by drsuthichai | Nov 14, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
แนวความคิดในการบริหารเวลา
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ปัญหาของคนส่วนใหญ่ในเรื่องของการบริหารเวลาหรือการใช้เวลาไม่มีประสิทธิภาพก็คือ การไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน , การเสียเวลากับการรอคอย , การผัดวันประกันพรุ่ง , การไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน , การขาดวินัย , การไม่มีการวางแผนการทำงาน ฯลฯ
ซึ่งเหตุผลต่างๆ ข้างต้นคือ สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดีพอ แล้วถามว่าเวลาสามารถบริหารได้หรือไม่ ตามความคิดเห็นของกระผม เวลาเป็นทรัพยากรที่สำคัญประเภทหนึ่ง กระผมคิดว่าเวลาก็เหมือนกับทรัพยากรอื่นๆ เช่น ที่ดิน คน เงิน สิ่งของ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ ถ้าทรัพยากรต่างๆ เราสามารถบริหารได้ ทำไมทรัพยากรเวลา เราจะบริหารไม่ได้
แต่ทรัพยากรด้านเวลามีความแตกต่างจากทรัพยากรโดยทั่วไปกล่าวคือ ทรัพยากรเวลา ไม่สามารถสะสมหรือทดแทนกันได้ เป็นทรัพยากรที่คนเราทุกๆคน มีอย่างเท่าเทียมกัน ไม่สามารถหยิบยืมหรือขอซื้อกัน ดังนั้นเมื่อคนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขามักใช้เวลาที่มีเท่าเทียมกันได้อย่างคุ้มค่ากว่าคนโดยทั่วไป
หากว่าเรามีทรัพยากรเวลาที่มีจำกัด เราจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถใช้ทรัพยากรเวลาให้เกิดความคุ้มค่ากับตัวเราได้ สำหรับคนเราโดยส่วนใหญ่มักจะเสียเวลาหรือใช้เวลาไปกับกิจกรรมโดยแบ่งเป็นช่วงดังนี้ เวลาทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง เวลานอนประมาณ 8 ชั่วโมงและเวลาส่วนตัวประมาณ 8 ชั่วโมง นี่คือภาพรวมของการใช้เวลาของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้
หากเราต้องการใช้เวลาทำงานมากขึ้น เราก็ควรลดเวลาในช่วงอื่นลง เช่น เราอาจจะต้องลดหรือเพิ่มหรือยืดหยุ่นเวลานอนและเวลาส่วนตัวลง เนื่องจากเวลาหลับโดยเฉลี่ยแล้วคนเรานอนโดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง แต่ทางการแพทย์ได้มีการวิจัยมาแล้วว่า คนเราทุกๆคนมีความต้องการหลับมากน้อยไม่เท่ากัน เพราะบางคนอาจต้องการนอนหลับมากกว่าหรือน้อยกว่า 8 ชั่วโมงก็ได้ เช่น
โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกตามประวัติใช้เวลานอนเพียงคืนละ 4 ชั่วโมง แต่จะหาโอกาสงีบหลับครั้งละ 5 -10 นาทีในระหว่างทำงาน บางคนก็อาจจะนอนหลับวันละ 9-10 ชั่วโมง หากว่านอน 8 ชั่วโมงแล้วยังรู้สึกง่วงซึมหรือบางคนสุขภาพแย่ร่างกายก็ต้องการนอนพักผ่อนมากกว่า 8 ชั่วโมงเป็นต้น
ฉะนั้น หากท่านต้องการทราบว่าท่าน มีความต้องการเวลาในการหลับนอนวันละกี่โมง ท่านคงจะต้องใช้วิธีการทดลอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาของการนอนที่แตกต่างกันออกไปแต่ละช่วง เช่นกำหนด 5 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง หากว่าท่านนอนเพียงแค่ 5 ชั่วโมงแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า นั้นแสดงว่าช่วงเวลานอนของท่านนอนแค่ 5 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้น ขอให้พวกเรา จงบริหารเวลา ก่อนที่เวลาจะมากำหนดชีวิตหรือบริหารตัวเรา
“Lost time is never found again.”

#image_title
by drsuthichai | Nov 13, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะความล้มเหลว คือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ มันเป็นบททดสอบ ความมุ่งมั่น ความอดทน การไม่ยอมแพ้และจะนำพาชีวิตของเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต อย่าได้กลัวความล้มเหลว คนบางคนกลัวและเข็ดหลาบจนไม่กล้าที่จะทำอะไร จงลุกขึ้นสู้กับมันอีกครั้งดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์#วิทยากรสอนสนุก #คำคม #คำคมสร้างแรงบันดาลใจ #นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ #คำคมสร้างกำลังใจ #คำคมสอนใจwww.drsuthichai.com

#image_title
by drsuthichai | Nov 13, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
หากไม่รู้อย่าริเป็นนักพูด
ทำไมจึงต้องฝึกการพูด
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การพูดมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และมีความสำคัญต่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน เราคงไม่ปฏิเสธว่าการพูดเป็นการสื่อสารที่ทำให้คนเราเข้าใจกัน การฝึกการพูดมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการได้เคยกล่าวไว้ว่า “ หากท่านไม่สามารถลุกขึ้นยืนพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ท่านไม่ควรปรารถนาเป็นผู้นำ” แล้วเคย มีคนตั้งคำถามว่า ถ้าฉันไม่มีความปรารถนาเป็นผู้นำ ฉันมีความจำเป็นอย่างไรจึงต้องฝึกการพูด แท้จริงแล้วการฝึกการพูดมีประโยชน์ต่อตัวเราหลายอย่างดังนี้
1.ฝึกให้เราเป็นคนที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกันของคนเราต้องอาศัยการพูดเป็นพื้นฐาน การที่คนเราไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน เนื่องมาจากสาเหตุหนึ่งก็คือ การพูดนั้นเอง
2.ฝึกให้เราเป็นนักประชาธิปไตย ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ผู้ปกครองต้องรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้ปกครอง เสียงส่วนใหญ่ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของเสียงส่วนน้อย การฝึกการพูดจะทำให้เรากล้าที่จะแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ หากไม่มีความกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น ถึงแม้จะมีความคิดดีๆ ก็ไม่สามารถก่อประโยชน์ให้แก่ส่วนร่วมได้
3.ฝึกให้เราเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ คนเราคบหาสมาคมกันไม่ได้ดูแค่เรื่องของการแต่งตัวเพียงอย่างเดียว แต่การพูดจาสนทนาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการพูดนี้จะทำให้คนชอบก็ได้ จะทำให้คนเกลียดก็ได้ จะทำให้คนฆ่ากันก็ได้ การพูดจึงเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ของมนุษย์
4.ฝึกให้เราเป็นคนที่มีการพัฒนาบุคลิกภาพ การฝึกพูดจะช่วยขัดเกลาบุคลิกภาพของผู้พูด รวมไปถึงการแต่งกาย กริยาท่าทาง ความกระตือรือร้น ความเชื่อมั่นในตนเอง ความหนักแน่น เยือกเย็น
5.ฝึกให้เราเป็นผู้นำ มีคำกล่าวว่า ผู้นำมักทำงานด้วยปาก ผู้ตามมักทำงานด้วยมือ ดังเราจะเห็นได้จากการทำงานในปัจจุบัน ว่าผู้นำองค์กรส่วนใหญ่มักจะมีประชุมมาก บางคนประชุมทั้งสัปดาห์เลยก็มี ซึ่งการประชุมก็ต้องอาศัยการพูดการแสดงความคิดเห็นโดยการพูดทั้งสิ้น
เป้าหมายของการพูดมีกี่แบบ
ในการพูดแต่ละครั้ง ผู้พูดควรทราบว่า การพูดในครั้งนั้นเรามีเป้าหมายใด ซึ่งเป้าหมายในการพูดเราสามารถรวบรวมเป็นกลุ่มจัดรวมเข้าด้วยกัน เป็น 3 แบบ คือ
1. แบบบรรยายหรือแบบบอกเล่า
2. แบบโน้มน้าว จูงใจ ชักชวน
3. แบบบันเทิง
1.แบบบรรยายหรือแบบบอกเล่า เป็นการพูดในลักษณะ สอน บรรยาย ปาฐกถา การอภิปราย
การเล่าข่าว เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟัง ทราบข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เนื้อหา สาระ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่พูด
2.แบบโน้มน้าว จูงใจ ชักชวน เป็นการพูดในลักษณะ การหาเสียง การรณรงค์ การชักชวนให้ทำอะไรบ้างอย่าง เช่น การชักชวนให้เลิกบุหรี่ , การชักชวนให้ออกกำลังกาย , การชักชวนให้บริจาคเงินทำการกุศล เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟังปฏิบัติตาม หรือให้ความร่วมมือ หรือมีความเห็นด้วยกับผู้พูด
3.แบบบันเทิง เป็นการพูดที่มีความสนุกสนาน เน้นเฮฮา อาจจะมีสาระหรือไม่มีสาระก็ได้ เช่น การพูดทอล์คโชว์ การพูดแซววาที เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนาน เฮฮา เพลิดเพลิน เวลาฟัง
ข้อแนะนำ
การพูดที่ดีควรมีทั้ง 3 แบบ ผสมผสานกัน ไม่ควรมีเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จะผสมผสานสัดส่วนเท่าใด คงต้องขึ้นอยู่กับผู้พูด โดยต้องคำนึงถึง สถานการณ์ สถานที่ การวิเคราะห์ผู้ฟัง ลักษณะงานที่จัด กาลเทศะ ความเหมาะสมและวัตถุประสงค์ในการจัดงาน

#image_title
by drsuthichai | Nov 13, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ทำไมจึงต้องจัดการกับเวลา
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
One day is worth two tomorrows.(วันนี้มีค่าเท่ากับวันพรุ่งนี้ถึงสองวัน)
ทำไมจึงต้องมีการจัดการกับเวลา เพราะหากไม่มีการจัดการกับเวลา เวลาของเราก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากว่า เวลาเป็นสิ่งที่มีจำกัด เวลาไม่สามารถหาซื้อมาใหม่ได้ เราไม่สามารถหยุดเวลาได้
คนที่จัดการกับเวลาได้ดี เขามักเป็นคนที่มีเป้าหมาย ท่านผู้อ่านลองกำหนดสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เช่น อีก 10 ปี ข้างหน้า ท่านอยากเป็นอะไร ท่านผู้อ่านลองทบทวนชีวิตว่าอีก 10 ปี ข้างหน้าท่านจะเดินไปในทิศทางไหน แล้วท่านจงเริ่มวางแผนการใช้เวลาเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น
หากว่าท่านมีเป้าหมายชีวิต กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ท่านจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านจะจัดสรรลำดับความสำคัญของงานที่ท่านทำ ท่านจะมีความกล้าหาญที่จะปฏิเสธผู้คน หากว่าผู้คนเหล่านั้น ชวนท่านคุยในสิ่งต่างๆ ที่ไม่ก่อประโยชน์และทำให้ท่านรู้สึกเสียเวลา และท่านจะไม่มีการผัดวันประกันพรุ่ง
ตอนนี้ท่านผู้อ่านอาจลองทดสอบตัวเองด้วยการ ตอบคำถามข้างล่างให้ตรงกับความเป็นจริงเพื่อดูว่าเรามีการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
1.ท่านมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนหรือไม่
- ท่านมีการวางแผนเวลาหรือไม่
3.ท่านมีการจัดลำดับความสำคัญของงานที่ท่านทำหรือไม่
4.ท่านมีเครื่องมือช่วยในการวางแผนเวลา เช่น ไดอารี่ ปฏิทิน สมุดโน้ต หรือไม่
5.ท่านมีการบังคับตนเองเพื่อทำตามแผนงานที่ท่านได้วางแผนไว้หรือไม่
6.ท่านมีการแบ่งเวลาให้กับตัวเอง โดยหาที่สงบๆให้กับตนเองได้ใช้ความคิดหรือไม่
7.ท่านใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดหรือไม่ เช่น ระหว่างนั่งรอพบคน ท่านเอาหนังสือออกมาอ่าน
จากแบบทดสอบข้างต้น หากข้อใดท่านตอบว่า “ ไม่ ” ท่านควรตรวจสอบแล้วหาทางปรับปรุงและแก้ไขตัวท่านเอง การปรับปรุงและแก้ไขตัวท่านจะทำให้การจัดการเวลาของท่านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“Time is more valuable than money. You can get more money,but you cannot get more time”

#image_title
by drsuthichai | Nov 12, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
จงฝันให้ไกล….แล้วไปให้ถึง
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายคนมีความฝันอยากเป็น ดารา นักร้อง นักการเมือง นักเขียน นักพูด นักกีฬา แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถพาตัวเองมุ่งไปสู่ความฝันได้สำเร็จ
Tiger Wood ชอบเล่นกอล์ฟ มาตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากกีฬากอล์ฟในสมัย Tiger Wood นั้น มักเป็นกีฬาที่คนผิวสีขาวเล่นกันโดยเฉพาะใน PGA Tour แทบจะไม่มีคนผิวสีดำและสีเหลืองเล่นกัน แต่ Tiger Wood สามารถเป็นแชมป์โลกในกีฬาประเภทกอล์ฟ ทั้งๆที่มีอายุยังน้อย และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนสีผิวต่างๆได้เล่นกอล์ฟมากขึ้น
โอปาห์ วินฟรีย์ ตอนอายุ 16 ปี ได้ทำงานเป็นโฆษกรายการวิทยุซึ่งเธอได้รับค่าจ้างเพียงน้อยนิด แต่ทำให้เธอทราบว่า เธอชอบอะไร เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอจึงมุ่งไปสู่เส้นทางของสื่อมวลชนโดยเข้าสู่วงการโทรทัศน์ โดยทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวคนหนึ่ง แต่เธอก็หมั่นฝึกซ้อม ฝึกฝนตนเอง อยู่เสมอ จนกระทั่งเธอเริ่มโดดเด่นและฉายแววขึ้นมา จึงมีคนมาติดต่อให้เธอจัดรายการโทรทัศน์ชื่อว่า “เอ เอ็ม ชิคาโก” ทางสถานีโทรทัศน์ WLS-TV เธอจัดเพียงแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น รายการของเธอดังมาก จนในที่สุด เธอคือ ผู้หญิงผิวดำตัวเล็กๆที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐและในโลกในวงการสื่อสารมวลชน
แลนซ์ อาร์มสตรอง เขาคือคนธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเขาประสบกับโรคมะเร็ง เขาจึงมีความฝันและมีความต้องการที่จะป็นนักปั่นจักรยานอาชีพ จนในที่สุดเขาเป็นนักกีฬาปั่นจักรยานที่โด่งดังที่สุดในโลกคนหนึ่งในฐานะที่เขาสามารถเอาชนะตัวเองและต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สร้างความหวัง สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งไปทั่วโลก
David Beckham ดารานักฟุตบอลดังของสโมสรในประเทศอังกฤษ กว่าจะโด่งดังและประสบความสำเร็จเขาต้องทุ่มเทฝึกซ้อมฟุตบอลทุกๆวัน บางวันเขาต้องซ้อมยิงลูกโทษเข้าประตูฟุตบอลหลายร้อยลูกต่อวัน ด้วยความฝึกฝน ด้วยการเสียสละเวลา ทุ่มเท ไม่ได้นำเวลาไปเที่ยวแตร่เหมือนกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ปัจจุบันเขาคือนักฟุตบอลอาชีพที่มีค่าตัวแพงที่สุดและมีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก
เหมา เจ๋อ ตุง กว่าที่เขาจะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนสำเร็จ เขาต้องพบกับความลำบาก เขาต้องเผชิญหน้ากับความตายอยู่หลายครั้ง เขาต้องทำงานที่หนัก เขาต้องเสียสละละทิ้งครอบครัวของเขา และเขาต้องพบกับความล้มเหลวในการปฏิวัติและการต่อสู้กับศัตรูหรือคู่แข่งทางการเมืองอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ทิ้งความฝันของเขาในที่สุด เขาสามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนและได้รับยกย่องจากประชาชนจีนอีกเป็นจำนวนมาก ว่าเป็นวีรบุรุษในหัวใจ
ชิน โสภณพนิช กว่าจะเป็นธนราชันย์ เป็นผู้สร้างธนาคารกรุงเทพจนใหญ่กลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศแล้วนำไปสู่ความเจริญเติบโตอันดับต้นๆของเอเชียอาคเนย์ เขาต้องทุ่มเทการทำงานอย่างหนัก มุ่งมั่น ขยัน อดทน มานะ บุกบั่น ซึ่งจุดเริ่มต้นของเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด มิหนำซ้ำเขายังเริ่มต้นทำงานที่ต่ำต้อย คือเขาทำงานเป็น กรรมกรแบกหาม (กุลี หรือ จับกัง) แต่ด้วยเขาเป็นคนที่มีความฝันใหญ่ในที่สุดเขาคือ “ ธนราชันย์” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ฉะนั้น หลายคนมักบ่นกับผมว่าอยากที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ มีอยู่ทางเดียวก็คือในเมื่อคุณมีความฝันแล้ว คุณจงมุ่งมั่น เดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมาย อย่าได้ละทิ้งหรือล้มเลิกก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ จงอย่ากลัว อย่าได้สูญเสีย ความตั้งใจ เมื่อมีคนมาด่า มาตำหนิ มาพูดดูถูกคุณ จงฝันให้ไกล แล้วเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้ ดังบุคคลตัวอย่างข้างต้น
หากคุณใฝ่ฝันอยากเป็นนักการตลาดที่เก่งที่สุดในประเทศไทย คุณสามารถเป็นได้ ถ้าคุณกล้าที่จะเป็น คนเราไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะพระเจ้า แต่ที่เราไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเราไม่เคยคิดที่จะประสบความสำเร็จต่างหาก ขอให้คุณกล้าที่จะคิด กล้าที่จะเป็น กล้าที่จะทำ แล้วคุณก็จะได้ทุกอย่าง อย่างที่คุณคิด คุณพูดและคุณทำ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการนำศาสตร์ทางด้านการตลาดไปประยุกต์ใช้ ขอให้ทุกท่านโชคดี

#image_title
by drsuthichai | Nov 12, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
อัจฉริยะพลิกสมอง…เปลี่ยนโลก
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
โทมัส อัลวา เอดิสัน ถือว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลที่โลกยกย่อง แล้วเขาเป็นอิจฉริยะได้อย่างไร จึงเป็นสิ่งที่น่าสมควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวกระผมเองและนักวิชาการอีกเป็นจำนวนมากเชื่อว่า อัจฉริยะสามารถสร้างขึ้นได้ การดูต้นแบบ ชีวิต แนวคิดของบรรดาอัจฉริยะบุคคลเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำให้เราเป็นอัจฉริยะได้ดังเช่นบุคคลต้นแบบ โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นบุคคลคนคนนั้น
มีคนเคยไปถาม โทมัส อัลวา เอดิสัน ว่า อัจฉริยะเกิดจากอะไร โทมัส อัลวา เอดิสัน ตอบว่า “ อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เกิดจากความพยายาม 99 เปอร์เซ็นต์” จากคำตอบนี้หากเราได้อ่านประวัติของ โทมัส อัลวา เอดิสัน เราจะเห็นถึงความมานะ พยายาม ความขยัน ความอดทนในการทำงานของเขา เขาจะไม่ล้มเลิกง่ายๆ
ชีวิตคือการทดลอง โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้ทุ่มเทให้กับเวลาทดลองเป็นอย่างยิ่ง เขาได้ใช้เวลาอย่างมากอยู่ในห้องทดลองและเมื่อออกมานอกห้องเขาก็จะทดลองทุกๆอย่างที่เขาสงสัยและอยากรู้ เขาจะลองผิดลองถูกและเฝ้ามองการทดลองนั้นด้วยตนเอง อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆที่ได้จากการทดลอง จนกระทั่งเขาได้รับสิทธิบัตรกว่า 1,000 รายการ
นวัตกรรมนำหน้า ในการทำธุรกิจของเขา เขามักจะคิดนวัตกรรมใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเสมอ เขาจะไม่หยุดคิด หยุดทดลอง อีกทั้งเขายังเคยพูดด้วยว่า “ วิธีที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำได้ ก็คือต้องทำการทดลอง ถ้าหยุดทดลองก็คือการเดินถอยหลัง” สตีฟ จอบส์ เองก็มีแนวคิดเรื่องนวัตกรรมไม่ต่างกัน เขาเคยพูดกับทีมงานของเขาว่า “ สิ่งที่เราต้องทำคือ การปฏิวัติวงการทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน สร้างโลกของเราขึ้นมา”
ชอบอ่าน โทมัส อัลวา เอดิสัน นับได้ว่าเป็นนักอ่านคนหนึ่ง ตอนเช้าเขาจะอ่านหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับและช่วงบ่ายอีก 3-4 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นวารสาร หนังสือพิมพ์ในวงการประดิษฐ์ วงการวิทยาศาสตร์ที่เขากำลังทำงานอยู่ จึงทำให้เขามีความคิดที่จะผลิตสินค้าให้สนองตอบกับคนในยุคนั้น เพราะเขาเชื่อว่า คนเราจะอยู่ได้ เติบโตได้ก็ด้วยความรู้ใหม่ๆ
คิดต่าง จึงประสบความสำเร็จ สิ่งประดิษฐ์ของ โทมัส อัลวา เอดิสัน เกิดขึ้นจากการคิดต่าง เช่น หลอดไฟฟ้า เทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหว เครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์ สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ถือได้ว่าช่วยทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ จากโลกที่มืดไม่มีไฟฟ้าใช้ กลับกลายเป็นส่องสว่างด้วยหลอดไฟฟ้าที่เขาประดิษฐ์ โลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นก็ด้วยเครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์ และโลกสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวเก็บไว้ได้ก็ด้วยฝึกมืออย่างคนอย่างเขา
เมื่อเจอปัญหาต้องไม่หยุด ในการทดลองสิ่งประดิษฐ์เกือบทุกชนิดของเขา เขาต้องพบกับปัญหาแต่เขาไม่เคยหยุดหรือทิ้งกลางคัน ตรงกันข้ามกับบุคคลโดยทั่วไป เมื่อเจอปัญหาก็มักบ่น มักทิ้ง แล้วไม่ทำต่อไป แต่คนอย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน เขาไม่เคยหยุดเมื่อเจอกับปัญหาโดยเฉพาะสิ่งประดิษฐ์ชิ้นสำคัญของโลกอย่างหลอดไฟฟ้า ในการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาต้องล้มเหลวนับเป็นพันๆครั้ง มีคนไปถามเขาว่าเขาไม่เสียใจหรือไม่ ที่พบกับความล้มเหลวเป็นพันๆครั้ง เขาตอบว่า “ เขาไม่ได้ล้มเหลวแต่เขากำลังได้วิธีการใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกพันวิธีต่างหาก” อีกทั้งเขาเป็นคนที่ไม่เคยหยุดยั้ง นักข่าวเคยตั้งคำถามว่า “ หากเขายังไม่สามารถผลิตหลอดไฟฟ้าสำเร็จเขาจะทำอย่างไร” โทมัส อัลวา เอดิสัน ตอบว่า “ ผมจะไม่เสียเวลามานั่งคุยอย่างนี้หรอก แต่ผมจะมุ่งหน้าคิดค้นวิธีการผลิตหลอดไฟฟ้าให้จงได้”
นี่คือวิธีคิด วิธีทำงานของ โทมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งทุกๆท่านสามารถนำเอาไปปฏิบัติได้ แล้วท่านจะประสบความสำเร็จอย่างอัจฉริยะคนนี้

#image_title