สำคัญกว่าทำก่อน

สำคัญกว่าทำก่อน

ทำในสิ่งที่สำคัญก่อน
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

หากไปถามคนทำงานส่วนใหญ่ในปัจจุบัน….ว่ามีปัญหาอะไรในการทำงาน คนส่วนมากมักบอกว่า “ ผมมีงานที่ต้องทำมากแต่มีเวลาน้อยในการทำงาน”
แต่แท้ที่จริงแล้ว…คนที่ประสบความสำเร็จ คนที่เป็นนักบริหารใหญ่…มักมีงานที่ต้องทำมากกว่าคนทั่วไป แต่ทำไมบุคคลเหล่านั้นถึงทำได้ สิ่งสำคัญก็คือ คนเหล่านั้น มีความสามารถในการบริหารเวลานั้นเอง
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากัน แต่ใช้เวลาไม่เหมือนกัน “ จงทำในสิ่งที่สำคัญก่อน” แล้วทำมันอย่างมีสมาธิจดจ่อในการทำงานแต่ละชิ้น จึงเป็นวิธีการที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีเวลาเหลือในการที่จะทำสิ่งต่างๆได้เพิ่มเติมในดำรงชีวิต
จงเพาะนิสัยการลำดับงาน แล้วดูงานที่สำคัญก่อน แล้วจงทำมันทันที เพราะ คนที่ลงมือทำงาน มีความสำคัญกว่าคนที่ชอบคุย ชอบวางแผน แต่ไม่ยอมลงมือทำงาน อีกทั้งการลำดับงานและการวางแผนงานที่ดี คุณควรวางแผนหรือคิดบนกระดาษ
ไบรอัน เทรซี่ นักพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ได้กล่าวว่า “คนที่คิดและวางแผนบนกระดาษ มักประสบความสำเร็จกว่าคนที่คิดอย่างเดียวแต่ไม่มีการเขียนลงไปในกระดาษ” จงเขียนเป้าหมาย แล้วลำดับความสำคัญของงาน แล้วลงมือทำมัน
หากว่าคุณมีงานหลายงาน แต่งานที่สำคัญมักยาก ขอให้คุณจงทำงานที่ยากนั้นก่อน นี่อาจเป็นคำแนะนำที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เนื่องจากคนส่วนใหญ่ มักเลือกทำงานที่ง่ายก่อน แล้วง่ายที่ยากมักทำทีหลัง แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักเลือกทำงานที่ยากก่อนแล้วจึงไปทำงานที่ง่ายในเวลาต่อมา
แล้วทำอย่างไร ถึงจะทำงานที่ยากก่อนงานที่ง่าย เพราะเราเคยชินในการทำงานที่ง่ายก่อนงานที่ยาก คำตอบก็คือ คุณต้อง ฝึกฝน ฝึกฝนและฝึกฝน ตนเอง หัดห้ามใจให้ทำงานที่ยากจนมันกลายเป็นนิสัย
คนทำงานส่วนใหญ่ มักชอบสบาย เช่น ชอบใช้เวลาในการทำงาน ไปกับการอ่านหนังสือพิมพ์ การนั่งทานกาแฟ พูดคุยกันในระหว่างทำงาน ซึ่งบางคนใช้เวลาในการพูดคุยนานจนเกินไป
แต่ตรงกันข้าม คนที่ประสบความสำเร็จ มักเลือกทำในสิ่งที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เลือกอ่านหนังสือเกี่ยวกับวงการที่ตนเองทำงานอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร วารสาร ,เข้าเรียนหลักสูตรต่างๆเกี่ยวกับงานของคุณ ,ฟังวิชาการ เทป ซีดี ในรถยนต์ จงเปลี่ยนเวลาที่ใช้ในการขับรถเป็นเวลาเรียน, การพัฒนาตนเองในสายงานอาชีพของตนเอง ,สนใจทำในสิ่งที่สำคัญในการทำงานก่อน เป็นต้น
หากเป็นไปได้ ในทุกๆวัน คุณควรมีการวางแผนโดยเลือกทำให้ในสิ่งที่สำคัญก่อนดังนี้
1.หลังเลิกทำงานในแต่ละวันหรือก่อนเข้านอนในแต่ละวัน คุณควรวางแผนโดยการเขียนแผนว่า วันพรุ่งนี้คุณจะทำอะไร
2.จงเขียนและลำดับรายการที่มีความสำคัญมากไปหารายการที่มีความสำคัญน้อย
3.วันรุ่งขึ้นจงลงมือทำทันที โดยเลือกทำในงานที่มีความสำคัญและยากก่อน
4.จงหัดทำอย่างนี้สัก 21 วัน จนกลายเป็นนิสัย
จงทำในสิ่งที่มีความสำคัญก่อน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ที่ปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ ควรลงมือทำ เนื่องจากเราไม่มีเวลามากพอที่จะทำทุกอย่าง

#image_title

จงศึกษาเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ

จงศึกษาเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ

จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

ชีวิตของคนบางคนมักเจอแต่เรื่องที่ล้มเหลว มีแต่เรื่องเศร้า มีแต่ปัญหา จนท้อแท้ใจ จนหมดกำลังใจ หากชีวิตของท่านเป็นเช่นนั้น จงสร้างกำลังใจให้แก่ตนเอง ด้วยการ สร้างแรงบันดาลใจจากการอ่าน การฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแรงบันดาลใจ เช่น ประวัติส่วนตัวของผู้ประสบความสำเร็จ,การต่อสู้ของสัตว์แต่ละชีวิตเพื่อที่จะเอาตัวรอด เป็นต้น

จงอ่านทุกๆวัน แล้วชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ท่านจะมีกำลังใจมากขึ้น ท่านจะมีพลังชีวิตมากขึ้น ท่านจะมีแรงในการต่อสู้เหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น

แล้วมีคนถามผมว่า แล้วตนเอง เป็นคนไม่ชอบอ่านละ ถ้าหากว่าท่านไม่ชอบอ่านหนังสือ ท่านก็จงฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ แทน มีงานวิจัยที่น่าสนใจว่าคนทำงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินทางไปทำงานหรือไปในที่ต่างๆ โดยรถยนต์ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก

จงเปลี่ยนเวลาเดินทางเป็น เวลาศึกษาเล่าเรียน โดยการฟังเทป การฟังซีดี วิชาการในรถ โอกาสมีสำหรับผู้แสวงหาและค้นหาโอกาส แล้วบางคนอาจอ้างว่าแล้วผมไม่ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวละ จะทำอย่างไร ท่านสามารถฟังวิชาการหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจได้โดย ซื้อเครื่องเล่นเทป หรือ เครื่องเล่นซีดี มาเปิดในห้องน้ำในขณะอาบน้ำ ในขณะทำงานในบ้าน หรือระหว่างเดินทางโดยฟังผ่าน MP3 ทางหูฟัง

หากว่าคุณปฏิบัติได้เช่นนี้เป็นประจำ มันจะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคุณ คุณจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอนาคต คนประสบความสำเร็จส่วนมากมักไม่ได้ทำงาน “หนัก” แต่เขาเหล่านั้นรู้จักเรียนรู้ที่จะทำงานอย่าง “ ฉลาด” ต่างหาก

โดยสรุปก็คือ คุณสามารถ อ่าน ฟัง เรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ได้โดย

1.อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร เกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ

2.ดูโทรทัศน์ รายการที่เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ดูว่าเขาต่อสู้อย่างไร ลำบากอย่างไร เขาอดทน มุ่งมั่นอย่างไร

3.ศึกษาจากการอ่านหนังสือชีวประวัติ ฟังเทป ดูวิดีโอ ที่เจ้าตัวเขียนหรือพูดเกี่ยวกับการต่อสู้ของตนเองจนประสบความสำเร็จและโดยส่วนตัวของผม ผมชอบอ่านและศึกษาประวัติของบุคคลสำคัญหลายๆคน เช่น โดนัลด์ ทรัมพ์ ,  จอห์น เอฟ เคเนดี้ , อับราฮัม ลินคอล์น , Tonyrobbins , Brian Tracy , บัณฑิต อึ้งรังสี เป็นต้น

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น กระผมขอยกตัวอย่าง เรื่องราวของ Starbucks (สตาร์บัคส์)เป็นร้านขายกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก Howard Schultz เป็นผู้ก่อตั้ง  โดยแรกเริ่มเดิมที่เขาไปเที่ยวที่เมือง Seattle และพบร้านขายกาแฟชื่อ Starbucks  ซึ่งมีเพียง 4 ร้านเท่านั้นในประเทศอเมริกาในขณะนั้น  เขาจึงอยากที่จะสร้างวัฒนธรรมการกินกาแฟของคนอเมริกันขึ้นมาใหม่ ขณะนั้นในอดีตคนอเมริกามักไม่ค่อยพิถีพิถันการกินกาแฟมากนักซึ่งแตกต่างการกินกาแฟของคนยุโรป

โดยความรัก ความชอบและความฝันของเขา เขาจึงลงทุนลาออกจากงานประจำเพื่อไปตามหาความฝันของเขา เขายอมลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของ Starbucks ในขณะนั้น และเขาได้ลงทุนไปอิตาลี เพื่อไปดูวัฒนธรรมและต้นแบบของศิลปะการกินกาแฟ เมื่อไปถึงทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น

เขาจึงเสนอความคิดแก่หุ้นส่วนในการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้แก่ Starbucks แต่หุ้นส่วนเขาไม่ยอม เขาจึงตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เพื่อสร้างฝันของเขา ในที่สุด Starbucks เป็นร้านกาแฟที่คนรู้จักกันไปทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินกาแฟสมัยใหม่ของชาวอเมริกา ในปัจจุบัน Starbucks มีสาขาประมาณ 16,000 สาขาทั่วโลก และ สำหรับประเทศไทยมีประมาณ  140 สาขา

จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ให้มากๆ แล้วท่านจะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวของท่าน

#image_title

ใช้ชีวิตให้เต็มชีวิต

ใช้ชีวิตให้เต็มชีวิต

ใช้ชีวิต…ให้เต็มชีวิต…
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนประสบความสำเร็จมักใช้ชีวิต อย่างคุ้มค่า เพราะทุกวินาทีของเขานั้นมีคุณค่า ทุกนาทีของเขานั้นมีความหมาย มนุษย์เรามีเวลาน้อยมากสำหรับการสร้างความยิ่งใหญ่ จงใช้ชีวิตให้เต็มชีวิต เมื่อท่านตายไปท่านจะไม่นึกเสียดายเวลาอีกเลย สำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตให้เต็มชีวิตนั้น บุคคลนั้นจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1.มีเป้าหมายของชีวิต เป้าหมายมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตของบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคนจะต้องมีการตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าตนเองต้องการอะไร ตรงกันข้ามกับบุคคลธรรมดาทั่วๆไป มักไม่มีการตั้งเป้าหมายขึ้นในชีวิตของตนเอง คนที่มีเป้าหมายเปรียบเสมือนเรือที่มีหางเสือ เมื่อลอยอยู่กลางทะเลแต่เรือสามารถลอยและเคลื่อนไปอีกฝั่งหนึ่งได้ หากเรือนั้นมีการกำหนดทิศทาง กำหนดเป้าหมาย แต่หากเรือลำใดไม่มีการกำหนดทิศทาง กำหนดเป้าหมายแล้ว เรือลำนั้นก็จะลอยอยู่กลางทะเล ไม่สามารถไปถึงฝั่ง
2.รู้จักบริหารเวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับชีวิต ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่รู้จักบริหารเวลา เขาจะมีการจัดสรรเวลา และทำงานอย่างเป็นระบบ เขาจะไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ แต่เขาจะรู้จัก พัฒนาตนเอง ปรับปรุงตนเอง แก้ไขตนเองเสมอ
3.เต็มที่กับทุกเรื่อง คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่มีสมาธิจดจ่อ เมื่อเขาทำงาน เขาจะทำงานนั้นด้วยจิตใจที่ จดจ่อ เขาจะมีความตั้งใจสูงกับงานที่เขาทำ และเขาจะมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เมื่อกำหนดส่งงาน เขาก็จะทำเสร็จตรงตามกำหนดเวลาดังกล่าว
4.ทำทุกอย่างที่มีโอกาส คนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ถึงแม้งานนั้นจะยากเย็นแสนเข็ญและเป็นสิ่งใหม่สำหรับเขา แต่เขาคิดว่านี่คือโอกาสในการที่จะได้เรียนรู้ อีกทั้งได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากงานที่เขาได้รับมอบหมายแทนที่จะพร่ำบ่น แต่ตรงกันข้ามเขาจะทำด้วยความเต็มใจ
5.กล้าที่จะล้มเหลว คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่กล้าที่จะล้มเหลว เพราะเขารู้ดีว่า คนที่ประสบความสำเร็จมากมายในอดีต เป็นบุคคลที่ล้มเหลวในการทำสิ่งต่างๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยยอมที่จะล้มเลิกต่างหาก จงกล้าที่จะล้มเหลว แล้วท่านจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งท่านล้มเหลวมาก ท่านก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้งานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ท่านเดินทางเข้าใกล้ความสำเร็จยิ่งขึ้นอีก
ท้ายนี้อยากฝากแง่คิด คำคม ของสตีฟ จ๊อบส์ ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ผลงานของเขายังคงเป็นประโยชน์ต่อโลกอีกมากมาย “ ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนมันเป็นวันสุดท้ายของคุณแล้วล่ะก็ วันหนึ่งคุณจะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง”

#image_title

พลังของการเคลื่อนไหว

พลังของการเคลื่อนไหว

พลังแห่งการเคลื่อนไหวร่างกาย

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

Anthony Bobbins (แอนโทนี่ ร็อบบินส์) โค้ชสอนเรื่องการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นโค้ชแนวหน้าของโลก มักจะพูด จะเขียน จะสอนในงานอบรม งานสัมมนาอยู่บ่อยๆว่า

คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า ความรู้สึกทางอารมณ์ส่งผลต่อลักษณะของการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เวลาเรารู้สึกเศร้า การเคลื่อนไหวร่างกายก็จะช้า แต่หากว่าเรามีความรู้สึกที่ดีใจ ตื่นเต้น การเคลื่อนไหวร่างกายก็จะเร็วกว่าปกติ

Anthony Bobbins (แอนโทนี่ ร็อบบินส์) เขาให้แง่คิดในทางกลับกัน กล่าวคือ ให้เราลองฝึกเคลื่อนไหว เพื่อให้เปลี่ยนลักษณะความรู้สึก อารมณ์ เช่น การตบมือดังๆ การกระโดด โลดเต้น จะทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเรามีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

สำหรับการฝึกของ Anthony Bobbins (แอนโทนี่ ร็อบบินส์)  เขาเริ่มฝึกจากการเลียนแบบการเคลื่อนไหว ท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ของผู้นำ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง จนทำให้เขาเกิดมุมมองใหม่ๆ ในที่สุด การฝึกเคลื่อนไหวร่างกายเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความมั่นใจในตนเองและทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

จากงานสัมมนา งานอบรม งานเขียนของเขา เขาจะแนะนำเสมอว่าให้ทุกคน ฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายเสียใหม่  กล่าวคือ “ เปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหวร่างกายแล้วชีวิตจะเปลี่ยน” อีกทั้งเขายังให้การแนะนำว่า ให้ทุกคนมองหาบุคคลที่ชื่นชอบ บุคคลที่มีความมั่นใจในตนเองสูง แล้วให้ทุกคนลองสังเกตการเคลื่อนไหวร่างกายของบุคคลเหล่านั้น

แล้วให้ทุกคนลองลอกเลียนแบบ ตั้งแต่ ท่าทาง การเดิน การหายใจ การนั่ง แล้วท่านก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของท่าน

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ท่านลองปฏิบัติตาม 2 รูปแบบ ดังนี้

1.ท่านลองเดินเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ กว่าปกติ  แล้วกำหมัดหลวมๆ พร้อมทั้งพูดช้าๆ เบาๆ ว่า “ ฉันทำได้ ” “ฉันมีพลัง” (หลายๆครั้ง)

2.ท่านลองเดินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กว่าปกติ  แล้วกำหมัดแน่นๆ พร้อมทั้งพูดดังๆ ว่า “ ฉันทำได้ ” “ฉันมีพลัง” (หลายๆครั้ง)

หากท่านได้ลองทำดูแล้ว ท่านจะรู้สึกอย่างไร กับการกระทำ 2 รูปแบบ ข้างต้น ท่านจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของท่าน กล่าวคือ หากท่านร่างกายเคลื่อนไหวแบบช้าๆ พูดช้าๆ พลังหรือความกระตือรือร้นก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากท่านมีการเคลื่อนไหวร่างกายแบบรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง ความกระตือรือร้นและพลังก็จะเกิดขึ้น

ดังนั้น หากท่านต้องการเปลี่ยนอารมณ์  ท่านจะต้องเปลี่ยนการเคลื่อนไหวร่างกายของตนเองเสียใหม่

#image_title

พัฒนาตัวเองด้วยหลัก 5 ส.

พัฒนาตัวเองด้วยหลัก 5 ส.

พัฒนาตนเอง 5 ส. สู่ความสำเร็จ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนเป็นจำนวนมากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต คนเป็นจำนวนมากต้องการเงินเดือนที่สูงขึ้น คนเป็นจำนวนมากต้องการความก้าวหน้าในที่ทำงาน แต่คนส่วนใหญ่มักมองแต่สภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ต้องการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ , ต้องการเจ้านายใหม่ , ต้องการเปลี่ยนห้องทำงานใหม่ ฯลฯ แต่ความจริงแล้ว หากว่าเราต้องการประสบความสำเร็จ เราต้องเริ่มต้นจากภายในตัวเราก่อน
เริ่มจากการพัฒนาตนเอง สมมุติว่านาย A ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเป็นพนักงาน เจ้าหน้าที่ แต่หากว่านาย A ต้องการเป็น อาจารย์มหาวิทยาลัยแบบนาย B นาย A จึงต้องไปดูว่าคุณสมบัติของความเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร เช่น ต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาโท , ต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดทั้งการพูด การสอนและการเขียน, ต้องมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพความเป็นอาจารย์ เป็นต้น
จากตัวอย่างข้างต้น หากว่า นาย A ต้องการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นาย A จึงต้องเริ่มต้นพัฒนาตนเอง ด้วย การไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท , ต้องไปเรียนการพูด การเขียน การสื่อสาร เป็นต้น
ดังนั้นการพัฒนาตนเองจึงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตการทำงาน ซึ่งเราจำเป็นจะต้องพัฒนาตนเองหลายๆด้านด้วยกัน ในตอนนี้ขอพูดเรื่อง “ พัฒนาตนเอง 5 ส. สู่ความสำเร็จ ”
ส.ที่ 1 สมอง คนที่ร่ำรวย คนที่มีหน้าที่การงานดี คนๆนั้นมักมีมันสมองที่ดี ฉลาด การพัฒนาสมองจึงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตนเองไปสู่ความสำเร็จ เพราะการจะแก้ไขปัญหาต่างๆ เรามักสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยกันหลายทาง แต่คนที่มีมันสมองที่ฉลาด มักใช้ความคิด และการตัดสินใจที่ดีกว่าคนที่มีมันสมองที่ไม่ดี
ส.ที่ 2 สัมพันธ์ การพัฒนาความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่า ในการทำงานทุกแห่งเรามักทำงานร่วมกันกับคนอื่น การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน ศึกษา
ส.ที่ 3 สติ การทำงานทุกประเภท บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีสติ ไม่เป็นคนที่ใจลอยหรือเป็นคนที่ขาดสติ คนที่มีสติ มักทำงานได้รอบคอบกว่าคนที่ไม่มีสติ คนที่มีสติ มักทำงานได้ผิดพลาดน้อยกว่าคนที่ขาดสติ
ส.ที่ 4 สง่า บุคลิกภาพ ความสง่า มีส่วนสำคัญที่สร้างความประทับใจเริ่มแรกในการพบปะกัน การแต่งกาย ทรงผม หน้าตา ตลอดจนการรักษารูปร่าง จึงเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
ส.ที่ 5 สัจจะ บุคคลที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่เคารพ นับถือ มักเป็นคนที่ใช้คำพูด ใช้วาจา ที่ดี เป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา เป็นคนที่พูดจาอ่อนหวาน สุภาพ ดังนั้นบุคคลที่ต้องการประสบความสำหรับควรที่จะต้องมีการฝึกฝนและพัฒนา ปรับปรุง คำพูด
ดังนั้นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และหากว่าเราลองสังเกตดูคนรอบข้างเราก็จะมีอยู่ 2 ประเภท กล่าวคือคนที่ประสบความล้มเหลว มักเป็นคนที่คิดลบอยู่เสมอ มักเป็นคนที่ฝากชีวิตไว้กับคนอื่น มักเป็นคนที่มีข้ออ้างตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับคนอีกประเภทหนึ่ง ก็คือคนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่คิดบวก มักเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง มักเป็นคนที่พัฒนาตนเอง ตลอดเวลา
แล้วคุณต้องการเป็นคนประเภทไหน เพราะถ้าหากว่าคุณต้องการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ขอให้คุณจงรีบพัฒนาตนเองตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ถ้าหากว่าท่านคิดว่าตนเอง พัฒนาตนเองได้ ท่านก็จะพัฒนาตนเองได้ แต่ถ้าหากว่าท่านคิดว่าท่านไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ท่านก็มักจะเป็นไปตามความคิดของท่าน

#image_title

สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง

สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง

จงเชื่อมั่นในตนเอง
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่แล้ว…มักไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งความไม่เชื่อมั่นในตนเอง ส่วนหนึ่งเกิดจากความกลัว โดย ดร.นโปเลียน ฮิลล์ ผู้เขียนหนังสือ “ ปรัชญาชีวิต ศาสตร์แห่งความสำเร็จ” ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์มีความกลัวพื้นฐาน 6 ประการคือ
1.ความกลัวยากจน
2.ความกลัววัยชรา
3.ความกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์
4.ความกลัวสูญเสียความรักของคนบางคน
5.ความกลัวสุขภาพทรุดโทรม
6.ความกลัวตาย
ความกลัวพื้นฐานเหล่านี้ เป็นบ่อเกิดแห่งการทำให้มนุษย์ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จงขจัดหรือทำให้เบาบาง แล้วท่านจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้น
สำหรับเทคนิคในการทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง มีดังนี้
1.จงทำตัวให้เคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้น เดินยืดอก ตัวตรง เดินอย่างผู้นำ กระฉับกระเฉง ว่องไว
2.ยิ้มแย้ม แจ่มใส เบิกบาน ไม่ทำใบหน้าอมทุกข์
3.จงพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ เช่น ฉันทำได้ , ฉันมีความเชื่อมั่นในตนเอง , ฉันสู้ ,ฉันมีพลัง ฯลฯ
4.ฝึกนั่งแถวหน้า ฝึกแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
5.ฝึกช่วยตนเอง ฝึกพึ่งตนเองให้มากที่สุด จงคิดว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน
หากท่านฝึกปฏิบัติ ตามคำแนะนำดังกล่าว กระผมเชื่อว่าจะทำให้ท่านเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในแวดวงต่างๆ ผู้ชนะ คนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โต ไม่มีใครคนใดเลยที่ปราศจากความเชื่อมั่นในตนเอง หากว่าท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่อยากเป็น ผู้ชนะ อยากดำรงตำแหน่งใหญ่โต จงฝึกมัน
เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก หากไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ท่านก็ไม่สามารถประดิษฐ์ หลอดไฟฟ้า ให้พวกเราได้ใช้กันทั่วโลก
ลินคอล์น มุสโสลินี ฮิตเล่อร์ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลส์ บุคคลเหล่านี้ หากไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เขาเหล่านี้ ก็ไม่สามารถเป็น นักพูดเรืองนามระดับโลก
ไม่มีอิทธิพลอันใดหรือใครคนใดของโลก ที่จะกำหนดโชคชะตาให้แก่ท่าน ตัวของท่านเองต่างหาก ที่จะกำหนดโชคดีหรือโชคร้ายให้แก่ตัวเอง เราจะเป็นอะไร เราจะมีความสามารถเก่งแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งสิ้น จงเชื่อมั่นในตนเอง ว่า ท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้
ไม่มีบุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกที่พบกับความสำเร็จ โดยบุคคลผู้นั้นขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เราจงจำกัดความอ่อนแอในตัวเรา แล้วปลูกฝังความเชื่อมั่นในตนเอง แล้วท่านจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ

#image_title