ถูกทำร้ายร่างกายแค่ไหนเรียกว่า “สาหัส” (ความผิดต่อร่างกาย)ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 295 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท               อันตรายสาหัสนั้น คือ               (๑) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท               (๒) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์               (๓) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด               (๔) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว               (๕) แท้งลูก               (๖) จิตพิการอย่างติดตัว               (๗) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต               (๘) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท (มาตรา 297 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ถูกทำร้ายร่างกายแค่ไหนเรียกว่า “สาหัส” (ความผิดต่อร่างกาย)ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 295 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท อันตรายสาหัสนั้น คือ (๑) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท (๒) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์ (๓) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด (๔) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว (๕) แท้งลูก (๖) จิตพิการอย่างติดตัว (๗) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต (๘) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท (มาตรา 297 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ถูกทำร้ายร่างกายแค่ไหนเรียกว่า “สาหัส” (ความผิดต่อร่างกาย)

ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 295 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)

ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
อันตรายสาหัสนั้น คือ
(๑) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
(๒) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
(๓) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
(๔) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
(๕) แท้งลูก
(๖) จิตพิการอย่างติดตัว
(๗) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
(๘) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน
จะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท
(มาตรา 297 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

 

ที่ดินตาบอดขอเปิดทางจำเป็นได้หากคุณมีที่ดินตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินของผู้อื่น ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะ คุณมีสิทธิขอเปิด “ทางจำเป็น” กับเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ได้มาตรา 1349 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ว่าวรรคหนึ่ง ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้วรรคสอง ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ บึง หรือทะเล หรือมีที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับวรรคสาม ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้วรรคสี่ ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ที่ดินตาบอดขอเปิดทางจำเป็นได้หากคุณมีที่ดินตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินของผู้อื่น ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะ คุณมีสิทธิขอเปิด “ทางจำเป็น” กับเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ได้มาตรา 1349 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ว่าวรรคหนึ่ง ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้วรรคสอง ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ บึง หรือทะเล หรือมีที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับวรรคสาม ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้วรรคสี่ ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ที่ดินตาบอดขอเปิดทางจำเป็นได้
หากคุณมีที่ดินตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินของผู้อื่น ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะ คุณมีสิทธิขอเปิด “ทางจำเป็น” กับเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ได้
มาตรา 1349 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ว่า
วรรคหนึ่ง ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้
วรรคสอง ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ บึง หรือทะเล หรือมีที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับ
วรรคสาม ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้
วรรคสี่ ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ หากมีค่าใช้จ่ายจำเลยก็ต้องจ่าย แม้เป็นเรื่องความเชื่อของผู้เสียหาย ก็สามารถเรียกค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2530จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาททับขาโจทก์ที่ 3 แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตรวจแล้วมีความเห็นว่าต้องตัดขาทั้งสองข้างโจทก์ที่ 3 ไม่ยอมให้ตัด ได้ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาหมอกระดูกทางไสยศาสตร์อยู่ประมาณ 1 เดือนไม่หาย จึงไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยาสูบแพทย์ได้ตัดขาโจทก์ที่ 3 ทั้งสองข้างการที่โจทก์ที่ 3 ไม่ยอมตัดขาทั้งสองข้างแล้วไปรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์นั้น เป็นเรื่องความเชื่อของโจทก์ที่ 3 ที่จะเลือกรักษาเช่นนั้นได้เมื่อรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ไม่หายจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลยาสูบโดยแพทย์ตัดขาทั้งสองข้าง ย่อมเป็นผลจากการทำละเมิดโดยตรงของจำเลยที่ 1 มิใช่เหตุแทรกซ้อนจำเลยต้องชดใช้ค่ารักษาที่โจทก์ที่ 3 ใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งสอง และค่าใช้จ่ายที่มารดาโจทก์ที่ 3 ไปดูแลโจทก์ที่ 3ขณะรักษาตัวอยู่ในที่ต่างๆและพาโจทก์ที่ 3 ไปยังสถานพยาบาลต่างๆและพากลับบ้านด้วย#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ หากมีค่าใช้จ่ายจำเลยก็ต้องจ่าย แม้เป็นเรื่องความเชื่อของผู้เสียหาย ก็สามารถเรียกค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2530จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาททับขาโจทก์ที่ 3 แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตรวจแล้วมีความเห็นว่าต้องตัดขาทั้งสองข้างโจทก์ที่ 3 ไม่ยอมให้ตัด ได้ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาหมอกระดูกทางไสยศาสตร์อยู่ประมาณ 1 เดือนไม่หาย จึงไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยาสูบแพทย์ได้ตัดขาโจทก์ที่ 3 ทั้งสองข้างการที่โจทก์ที่ 3 ไม่ยอมตัดขาทั้งสองข้างแล้วไปรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์นั้น เป็นเรื่องความเชื่อของโจทก์ที่ 3 ที่จะเลือกรักษาเช่นนั้นได้เมื่อรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ไม่หายจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลยาสูบโดยแพทย์ตัดขาทั้งสองข้าง ย่อมเป็นผลจากการทำละเมิดโดยตรงของจำเลยที่ 1 มิใช่เหตุแทรกซ้อนจำเลยต้องชดใช้ค่ารักษาที่โจทก์ที่ 3 ใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งสอง และค่าใช้จ่ายที่มารดาโจทก์ที่ 3 ไปดูแลโจทก์ที่ 3ขณะรักษาตัวอยู่ในที่ต่างๆและพาโจทก์ที่ 3 ไปยังสถานพยาบาลต่างๆและพากลับบ้านด้วย#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ หากมีค่าใช้จ่ายจำเลยก็ต้องจ่าย แม้เป็นเรื่องความเชื่อของผู้เสียหาย ก็สามารถเรียกค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2530
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาททับขาโจทก์ที่ 3 แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตรวจแล้วมีความเห็นว่าต้องตัดขาทั้งสองข้างโจทก์ที่ 3 ไม่ยอมให้ตัด ได้ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาหมอกระดูกทางไสยศาสตร์อยู่ประมาณ 1 เดือนไม่หาย จึงไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยาสูบแพทย์ได้ตัดขาโจทก์ที่ 3 ทั้งสองข้างการที่โจทก์ที่ 3 ไม่ยอมตัดขาทั้งสองข้างแล้วไปรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์นั้น เป็นเรื่องความเชื่อของโจทก์ที่ 3 ที่จะเลือกรักษาเช่นนั้นได้เมื่อรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ไม่หายจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลยาสูบโดยแพทย์ตัดขาทั้งสองข้าง ย่อมเป็นผลจากการทำละเมิดโดยตรงของจำเลยที่ 1 มิใช่เหตุแทรกซ้อนจำเลยต้องชดใช้ค่ารักษาที่โจทก์ที่ 3 ใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งสอง และค่าใช้จ่ายที่มารดาโจทก์ที่ 3 ไปดูแลโจทก์ที่ 3ขณะรักษาตัวอยู่ในที่ต่างๆและพาโจทก์ที่ 3 ไปยังสถานพยาบาลต่างๆและพากลับบ้านด้วย
#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

Hua Hin: A Dream Retirement Destination by the Sea

Hua Hin: A Dream Retirement Destination by the Sea

RETIREMENT HOMES in HUA HIN

Hua Hin: A Dream Retirement Destination by the Sea

For retirees searching for a perfect blend of comfort, peace, and lifestyle, Hua Hin, Thailand continues to shine as one of Southeast Asia’s most attractive retirement destinations. This relaxed coastal town offers everything needed for a fulfilling retirement—scenic beauty, quality healthcare, affordable living, and a welcoming international community.

One of the most significant draws of Hua Hin is its comfortable climate. With warm temperatures and plenty of sunshine year-round, retirees can enjoy daily walks by the beach, fresh ocean breezes, and outdoor activities without worrying about harsh winters or heavy rainfall.

Hua Hin’s laid-back charm is also one of its greatest assets. Despite its growing popularity, the town has managed to maintain a peaceful, small-town feel. Traffic is light, locals are friendly, and there’s a general sense of calm in everyday life. For those who want to retire somewhere that feels safe and serene but not too remote, Hua Hin strikes the perfect balance.

The town also offers a wide range of activities for active retirees. Golf lovers can enjoy several beautifully maintained courses. Nature enthusiasts can explore scenic parks and nearby hills. For those who prefer a slower pace, there are relaxing spas, art galleries, weekend night markets, and beachside cafés to enjoy.

Hua Hin is also home to well-established retirement homes and communities designed specifically for seniors. These communities offer professional care, social opportunities, and beautifully designed living spaces that cater to every level of independence and support.

With modern hospitals, shopping centers, and international restaurants close by, you don’t need to sacrifice comfort for beauty. Whether you’re looking to relax, socialize, stay active, or simply enjoy the scenery, Hua Hin offers a retirement lifestyle that feels both refreshing and secure.

Curious about what life could look like here? Visit our Retirement Homes in Hua Hin to learn more about our services, community, and how we help retirees enjoy every day to the fullest.

เคล็ดลับเลือกบริการรับจ้างขนของกรุงเทพให้โดนใจ ไม่เสียเงินฟรี!

เคล็ดลับเลือกบริการรับจ้างขนของกรุงเทพให้โดนใจ ไม่เสียเงินฟรี!

หากคุณกำลังมองหา บริการรับจ้างขนของในกรุงเทพ ที่สะดวก รวดเร็ว และไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ย้ายออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ บริการ รับจ้างขนของกรุงเทพ ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมาก

ทำไมต้องใช้บริการ รถขนของย้ายหอ กับมืออาชีพ?

การย้ายหอพักในกรุงเทพไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยสภาพการจราจรที่แน่นขนัด และข้อจำกัดด้านพื้นที่จอดรถ การเลือกใช้ รถขนของย้ายหอ ที่รู้เส้นทางและมีทีมงานที่ชำนาญจะช่วยให้การขนของเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ทีมงานสามารถจัดการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ส่วนตัวได้อย่างเป็นระบบ พร้อมอุปกรณ์ช่วยยกของ เช่น รถเข็น ผ้าใบคลุม ป้องกันความเสียหายระหว่างขนส่ง

ขนของขนาดใหญ่หรือจำนวนมาก? เลือกใช้ บริการรถเทรลเลอร์กรุงเทพ

หากคุณต้องการขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ เครื่องจักร หรือของจำนวนมากในครั้งเดียว การใช้ บริการรถเทรลเลอร์กรุงเทพ คือทางเลือกที่คุ้มค่ามากที่สุด รถเทรลเลอร์ มีพื้นที่บรรทุกที่กว้างและยาว รองรับของหนักได้หลายตัน เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขนส่งระหว่างโกดัง หรืองานโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการความแม่นยำและปลอดภัย

ประโยชน์ของการใช้บริการ รถเทรลเลอร์รับจ้าง

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ขนได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องวิ่งหลายเที่ยว

  • ปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์ล็อกและรัดของอย่างแน่นหนา

  • ทีมงานมืออาชีพ ขนของด้วยความระมัดระวัง

  • บริการครอบคลุมทั่วกรุงเทพและปริมณฑล

รถเทรลเลอร์รับจ้าง ยังเหมาะสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ที่ต้องการความต่อเนื่องและตรงเวลา บริษัทที่มีประสบการณ์จะมีระบบติดตามรถ GPS และประกันสินค้าเพื่อความสบายใจของลูกค้า

สรุป

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาที่ย้ายหอ เจ้าของบ้านที่ย้ายที่อยู่ใหม่ หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขนส่งสินค้า บริการ รับจ้างขนของกรุงเทพ ที่มีครบทั้ง รถขนของย้ายหอบริการรถเทรลเลอร์กรุงเทพ, และ รถเทรลเลอร์รับจ้าง จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ประหยัดเวลา ปลอดภัย และมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน

NOUT SERVICE

การบรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องระบุชัดเจนถึงข้อความเท็จนั้นว่ามีข้อความเป็นอย่างไร และความจริงเป็นอย่างไรคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2566โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตาม ป.อ. มาตรา 267 แต่เพียงว่าจำเลยไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้มีหนังสือรายงานต่อศาลเพื่อจับกุมและกักขังผู้มีชื่อโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจดข้อความอันเป็นเท็จใดลงในเอกสารราชการใด ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานอย่างไร ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การบรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องระบุชัดเจนถึงข้อความเท็จนั้นว่ามีข้อความเป็นอย่างไร และความจริงเป็นอย่างไรคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2566โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตาม ป.อ. มาตรา 267 แต่เพียงว่าจำเลยไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้มีหนังสือรายงานต่อศาลเพื่อจับกุมและกักขังผู้มีชื่อโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจดข้อความอันเป็นเท็จใดลงในเอกสารราชการใด ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานอย่างไร ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การบรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องระบุชัดเจนถึงข้อความเท็จนั้นว่ามีข้อความเป็นอย่างไร และความจริงเป็นอย่างไรคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2566โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตาม ป.อ. มาตรา 267 แต่เพียงว่าจำเลยไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้มีหนังสือรายงานต่อศาลเพื่อจับกุมและกักขังผู้มีชื่อโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจดข้อความอันเป็นเท็จใดลงในเอกสารราชการใด ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานอย่างไร ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)#ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์