาต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จ

การหาต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จเกิดจากการหา ต้นแบบ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com



จง COPY คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จ นี่คือ ปรัชญาข้อหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
การหาต้นแบบแล้ว COPY แบบของต้นแบบมีความสำคัญมาก หากว่าเราเพียงแต่ COPY เพียงแค่ 1 วิธี ท่านก็จะช่วยลดเวลาในเส้นทางอาชีพของท่านไปได้มาก ขอย้ำจงหา วิธีที่สำเร็จ เพียง 1 วิธี มีค่ามากกว่า การหา 1,000 วิธีที่ไม่ประสบความสำเร็จ

จงศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จ จงสังเกตคนที่ประสบความสำเร็จทำอย่างไรแล้วเราก็ทำตาม เช่น ดูการพูดคุย ดูบุคลิก ดูการวางแผน ดูการใช้ชีวิต แล้วก็ COPY นี่คือสูตรสำเร็จของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ยิ่งถ้าหากท่านอยู่ในธุรกิจ ที่จำเป็นจะต้องขายด้วย ท่านยิ่งไม่ต้องคิดมาก ท่านควร COPY คนที่ประสบความสำเร็จเลย เช่น วงการขายประกันชีวิต วงการธุรกิจเครือข่าย ฯลฯ
บันไดสู่ความสำเร็จ การคัดรายชื่อบุคคลที่เราจะขายหรือให้โอกาสธุรกิจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักมีขั้นตอนดังนี้คือ การจดรายชื่อ ทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง ชื่อเล่น อาชีพ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ที่ทำงาน แล้วทำการแบ่งแยกอีกครั้งหนึ่ง โดยการแยกตามกลุ่มต่างๆเช่น กลุ่มเพื่อน กลุ่มญาติ กลุ่มคนรู้จักห่างๆแบบไม่สนิทหลังจากนั้น ก็แบ่งเกรดลูกค้าโดยแบ่งออกเป็น ลูกค้ามีเงินไหม ลูกค้ามีอำนาจสั่งการได้ไหม ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าไหม ฯลฯ

ประสบความสำเร็จ โดย 4 เชื่อ 4 เกาะ

4 เชื่อ คือ

1.เชื่อมั่นบริษัท ( ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวบริษัทก่อน ว่าบริษัทมีความมั่นคง )

2.เชื่อ มั่นในผลิตภัณฑ์ ( ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวสินค้า บริการของบริษัท โดยวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ท่านควรใช้สินค้าและบริการของบริษัท เพื่อให้เกิดความมั่นใจในตัวสินค้าและบริการมากขึ้น)

3.เชื่อมั่นใน แผนตลาดของบริษัท ( ท่านจะต้องมีความเชื่อมั่นในแผนการตลาดของบริษัท ว่าเป็นไปได้ และควรศึกษาให้มากที่สุดเพื่อท่านจะได้ไปอธิบายแก่ผู้มุ่งหวังหรือคนที่ท่าน จะให้โอกาสทางธุรกิจ)

4.เชื่อมั่นในตนเอง (ท่านควรเชื่อมั่นในตนเอง ว่าถ้าคนที่ประสบความสำเร็จทำได้เราก็ทำได้ ถ้าคนอื่นทำสำเร็จ เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน)

4 เกาะ คือ

1.เกาะ เกาะบริษัท คือ เราเป็นนักขาย เราไม่ได้กินเงินเดือน ดังนั้น ท่านสามารถที่จะไม่ไปบริษัทก็ได้ แต่ในความเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จ จะต้องหาเวลา แบ่งเวลา ในการเข้าไปบริษัท

หรือที่ทำงาน เข้าไปเพื่อหาข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของบริษัท การแข่งขัน

2.เกาะ สินค้า คือ หากท่านเป็นนักขาย ท่านควรศึกษาทำความเข้าใจสินค้าที่ท่านจะขายให้มากที่สุด เมื่อลูกค้าสนใจ ท่านสามารถเสนอขายหรือตอบข้อโต้แย้งได้

3.เกาะหัวหน้า คือ งานขายเป็นงานที่ต้องถูกปฏิเสธ อีกทั้งเป็นงานที่ต้องการกำลังใจในการทำงาน การเข้าหาหัวหน้า การปรึกษาหัวหน้าจะทำให้ท่านเกิดกำลังใจในการทำงาน อีกทั้งเมื่อมีปัญหา หัวหน้าก็สามารถตอบปัญหาหรือหาทางแก้ปัญหาให้แก่ท่านได้

4.เกาะ วิชาการ คือ งานขายเป็นศาสตร์และศิลปะ อีกทั้งยังต้องอาศัยทักษะในการทำงาน การฟังเทป การฟัง VCD การฟังบุคคลที่ประสบความสำเร็จบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวพัฒนาการขายของนักขายได้

และยังมีอีกหลายเทคนิคที่คนที่ประสบความสำเร็จฝึกฝนและปฏิบัติ กระผมเองขอทยอยเขียนเป็นบทความเพื่อให้ผู้อ่านได้หาความสำราญกัน สรุปคือ หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรวดเร็ว ท่านไม่ควรคิดมากหรือหาวิธีของตนเอง จะทำให้ท่านเสียเวลา ท่านควรใช้วิธี COPY บุคคลที่ประสบความสำเร็จ แล้วท่านก็จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จตามบุคคลต้นแบบที่ท่านได้เลือก ขอให้ประสบความสำเร็จดังความตั้งใจครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

#image_title