ทำงานอย่างมีความสุข

ทำงานอย่างมีความสุข

จงทำงานให้มีความสุข

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

 

งานคือชีวิต            ชีวิตคืองานบันดาลสุข

ทำงานให้สนุก        เป็นสุขเมื่อทำงาน(สร้อย)

ชีวิตคือ   ลมหายใจใครก็รู้

ชีวิตคือ   การต่อสู้ควรศึกษา

ชีวิตคือ   กิจการงานตระการตา

ชีวิตคือ   กาลเวลาที่คุ้มครอง

ทำงานเพื่องานบันดาลผล   ทำดีเพื่อดีดีดลผลให้

ทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่               อย่างจริงใจ

สร้างไท   ให้กับตัว อย่ากลัวเกรง

ข้อความข้างต้นนี้ เป็นบทประพันธ์ของหลวงพ่อพุทธทาสที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาภายหลัง มีคนนำมาใส่ทำนองจึงออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งเป็นบทเพลงที่ให้กำลังใจเป็นอย่างดีสำหรับคนที่อยู่ในวัยของการทำงาน

แต่สำหรับคนทำงานเป็นจำนวนมาก มักมีปัญหาเรื่องของการทำงาน กล่าวคือ เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่ายงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีปัญหากับเจ้านายเลยทำให้ทำงานไม่สนุก , การคาดหวังผลประโยชน์จากงานแล้วไม่ได้ตามคาดหวังเลยทำให้ท้อแท้ใจ , การมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน , การมีความคิดในแง่ลบตลอดเวลา ฯลฯ

ซึ่งกระผมเชื่อแน่ว่า หลายท่านที่มีปัญหาในที่ทำงานทุกๆคน จะมีปัจจัยที่แตกต่างกันที่ทำให้ตนเองไม่มีความสุขในการทำงาน หากท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ท่านคงต้องพิจารณาถึงสาเหตุแล้วควรไปแก้ไขที่สาเหตุ ท่านไม่ควรใช้วิธีการของบุคคลอื่นเพื่อนำวิธีการของเขามาแก้ไขปัญหาของท่าน เพราะจะทำให้ท่านแก้ไขปัญหาไม่ถูกที่

หลายคนมักถามผมว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานให้มีความสุข ซึ่งกระผมมักตอบว่า เราสามารถทำงานให้มีความสุขได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก ในการแล่นเรือในทะเล หากพวกเราสังเกตจะพบว่า คนที่บังคับเรือ เขาไม่สามารถปรับทิศทางลมได้ แต่เขาสามารถปรับหางเสือเรือได้ เหมือนกันในการทำงานเราไม่สามารถปรับสภาพแวดล้อม เราไม่สามารถเลือกเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่เราสามารถปรับตัวของเราเองได้ ซึ่งหลักในการปรับตัวเพื่อให้มีความสุขมีดังนี้

1.ท่านต้องสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะการคิดในแง่บวก เพราะการคิดในแง่บวกจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ดี แต่การคิดในแง่ลบ มักจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ร้าย ท่านจะเกิดความคิดในเชิง โกรธ อิจฉา อยากที่จะทำลาย มากกว่าที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆออกมา ทัศนคติของเรา ความคิดของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด เช่น หลายคนเห็นน้ำหมดไปครึ่งแก้ว แต่บางคนบอกว่าเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว

2.ท่านต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรูในที่ทำงาน สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “ มีเพื่อน 100 คนยังน้อยไปมีศัตรูคนเดียวมากเกินไปแล้ว ” ดังนั้นหากเพื่อนร่วมงาน ทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำอะไรให้เราไม่สบายใจ หนักนิดเบาหน่อยก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน การอภัยนั้น  ทำได้ยากก็จริงอยู่ แต่การอภัยจะทำให้เราเกิดความสบายใจและมีมิตรมากกว่าศัตรูอย่างแน่นอน อีกทั้งการเลือกคบเพื่อนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเกิดความสุขในที่ทำงานและประสบความสำเร็จในที่ทำงาน บางคนฆ่าตัวตายก็เนื่องมาจากเพื่อนให้คำปรึกษาที่ไม่ดี ไม่คอยเป็นกำลังใจให้ ไม่รับฟังปัญหา แต่คนที่เลือกคบเพื่อนที่ดีก็มักจะแก้ปัญหาและหาทางออกได้ดีกว่า

  1. ท่านไม่ได้ทำงานเพื่องาน แต่ท่านทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากท่านทำงานเพื่องานท่านจะเกิดความสบายใจไม่เกิดอาการกดดัน แต่หากท่านมีความต้องการผลประโยชน์ส่วนตนแฝงท่านก็จะเกิดความเครียดหากว่าไม่ได้สิ่งเหล่านั้น เช่น ท่านทำงานเพื่อหวังตำแหน่ง หวังเงินเดือน โบนัสเพิ่ม แต่หากท่านไม่ได้ตามสิ่งที่หวัง ท่านก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน หากท่านทำงานเพื่อผู้อื่น ท่านก็จะได้รับความสุขในการทำงานมากขึ้น หากท่านเป็นนางพยาบาล มีผู้ป่วยมารักษา ท่านมีความคิดในการช่วยเหลือ อีกทั้งต้องการรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรค ท่านจะบริการด้วยความสุขใจที่ท่านได้ทำงานนี้

4.ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ การเลือกงานที่ท่านรักจะทำให้ท่านมีความสนุกในการทำงานมากกว่า การทำงานในสิ่งที่ท่านไม่รัก การรักงานที่ทำจะทำให้ท่านทำงานได้นานกว่าการทำงานตามปกติ หากท่านมีโอกาสเลือกงานได้ ท่านจงเลือกงานที่ท่านรัก แต่หากเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ท่านปรับความคิดเสียใหม่ คือ จงรักในงานที่ท่านทำ

ท้ายนี้กระผมขอฝากแง่คิดไว้ว่า  ชั่วชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าใช้เวลากับสิ่งต่างๆ กล่าวคือ มากกว่าเวลาที่จะอยู่กับครอบครัว มากกว่าเวลากิน มากกว่าเวลานอน ดังนั้น หากว่าท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตของท่านก็จะเกิดความทุกข์ ฉะนั้นหากว่าท่านอยากมีความสุขในการทำงาน กระผมจึงอยากให้ท่านปรับทัศนคติเสียใหม่ , จงสร้างมิตรในที่ทำงานมากกว่าการสร้างศัตรู , จงทำงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่นและจงเลือกทำงานในงานที่ท่านรัก ท่านก็จะเกิดความสุขในการทำงานได้อย่างแน่นอน

#image_title

ทำงานอย่างมีความสุข

จงทำงานให้มีความสุข

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

 

งานคือชีวิต            ชีวิตคืองานบันดาลสุข

ทำงานให้สนุก        เป็นสุขเมื่อทำงาน(สร้อย)

ชีวิตคือ   ลมหายใจใครก็รู้

ชีวิตคือ   การต่อสู้ควรศึกษา

ชีวิตคือ   กิจการงานตระการตา

ชีวิตคือ   กาลเวลาที่คุ้มครอง

ทำงานเพื่องานบันดาลผล   ทำดีเพื่อดีดีดลผลให้

ทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่               อย่างจริงใจ

สร้างไท   ให้กับตัว อย่ากลัวเกรง

ข้อความข้างต้นนี้ เป็นบทประพันธ์ของหลวงพ่อพุทธทาสที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาภายหลัง มีคนนำมาใส่ทำนองจึงออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งเป็นบทเพลงที่ให้กำลังใจเป็นอย่างดีสำหรับคนที่อยู่ในวัยของการทำงาน

แต่สำหรับคนทำงานเป็นจำนวนมาก มักมีปัญหาเรื่องของการทำงาน กล่าวคือ เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่ายงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีปัญหากับเจ้านายเลยทำให้ทำงานไม่สนุก , การคาดหวังผลประโยชน์จากงานแล้วไม่ได้ตามคาดหวังเลยทำให้ท้อแท้ใจ , การมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน , การมีความคิดในแง่ลบตลอดเวลา ฯลฯ

ซึ่งกระผมเชื่อแน่ว่า หลายท่านที่มีปัญหาในที่ทำงานทุกๆคน จะมีปัจจัยที่แตกต่างกันที่ทำให้ตนเองไม่มีความสุขในการทำงาน หากท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ท่านคงต้องพิจารณาถึงสาเหตุแล้วควรไปแก้ไขที่สาเหตุ ท่านไม่ควรใช้วิธีการของบุคคลอื่นเพื่อนำวิธีการของเขามาแก้ไขปัญหาของท่าน เพราะจะทำให้ท่านแก้ไขปัญหาไม่ถูกที่

หลายคนมักถามผมว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานให้มีความสุข ซึ่งกระผมมักตอบว่า เราสามารถทำงานให้มีความสุขได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก ในการแล่นเรือในทะเล หากพวกเราสังเกตจะพบว่า คนที่บังคับเรือ เขาไม่สามารถปรับทิศทางลมได้ แต่เขาสามารถปรับหางเสือเรือได้ เหมือนกันในการทำงานเราไม่สามารถปรับสภาพแวดล้อม เราไม่สามารถเลือกเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่เราสามารถปรับตัวของเราเองได้ ซึ่งหลักในการปรับตัวเพื่อให้มีความสุขมีดังนี้

1.ท่านต้องสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะการคิดในแง่บวก เพราะการคิดในแง่บวกจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ดี แต่การคิดในแง่ลบ มักจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ร้าย ท่านจะเกิดความคิดในเชิง โกรธ อิจฉา อยากที่จะทำลาย มากกว่าที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆออกมา ทัศนคติของเรา ความคิดของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด เช่น หลายคนเห็นน้ำหมดไปครึ่งแก้ว แต่บางคนบอกว่าเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว

2.ท่านต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรูในที่ทำงาน สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “ มีเพื่อน 100 คนยังน้อยไปมีศัตรูคนเดียวมากเกินไปแล้ว ” ดังนั้นหากเพื่อนร่วมงาน ทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำอะไรให้เราไม่สบายใจ หนักนิดเบาหน่อยก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน การอภัยนั้น  ทำได้ยากก็จริงอยู่ แต่การอภัยจะทำให้เราเกิดความสบายใจและมีมิตรมากกว่าศัตรูอย่างแน่นอน อีกทั้งการเลือกคบเพื่อนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเกิดความสุขในที่ทำงานและประสบความสำเร็จในที่ทำงาน บางคนฆ่าตัวตายก็เนื่องมาจากเพื่อนให้คำปรึกษาที่ไม่ดี ไม่คอยเป็นกำลังใจให้ ไม่รับฟังปัญหา แต่คนที่เลือกคบเพื่อนที่ดีก็มักจะแก้ปัญหาและหาทางออกได้ดีกว่า

  1. ท่านไม่ได้ทำงานเพื่องาน แต่ท่านทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากท่านทำงานเพื่องานท่านจะเกิดความสบายใจไม่เกิดอาการกดดัน แต่หากท่านมีความต้องการผลประโยชน์ส่วนตนแฝงท่านก็จะเกิดความเครียดหากว่าไม่ได้สิ่งเหล่านั้น เช่น ท่านทำงานเพื่อหวังตำแหน่ง หวังเงินเดือน โบนัสเพิ่ม แต่หากท่านไม่ได้ตามสิ่งที่หวัง ท่านก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน หากท่านทำงานเพื่อผู้อื่น ท่านก็จะได้รับความสุขในการทำงานมากขึ้น หากท่านเป็นนางพยาบาล มีผู้ป่วยมารักษา ท่านมีความคิดในการช่วยเหลือ อีกทั้งต้องการรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรค ท่านจะบริการด้วยความสุขใจที่ท่านได้ทำงานนี้

4.ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ การเลือกงานที่ท่านรักจะทำให้ท่านมีความสนุกในการทำงานมากกว่า การทำงานในสิ่งที่ท่านไม่รัก การรักงานที่ทำจะทำให้ท่านทำงานได้นานกว่าการทำงานตามปกติ หากท่านมีโอกาสเลือกงานได้ ท่านจงเลือกงานที่ท่านรัก แต่หากเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ท่านปรับความคิดเสียใหม่ คือ จงรักในงานที่ท่านทำ

ท้ายนี้กระผมขอฝากแง่คิดไว้ว่า  ชั่วชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าใช้เวลากับสิ่งต่างๆ กล่าวคือ มากกว่าเวลาที่จะอยู่กับครอบครัว มากกว่าเวลากิน มากกว่าเวลานอน ดังนั้น หากว่าท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตของท่านก็จะเกิดความทุกข์ ฉะนั้นหากว่าท่านอยากมีความสุขในการทำงาน กระผมจึงอยากให้ท่านปรับทัศนคติเสียใหม่ , จงสร้างมิตรในที่ทำงานมากกว่าการสร้างศัตรู , จงทำงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่นและจงเลือกทำงานในงานที่ท่านรัก ท่านก็จะเกิดความสุขในการทำงานได้อย่างแน่นอน

#image_title

รู้จักตัวเองเพื่อนาคตของตัวเอง

รู้จักตัวเองเพื่อนาคตของตัวเอง

รู้จักตนเอง…เพื่ออนาคตการทำงานของตนเอง

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

เด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา ควรทำการรู้จัก วิเคราะห์ตนเอง ว่าตนเองเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร เพราะถ้าหากเรารู้จักตนเองดี ก็จะทำให้เราสามารถเลือกประกอบอาชีพที่ตนเอง มีความชอบ มีความถนัด มีความชำนาญได้ แต่ถ้าหากใครยังไม่รู้จักตนเอง ท่านสามารถวิเคราะห์ตัวท่านเองดังนี้

1.ท่านทำอะไรแล้วมีความรู้สึกว่าดี ทั้งทางด้านอารมณ์ จิตใจ ความชอบ ความสนุกกับสิ่งๆนั้น

2.ท่านเรียนรู้สิ่งใดได้อย่างรวดเร็ว เช่น บางคนเป็นนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จากการลองผิดลองถูก การศึกษาด้วยตนเอง การอ่านหนังสือ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับให้ทำ

3.ท่านอยากทำสิ่งใดมากที่สุด หลายท่านชอบเล่นกีฬา หลายท่านชอบพูดและอยากเป็นวิทยากร จงค้นหาว่าตนเองอยากที่จะทำอะไรมากที่สุด

4.อะไรที่ท่านทำแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาดีและสม่ำเสมอ เช่น หลายคนชอบร้องเพลง แล้วออกมาดี จนมีคนฟังชื่นชอบ หากว่าท่านได้พัฒนาสิ่งนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ท่านได้เปรียบมากกว่าคนที่ร้องเพลงไม่เป็น อีกทั้งในอนาคตท่านสามารถเป็นนักร้องได้อีกต่างหาก ซึ่งยุคสมัยนี้ นักร้องไม่จำเป็นต้องหล่อและสวยเหมือนในอดีต นักร้องหลายๆคนในต่างประเทศ ไม่หล่อไม่สวยแต่เป็นนักร้องได้ดีมีชื่อเสียง เงินทองอีกต่างหาก

ทั้งนี้กระผมอยากให้ท่านทำการบ้าน โดยการนั่งเขียน นั่งวิเคราะห์ ว่าท่านเป็นคนอย่างไร โดยคำนึงถึงทั้ง 4 ปัจจัย ข้างต้นนี้ เช่น เมื่อท่านถ่ายรูปแล้วมีความรู้สึกที่ดี ท่านรักที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการถ่ายรูป ท่านอยากที่จะทำมันตลอดเวลา และ ผลลัพธ์จากการถ่ายรูปของท่านออกมาสวย เยี่ยมยอดอีกทั้งมีผู้คนขอซื้อภาพถ่ายต่างๆของท่าน ท่านก็สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นนักถ่ายรูปอันดับต้นๆของเมืองไทยได้หรือเป็นวิทยากรฝึกอบรมทางด้านการถ่ายรูปหรือเป็นเจ้าของร้านขายกล้องถ่ายรูป ร้านอัดภาพ ได้ในอนาคต

จงเลือกอาชีพ เพราะท่านมีใจรัก มากกว่าเลือกอาชีพ เพราะเงินหรือเลือกอาชีพเนื่องมาจากปัจจัยอื่นๆ

#image_title

วิธีการทำงานและสร้างความสัมพันธ์

วิธีการทำงานและสร้างความสัมพันธ์

วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

หากเรามีฐานะเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างานภายในองค์กร เรามีวิธีการอย่างไรถึงจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตัวเราเองกับลูกน้อง ซึ่งในตอนนี้ กระผมขอนำเสนอ 4 วิธี ดังนี้
1.ชื่นชมลูกน้องบ้าง เมื่อมีโอกาส เมื่อลูกน้องทำความดี หรือมีผลงานเป็นที่ปรากฏ โดยหลักการชมลูกน้องที่ดี เราไม่ควรปล่อยเวลาให้นานจนเกินไป ควรชื่นชมในขณะที่เขาทำความดีหรือมีผลงานเป็นที่ปรากฏไม่นานนัก อีกทั้งเราควรชมต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเขา หรือหากมีการประชุม เราก็ควรหาโอกาสชื่นชมเขาต่อที่ประชุม และควรเก็บหลักฐานการทำความดีต่างๆ เพื่อนำมาเสนอในการประชุม เช่น การตัดข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ , หลักฐานการได้รับรางวัลต่างๆ เป็นต้น
2. ควรมีการตักเตือนบ้าง เมื่อลูกน้องทำผิด เราในฐานะหัวหน้างานก็ควรที่จะว่ากล่าวตักเตือน ชี้แนะเพื่อให้เขาเกิดการปรับปรุงตัว แต่หลักการตักเตือนที่ดี เราไม่ควรตักเตือนเขาต่อหน้าที่สาธารณชน แต่เราควรเรียกเขามาตักเตือนภายในห้องทำงานของเรา สองต่อสอง เพราะจะไม่ทำให้ลูกน้องเสียหน้าหรือขายหน้า
3.เมื่อเกิดมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อง เราควรที่จะบอกกล่าวหรือให้ข้อมูลเขา เพื่อให้เขาได้เตรียมตัว หากจำเป็นเราก็ควรชี้แจ้งเหตุผลให้เขายอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น หากเขาถูกคำสั่งให้ย้ายงาน หรือ มีการสับเปลี่ยนหน้าที่
4.กระตุ้นศักยภาพของลูกน้องออกมาอย่างเต็มที่ คนเราทุกๆคนมีศักยภาพในตัวมากมายแต่คนเราเกือบทุกๆคนใช้ ศักยภาพของตนเองน้อยมาก ดังนั้น หากเรามีโอกาสเราควรกระตุ้นหรือนำเสนอความสามารถที่ซ่อนเร้นของลูกน้องและไม่ควรกีดกันการแสดงศักยภาพของลูกน้องด้วยความอิจฉา ซึ่งความอิจฉานี้ สังคมไทยมีหัวหน้าหลายๆคนเป็นกันมาก กล่าวคือ ไม่อยากให้ลูกน้องของตนเอง โดดเด่นกว่าตน หรือ ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแซงตนเอง
หากว่าท่านเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างาน การนำหลักการ 4 ข้อ ข้างต้นไปใช้ กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะสามารถได้หัวใจของลูกน้องไปครอบครองอย่างแน่นอน

#image_title

สู่ความสำเร็จด้วย 5 ถึง

สู่ความสำเร็จด้วย 5 ถึง

ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ในการทำงานเราสามารถที่จะสร้างทรัพย์สิน สร้างองค์กรให้ยิ่งใหญ่ได้ ก็ด้วยหลักการ 5 ถึง ซึ่งหลักการ 5 ถึง มีดังนี้
1.เงินทุนถึง การที่จะประกอบธุรกิจต่างๆ เราจำเป็นจะต้องมีเงินทุน หากมีเงินทุนมากเราก็ย่อมมีโอกาสในการขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพราะการมีเงินทุนมาก เราสามารถใช้เงินทุนสำหรับการจ้างงาน , การสร้างสำนักงาน , การลงทุนซื้อที่ดิน ซื้อโรงงาน ซื้อเครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น
2.ฝีมือถึง คือ การที่จะประกอบธุรกิจอาชีพการทำงานต่างๆ จำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพในการบริหารงาน มีความสามารถในการนำทีม มีความสามารถในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาต่างๆ
3.หัวใจถึง คือ มีความมั่นใจในตนเอง มีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เมื่อปัญหา มีอุปสรรคมากๆ ก็สามารถนิ่งได้ ไม่วิตกกังวลจนเสียสุขภาพจิต
4.ทีมงานถึง คือ การทำงานใหญ่ได้ ท่านไม่สามารถทำคนเดียวได้ หากใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก ก็จะเข้าใจ ในภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ของจีนเรื่อง สามก๊ก สื่อให้เราทราบว่า คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ก๊กใดมีทีมงานที่เก่ง ก๊กนั้นก็จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ได้
5.วาสนาถึง คือ แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งกันยาก บางคนบอกว่า “ เก่งไม่กลัวกลัวเฮง” เรื่องของดวง เรื่องของบุญวาสนา บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่หลายๆคนอาจเชื่อ
ฉะนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ หลักข้อ 5 เกี่ยวกับเรื่องวาสนา เป็นเรื่องของนามธรรม เมื่อเทียบกับหลักการ 4 ข้อแรก ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปธรรมมากกว่า หากท่านเชื่อเรื่องของบุญวาสนา ท่านก็ไม่ควรละเลยการเติมบุญสำหรับวิธีการเติมบุญทางพุทธศาสนาท่านสามารถทำได้ เช่น การฟังธรรม การทำบุญตักบาตร การไปเวียนเทียน การบริจาค การให้อภัยซึ่งกันและกัน การทอดกฐิน การทอดผ้าป้า เป็นต้น

#image_title

วิธีทำงานให้คนเกลียด

วิธีทำงานให้คนเกลียด

วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

การทำงานภายในองค์กรเรามักจะต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลหลายๆฝ่าย ซึ่งเราสามารถแยกได้ดังนี้
1.เจ้านาย นายจ้าง ผู้บริหาร
2.บุคคลที่เสมอกัน หรือ เพื่อนร่วมงาน
3.ลูกน้อง ลูกจ้าง
หากเราสังเกตเพื่อนร่วมงานหรือคนที่ทำงานในองค์กร บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักจะเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ภายในองค์กรมากกว่าบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จมักมีพฤติกรรมที่ทำให้คนเกลียดดังนี้
– การไม่ให้ความร่วมมือ บุคคลที่เป็นที่รังเกลียด มักเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับคนภายในองค์กรหรือไม่ยอมทำตามนโยบายของบริษัท เช่น เขารณรงค์ให้ประหยัดไฟฟ้า น้ำประปา กลับไม่ช่วยองค์กรประหยัด , องค์กรขอความร่วมมือให้ใส่เสื้อสีเขียวทุกวันศุกร์ก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม เป็นต้น
– คิดในแง่ลบ อยู่เสมอ บุคคลที่ทำงานแล้วคนเกลียดมักเป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ลบ มักคิดกับผู้อื่นในแง่ร้าย ชอบนินทาว่าร้ายบุคคลอื่นๆ เขาจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนที่สนิทมากนัก
– ไม่รับผิดชอบงาน รับปากใครแล้วไม่ปฏิบัติตาม บุคคลที่ไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน มักทำงานไม่ทัน สาเหตุก็เนื่องมาจากการปล่อยงานค้างไว้เป็นจำนวนมากๆ อีกทั้งรับปากใครแล้วไม่ยอมปฏิบัติคำพูดตามคำสัญญา
– ขาดความกระตือรือร้น ในการทำงาน เฉื่อยชา ทำงานช้า ไม่ทันใจ อีกทั้งมีนิสัยดื้อดึง ใครพูดใครสอนอะไร มักไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับผิดเมื่อตัวเองทำงานผิดพลาด
– ไม่มีความสุภาพ อ่อนโยน แข็งกระด้าง พูดจาก้าวร้าว คนที่มีนิสัยดังกล่าว มักจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้
– ไม่รักองค์กรที่ตนเองทำงาน บุคคลเหล่านี้มักโจมตีหน่วยงานที่ตนเองทำงานอยู่เป็นประจำ จึงเป็นที่น่ารังเกลียดของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง
ฉะนั้น หากว่าท่านมีพฤติกรรมดังกล่าวตามข้อความข้างต้นนี้ ขอให้ท่านจงลองที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อให้เป็นที่รักของคนในองค์กร

#image_title