โดย bluebell_B | พ.ย. 22, 2023 | ทั่วไป อื่นๆ, ออนไลน์น่ารู้, แนะนำสินค้าและบริการ
กลยุทธ์เทรดหุ้น เทรดหุ้นสร้างรายได้ในยุคปัจจุบันนั้นมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในอดีตมาก เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆ เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์หุ้นมากขึ้น ทำให้เทรดหุ้นสร้างรายได้สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
กลยุทธ์เทรดหุ้น เทรดหุ้นสร้างรายได้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีอยู่หลายแบบ แต่ละกลยุทธ์ก็จะมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของแต่ละบุคคล โดยกลยุทธ์เทรดหุ้นเทรดหุ้นสร้างรายได้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- กลยุทธ์เทรดหุ้นแบบพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
กลยุทธ์เทรดหุ้น เทรดหุ้นสร้างรายได้แบบพื้นฐานนี้ จะเน้นไปที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น งบการเงิน ผลประกอบการ อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินการอยู่ เป็นต้น เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นๆ และตัดสินใจว่าหุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคตหรือไม่
- กลยุทธ์เทรดหุ้นแบบเทคนิค (Technical Analysis)
กลยุทธ์เทรดหุ้นเทรดหุ้นสร้างรายได้แบบเทคนิคนี้ จะเน้นไปที่การวิเคราะห์ราคาหุ้นในอดีต เพื่อหาแนวโน้มราคาในอนาคต โดยจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือดัชนีชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์หาจุดซื้อขายที่เหมาะสม
ทั้งนี้ กลยุทธ์เทรดหุ้นทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป โดยกลยุทธ์เทรดหุ้นเทรดหุ้นสร้างรายได้แบบพื้นฐานนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่า เนื่องจากมีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ส่วนกลยุทธ์เทรดหุ้นเทรดหุ้นสร้างรายได้แบบเทคนิคนั้นมีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากมีการวิเคราะห์ราคาหุ้นในอดีต ซึ่งอาจจะไม่สะท้อนถึงราคาหุ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วหากใช้อย่างถูกต้อง
ดังนั้น นักลงทุนจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์เทรดหุ้นเทรดหุ้นสร้างรายได้ทั้ง 2 ประเภทนี้ให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ และที่สำคัญที่สุดคือ ควรมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
โดย bluebell_B | ก.ย. 25, 2023 | ข่าวสารเว็บไซต์, ออนไลน์น่ารู้
SEO (Search Engine Optimization) คือกระบวนการหรือกิจกรรมที่ใช้เพื่อเพิ่มความน่าเห็นของเว็บไซต์หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing, Yahoo, และเครื่องมืออื่น ๆ โดย SEO มุ่งเน้นในการปรับปรุงและปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์และโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อทำให้เว็บไซต์ดังกล่าวมีโอกาสปรากฏในอันดับสูงในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง
SEO มีหลายประการแต่ละประการมุ่งเน้นในด้านต่าง ๆ ของเว็บไซต์และการโปรโมตออนไลน์ บางประการได้แก่:
- การค้นหาคำค้นหา (Keyword Research) การวิจัยและเลือกคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและมีความนิยมในการค้นหา เพื่อนำมาใช้ในเนื้อหาและส่วนหัวของเว็บไซต์ของคุณ.
- การเขียนเนื้อหา (Content Optimization) การเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีความน่าสนใจสำหรับผู้อ่านและการจัดรูปแบบเนื้อหาเพื่อให้ตรงกับคำค้นหาที่เป็นเป้าหมาย.
- การจัดโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) การจัดโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีความสัมพันธ์และง่ายต่อการนำทาง เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย.
- การสร้างลิงก์ (Link Building) การสร้างลิงก์ที่ชั้นดีมายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจในสายลิงก์ของเว็บไซต์.
- การปรับแต่งเว็บไซต์ (On-Page Optimization) การปรับแต่งส่วนหัว (title tags), ข้อความลิงก์ (anchor text), และรูปแบบอื่น ๆ ของเว็บไซต์เพื่อให้เข้ากับการค้นหา.
- การจัดการความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ (Site Speed and Performance) การปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้โหลดเร็วและสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น.
- การใช้ SEO Tools และการวิเคราะห์ผล (SEO Tools and Analytics): การใช้เครื่องมือ SEO และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงกิจกรรม SEO ของคุณ.
SEO เป็นส่วนสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์และการเพิ่มความน่าเห็นของเว็บไซต์ การปฏิบัติ SEO อย่างเหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มผู้เยี่ยมชมและลูกค้าสำหรับเว็บไซต์หรือธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางการตลาดสูงลิ้ว การทำ SEO ก็เป็นอีกตัวชี้วัดความนิยมของสินค้าและบริการ ฉะนั้นต้องมีผู้ช่วยทำ SEO หรือ เว็บไซตที่ดี สนใจทำเว็บไซต์ของตัวเอง ใช้บริการ Websitegang เราคือทีมงานมืออาชีพ ที่ให้บริการลูกค้าทั่วประเทศนานกว่า 15 ปี https://www.websitegang.com/
โทร. 080 260 9380/083 470 9900 หรือ 090 321 8989
โดย Gett | ก.ย. 22, 2023 | ออนไลน์น่ารู้
การเลือกใช้ระบบการจัดการเนื้อหาหรือ Content Management System (CMS) เมื่อคุณสร้างเว็บไซต์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เรามาดูเหตุผลที่คนมักเลือกใช้ CMS ในการพัฒนาเว็บไซต์ดังนี้:
- ความสะดวกในการใช้งาน: CMS มักมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ง่าย ทำให้ผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการเขียนโค้ดก็สามารถจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ง่ายมาก นอกจากนี้ CMS ยังมีระบบสิทธิ์และการจัดการผู้ใช้ที่สะดวกในการควบคุมการเข้าถึงและการแก้ไขข้อมูลบนเว็บไซต์
- การอัพเดตและการดูแลรักษา: CMS มักมีการอัพเดตและการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์พัฒนา CMS นั้นมีการแก้ไขปัญหาและที่สำคัญคือปรับปรุงความปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีและการแฮกเว็บไซต์
- ประหยัดเวลาและงบประมาณ: CMS ช่วยลดเวลาในการสร้างเว็บไซต์ เนื่องจากมีรูปแบบและฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ CMS ยังมีปลั๊กอินและธีมที่ให้เลือกใช้เพื่อปรับแต่งลักษณะและฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่ทั้งหมด
- รองรับความยืดหยุ่น: ส่วนใหญ่ CMS มีการเปิดโค้ด (open source) ซึ่งทำให้สามารถปรับแต่งและขยายฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของโปรเจค เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพหรือแก้ไขฟังก์ชั่นต่าง ๆ ตามความต้องการของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย
- ชุมชนและการสนับสนุน: CMS มักมีชุมชนในการพัฒนาและการสนับสนุนที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้คุณสามารถหาความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วผ่านชุมชนและคู่ค้าที่มีประสบการณ์
การเลือกใช้ CMS หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของโปรเจคของคุณ ถ้าคุณต้องการสร้างเว็บไซต์โดยรวดเร็วและง่ายด้วยเนื้อหาที่มีการอัพเดตบ่อย ๆ และต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง เลือกใช้ CMS อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณในการพัฒนาเว็บไซต์ของคุณครับ.
cms คืออะไร
CMS ย่อมาจาก “Content Management System” หรือ “ระบบการจัดการเนื้อหา” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการสร้าง จัดการ และปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันออนไลน์ ด้วย CMS คุณสามารถสร้างเว็บไซต์หรือเพจเว็บได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคหรือการเขียนโค้ดเอง โดยมีตัวอย่าง CMS ที่มีชื่อดังเช่น WordPress, Joomla, Drupal และ Magento ซึ่งมีความนิยมในการใช้งานในวงการเว็บไซต์และอีคอมเมิร์ซออนไลน์อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
cms อะไรที่เป็นที่นิยมสูงสุด?
CMS ที่เป็นที่นิยมสูงสุดอยู่ในช่วงปี 2000-2003 (ปัจจุบัน) ลำดับตามสถิติการใช้งาน
- WordPress: WordPress เป็น CMS ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางและเป็นที่นิยมสูงสุดทั่วโลก มันใช้งานง่ายและมีโมดูลและปลั๊กอินมากมายที่ช่วยในการกำหนดรูปแบบและฟังก์ชันต่าง ๆ ของเว็บไซต์.
- Joomla: Joomla เป็น CMS ที่มีความยืดหยุ่นในการจัดการเนื้อหาและมีชุมชนที่ใหญ่ในการสนับสนุนและพัฒนา.
- Drupal: Drupal เป็น CMS ที่เหมาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน มันให้ความคุ้มค่าสำหรับโครงการที่ต้องการความปลอดภัยและการควบคุมที่มากขึ้น.
- Magento: Magento เป็น CMS ที่เฉพาะกับการขายของออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ มันมีความสามารถในการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ซับซ้อน.
- Wix: Wix เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวหรือธุรกิจขนาดเล็ก.
กรุณาทราบว่าความนิยมของ CMS อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น, สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ CMS ที่เป็นที่นิยมสูงสุด, ควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่มีข้อมูลเป็นปัจจุบัน เช่นเว็บไซต์และบทความเทคโนโลยี.
โดย Sorawich | เม.ย. 22, 2023 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ, ออนไลน์น่ารู้

4 Platform AI ที่กำลังฮิตในตอนนี้! แถมยังสร้างรายได้ ได้ด้วย
วันนี้ C-Skills News จะขอแนะนำ 4 Platform ที่จะช่วยทำให้ชีวิตการทำงานของคุณง่ายขึ้น

ที่มา : https://www.dmit.co.th/th/google-workspace-customer-stories/canva-with-google-workspace/
โดย Sorawich | เม.ย. 20, 2023 | การศึกษา, ออนไลน์น่ารู้, แนะนำสินค้าและบริการ

ทำไมปัจจุบันคนใช้เว็บไซต์เพื่อตัดต่อวิดีโอเยอะ จริงๆมีหลายเหตุผลมากๆ เช่น
- ความสะดวกสบาย: เว็บไซต์ตัดต่อวิดีโอที่เป็นออนไลน์มีความสะดวกสบายมากกว่าซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ต้องติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะเราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
- ไม่ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูง: เว็บไซต์ตัดต่อวิดีโอออนไลน์ไม่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคสูง เพราะการทำงานจะเป็นบนเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์เอง ซึ่งทำให้คุณสามารถตัดต่อวิดีโอได้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคต่ำกว่าก็ได้
- สามารถทำงานร่วมกันได้: เว็บไซต์ตัดต่อวิดีโอที่ออนไลน์ยังสามารถแชร์การทำงานร่วมกันได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ง่าย ๆ และสะดวกสบาย
- ไม่ต้องลงทุนในซอฟต์แวร์: เว็บไซต์ตัดต่อวิดีโอออนไลน์มักเป็นฟรี ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องลงทุนในซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่มีราคาสู
C-Skills News จะขอแนะนำ 5 เว็บไซต์ที่สามารถตัดต่อวิดีโอได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

- WeVideo (https://www.wevideo.com/)
WeVideo เป็นเว็บตัดต่อวิดีโอออนไลน์ที่มีความสามารถในการใช้งานและความสามารถในการตัดต่อวิดีโอที่สูง โดยมีฟีเจอร์หลากหลายเช่นการเพิ่มเอฟเฟกต์, การเพิ่มซาวด์แทร็ก, การใส่ตัวอักษร, การตัดต่อแบบสัญญาณเสียงและวิดีโอที่มีความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง WeVideo ได้จากทุกที่ผ่านทางเบราว์เซอร์บนอินเทอร์เน็ต เพราะไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการจัดเก็บข้อมูลของวิดีโอไว้ในคลาวด์ ซึ่งทำให้คุณสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างง่ายดายและมีความสะดวกสบาย ทั้งนี้ WeVideo ยังมีระบบบริการแบบผ่อนผันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสมาชิกตามความต้องการได้ตามความเหมาะสมของตนเองเช่นเดียวกับมีการสนับสนุนตลอดเวลาจากทีมงาน WeVideo ดังนั้น WeVideo เป็นเว็บตัดต่อวิดีโอที่น่าสนใจและคุ้มค่าที่จะลองใช้งานกันดูนะคะ
การใช้งาน WeVideo มีดังนี้
- สมัครสมาชิก: ก่อนที่คุณจะใช้งาน WeVideo คุณต้องสมัครสมาชิกก่อน โดยไปที่เว็บไซต์ของ WeVideo แล้วกดปุ่ม “Sign Up” ที่มุมขวาบนของหน้าจอ
- เลือกแผนการใช้งาน: หลังจากที่คุณได้สมัครสมาชิกแล้ว คุณสามารถเลือกแผนการใช้งานตามต้องการ เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์และคุณสมบัติที่ต้องการ
- อัพโหลดวิดีโอ: เมื่อคุณเข้าสู่ระบบ WeVideo คุณสามารถอัพโหลดวิดีโอของคุณได้โดยคลิกที่ปุ่ม “Create a new video” หรือ “Import Media” จากนั้นเลือกไฟล์วิดีโอที่ต้องการจากคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือจากแหล่งอื่น เช่น Google Drive หรือ Dropbox
- เพิ่มเอฟเฟ็กต์และตัดต่อวิดีโอ: เมื่อได้วิดีโอของคุณแล้ว คุณสามารถเพิ่มเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เช่น เพิ่มภาพนิ่ง เพิ่มเสียง หรือใส่ตัวอักษร
เมื่อได้ทำการตัดต่อวิดีโอเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถบันทึกวิดีโอนั้นได้โดยคลิกที่ปุ่ม “Export” ที่มุมขวาบนของหน้าจอ จากนั้นเลือกตัวเลือกการส่งออกที่ต้องการ ได้แก่ เช่น บันทึกลงคอมพิวเตอร์ ส่งออกเป็นไฟล์ YouTube หรือแชร์ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ WeVideo ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การใช้งานกล้องวิดีโอที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม เพื่อช่วยให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงการเข้าถึงตัวเลือกการตัดต่อวิดีโออื่นๆ ที่มีอยู่ในโปรแกรม เช่น การตัดต่อวิดีโอที่มีความเร็วและความชัดเจนสูง การใช้ภาพนิ่งในการสร้างภาพนิ่งที่น่าสนใจ และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยรวมแล้ว WeVideo เป็นเว็บไซต์ที่มีความสามารถในการตัดต่อวิดีโอออนไลน์อย่างง่ายดาย และมีฟีเจอร์หลากหลายที่สามารถช่วยให้คุณสร้างวิดีโอที่น่าสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย Sorawich | เม.ย. 18, 2023 | การศึกษา, ออนไลน์น่ารู้

แกะบทเรียนตัดต่อวิดีโอยอดวิวหลักล้านด้วย Adobe Premiere Pro
วันนี้ C-Skills News ขอแนะนำ Editor สรวิชญ์ บุญมาก ประสบการณ์ตัดต่อวิดีโอมามากกว่า 10 ปี ผลงาน yimnoi yimyai , BO YOSHI CHANNEL , Mr. Oz , hwan jeab channel , chuchat crazy car , สําราญ ดิงจา , อากู๋คอกซิ่ง และเป็นฟรีแลนซ์ให้กับ boriboon family และมีคอร์สตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro << สนใจคลิก!
1.วิธีหาสไตล์การตัดต่อของตัวเองให้โดดเด่น
โดยส่วนตัว Editor ก็ตัดต่อคลิปธรรมดาๆ ไม่มีการขยี้มุกอะไร ตัดต่อได้ แต่ไม่ได้ตัดเป็น ก็เลยตัดสินใจนั่งดูช่อง Youtube ทุกช่อง หาสไตล์ของตัวเองให้เจอ
แต่จะรู้ได้ยังไงว่าเราเจอสไตล์ตัวเอง ?
อันดับแรกผมจะลองตัดต่อจริง ดูว่าคลิปออกมา สมูท มากแค่ไหน ลองเอาให้เพื่อนๆดู ถ้ามันออกมาดี ถือว่าเราค้นหาสไตล์ตัวเองเจอ
ทำยังไงก็ได้ให้คนไม่รู้จักเรา รู้ว่าเราตัด ทีมเราตัด

ยกตัวอย่างคลิปของ เสือร้องไห้
เห็นไหมครับดูคลิปนี้แล้วเรารู้เลย ต้องทีม เสือร้องไห้แน่ๆที่ตัด (ตัวละครก็มีผลด้วยนะครับ)
2.ท่อนฮุกของคลิปต้องดึงดูดคน
C-Skills News ขอยกตัวอย่างคลิปนี้ ลำโพงมรณะ ใครเผลอโดนป่วนคนทั้งบ้าน!!! ฮาน้ำตาไหล555+
เป็นคลิปแกล้งคนในบ้านด้วยลำโพง โดยจะเอาท่อนที่โดนแกล้งทุกท่อนมายำรวมกันให้เข้าใจภายใน 30 วิ ให้คนรู้ไปเลยว่าจะเจออะไร ช่วงเริ่มต้นคลิปเป็นช่วงสำคัญที่สุดถ้าไม่ตื่นเต้นคนจะไม่ดูเลย
3.วิธีการ Cuting ให้ออกมาดีคลิปไม่กระโดด
เราต้องรู้ก่อนว่า Deadair คืออะไร
Deadair หมายถึงส่วนที่ไม่มีเสียงหรือไม่มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในคลิป ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่ติดตามเนื้อหาได้ดีพอจะทำให้เสียโอกาสในการดึงดูดคน ดังนั้นการตัด deadair ให้ออกมาสมูทจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการตัดต่อวิดีโอ
ยกตัวอย่าง “เอิ่ม อืม อา (เป็นคนที่นึกฟังแล้วรู้สึกเบื่อ) หรือ คำซ้ำ คำพูดผิด” เราต้องตัดต่อออกให้หมด
โดยส่วนตัวผมแล้วจะไม่ตัดให้มันกระชากบ่อยหนัก จะตัดให้เป็นประโยคซะมากกว่า หรือถ้ามันจะเป็น เราอยากจะซูม close-up ให้ไปในคลิปให้มันดูแตกต่าง แต่! ห้ามทำบ่อยนะครับ

ความคิดเห็นล่าสุด