Financial Freedom in Retirement: Enjoy Affordable Luxury Living at Retirement Homes in Hua Hin, Thailand

Financial Freedom in Retirement: Enjoy Affordable Luxury Living at Retirement Homes in Hua Hin, Thailand

RETIREMENT HOMES in HUA HIN

Financial Freedom in Retirement: Enjoy Affordable Luxury Living at Retirement Homes in Hua Hin, Thailand

Imagine waking up to the sound of birds, a warm tropical breeze, and the gentle sunlight streaming through your window. In Hua Hin, Thailand, this serene lifestyle is not just a dream—it’s an everyday reality, especially for retirees who choose to live in our thoughtfully designed Retirement Homes in Hua Hin.

For many, retirement is a time to finally relax and enjoy the fruits of a life well lived. But in Western countries, high living costs can make a stress-free retirement seem out of reach. That’s where Hua Hin shines. This charming coastal town offers a perfect balance of affordability and comfort, with a lower cost of living that allows retirees to stretch their savings further—without sacrificing quality.

In Hua Hin, you’ll find beautiful beaches, lush golf courses, vibrant local markets, and a welcoming expat community. Medical care is high-quality and easily accessible, with modern hospitals and English-speaking doctors. Dining out is affordable, and fresh, healthy food is abundant year-round.

But it’s not just about cost—it’s about lifestyle. Our Retirement Homes in Hua Hin are designed to offer a luxurious living experience with all the comforts you desire. Think spacious private villas or elegant apartments, swimming pools, fitness centers, 24-hour security, and personalized care if needed. Whether you prefer quiet walks on the beach or engaging social activities, you’ll find your pace here.

Most importantly, you’ll enjoy peace of mind—knowing your money goes further in a place where you can truly live well. That’s the essence of financial freedom in retirement.

If you’re dreaming of a life that’s both relaxing and enriching, it might be time to explore what Hua Hin has to offer. Discover more about our luxurious yet affordable lifestyle options by visiting our Retirement Homes in Hua Hin.

4 เทคนิคแก้บ้านร้อน ปรับบ้านให้เย็นด้วย Sandwich Panel

4 เทคนิคแก้บ้านร้อน ปรับบ้านให้เย็นด้วย Sandwich Panel

4 เทคนิคแก้บ้านร้อน ปรับบ้านให้เย็นด้วย Sandwich Panel 2024 1040

กำลังจะเข้าสู่หน้าร้อน หรือฤดูร้อนกันแล้ว หลาย ๆ ท่านคงกังวลใจเกี่ยวกับอุณหภูมิภายในบ้านที่อาจจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ในเขตใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้ร้อนกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลกกันเลยทีเดียว

ด้วยปัญหาด้านอุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้น ทำให้หลาย ๆ บ้าน หลายครัวเรือนกังวลในเรื่องของค่าไฟที่ต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากอากาศร้อนส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก สิ่งหนึ่งที่เราสามารถที่จะพอช่วยลดค่าไฟที่สูงขึ้นได้ นั่นก็คือการทำให้อุณหภูมิในบ้านลดลงได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง เพื่อลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

จะลดอุณหภูมิบ้าน แก้บ้านร้อนยังไงดี?

ก่อนอื่นเลย การที่จะแก้บ้านร้อน ปรับบ้านให้เย็น ลดอุณหภูมิของบ้านนั้น เราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุภายในบ้าน เนื่องจากวัสดุแต่ละประเภทมีการคายความร้อน – กักเก็บความร้อน และนำความร้อนที่แตกต่างกัน

 

อ่านเพิ่มเติม

https://fi.co.th/article/reduce-heat-of-house-with-sandwich-panel/

บ้านดีอยู่สบายต้องมีทีมดูแล! เลือกหมู่บ้านจัดสรรที่ใช้บริษัทบริหารคอนโดมาช่วยบริหาร

บ้านดีอยู่สบายต้องมีทีมดูแล! เลือกหมู่บ้านจัดสรรที่ใช้บริษัทบริหารคอนโดมาช่วยบริหาร

คู่มือเลือกหมู่บ้านจัดสรรอย่างมั่นใจ: อยู่สบาย คุ้มค่า และมีระบบดูแลที่ดี

การเลือกซื้อบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของ “บ้าน” เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “สภาพแวดล้อม” และ “ระบบดูแลหลังเข้าอยู่” ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้คนหันมาเลือกอยู่ใน หมู่บ้านจัดสรรมากขึ้น เพราะให้ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรรทุกแห่งจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยเท่าเทียมกัน เราจึงควรใช้เวลาในการ วิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบระบบบริหารจัดการ ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งบทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นปัจจัยสำคัญ พร้อมแนะนำวิธีดูว่า โครงการไหนมีระบบนิติบุคคลและการบริหารจัดการที่ไว้ใจได้

✅ 1. ทำเลต้องใช่ ใกล้ชีวิตประจำวัน

ไม่ว่าจะทำงานในเมืองหรืออยากใช้ชีวิตแบบสงบในชานเมือง การเลือกทำเลหมู่บ้านจัดสรรถือเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ควรพิจารณา:

  • ใกล้ทางด่วน / รถไฟฟ้า

  • ใกล้แหล่งงานหรือโรงเรียนลูก

  • มีร้านค้า, ตลาด, โรงพยาบาลในรัศมีไม่เกิน 10 กม.

✅ 2. ความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ

เลือกหมู่บ้านจากผู้พัฒนาที่มีชื่อเสียง มีผลงานในอดีต และมีระบบบริการหลังการขายชัดเจน ดูได้จาก:

  • มีรีวิวโครงการก่อนหน้า

  • จดทะเบียนบริษัทถูกต้อง

  • มี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน รองรับการบริหารส่วนกลางอย่างเป็นระบบ

✅ 3. ระบบนิติบุคคลและการบริหารจัดการหมู่บ้าน

ปัจจัยที่หลายคนมองข้ามคือ “คุณภาพการบริหารจัดการหลังเข้าอยู่” เพราะบ้านที่ดีจริงต้องอยู่อย่างสบาย ไม่เกิดปัญหาจุกจิกกับส่วนกลาง หรือข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน

หมู่บ้านที่ดีควรมีการจัดตั้ง บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน เพื่อดูแลระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการพื้นที่ส่วนกลาง (สวน สนามเด็กเล่น ถนนในโครงการ) และการเก็บค่าส่วนกลางอย่างโปร่งใส

บริษัทบริหารคอนโด ที่มีประสบการณ์หลายแห่ง ยังขยายบริการมาดูแลหมู่บ้านจัดสรรด้วยระบบเดียวกัน ทำให้มาตรฐานการบริหารใกล้เคียงกับโครงการคอนโดหรู มีทีมงานประจำโครงการชัดเจน ช่วยแก้ปัญหาได้ทันเวลา

หมู่บ้านที่มี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน ที่เข้มแข็ง จะมีการจัดการเรื่องความสะอาด ระบบขยะ ไฟถนน และงบประมาณส่วนกลางได้อย่างมืออาชีพ

✅ 4. ตรวจสอบบริษัทผู้บริหารโครงการ

ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านในโครงการใด ควรถามข้อมูลว่าโครงการนี้ใช้บริการของบริษัทใดในการบริหารหลังโอนบ้านให้ลูกค้าแล้ว โดยสามารถตรวจสอบว่าโครงการมีการว่าจ้าง:

หากทางโครงการไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องนิติบุคคลหรือการบริหาร ควรพิจารณาเพิ่มเติม เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาการจัดการในอนาคต เช่น ถนนพังแล้วไม่มีคนซ่อม, ระบบรักษาความปลอดภัยหย่อนคุณภาพ, หรือปัญหาเพื่อนบ้านที่จัดการไม่ได้

✅ 5. ค่าส่วนกลางต้องสมเหตุสมผล

ค่าส่วนกลางคือค่าใช้จ่ายรายปีที่ทุกบ้านต้องร่วมจ่ายให้กับนิติบุคคล เพื่อดูแลส่วนกลาง เช่น:

  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

  • พนักงานทำความสะอาด

  • การดูแลสวนหย่อม, สระว่ายน้ำ, คลับเฮาส์

  • งานบำรุงรักษาระบบน้ำ ไฟฟ้า ถนนในหมู่บ้าน

การที่หมู่บ้านมี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน หรือจ้าง บริษัทบริหารคอนโด ที่มีประสบการณ์มาจัดการ จะช่วยให้ค่าส่วนกลางถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า มีรายงานชัดเจน และตรวจสอบได้

✅ 6. โครงสร้างกฎหมายและสิทธิ์ของเจ้าของบ้าน

ควรศึกษาเอกสารก่อนโอนกรรมสิทธิ์ว่า:

  • เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ร่วมลงคะแนนในการประชุมหมู่บ้านหรือไม่

  • มีระเบียบหมู่บ้านกำหนดไว้ชัดเจนหรือไม่ เช่น การเลี้ยงสัตว์ การจอดรถ การต่อเติมบ้าน

  • หากเกิดปัญหาในหมู่บ้าน เช่น เสียงดัง การทิ้งขยะ จะมีใครเข้ามาดูแล?

โครงการที่ดีควรให้สิทธิ์เจ้าของร่วมกำหนดแนวทางบริหาร และมี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน เป็นตัวกลางในการดูแลทุกเรื่องอย่างเป็นธรรม

✨ สรุป: บ้านดีต้องมีระบบนิติบุคคลดี

ปัจจัยสำคัญ รายละเอียด
ทำเล ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกและเส้นทางหลัก
ผู้พัฒนา มีผลงานเด่น มีบริการหลังการขาย
นิติบุคคล ควรมี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน ดูแล
การบริหาร อาจว่าจ้าง บริษัทบริหารคอนโด ที่มีประสบการณ์
ค่าส่วนกลาง สมเหตุสมผล ใช้อย่างโปร่งใส
การมีส่วนร่วม เจ้าของบ้านมีสิทธิ์มีเสียงในชุมชน

การเลือกหมู่บ้านจัดสรรไม่ใช่แค่การซื้อที่อยู่อาศัย แต่คือการเลือก “คุณภาพชีวิตระยะยาว”
หากหมู่บ้านนั้นมี บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน หรือจ้าง บริษัทบริหารคอนโด ที่มีมาตรฐานมาดูแล จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า ที่อยู่อาศัยของคุณจะสะดวก ปลอดภัย และมีความสุขในทุกวัน

บริษัทบริหารคอนโด บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน

Premium Choice Service บริษัทบริหารคอนโด และบริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน พร้อมดูแลโครงการของคุณอย่างมืออาชีพ ครบ จบ ในที่เดียว การออกแบบการบริการจากประสบการณ์ของบริษัทผู้บริหารและการบริการงานด้านอสังหาริมทรัพย์
บริษัทบริหารคอนโดทั้งอาคารชุด  บริษัทนิติบุคคลหมู่บ้าน มากกว่า 20 ปี

Contact

093-319-9642

Facebook : Premium choice service-รับบริหารคอนโด และหมู่บ้าน

34 ลาดพร้าว 81 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

“เพราะอะไร BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) ถึงเป็นแบรนด์ดูแลผิวที่คนยุคใหม่ไว้ใจมากที่สุด?”

“เพราะอะไร BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) ถึงเป็นแบรนด์ดูแลผิวที่คนยุคใหม่ไว้ใจมากที่สุด?”

พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่: เมื่อ “สุขภาพ” คือแก่นของการดูแลตัวเอง

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ปัจจุบันผู้บริโภคกลุ่มใหม่ไม่ได้เลือกสินค้าเพราะโฆษณาหรือบรรจุภัณฑ์สวยงาม แต่เลือกเพราะ “แนวคิดของแบรนด์” สอดคล้องกับ “คุณค่าที่ตนเองเชื่อ” โดยเฉพาะเรื่อง “ความปลอดภัย” และ “ความยั่งยืน” 

ในด้านพฤติกรรมความงาม กลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะคนวัยทำงานตอนต้นและวัย 30+ ให้ความสำคัญกับ ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีผลการวิจัยรองรับ และไม่กระทบต่อสุขภาพผิวในระยะยาว มากขึ้น กลุ่มผู้บริโภคจะมีการศึกษาเอง เช็กฉลาก อ่านรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และมองว่า “ความสวยต้องปลอดภัย” ไม่ใช่เพียงสวยไว

นี่คือบริบทที่ทำให้แบรนด์ BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) โดดเด่นขึ้นมา เพราะแนวทางของแบรนด์ไม่ได้ตอบสนองแค่ผิวสวย แต่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการ ‘การดูแลผิวแบบปลอดภัย’

แบรนด์ BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) ไม่ได้เพียงผลิตสินค้าดูแลผิว แต่การทำงานโดยใช้ความเข้าใจผู้บริโภค BIOCIAN  (ไบโอเชี่ยน) จึงเลือกวางตำแหน่งแบรนด์เป็น “พันธมิตรด้านสุขภาพผิว” มากกว่า “ผู้ขายผลิตภัณฑ์” ด้วยการออกแบบสินค้าที่มี ‘ส่วนผสมปลอดภัย อิงตามงานวิจัยทางคลินิก ไม่ใส่น้ำหอม พาราเบน หรือสารระคายเคือง พร้อมสื่อสารอย่างโปร่งใสในทุกช่องทาง’

และแบรนด์ยังนำเสนอเนื้อหาเชิงความรู้ที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจการดูแลผิวอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกส่วนผสม ความรู้เรื่องระดับเซลล์ผิว รวมถึงกลไกต่างๆ  ความแตกต่างของ BIOCIAN  (ไบโอเชี่ยน) อยู่ที่การทำให้ผู้บริโภค รู้สึกว่าแบรนด์เข้าถึงปัญหาของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ผลกระทบในระยะยาว หรือความเหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละประเภท

แบรนด์ BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) ยึดหลัก “Health-conscious” ไม่ใช่แค่ในเรื่องส่วนผสม แต่ครอบคลุมถึงการ สร้างจิตสำนึกด้านสุขภาพผิว และการมีชีวิตที่สมดุล

ตัวอย่างเช่น:

  • การใช้ภาพประกอบที่ไม่ Overclaim แต่สะท้อนสภาพผิวจริง 
  • การสื่อสารเรื่องสุขภาพผิวแบบไม่เร่งเร้า ไม่สร้างความกลัว 

BIOCIAN  (ไบโอเชี่ยน) ยังเน้น “การฟังเสียงผู้บริโภค” เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองชีวิตจริง ไม่ใช่แค่แนวโน้มตลาด ทั้งหมดนี้ทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจทั้งผิวและผู้ใช้

แบรนด์ BIOCIAN (ไบโอเชี่ยน) ไม่ได้เพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง “ความรู้” และ “สุขภาพผิวที่ยั่งยืน” ผ่านทัศนคติแบบ Health-conscious ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาแบรนด์ที่เข้าใจผิว และเข้าใจสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ “ฉลาดเลือก ฉลาดบำรุง ด้วยไบโอเชี่ยน” คือคำตอบ

 ติดตามเนื้อหา วิจัย และแนวคิดการดูแลผิวที่ใส่ใจสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://biocian.com/

The Ultimate Retirement Lifestyle: Discover Joy and Value at Retirement Homes in Hua Hin

The Ultimate Retirement Lifestyle: Discover Joy and Value at Retirement Homes in Hua Hin

RETIREMENT HOMES in HUA HIN

The Ultimate Retirement Lifestyle: Discover Joy and Value at Retirement Homes in Hua Hin

Retirement is often seen as a new beginning—a time to enjoy life on your own terms, free from the demands of work and routine. But to make the most of this chapter, choosing the right place to live is essential. That’s where Hua Hin, Thailand, and our thoughtfully designed retirement homes come into the picture.

Nestled along the coast, Hua Hin offers the perfect blend of tranquility and accessibility. With warm weather year-round, a welcoming local community, and a cost of living far lower than in most Western countries, it’s no wonder so many retirees choose this seaside town. From fresh seafood at local markets to scenic beach walks and modern healthcare facilities, Hua Hin offers both comfort and convenience in one delightful package.

At our Retirement Homes in Hua Hin, we focus on what truly matters: quality of life. Every detail has been crafted to support a lifestyle that is not only peaceful but also deeply fulfilling. Imagine waking up to sunshine, starting your day with yoga in the garden, or enjoying coffee while overlooking a peaceful landscape. Our homes are built with senior living in mind—safe layouts, natural surroundings, and a strong sense of community.

But what truly sets us apart is the incredible value. In many countries, quality retirement living comes with a steep price. In Hua Hin, you can enjoy a comfortable lifestyle without draining your savings. Your money goes further here—whether it’s for healthy food, recreation, personal care, or simply living in a beautiful, well-maintained home.

Our residents often say they feel younger, more active, and more connected since moving here. It’s more than a retirement home—it’s a place where friendships flourish and days are filled with purpose and calm. Whether you’re seeking a peaceful escape or a vibrant community with activities and care, you’ll find both here.

If you’re ready to experience retirement as it should be—happy, meaningful, and affordable—come explore our beautiful Retirement Homes in Hua Hin.

ผู้ซื้อฝากมีหน้าที่ต้องแจ้งเตือนผู้ขายฝากล่วงหน้า 3-6 เดือนก่อนครบกำหนดสัญญาขายฝาก หากไม่แจ้ง ผู้ขายฝากจะมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินได้อีก 6 เดือนนับจากวันสิ้นสุดสัญญา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2566แม้สัญญาขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจะทำขึ้นก่อน พ.ร.บ.คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ แต่เมื่อกำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝาก คือวันที่ 20 เมษายน 2562 เป็นกำหนดไถ่ที่มีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กรณีย่อมต้องด้วยบทเฉพาะกาลมาตรา 20 ที่กำหนดให้สัญญาขายฝากซึ่งทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยที่ได้ทำไว้ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับและยังไม่ครบกำหนดเวลาไถ่ให้มีผลผูกพันคู่สัญญาต่อไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในวันทำสัญญาขายฝาก เว้นแต่กรณี (3) ให้นําความในมาตรา 17 มาใช้บังคับกับสัญญาขายฝากที่มีผลบังคับอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ และในกรณีที่กำหนดเวลาไถ่ในสัญญาขายฝากมีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ ให้ขยายกำหนดเวลาการไถ่ออกไปเป็นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงต้องขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้มีผลใช้บังคับ ทำให้จะครบกำหนดไถ่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2562                    และเมื่อมาตรา 17 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือน ให้ผู้ซื้อฝากแจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ขายฝากเพื่อให้ผู้ขายฝากทราบกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ หากผู้ซื้อฝากละเลยไม่ดำเนินการดังกล่าว มาตรา 17 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากได้ภายในหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากโดยผู้ขายฝากมีหน้าที่ชําระสินไถ่ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา                    เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ที่ขยายระยะเวลาออกไปโดยผลของกฎหมายตามที่กล่าวมาจำเลยผู้ซื้อฝากได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ผู้ขายฝากทราบถึงกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือนตามบทบัญญัติมาตรา 17 วรรคหนึ่ง กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากจึงต้องขยายไปอีกหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ตามมาตรา 17 วรรคสอง กล่าวคือ ขยายออกไปอีกจนถึงวันที่ 17 เมษายน 2563 การที่โจทก์ขอไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากต่อจำเลยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จึงยังอยู่ภายในกำหนดไถ่ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผู้ซื้อฝากมีหน้าที่ต้องแจ้งเตือนผู้ขายฝากล่วงหน้า 3-6 เดือนก่อนครบกำหนดสัญญาขายฝาก หากไม่แจ้ง ผู้ขายฝากจะมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินได้อีก 6 เดือนนับจากวันสิ้นสุดสัญญา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2566แม้สัญญาขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจะทำขึ้นก่อน พ.ร.บ.คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ แต่เมื่อกำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝาก คือวันที่ 20 เมษายน 2562 เป็นกำหนดไถ่ที่มีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กรณีย่อมต้องด้วยบทเฉพาะกาลมาตรา 20 ที่กำหนดให้สัญญาขายฝากซึ่งทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยที่ได้ทำไว้ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับและยังไม่ครบกำหนดเวลาไถ่ให้มีผลผูกพันคู่สัญญาต่อไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในวันทำสัญญาขายฝาก เว้นแต่กรณี (3) ให้นําความในมาตรา 17 มาใช้บังคับกับสัญญาขายฝากที่มีผลบังคับอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ และในกรณีที่กำหนดเวลาไถ่ในสัญญาขายฝากมีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ ให้ขยายกำหนดเวลาการไถ่ออกไปเป็นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงต้องขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้มีผลใช้บังคับ ทำให้จะครบกำหนดไถ่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2562 และเมื่อมาตรา 17 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือน ให้ผู้ซื้อฝากแจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ขายฝากเพื่อให้ผู้ขายฝากทราบกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ หากผู้ซื้อฝากละเลยไม่ดำเนินการดังกล่าว มาตรา 17 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากได้ภายในหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากโดยผู้ขายฝากมีหน้าที่ชําระสินไถ่ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ที่ขยายระยะเวลาออกไปโดยผลของกฎหมายตามที่กล่าวมาจำเลยผู้ซื้อฝากได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ผู้ขายฝากทราบถึงกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือนตามบทบัญญัติมาตรา 17 วรรคหนึ่ง กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากจึงต้องขยายไปอีกหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ตามมาตรา 17 วรรคสอง กล่าวคือ ขยายออกไปอีกจนถึงวันที่ 17 เมษายน 2563 การที่โจทก์ขอไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากต่อจำเลยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จึงยังอยู่ภายในกำหนดไถ่ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผู้ซื้อฝากมีหน้าที่ต้องแจ้งเตือนผู้ขายฝากล่วงหน้า 3-6 เดือนก่อนครบกำหนดสัญญาขายฝาก หากไม่แจ้ง ผู้ขายฝากจะมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินได้อีก 6 เดือนนับจากวันสิ้นสุดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2566
แม้สัญญาขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจะทำขึ้นก่อน พ.ร.บ.คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ แต่เมื่อกำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝาก คือวันที่ 20 เมษายน 2562 เป็นกำหนดไถ่ที่มีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กรณีย่อมต้องด้วยบทเฉพาะกาลมาตรา 20 ที่กำหนดให้สัญญาขายฝากซึ่งทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยที่ได้ทำไว้ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับและยังไม่ครบกำหนดเวลาไถ่ให้มีผลผูกพันคู่สัญญาต่อไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในวันทำสัญญาขายฝาก เว้นแต่กรณี (3) ให้นําความในมาตรา 17 มาใช้บังคับกับสัญญาขายฝากที่มีผลบังคับอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ และในกรณีที่กำหนดเวลาไถ่ในสัญญาขายฝากมีหรือเหลือระยะเวลาน้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ ให้ขยายกำหนดเวลาการไถ่ออกไปเป็นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงต้องขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือนนับแต่วันที่ พ.ร.บ. นี้มีผลใช้บังคับ ทำให้จะครบกำหนดไถ่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2562
และเมื่อมาตรา 17 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือน ให้ผู้ซื้อฝากแจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ขายฝากเพื่อให้ผู้ขายฝากทราบกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ หากผู้ซื้อฝากละเลยไม่ดำเนินการดังกล่าว มาตรา 17 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากได้ภายในหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากโดยผู้ขายฝากมีหน้าที่ชําระสินไถ่ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา
เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ที่ขยายระยะเวลาออกไปโดยผลของกฎหมายตามที่กล่าวมาจำเลยผู้ซื้อฝากได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ผู้ขายฝากทราบถึงกำหนดเวลาไถ่และจำนวนสินไถ่ก่อนวันครบกำหนดเวลาไถ่ไม่น้อยกว่าสามเดือนแต่ไม่มากกว่าหกเดือนตามบทบัญญัติมาตรา 17 วรรคหนึ่ง กำหนดไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากจึงต้องขยายไปอีกหกเดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ตามมาตรา 17 วรรคสอง กล่าวคือ ขยายออกไปอีกจนถึงวันที่ 17 เมษายน 2563 การที่โจทก์ขอไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากต่อจำเลยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จึงยังอยู่ภายในกำหนดไถ่
ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์