by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การตลาด.ภิวัตน์
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
สภาพการแข่งขันทางด้านธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทำให้ศาสตร์ทางด้านการตลาดมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ พัฒนา ต่อยอด ปรับเปลี่ยนและหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้ทันกับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน สำหรับประเทศไทยเรา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ ศึกษา ศาสตร์ทางการตลาด เพราะโลกในยุคนี้ เปิดกว้างให้คู่แข่งขันจากประเทศต่างๆ เข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น อาทิเช่น การเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะต้องมีการเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
โลกไร้พรมแดน การตลาดไร้พรมแดนหรือการตลาด.ภิวัฒน์ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ธุรกิจที่จะสร้างความร่ำรวยและยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารมักจะต้องมองไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มากกว่ามองหาลูกค้าภายในประเทศ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลย ที่สินค้าหลายๆตัวซึ่งมีสัญชาติไทย ได้ออกไปขายสินค้ายังตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง , เบียร์ช้าง , สาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย เป็นต้น
ปัจจัยที่จะทำการตลาดในระดับโลกให้ประสบความสำเร็จมีอยู่หลายปัจจัย กล่าวคือต้องทำการศึกษาและหาข้อมูลต่างๆ ในประเทศที่เราจะไปลงทุน เช่น พฤติกรรมผู้บริโภคของคนในประเทศนั้นๆ , นโยบายของรัฐบาล , กฎหมายทางด้านการค้าระหว่างประเทศ , ภาษีระหว่างประเทศ , วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา ภาษา ฯลฯ
สำหรับการตลาดภายในประเทศ เราคงต้องมองออกไปให้กว้าง เพราะหากเปิด AEC (ASEAN Economic Community)หรือความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในประชาคมอาเซียน เราจะมีประชากรทั้งหมดเกือบ 600 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 60 ล้านคนเหมือนในอดีตอีกแล้ว ฉะนั้น นักธุรกิจชาวไทยคงต้องไวต่อการแข่งขัน เพราะตลาดที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นของเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ฯลฯ
กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม ยังคงเป็นกลยุทธ์แม่บทที่ยังใช้ได้และทรงอนุภาพมาก ถ้าหากนำไปใช้อย่างถูกจังหวะ เวลา เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา มักชอบสินค้าที่มีโปรโมชั่นเหล่านี้
การสื่อสารการตลาด โปรโมชั่นมิกซ์ จะต้องทำอย่างกระจายทุกรูปแบบมากกว่าในสมัยอดีต เพราะในยุคปัจจุบันมีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้นและได้รับความนิยมมากมาย เพราะในอดีตเรามักเน้นการโฆษณาลง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ วิทยุ แต่ยุคปัจจุบัน โลกได้เปลี่ยนไป สื่อต่างๆมีมากและทันสมัย ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อสินค้าของเรา สามารถเลือกที่จะบริโภคสื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น การเลือกบริโภคสื่อทางอินเตอร์เน็ต , การเลือกชมสื่อทางโทรทัศน์ดาวเทียมในรายการที่ตนเองชื่นชอบ , การเลือกฟังรายการวิทยุชุมชนที่ตนเองชื่นชอบ เป็นต้น
ดังนั้นการทำโปรโมชั่นมิกซ์ จึงต้องทำให้มีความหลากหลาย แต่ต้องทำอย่างมีคุณภาพทำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ขอแค่ให้ได้ทำหรือทำเหมือนกับการหว่านทรัพย์ให้ละลายในแม่น้ำ ซึ่งการทำโปรโมชั่นมิกส์อย่างได้ผลก็คงต้องยึดหลัก 4 หลักใหญ่ๆ คือ การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์,การขายโดยตรงโดยพนักงานขายและการส่งเสริมการขาย ซึ่งการจะใช้ตัวใดมากน้อยเพียงใด ก็คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี ของแต่ละองค์กรไป
เมื่อการสื่อสารไฮเทค นักการตลาด.ภิวัฒน์ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องไฮเทคตาม โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกที่ใช้เทคโนโลยีกันมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสาร เช่น ปัจจุบันเราสามารถอ่านข่าวได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ , เราสามารถโอนเงินผ่านเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดาย , เราสามารถดูโทรทัศน์ผ่านมือถือได้อย่างง่าย นักการตลาดสมัยใหม่จึงต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในการขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพราะเกมการแข่งขันทางธุรกิจต้องสู้กันด้วย ความไว ความถูกต้อง ความสบาย และความมีประสิทธิภาพด้วย
ตัวอย่างเช่น เทเลช็อปปิ้ง Tele Shopping เป็นตัวอย่างในการขายสินค้าด้วยแคตาล็อก โดยผ่านไดเร็กต์ เมล์ ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินฝากธนาคาร โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหรือพบปะกันเลย
โลกไร้พรมแดน สินค้าไร้พรมแดน ใครจะนึกว่า สินค้าทุกประเภทจะสามารถขายแข่งขันกันได้อย่างเสรีดังเช่นในยุคปัจจุบัน เคนตั๊กกี้ KFC , ดังกิ้น โดนัท , พิซซ่าฮัท ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สามารถขายแข่งขันกับข้าวแกงตามท้องถนนของประเทศไทยได้
โลกเป็นหนึ่งเดียว และใครจะไปรู้ว่า ในประเทศไทยของเรา มีสินค้าต่างๆที่คนทั่วโลกมีหรือคนทั่วโลกใช้เหมือนกันหรือแทบไม่แตกต่างกัน ตัวอย่าง อาหารอินเดียมาขายในเมืองไทยมากขึ้น อาหารของประเทศต่างๆมาขายในประเทศไทยเรามากขึ้น นักการตลาด.ภิวัฒน์ จึงต้องมองการตลาดให้มีความลึกซึ้ง มองในหลายมิติมากกว่าในอดีต
เพื่อนร่วมค้า จับมือคู่แข่ง ท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกว่า การทำธุรกิจในยุคนี้ เริ่มยาก เริ่มมีความซับซ้อนและในอนาคตก็จะมีความยากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า เนื่องจาก ปลาใหญ่จะมากินปลาเล็ก (บริษัทใหญ่ข้ามชาติจะเข้ามาซื้อกิจการต่างๆของไทยเรา) ดังนั้นหากท่านไม่ต้องการแข่งขัน ยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่ท่านจะทำได้ก็คือ การเป็นพันธมิตรการค้าร่วมกันกับคู่แข่ง กลยุทธ์นี้มีมานานแล้ว ท่านไม่ควรที่จะยึดอัตตามากจนเกินไป เพราะบางองค์กรเคยยิ่งใหญ่ แต่เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ประเภทสู้ตาย ผลที่ได้รับก็คือ ตายจริงๆ เพราะสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการหรือเลิกกิจการไป
องค์กรในสหรัฐอเมริกา มีการจับมือกันเป็นพันธมิตรกันอย่างมากมาย เช่น แอปเปิล คอมพิวเตอร์ จับมือกับ ดิจิตอล ในการวิจัยและพัฒนาถึงแม้จะเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์เหมือนๆกัน หรือ ฟอร์ด จับมือกับ มาสด้า ในการช่วยกันทำงานทางด้านเทคโนโลยีและการหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ แม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง เป็ปซี่ , โค้ก และกรีนสปอต ยังเคยจับมือกันลงทุนเปิดบริษัทผลิตแก้วผลิตกระป๋องแคนของตนเองร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
การจับมือกันทำให้เกิดชัยชนะร่วมกัน( win-win) แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือเรื่องของจิตสำนึก คุณธรรม จริยธรรม เพราะบางธุรกิจ เมื่อจับมือกันแล้วก็มักจะเอาเปรียบผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาหรือการกำหนดราคาเอง ทำให้ได้กำไรเป็นจำนวนมาก ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ใช้กลยุทธ์นี้ กระผมหวังว่าท่านจะมีจิตสำนึกดังกล่าวด้วย
ท้ายนี้ กระผมเชื่อว่า ในยุคของพวกเรา พวกเราไม่สามารถหลีกหนี การตลาด.ภิวัฒน์ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเราควรที่จะทำก็คือ เราต้องมีการปรับตัว เราต้องศึกษา เราต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่จะใช้ชีวิตในโลกของการแข่งขันที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีความสุข

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
Think Different
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
Think Different หรือ คิดต่าง มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ทำงานด้านการตลาด สตีเวน จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์หรือ บริษัทแอปเปิล (Apple: Company Co-founder Steve Jobs Has Died) เขาให้ความสำคัญมากๆ เกี่ยวกับการคิดต่าง หรือ Think Different บริษัทถึงกับออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับแนวความคิดนี้ และมีคนเคยถามว่า ทำไมเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคิดต่างหรือ Think Different แต่มีการวิจัยตลาดหรือการหาความต้องการของลูกค้าน้อยมาก
เขาตอบว่า ในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า สมัยของเฮนรี ฟอร์ด คนเรายังไม่มีรถยนต์ใช้ แต่ใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้วัว ใช้เกวียน ในการเดินทาง ถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด ทำการวิจัยทางการตลาดว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามักจะตอบกลับว่า เขาต้องการม้าที่วิ่งได้ไวที่สุด เขาต้องการเกวียนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถบรรทุกของได้เป็นจำนวนมากๆ
และถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด สนองความต้องการของลูกค้า รถยนต์คันแรกของโลกก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น สตีเวน จอบส์ จึงให้ความสำคัญกับการคิดที่แตกต่างเป็นอันมาก และ Think Different จึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของบริษัทแอปเปิล ที่นำเอามาใช้ในองค์กร จนองค์กรคือ บริษัทแอปเปิล ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยความคิดที่แตกต่างสินค้าตระกูล I จึงได้เกิดขึ้น ( iPhone iPad iPod) ซึ่งมีหลายรุ่น หลายแบบ และหากเราตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่า สินค้าบางตัวเป็นสินค้าที่คิดมาก่อนบริษัทอื่นๆ เมื่อออกมาขาย บริษัทบางแห่งถึงกับมีการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อนำไปขาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า สตีฟ จอบส์ จะไม่มีการทำการตลาดในตัวสินค้า แต่ตรงกันข้าม เขาจะมีทีมงานการตลาดของบริษัทเอง โดยที่ไม่จ้างนักการตลาดมืออาชีพหรือนักการตลาดที่มีชื่อเสียงมาจากภายนอกแต่จะใช้ทีมงานภายในบริษัทเอง
บริษัท แอปเปิล ได้สร้างวัฒนธรรมด้วยการคิดต่างหรือ Think Different ดังนี้ ส่งเสริมให้พนักงานคิดต่าง , ส่งเสริมเรื่องของคุณค่ามากกว่ากฎระเบียบ เช่นมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่คำนึงถึงเรื่องของงานต้องเสร็จ พนักงานบางคนเดินเท้าเปล่าๆ เข้าประชุม โดยไม่มีใครต่อว่า , ต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เสมอ เป็นต้น
ผู้ชนะคือผู้ที่กำหนดเกมส์ให้ผู้อื่นเล่น แต่ผู้พ่ายแพ้มักเล่นตามเกมส์ของผู้อื่น ทำไมคนที่เป็นนักการตลาดจะต้องมีความคิดต่างหรือThink Different ก็เพราะการคิดต่างจะทำเกิดสินค้าใหม่ๆ กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรของตนเองหรือหน่วยงานของตนเอง ก้าวหน้ามากกว่าที่จะทำตามหรือลอกเลียนแบบ สินค้า กลยุทธ์การตลาดของบริษัทคู่แข่ง
หากอยากเป็นผู้นำตลาด ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะคนลอกเลียนแบบมักจะเป็นผู้ตามวันยังค่ำ ตรงกันข้ามคนที่คิดต่าง หรือ Think Different มักมีโอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ แต่ความยากที่สุดก็คงอยู่ที่ว่า นักการตลาดสมัยใหม่ กล้าหรือเปล่าที่จะคิดต่างและมีความกล้าหรือเปล่าที่จะนำความคิดนั้นไปใช้ เพราะความคิดใหม่ๆ มักต้องเผชิญกับทั้งความล้มเหลวหรือต้องเผชิญกับเสียงตำหนิ เสียงดุด่า การเสียดสี การพูดในเชิงดูถูก แต่หากว่าความคิดต่างหรือThink Different ประสบความสำเร็จ คุณก็มีโอกาสโด่งดังมากกว่าคนที่ทำอะไรตามๆ คนอื่นเขา
Make THE Difference เมื่อคิดต่างแล้ว นักการตลาดที่ดีก็ควรลงมือทำให้เกิดความแตกต่างด้วย ซึ่งพลังในตัวของนักการตลาด สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าให้แก่ตัวของสินค้า บริการ ใหม่ๆได้ ซึ่งการสร้างสรรค์นี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมอีกด้วย จงกล้าที่จะคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ “ แตกต่าง” เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ ที่ตนเองทำให้ดีขึ้น จงเริ่มต้นที่ตัวของคุณเอง
เอดิสัน ผู้คิดต่างหรือThink Different มีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนยุคเดียวกัน เขาคิดว่าเขาต้องการคิดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการใช้ คนทุกๆคนในสังคมสมัยนั้น ไม่เห็นภาพว่าหลอดไฟฟ้าคืออะไร ด้วยความคิดที่แตกต่าง หลอดไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมือทำที่แตกต่าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นของเขา มีคนตั้งคำถามเขาว่า หากว่าทำสองพันกว่าวิธียังไม่สำเร็จ ทำไมไม่เลิก นี่คือความคิดของคนทั่วไป แต่ เอดิสัน มีความคิดต่างหรือ Think Different เขาตอบกลับว่า ถึงแม้เขาจะยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้ค้นพบสองพันกว่าวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะผลิตไส้หลอดไฟฟ้า ดังนั้น หลอดไฟฟ้า ดวงแรกจึงเกิดขึ้น
คุณสมบัติของนักการตลาดในยุคดิจิตอล จึงต้องมีคุณสมบัติที่ คิดต่าง ทำต่าง เพื่อนำสิ่งแปลกๆใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค เมื่อสินค้า บริการ ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากๆ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต การจ้างงานเกิดขึ้น รายได้จากแรงงานเกิดขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมก็จะดีขึ้น
สรุป แนวความคิดเรื่องของ Think Different หรือ คิดต่าง กระผมสนับสนุนเต็มร้อยครับ ถึงแม้ว่าสังคมไทยเรามักจะไม่ชอบคิดก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเราส่งเสริม สนับสนุน ให้คนรุ่นใหม่ๆ คิดมากๆ กระผมเชื่อว่า เราจะมีนักการตลาดที่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ นักคิดที่มีความแตกต่างๆ มากขึ้น เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักคิดมากมาย ไม่ว่า เครื่องบินลำแรกเกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบร้านสะดวกซื้อ 7-11 เกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบอาหารสมัยใหม่เช่น KFC เกิดขึ้นในสหรัฐ รถยนต์ หลอดไฟฟ้า ระบบห้องสมุดประชาชน เกิดขึ้นในสหรัฐ
แต่อย่างไร ก็ดีสังคมไทย ก็มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้นกว่าในยุคอดีต ดังจะเห็นได้จากสินค้าหลายตัว มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบ ความทันสมัย รสชาติ สีสัน ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สมัยอดีต หากว่าเราจะเกิดโดนัสสักชิ้น เราคงจะต้องนึกภาพว่า โดนัส มีลักษณะกลมๆ มีรูตรงกลาง แต่ในปัจจุบัน มีนักการตลาด สร้างสรรค์ และออกแบบ โดนัส พิซซ่า ซึ่งทำให้ภาพของขนมโดนัส เปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากสัมผัส อยากทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ท่านจำเป็นต้องคิดต่างจากนักการตลาดด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านไม่คิดอะไรมาก ทำเหมือนๆคนอื่นๆ ความสำเร็จในการทำงานด้านการตลาดของท่านก็อยู่ในระดับปกติมาตรฐานนักการตลาดด้วยกัน ทั้งนี้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักการตลาดหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่ใคร อย่าโทษสิ่งต่างๆ แต่จงโทษตัวของท่านเอง จงกล้าคิดต่างแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านโชคดี

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
U R A BRAND !(คุณ คือ แบรนด์)
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คุณสามารถสร้างภาพลักษณ์ เอกลักษณ์ ตัวตนของคุณให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักได้โดยการสร้าง Brand ส่วนตัวของคุณเอง
พวกเราคงเคยเห็นสินค้าในท้องตลาดหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมักมี ตรายี่ห้อ หรือ Brand โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาแพง มักให้ความสำคัญในการสร้าง ตรายี่ห้อ หรือ Brand โดยการโหมโรงโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร วิทยุ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
แต่จริงๆแล้ว การสร้างตรายี่ห้อหรือBrand ไม่ได้เกิดเฉพาะตัวของสินค้าที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น คน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็สามารถสร้าง ตรายี่ห้อ หรือ Brand ส่วนตัวได้เช่นกัน การสร้าง ตรายี่ห้อหรือ Brand ส่วนตัว หากว่าจะทำให้ได้ผลและเกิดความรวดเร็ว เราจะต้องนำเอาเรื่องของการตลาดมาประยุกต์ใช้
ก่อนอื่นเราต้องทราบความแตกต่างระหว่าง สินค้าที่มีการสร้าง Brand กับ สินค้าที่ไม่มีการสร้าง Brand กันก่อน สินค้าที่มีการสร้าง Brand มักจะเป็นที่จดจำมากกว่า ถูกลูกค้าถามซื้อมากกว่า มีราคาสูงกว่า เป็นที่ประทับใจ เป็นที่จดจำได้มากกว่า มีภาพลักษณ์ เอกลักษณ์ที่ดีกว่า สินค้าที่ไม่มีการสร้าง Brand สิ่งเหล่านี้คือความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับบุคคลที่ต้องการสร้าง Brand ส่วนตัว ให้กับตัวเอง ให้ออกมาดีเขาจะเป็นคนที่มีลักษณะดังนี้ คือ เขามักจะเลือกที่จะทำงานให้แก่ตนเอง มากกว่า ทำงานรับจ้างกินเงินเดือน เขาจะเป็นคนมีความมั่นใจในตนเองสูง มีความมั่นคงภายใน มีการวางแผนอย่างเป็นระบบโดยเฉพาะการวางแผนทางด้านการตลาด มีเครือข่ายหรือสายสัมพันธ์มาก มีภาพลักษณ์ที่ดูดี เป็นที่น่าสนใจในวงกว้าง เป็นต้น
การสร้าง Brand ส่วนตัวของคุณต้องเริ่มที่ตัวของคุณเอง หากมีเวลาว่างๆ ลองนั่ง วิเคราะห์ SWOT สำหรับตัวของคุณเอง(STRENGTHS จุดแข็ง , WEAKNESSES จุดอ่อน , OPPORTUNITIES โอกาส และ THREATS อุปสรรคหรือการคุกคาม)
จงพัฒนาจุดแข็งของคุณ ให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะการพัฒนาจุดอ่อนจะทำให้คุณเสียเวลา เสียเงินเป็นจำนวนมากแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมา มักจะไม่ได้ดังใจหวัง แต่หากคุณรู้ว่าจุดแข็งคุณเป็นอย่างไร คุณก็จะโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะจุดแข็ง มักเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ เช่น คนบางคนชอบเขียนหนังสือ แต่ไม่ชอบเล่นดนตรี ดังนั้น จุดแข็งของเขาคือ การเขียนหนังสือ เขาสามารถเขียนหนังสือขาย สร้างอาชีพ สร้างความร่ำรวยได้ แต่หากเขามัวแต่ไปพัฒนาจุดอ่อนคือ เล่นดนตรีหรือพัฒนาในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ไม่มีใจรัก เขาจะรู้สึกเหนื่อย หมดพลัง ฉะนั้นจงพัฒนาจุดแข็งของคุณ มากกว่าการที่คุณจะนำพลังไปใช้ในการพัฒนาจุดอ่อน
ดังคำพูดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่กล่าวว่า “ ปลาว่ายน้ำเก่งมาก แต่หากคุณตัดสินความเก่งโดยให้มันปีนต้นไม้ มันจะแก่ตายไปพร้อมกับความเชื่อว่า ตัวมันไม่มีอะไรดีซักอย่าง”
เรื่องของโอกาสและอุปสรรค ก็มีความสำคัญมาก โอกาสจะเป็นตัว ช่วยเร่งให้คุณเติบโต แต่อุปสรรคจะเป็นตัวขวางกั้นให้คุณเติบโตอย่างช้าๆ
เคล็ดลับในการสร้าง Brand ส่วนตัว คุณจำเป็นต้องคิดต่าง ทำต่าง เพราะหากว่าคุณคิดเหมือนคนอื่นๆ ทำเหมือนกับคนอื่นๆ คุณก็คงไม่มีความโดดเด่นขึ้นมาได้ แต่หากว่าคุณ คิดต่าง ทำต่าง คุณก็สามารถสร้างความโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคุณหาความแตกต่างได้แล้ว คุณมีความจำเป็นต้องนำเสนอตัวของคุณเองอย่างเป็นระบบด้วยการวางแผน เช่น การเขียนบทความลงในสิ่งพิมพ์ต่างๆ แล้ว รวบรวมเป็นเล่ม การหาโอกาสออกสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ โดยการทำอย่างเป็นระบบ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์
บุคลิกลักษณะ มีความสำคัญในการกำหนดหรือการสร้างภาพของตัวคุณ หากว่าคุณมีความกระตือรือร้นเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วกับอีกคนหนึ่งเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ , หากว่าคุณเป็นคนพูดเสียงดัง กับอีกคนหนึ่งพูดจาเสียงเบา , หากว่าคุณชอบแต่งกายสีสดใส เร้าใจ กับอีกคนหนึ่งชอบใส่เสื้อผ้าเรียบๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดความรู้สึกภาพลักษณ์ภายในใจของลูกค้าของคุณเองได้ทั้งสิ้น
เทคนิคในการเร่งภาพลักษณ์ของตัวคุณเอง
1.คุณมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ออกแบบการใส่เสื้อผ้าของคุณให้มีความแตกต่าง หากเปรียบตัวของเราคือสินค้า เสื้อผ้าจึงเปรียบได้ดังบรรจุภัณฑ์ จงเลือกสีเสื้อผ้า รูปแบบของเสื้อผ้า ให้ตรงกับบุคลิกของตัวคุณเอง จงใส่เสื้อผ้านั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ
2.คุณต้องออกแบบทรงผม ให้โดดเด่น พวกเราคงเห็น ดารา นักกีฬาฟุตบอลระดับโลก หลายๆ คน ที่มักจะเปลี่ยนทรงผมแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การออกแบบทรงผมเป็นอุปกรณ์หรือเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งในการช่วยในการสร้าง Brand สำหรับตัวของคุณเอง
3.คุณต้องหาสัญลักษณ์ ออกแบบเครื่องหมายการค้า คำพูด แปลกๆ เก๋ๆ เพื่อสร้างความจดจำต่อผู้พบเห็น
4.คุณต้องสร้างหรือพัฒนาบุคลิกของคุณให้มีความสอดคล้องกับ สีเสื้อ สัญลักษณ์ ทรงผ้าของคุณ เช่น คุณชอบใส่เสื้อผ้าสีสดใส คุณต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีชีวิตชีวาตลอดเวลาต่อผู้พบเห็น
หากคุณปฏิบัติได้ดังข้อความข้างต้นกระผมเชื่อว่าภาพลักษณ์ของตัวคุณเอง จะถูกจดจำต่อสาธารณชนอย่างรวดเร็ว เพราะคุณแตกต่าง คุณจึงสร้างความจดจำได้ดีกว่าและรวดเร็วกว่านั้นเอง
พลังของชื่อ พวกเราคงได้อ่าน หรือ เคยได้ฟังว่า นักร้อง ดารา หลายๆคน เมื่อเข้าสู่วงการมักจะมีการเปลี่ยนชื่อ เช่น คุณสิเรียม จากเดิมชื่อ วิริญญ์(อ่านว่า วิริน) กิ๊ปสั้น หรือ คุณแอน ทองประสม เมื่อก่อนชื่อ ศรีจันทร์ ทองประสม ฯลฯ ชื่อจึงมีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ
พลังของคำและวลีที่ติดปาก หากเราได้ยินคำว่า “ ถูกต้องนะครับ ” เรามักคิดถึงพิธีกรทางโทรทัศน์ชื่ออะไร , “ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ” เป็นคำพูดของนักการเมืองท่านใดในอดีต , “ ฟังธง ” เป็นคำพูดของหมอดูที่ชื่ออะไร พลังของคำและวลีที่ติดปาก ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้ในการสร้าง Brand ส่วนตัวของเราเองได้เช่นกัน
จงใช้พลังของสื่อ เราต้องยอมรับว่า สื่อในปัจจุบันมีอิทธิพลมาก อีกทั้งยังไม่สามารถปิดกั้นข้อมูล ข่าวสาร ได้เหมือนในอดีตอีกแล้ว ในอดีต รัฐบาล คณะปฏิวัติ มักยึดสื่อหลักๆ ในการปฏิวัติแต่ละครั้ง แต่ยุคปัจจุบัน สื่อหลายๆ ชนิดไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สื่อทางอินเตอร์เน็ตมีการเขียนข้อมูลได้อย่างเสรี บางคนเขียนด่ากันหรือให้ข้อมูลแบบผิดๆไปเลยก็มี , สื่อวิทยุชุมชนปัจจุบันนี้มีมากมายเหลือเกิน มากจนฝ่ายที่ทำหน้าที่ควบคุมไม่สามารถควบคุมกันได้ทั้งหมด เป็นต้น
จงใช้สื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ Brand ของตัวเองให้เป็น แล้วชื่อเสียงของคุณก็จะพุ่งอย่างจรวด
สุดท้ายนี้อย่างขอสรุปว่า คุณก็สามารถสร้าง Brand ส่วนตัวของคุณได้ เพราะคุณคือ U R A BRAND จงวางแผนลงบนกระดาษเปล่า จงคิดใหม่ ทำใหม่ จงวิเคราะห์ตัวเราเอง( SWOT) จงเปลี่ยนชื่อเสียใหม่หากว่าชื่อของคุณไม่โดนหรือเร้าใจ จงสร้างคำพูดวลีที่ติดปากของคุณ จงออกแบบเครื่องแต่งกาย การเลือกใช้สีเสื้อให้สอดคล้องกับบุคลิกของคุณตลอดจนออกแบบทรงผม จงหาสัญลักษณ์ เครื่องหมายการค้ามาใช้เพื่อสร้างความจดจำ จงใช้สื่อให้เกิดประโยชน์และที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องลงมือทำ เพราะหากคุณได้แต่คิด ผลลัพธ์ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น จงลงมือทำแล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand ส่วนตัวอย่างแน่นอน

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
Brand Experience
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้าง Brand หรือ แบรนด์ มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำการตลาด การขาย การสร้างธุรกิจ เพราะ Brand จะทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านธุรกิจในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา เรื่องของคุณค่าทางด้านจิตใจ การเชื่อถือการไว้วางใจ จนกระทั้งลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ และเกิดความศรัทธาใน Brand
ตรงกันข้าม ถ้าหากธุรกิจใดไม่สร้าง Brand ไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของ Brand ธุรกิจนั้น องค์กรนั้น ก็จะเสียเปรียบทางด้านการแข่งขันในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดราคา ลูกค้าไม่มีความเชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ และสามารถเปลี่ยนใจไปบริโภค อุปโภค หรือใช้บริการกับสินค้าบริษัทอื่นๆได้ทุกเวลา
ถ้าหากธุรกิจใด ต้องการผลกำไรอย่างยั่งยืน ธุรกิจนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงทุนเกี่ยวกับเรื่องของ Brand เช่น เมื่อเราพูดถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม พวกเรามักคิดถึง Brand ยี่ห้ออะไร ถ้าให้ผมตอบ พวกเราก็คงตอบว่า โค้ก หรือ เป็ปซี่ แต่ถ้าไปถามคนทั่วโลกว่าคิดถึง น้ำอัดลมยี่ห้ออะไร คนส่วนใหญ่ทั่วโลกมักจะตอบว่า “ โค้ก” เพราะผลจากการสำรวจมูลค่าของ Brand ของสินค้าและบริการต่างๆทั่วโลก ประจำปี 2555 ของบริษัท Interbrand พบว่า โค้ก หรือ Coca-Cola ยังเป็นแชมป์อันดับหนึ่งของโลก และพวกเราเชื่อไหมครับว่า ถ้าหากบริษัท โค้ก ขาย Brand อย่างเดียวโดยไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ เช่น โรงงาน , ขวดแก้ว , ที่ดินต่างๆ ฯลฯ บริษัท โค้ก จะขาย Brand อย่างเดียวได้มูลค่าถึง 71 พันล้านดอลาร์ (ถ้าอยากทราบว่าเป็นเงินสกุลไทยก็ลองเอา 30 บาทไปคูณ 71 พันล้านดอลาร์ จะได้มูลค่าถึง 2,130,000,000,000 บาท )
และถ้าพูดถึงรองเท้าเรามักจะคิดถึง Nike ร้านกาแฟเรามักคิดถึง Starbucks ร้านอาหารสมัยใหม่เรามักคิดถึง แมคโดนัลด์ อะไรที่ทำให้เราคิดถึง Brand เหล่านี้ก่อน Brand อื่นๆ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญก็คือ บริษัทเหล่านี้ให้ความสำคัญต่อการสร้าง Brand เป็นอย่างมากนั้นเอง
Brand ก็เหมือนกับคน กล่าวคือ Brand มีวงจรชีวิต มีปฏิสนธิหรือการเริ่มวางแผนสร้าง Brand มีการเกิด หรือมี Brand ออกสู่ตลาด มีการเติบโต แข็งแรงตามวัยต่างๆ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานและวัยชรา แล้วก็ตาย ฉะนั้น หากต้องการให้ Brand แข็งแรง บริษัทต่างๆจำเป็นจะต้องเอาใจใส่ ดูแล ไม่ให้ Brand เกิดการเจ็บป่วยแล้วล้มตาย เพราะถ้าหากบำรุงดูแลรักษาไม่ดี Brand ก็จะทรุดโทรมเร็ว
อีกทั้งควรคำนึงถึงการเพิ่มคุณค่าให้แก่ Brand ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น การพัฒนาคุณภาพของสินค้า , การเพิ่มความหลากหลายในตัวของสินค้า , บรรจุภัณฑ์ หีบห่อ รูปร่าง รูปทรงต่างๆ , การบริการหลังการขาย , การจัดส่งสินค้าหรือเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย , การสร้างภาพลักษณ์ของ Brand ให้ปรากฏต่อสังคม เป็นต้น
คนคือBrand Brand คือคน การสร้าง Brand ไม่ใช่สร้างได้เฉพาะตัวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่คนเราก็ถือว่าเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง เราก็สามารถสร้าง Brand เพื่อให้คนซื้อตัวเราเองได้เช่นกัน ดังจะสังเกตได้จาก ดารา นักร้อง นักแสดง คนเหล่านี้ก็เปรียบดังสินค้าแต่ละตัว เวลาเขาออกเทป ออกอัลบั้ม จะขายดีไม่ดีคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เนื้อร้องของเพลง , สีสันรูปแบบปกอัลบั้ม , ราคาที่จำหน่าย ฯลฯ แต่สิ่งที่มีความสำคัญก็คือ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้า มักชอบในตัวของบุคคลคนนั้นด้วย เช่น ธงไชย แมคอินไตย์ ซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย เมื่อออกอัลบั้มเพลงมักจะมีแฟนคลับตามซื้อ ก็เนื่องมาจาก ตัวของธงไชย แมคอินไตย์ ได้สร้าง Brand มาอย่างต่อเนื่องและอย่างยาวนาน ซึ่งการสร้าง Brand คนนั้น นับว่ายากกว่าการ
สร้าง Brand ในตัวของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็เนื่องจากสินค้าประเภทคน มีความไม่คงที่ ไม่นิ่ง เหมือนสิ่งของต่างๆ ซึ่งการจะสร้าง Brand คนให้ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องคำนึงถึงบุคลิก นิสัยใจคอของคนด้วย อันได้แก่ การยิ้ม การวางท่าทาง การจับมือ การแต่งตัว การประสานสายตา ฯลฯ ให้มีความสอดคล้องและสร้างเอกลักษณ์ส่วนบุคคลได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องออกมาอย่างคงเส้นคงวา และสม่ำเสมอ จึงจะสามารถสร้าง Brand บุคคลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับการสร้าง Brand ที่ดี เราไม่ควรลอกเลียนแบบ Brand อื่นๆ หรือ ไม่วางตำแหน่งของ Brand เหมือน Brand อื่นๆ แต่จงสร้างความแตกต่างในตัว Brand ของเรา หรือต้องยอมที่จะลงทุนพัฒนา Brand อย่างต่อเนื่องให้มีความทันสมัยตลอดเวลา ไม่ให้เกิดความล้าสมัยหรือตกยุค
ทำไมหลายบริษัทถึงไม่ให้ความใส่ใจ กับการสร้าง Brand หรือ พัฒนา Brand ทั้งนี้อาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ , ขาดความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ , ขาดบุคลากรด้านการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญก็คือ ขาดงบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อลงทุนสิ่งเหล่านี้ เพราะการสร้าง Brand จำเป็นต้องอาศัยงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ หลายบริษัทจำเป็นจะต้องอัดฉีดงบประมาณเพื่อที่จะโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งต้องอาศัยเงินในการซื้อสื่อต่างๆ อีกทั้งหลายๆ Brand ต้องเสียเงินว่าจ้าง ดาราหรือดีเจหรือผู้ที่มีชื่อเสียงต่างๆมาแนะนำ Brand ในราคาค่าตัวที่สูง
Brand กับ ผู้บริโภค การที่จะผูกใจผู้บริโภคมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หลายบริษัทพยายาม หาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม แต่ในขณะเดี๋ยวกัน ลูกค้าหรือผู้บริโภครายเก่าๆ กลับหนีออกไปใช้บริการอื่น ฉะนั้นบริษัทที่ฉลาดมักที่จะให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือผู้บริโภค รายเก่าก่อนลูกค้ารายใหม่ เพราะถ้าหากดูแล บริการหลังการขายให้แก่ ลูกค้ารายเก่าได้ดี ลูกค้ารายเก่ามักจะเกิดการซื้อซ้ำ อีกทั้งบริษัทสามารถประหยัดต้นทุนอื่นๆได้อีกมากมาย กว่าการเน้นที่จะช่วงชิงลูกค้ารายใหม่
Brand กับการผันผวนทางเศรษฐกิจ จากสภาวะเศรษฐกิจโลกหรือสภาวะเศรษฐกิจประเทศที่ตกต่ำ มักจะทำให้หลายๆ Brand ต้องล้มหายตายจากไป แต่หลายๆ Brand ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เนื่องจากโลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งการแข่งขัน ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้เกิดความรวดเร็วในเรื่องต่างๆ ดังนั้น ถ้าหากผู้บริหารของบริษัทใดหรือผู้จัดการ Brand ใดไม่เก่งและไม่ยอมปรับตัว Brand นั้นก็จะล้มหายตายจากไปในที่สุด
สรุป การสร้าง Brand และการพัฒนา Brand มีความสำคัญก็จริงอยู่ แต่เราก็ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น การวิจัยการตลาด , ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆของสินค้า , การตั้งราคาขาย , ช่องทางการจัดจำหน่าย , เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสนับสนุน ตัวบันทอน การสร้าง Brand ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงชื่อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง เช่นคำว่า “โค้ก , เป๊ปซี่ ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ โตโยต้า ฮอนด้า ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ ไนกี้ , อาดิดาส ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ เชฟโรเลท , วอลโว่” หรือ เมื่อเรียกชื่อบุคคลเราจะทราบทันทีว่าเขาคือใคร เช่น ไทเกอร วูดส์ , เดวิด เบ็คแฮม , เฉินหลง ฯลฯ
ชื่อของสินค้าหรือชื่อของบุคคล จึงมีความสำคัญเป็นอันมากในการทำการตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ ลักษณะของการตั้งชื่อที่ดี มักสื่อความหมายให้เห็นถึงบุคลิกของตัวสินค้า จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่า สินค้าหลายๆตัวรวมถึงบุคคลต่างๆ เมื่อเข้าสู่วงการต่างๆ เช่น วงการแสดง วงการกีฬา วงการบันเทิง ฯลฯ จึงมักมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อทำการตลาด เช่น เฉินหลง ชื่อจริง เฉิน ก่างเซิง แต่เมื่อเฉินหลง ทำการตลาดการเป็นนักแสดงระดับโลกจึงเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น แจ๊กกี้ ชาน หรือ ดาราไทย นักร้องไทย จาก พรภิรมย์ พินทะปะกัน เปลี่ยนเป็น ไมค์ ภิรมย์พร เป็นต้น
ยิ่งในยุคปัจจุบัน เป็นยุคโลกาวิวัฒน์ คนทั่วโลกสามารถไปมาหากันได้อย่างสะดวก เราจะเห็นชาวต่างประเทศมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้การตั้งชื่อยิ่งมีความสำคัญยิ่งขึ้น การตั้งชื่อสินค้า การตั้งชื่อสถานที่ต่างๆ ปัจจุบันมักใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าการตั้งชื่อเป็นภาษาไทย เช่น BM PUB ทำไมเราไม่ใช้คำว่า สมชาย ผับ หรือร้านขายกาแฟ Caffe Buddy (ภาษาไทยอ่านว่า คาฟเฟ่ บัดดี้) ทำไมเราไม่ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า สมปอง กาแฟ เป็นต้น
สโลแกน เช่น คำว่า “ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ” , “ บริการทุกระดับประทับใจ” , “ ปึกแผ่นเป็นแก่นสาร บริการเป็นกันเอง ” ฯลฯ สโลแกน เป็นข้อความที่ใช้ในการจูงใจให้คนมาใช้สินค้า เป็นข้อความที่บ่งบอกถึงจุดเด่นของสินค้า ซึ่งลักษณะของสโลแกนที่ดี ควรสั้นกระชับ มีความคล้องจ้อง อีกทั้งมีการเว้นวรรค เว้นจังหวะในการอ่าน
หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการทำการตลาดสินค้าสักตัวหรือการทำการตลาดตัวของท่านเอง ท่านควรคำนึงถึงชื่อสินค้า และสโลแกนที่ใช้ เพื่อประโยชน์ในการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น ผู้ที่รู้ความลับนี้หลายๆ ท่านมักใช้ทำการตลาดตัวเองแล้วได้ผล เช่น “ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว(จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ) หรือ ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้(พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์)” สโลแกนเหล่านี้มักแสดงถึงตัวตนของท่านได้อย่างแท้จริง
สโลแกนจึงมีความสำคัญและสโลแกนที่ดียังสามารถช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย หากเราสามารถคิดสโลแกนที่ถูกใจผู้คน ผู้คนก็จะฟังติดหู ดังเช่น รักคุณเท่าฟ้า ของการบินไทย , ละลายในปากไม่ละลายในมือ เอ็มแอนด์เอ็ม , ลูกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง ฯลฯ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ชื่อและสโลแกน มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน และหากต้องการให้ชื่อและสโลแกน เป็นที่จดจำได้เร็ว เราคงต้องศึกษาเรื่องของเครื่องมือช่วยตัวอื่นๆ เพื่อใช้ในการทำการตลาด เช่น โลโก้ , การเลือกใช้สี , เสียงเพลง , การเลือกรูปแบบตัวอักษรและภาพ ฯลฯ ซึ่งต้องนำชื่อ สโลแกนและเครื่องมือช่วยอื่นๆ โดยการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร ฯลฯ ก็จะทำให้สินค้าของท่านเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
สร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ มีความสำคัญมากต่อการขายสินค้าหรือบริการ สินค้าหรือบริการ ที่มีชื่อเสียงมักเป็นที่ยอมรับของตลาด อีกทั้งมีการตั้งราคาที่แพงกว่าสินค้าที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด ปัจจุบันกระผมมีอาชีพวิทยากร หากว่าวิทยากรท่านใดไม่เป็นที่รู้จักของตลาด คุณคิดว่าจะมีใครอยากไปฟังไหม แต่ตรงกันข้าม หากวิทยากรผู้นั้นมีชื่อเสียงระดับประเทศ ผู้ฟังมักอยากที่จะติดตามฟัง
เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่พวกเรามักจะเห็น สินค้า ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ตลาดมักจะต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น โฆษณาทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
ฉะนั้นการจัดงบประมาณทางด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องมี อีกทั้งการสร้างภาพพจน์ขึ้นในใจผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสะสม และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการโฆษณา พวกเราต้องยอมรับว่า เป๊ปซี่และโคลาโคลา มีประโยชน์น้อยกว่า น้ำส้มคั้น แต่ก็ด้วยการโฆษณา จึงทำให้ เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นที่ยอมรับของตลาด และสามารถขายสินค้าได้แพงกว่าน้ำสั้นคั้นที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดเสียอีก
ROLEX หรือ โรเล็กซ์ กลายเป็นนาฬิการาคาแพงและขายดีที่สุด ปัจจัยที่ทำให้มีราคาแพงและขายดีไม่ได้เกิดจากเรื่องของคุณภาพอย่างเดียว แต่หมายถึงการสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับอีกด้วย
STARBUCKS COFFEE หรือ สตาร์บัคส์ เป็นร้านกาแฟที่มีกาแฟรสชาติต่างกันถึง 40 ชนิด และสามารถขายได้ในราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟโดยทั่วไป ก็เพราะว่าสตาร์บัคส์ สามารถสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับได้นั้นเอง
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับในยุคปัจจุบันจึงมักนำเอาการตลาดเข้ามาใช้ในทุกๆวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการค้าขาย วงการศาสนา วงการเมือง วงการการศึกษา ฯลฯ
การสื่อสารทางการตลาดหรือ Integrated Markering Comunication(IMC)จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในยุคปัจจุบัน ซึ่ง IMC จะเป็นกระบวนการในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครื่องมือการตลาดหลายๆ อย่างผสมกัน เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยพนักงานขาย การจัดแสดงสินค้า การใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ การสัมมนา ฯลฯ
ไม่ว่าคุณจะขายอะไร ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไร คุณมีความจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในด้านของตัวบุคคล ของบริษัท ของหน่วยงาน ขององค์กร หากคุณสามารถสร้างขึ้นมาได้คุณก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความศรัทธา รายได้เงินทอง โอกาส
ดังตัวอย่างเช่น หากท่านต้องการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ท่านจะเข้าไปซื้อที่ร้าน 7-11 หรือ ณ ร้านโชว์หวย กระผมเชื่อแน่ว่า คนส่วนใหญ่มักอยากจะซื้อที่ร้าน 7-11 เพราะมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของตลาดมากกว่า
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการมีรายได้มากขึ้น มีกำไรมากขึ้น มียอดขายมากขึ้น มีลูกค้ารู้จักมากขึ้น ท่านจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ

#image_title