คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่งที่ถูกน้ําเซาะพังคําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๕/๒๔๗๕ที่ดินที่ ถูกทางน้ําเซาะดินพัง แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นลําคลองสาธารณะ เจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์อยู่ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่งที่ถูกน้ําเซาะพังคําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๕/๒๔๗๕ที่ดินที่ ถูกทางน้ําเซาะดินพัง แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นลําคลองสาธารณะ เจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์อยู่ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

คําพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ดินชายตลิ่งที่ถูกน้ําเซาะพังคําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๕/๒๔๗๕ที่ดินที่ ถูกทางน้ําเซาะดินพัง แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นลําคลองสาธารณะ เจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์อยู่ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผู้ที่มีชื่อในทะเบียนที่ดินได้รับข้อสันนิษฐานว่า

ผู้ที่มีชื่อในทะเบียนที่ดินได้รับข้อสันนิษฐานว่า

ผู้ที่มีชื่อในทะเบียนที่ดินได้รับข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามกฎหมายดีกว่าคำพิพากษาฎีกาที่ 4679/2559 ที่ดินตามสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โจทก์ซื้อมาเมื่อปี 2535 ตามสารบัญจดทะเบียนในเอกสารดังกล่าวอันเป็นทะเบียนที่ดิน โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนั้นทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตาย

ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตาย

ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาฎีกาที่ 809 / 2545
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ท. ผู้ตายให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองที่ ท. ได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ไว้แม้โจทก์ฟ้องคดีหลังจาก ท. ถึงแก่ความตายไปเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 วรรคสามแล้ว แต่บทบัญญัติดังกล่าวยกเว้นมิให้ใช้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามมาตรา 193/27 แม้คดีขาดอายุความแล้ว ก็ยังยอมให้โจทก์ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับเอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ท. ให้ชำระหนี้โจทก์จากทรัพย์สินที่จำนองได้
โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือแก่ ร. ทนายโจทก์ให้บอกกล่าวบังคับจำนอง แต่เมื่อ ร. ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์และโจทก์ยอมรับเอาการบอกกล่าวแล้ว ย่อมถือว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 823 และถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว

ท. ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 ส่วนจำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตาย และผู้ตายจะมีทรัพย์มรดกหรือไม่ เป็นเรื่องต้องว่ากันในชั้นบังคับคดี

การนำเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่น

การนำเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่น

การนำเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่น ว่าการกระทำความผิดอาญาศาลยกฟ้อง การกระทำนี้จะถือว่าเป็นความผิดฐานฟ้องเท็จหรือไม่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6430/2560การที่จำเลยกับ อ. เข้าไปเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมันไปขายได้เงิน 713,733 บาท จริง ซึ่งรายได้ดังกล่าวเป็นดอกผลของทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ต้องแบ่งแก่ทายาททุกคนเท่าๆกัน แต่จำเลยกลับแบ่งให้โจทก์และ จ. ไม่เท่ากัน ส่วนที่เหลือจำเลยกับ อ. ได้ไปเกินกว่าส่วนแบ่งที่ตนควรจะได้รับ เมื่อฝ่ายโจทก์ทวงถาม ฝ่ายจำเลยกลับท้าให้โจทก์ฟ้อง พฤติการณ์ของจำเลยกับพวกย่อมทำให้โจทก์เข้าใจได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันเบียดบังเอาเงินผลผลิตปาล์มน้ำมันไปเป็นของตนโดยทุจริต ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันยักยอกเงินผลผลิตปาล์มน้ำมันตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3573/2555 ของศาลชั้นต้น จึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลกล่าวหาจำเลยไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หาใช่โจทก์เอาความอันเป็นเท็จฟ้องจำเลยการที่จำเลยมาฟ้องโจทก์หาว่าโจทก์เอาความอันเป็นเท็จฟ้องจำเลย ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3893/2555 ของศาลชั้นต้น ทั้งที่รู้แล้วว่าเรื่องที่จำเลยนำมาฟ้องโจทก์เป็นความเท็จ จึงเป็นฟ้องเท็จตาม ป.อ. มาตรา 175 เมื่อจำเลยฟ้องเท็จแล้ว แม้ศาลจะยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานฟ้องเท็จตามบทบัญญัติดังกล่าวอ้างอิง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาททนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ แม่น้ำเจ้าพระยาจึงถือว่าเป็นทางสาธารณะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2567 ทางจำเป็นตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 เป็นการจำกัดหรือลิดรอนอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่น จึงต้องแปลความโดยเคร่งครัดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ยังคงมีสภาพเป็นทางสาธารณะ แม้การสัญจรจะไม่สะดวกและไม่สอดคล้องกับความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเท่าการสัญจรทางบกก็ไม่ทำให้สิ้นสภาพเป็นทางสาธารณะไป ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์(ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสี่เปิดทางพิพาทให้เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ และ พิพากษากลับให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่)

ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ แม่น้ำเจ้าพระยาจึงถือว่าเป็นทางสาธารณะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2567 ทางจำเป็นตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 เป็นการจำกัดหรือลิดรอนอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่น จึงต้องแปลความโดยเคร่งครัดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ยังคงมีสภาพเป็นทางสาธารณะ แม้การสัญจรจะไม่สะดวกและไม่สอดคล้องกับความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเท่าการสัญจรทางบกก็ไม่ทำให้สิ้นสภาพเป็นทางสาธารณะไป ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์(ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสี่เปิดทางพิพาทให้เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ และ พิพากษากลับให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่)

ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ แม่น้ำเจ้าพระยาจึงถือว่าเป็นทางสาธารณะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2567 ทางจำเป็นตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 เป็นการจำกัดหรือลิดรอนอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่น จึงต้องแปลความโดยเคร่งครัดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ยังคงมีสภาพเป็นทางสาธารณะ แม้การสัญจรจะไม่สะดวกและไม่สอดคล้องกับความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเท่าการสัญจรทางบกก็ไม่ทำให้สิ้นสภาพเป็นทางสาธารณะไป ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์(ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสี่เปิดทางพิพาทให้เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 ทางสาธารณะมิได้จำกัดแต่เฉพาะทางบกเท่านั้น ทางน้ำก็เป็นทางสาธารณะได้ และ พิพากษากลับให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่)

หากผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สิน  ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5226/2567 (หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 728, 735)โจทก์มิได้ฟ้องบริษัท อ. ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินเป็นจำเลย และแม้โจทก์จะฟ้อง ช. เป็นจำเลยที่ 1 แต่โจทก์ก็ฟ้องในฐานะที่ ช. เป็นทายาทโดยธรรมของ ส. ผู้ค้ำประกันและผู้จำนองอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ฟ้อง ช. เป็นจำเลยในฐานะผู้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 เมื่อผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินซึ่งจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 735 ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์มิได้บอกกล่าวไปยังบริษัท อ. ลูกหนี้ก่อนด้วยว่าให้ชำระหนี้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 ได้

หากผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สิน ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5226/2567 (หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 728, 735)โจทก์มิได้ฟ้องบริษัท อ. ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินเป็นจำเลย และแม้โจทก์จะฟ้อง ช. เป็นจำเลยที่ 1 แต่โจทก์ก็ฟ้องในฐานะที่ ช. เป็นทายาทโดยธรรมของ ส. ผู้ค้ำประกันและผู้จำนองอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ฟ้อง ช. เป็นจำเลยในฐานะผู้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 เมื่อผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินซึ่งจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 735 ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์มิได้บอกกล่าวไปยังบริษัท อ. ลูกหนี้ก่อนด้วยว่าให้ชำระหนี้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 ได้

หากผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สิน  ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5226/2567
(หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 728, 735)

โจทก์มิได้ฟ้องบริษัท อ. ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินเป็นจำเลย และแม้โจทก์จะฟ้อง ช. เป็นจำเลยที่ 1 แต่โจทก์ก็ฟ้องในฐานะที่ ช. เป็นทายาทโดยธรรมของ ส. ผู้ค้ำประกันและผู้จำนองอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ฟ้อง ช. เป็นจำเลยในฐานะผู้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 เมื่อผู้รับจำนองประสงค์จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินซึ่งจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 735 ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนด้วยตามเงื่อนไขใน ป.พ.พ. มาตรา 728 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์มิได้บอกกล่าวไปยังบริษัท อ. ลูกหนี้ก่อนด้วยว่าให้ชำระหนี้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82147 ได้