by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
สร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ มีความสำคัญมากต่อการขายสินค้าหรือบริการ สินค้าหรือบริการ ที่มีชื่อเสียงมักเป็นที่ยอมรับของตลาด อีกทั้งมีการตั้งราคาที่แพงกว่าสินค้าที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด ปัจจุบันกระผมมีอาชีพวิทยากร หากว่าวิทยากรท่านใดไม่เป็นที่รู้จักของตลาด คุณคิดว่าจะมีใครอยากไปฟังไหม แต่ตรงกันข้าม หากวิทยากรผู้นั้นมีชื่อเสียงระดับประเทศ ผู้ฟังมักอยากที่จะติดตามฟัง
เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่พวกเรามักจะเห็น สินค้า ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ตลาดมักจะต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น โฆษณาทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
ฉะนั้นการจัดงบประมาณทางด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องมี อีกทั้งการสร้างภาพพจน์ขึ้นในใจผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสะสม และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการโฆษณา พวกเราต้องยอมรับว่า เป๊ปซี่และโคลาโคลา มีประโยชน์น้อยกว่า น้ำส้มคั้น แต่ก็ด้วยการโฆษณา จึงทำให้ เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นที่ยอมรับของตลาด และสามารถขายสินค้าได้แพงกว่าน้ำสั้นคั้นที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดเสียอีก
ROLEX หรือ โรเล็กซ์ กลายเป็นนาฬิการาคาแพงและขายดีที่สุด ปัจจัยที่ทำให้มีราคาแพงและขายดีไม่ได้เกิดจากเรื่องของคุณภาพอย่างเดียว แต่หมายถึงการสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับอีกด้วย
STARBUCKS COFFEE หรือ สตาร์บัคส์ เป็นร้านกาแฟที่มีกาแฟรสชาติต่างกันถึง 40 ชนิด และสามารถขายได้ในราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟโดยทั่วไป ก็เพราะว่าสตาร์บัคส์ สามารถสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับได้นั้นเอง
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับในยุคปัจจุบันจึงมักนำเอาการตลาดเข้ามาใช้ในทุกๆวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการค้าขาย วงการศาสนา วงการเมือง วงการการศึกษา ฯลฯ
การสื่อสารทางการตลาดหรือ Integrated Markering Comunication(IMC)จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในยุคปัจจุบัน ซึ่ง IMC จะเป็นกระบวนการในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครื่องมือการตลาดหลายๆ อย่างผสมกัน เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยพนักงานขาย การจัดแสดงสินค้า การใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ การสัมมนา ฯลฯ
ไม่ว่าคุณจะขายอะไร ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไร คุณมีความจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในด้านของตัวบุคคล ของบริษัท ของหน่วยงาน ขององค์กร หากคุณสามารถสร้างขึ้นมาได้คุณก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความศรัทธา รายได้เงินทอง โอกาส
ดังตัวอย่างเช่น หากท่านต้องการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ท่านจะเข้าไปซื้อที่ร้าน 7-11 หรือ ณ ร้านโชว์หวย กระผมเชื่อแน่ว่า คนส่วนใหญ่มักอยากจะซื้อที่ร้าน 7-11 เพราะมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของตลาดมากกว่า
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการมีรายได้มากขึ้น มีกำไรมากขึ้น มียอดขายมากขึ้น มีลูกค้ารู้จักมากขึ้น ท่านจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
Modern Marketing
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำการตลาดในยุคใหม่จะต้องมีความรู้ มีข้อมูลในเรื่องรอบๆตัว มีความไวต่อความต้องการของผู้บริโภค เพราะการแข่งขันในยุคปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลง ไม่อยู่นิ่ง และมีการนำเทคโนโลยี เข้ามาใช้ จึงทำให้เกิดความรวดเร็วในการแข่งขันทางด้านการตลาด
นักการตลาดจึงจำเป็นจะต้องมีการลงพื้นที่ เพื่อไปสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูล มาวิเคราะห์ ซึ่งจะอาศัยข้อมูล ตัวเลข สถิติต่างๆ หรืองานวิจัย แบบนักการตลาดในสมัยก่อน เพื่อนำมาวิเคราะห์แต่เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้อีกแล้ว เพราะจะทำให้นักการตลาดมองไม่เห็นภาพและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่แท้จริง
การแข่งขันทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน มีการแข่งขันที่สูง ทำให้นักการตลาดในยุคใหม่จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งต้องทำงานหนัก เพื่อมุ่งเน้นการค้นหา นวัตกรรมในตัวของ สินค้า ผลิตภัณฑ์และการบริการ แปลกๆใหม่ๆ ขึ้นในวงการธุรกิจ ดังตัวอย่าง เช่น
สตีฟ จอบส์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ บริษัท Apple ที่เขาก่อตั้งขึ้น ได้สร้างสินค้าใหม่ๆขึ้นในตลาด เช่น สินค้าตระกูล I (iPhone iPad iBoard ipod) และบริษัท NeXT ของเขา ได้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น จนดังระดับโลก เช่น Finding Nemo , Toy story ฯลฯ
ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจใหญ่ชาวอังกฤษ เจ้าของชื่อการค้า “เวอร์จิ้น” หรือ Virgin มีธุรกิจกว่า 360 บริษัท
เขาทำธุรกิจ ตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มทำนิตยสารตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนนักศึกษา แล้วขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ เขาเป็นนักการตลาดยุคใหม่ระดับขั้นเทพ การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาดของเขา เขามีความคิดนอกกรอบ เขาจะไม่เสียเงินจ้างสื่อให้มาลงข่าวในหน้า 1 ซึ่งจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก แต่เขาเลือกทำการตลาดฉบับของเขา ด้วยความที่เขาชอบผจญภัยและสร้างสถิติโลก ทำให้สื่อติดตามและลงข่าวเกี่ยวกับเขาและเครือบริษัท Virgin (เวอร์จิ้น) ของเขา เช่น การทำลายสถิติการขับเรือเร็วข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก , การทำลายสถิติการเดินทางด้วยบัลลูนข้ามมหาสมุทรแอตแนติก เป็นต้น
บริษัทแกรมมี่ เริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ จนปัจจุบันเป็น บริษัท Entertainment ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ก็เนื่องมาจากการสร้างสรรค์ผลงาน และ คิคค้น สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ให้แก่วงการอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานเพลงต่างๆ , การสร้างสรรค์ศิลปินนักร้องใหม่ๆ เพื่อนำออกมายังตลาด
ลูกค้าโต ธุรกิจโต ธุรกิจนั้นจะโตได้ ก็ต้องอาศัยฐานจากลูกค้าในการมาซื้อสินค้าและบริการ ดังเราจะสังเกตได้ว่า หากบริษัทใด มีลูกค้ามาก บริษัทนั้นก็จะมีการเจริญเติบโตตามจำนวนลูกค้า เช่น มีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น มีการขยายสำนักงานให้กว้างขวางขึ้น มีการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆเพิ่มขึ้นเพื่อมาเอาใจผู้บริโภค ฯลฯ
การหาลูกค้าให้มาใช้บริการและซื้อสินค้านั้นยากแต่การรักษาลูกค้าให้อยู่กับเราไปนานๆนั้นยากกว่า ซึ่งสิ่งที่นักการตลาดจะทำได้ก็คือ CRM(Customer Relationship Management) การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดีจะต้องทำอย่างเป็นระบบ ทำอย่างต่อเนื่องยั่งยืน ไม่ทำแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เพราะจะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
การตลาดยุคใหม่ต้องโดนใจผู้บริโภค….หากไม่รู้จักลูกค้าจริง อย่าหวังรอดในยุคการแข่งขันที่มีความรุนแรงอย่างเช่นในยุคปัจจุบัน เพราะลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปซื้อสินค้าและบริการ ของบริษัทอื่นๆได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นการรู้จักลูกค้า การรู้จักพฤติกรรม นิสัยใจคอ ความชอบ ความต้องการของลูกค้า จึงมีความสำคัญมาก ตัวอย่าง โรงแรมใหญ่ๆระดับ 5 ดาว มักมีการบันทึกข้อมูลลูกค้าตลอดเวลา การบันทึกข้อมูลลูกค้าจะเป็นประโยชน์มากต่อการใช้บริการในครั้งต่อๆไป เช่น ลูกค้าชอบห้องลักษณะไหน , ลูกค้าชอบอาหารประเภทไหน , ลูกค้ามีวันคล้ายวันเกิดวันใด เป็นต้น
อย่าตกใจ…เมื่อถูกลูกค้าปฏิเสธ…สงครามการตลาดในยุคปัจจุบัน มีการแข่งขันที่ดุเดือด บางธุรกิจยอมที่จะลดราคา ตามคู่แข่งขัน ทั้งๆที่ต้นทุนของบริษัทตนเองนั้นสูงกว่าคู่แข่ง การตลาดกับการขายมีส่วนคล้ายคลึงกันอย่างหนึ่งคือ มีการตอบรับและการถูกปฏิเสธ ดังนั้น หากทำการตลาดไปแล้ว ผลสะท้อนกลับมาอาจไม่ดีพอ เราอาจจะต้องทำใจ เพราะสิ่งทุกสิ่งในโลกนี้มักมี 2 ด้าน เสมอ เช่น มีบวกมีลบ , มีสมหวังมีผิดหวัง ฯลฯ
การตลาดในยุคเก่า มักจะต้องหาสินค้าและบริการมาเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า แต่การตลาดในยุคใหม่ อาจจะต้องเพิ่มในเรื่องของการ “ กระตุ้นต่อมความอยากของลูกค้า” การกระตุ้นต่อมอยากจะทำให้ลูกค้ามีความต้องการที่จะซื้อสินค้า ทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยคิดที่จะซื้อหรือใช้ การกระตุ้นต่อมความอยากจึงเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดมากยิ่งขึ้น เช่น
การกระตุ้นด้วยการใช้ฟรีเซ็นเตอร์ นักโฆษณารู้ดีว่าทำไมจึงต้องเอาดารา นักร้อง ที่มีแฟนคลับเป็นจำนวนมากๆ เพื่อมาโฆษณาสินค้า ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ชีวิตจริง ดารา นักร้องคนนั้นไม่ได้ใช้สินค้าชิ้นนั้นเลย แต่การใช้ฟรีเซ็นเตอร์คนดัง สามารถกระตุ้นให้แฟนคลับของคนดัง ใช้สินค้าและบริการตามไปด้วย
การกระตุ้นด้วยเทรนด์ นักการตลาดสมัยใหม่ มักสร้างกระแสเทรนด์ขึ้นมา เพื่อให้ผู้บริโภคตาม เพราะหากผู้บริโภคไม่ใช้ อาจที่จะถูกมองว่าตกเทรนด์ การกระตุ้นด้วยเทรนด์มักจะสร้างกระแสผ่านสื่อต่างๆ เช่น การสื่อให้เห็นถึงความเป็นคนทันสมัย ล้ำยุคหากว่าใช้สินค้าของตนเอง การสื่อให้เห็นถึงการรักษาสุขภาพ หากว่าใช้สินค้าของตนแล้วสุขภาพจะดีขึ้น เป็นต้น
การกระตุ้นด้วยเรื่องราวหรือ Story ดังเราจะสังเกตเห็น ตามธุรกิจการท่องเที่ยว สถานที่ต่างๆ มักสร้างเรื่องราวออกมานำเสนอ เพื่อให้ลูกค้า เกิดความสนใจที่อยากจะไปเที่ยว อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องราวนั้นๆ วางจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย เช่น กำแพงเมืองจีน , วัดวาอารามต่างๆ , สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ
รู้เขารู้เรา…รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง…การแข่งขันทางการตลาด เรารู้จักผลิตภัณฑ์ของตนเอง เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราเองยังไม่เป็นการเพียงพอ เรายังจะต้องรู้ว่าบริษัทคู่แข่ง เขาทำอะไรออกมาบ้าง มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาเพิ่มอีกหรือเปล่า คู่แข่งรายใดออกนอกตลาดไปแล้ว ฉะนั้น ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ที่นักการตลาดยุคใหม่จะต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา
จงสร้างความแตกต่าง โดดเด่น โดนใจ หากว่าเราสังเกตในการแข่งขันทางธุรกิจทุกประเภท สินค้า บริการ มักจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่นักการตลาดยุคใหม่จะทำอย่างไร เพื่อให้สินค้า บริการ ของเราเป็นที่แตกต่าง โดดเด่น โดนใจ หากว่าทำได้ สินค้า และบริการ นั้นๆ ก็จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันขึ้นมาทันที
สุดท้ายสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่ มีความจำเป็นจะต้องศึกษา เรียนรู้ ก็คือเรื่องของ IMC Integrated Marketing Communication หรือ การสื่อทางการตลาดแบบครบเครื่อง ซึ่งจะต้องไปศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายตรง การสื่อสาร ณ จุดขาย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ฯลฯ
จากข้อความข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า นักการตลาดยุคใหม่ จะต้องทำงานหนัก มีความรู้ มีข้อมูล ข่าวสาร มีทักษะต่างๆ ที่มากขึ้น อีกทั้งต้องมีความกล้าตัดสินใจ กล้าได้ กล้าเสีย อีกทั้งต้องมีความรวดเร็ว เพราะการแข่งขันในยุคนี้ หากช้าไปหนึ่งก้าว คู่แข่งขันก็อาจแซงหน้าไปได้ ฉะนั้น นักการตลาดในยุคใหม่คุณก็สามารถเป็นได้ หากว่าคุณมีความตั้งใจ มีการฝึกฝน เรียนรู้ อย่างสม่ำเสมอ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง

#image_title
by drsuthichai | Nov 6, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ปลุกพลังในตัวคุณ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จอย่าง เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก,ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ , มหาตะมะ คานธี อดีตผู้นำที่ชาวอินเดียรักและให้ความเคารพตลอดกาล, เดล คาร์เนกี อดีตอาจารย์ผู้สอนวิชาการพูดระดับโลก ผู้นำเหล่านี้ มักดึงพลังจากภายในตัวของเขาเอง ออกมาใช้มากกว่าผู้อื่น
อีกทั้งผู้นำเหล่านี้ รู้ว่าตนเอง มีความรัก ความชอบ ความต้องการอะไรในชีวิตอย่างแท้จริง พวกเขามีอุดมการณ์ รวมทั้งยอมตายเพื่ออุดมการณ์หรือยอมตายเพื่อแลกกับสิ่งที่เขาต้องการ
เดล คาร์เนกี เขาต้องการเปิดสอนการพูด จึงไปนำเสนอหลักสูตร “ การพูดต่อหน้าสาธารณชน ” เพื่อไปเป็นอาจารย์สอนยังมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แต่ก็โดนปฏิเสธ แต่เขาไม่ย่อท้อ เขาจึงได้ไปนำเสนอหลักสูตร แก่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ก็ถูกปฏิเสธกลับมาอีก เพราะเหตุว่า ทั้ง 2 สถาบัน คิดว่าคงไม่มีคนสนใจเรียน แล้วในที่สุด เขาเปิดสอนในโรงเรียน ไว.เอ็ม.ซี.เอ ซึ่งต้องเรียนหรือต้องสอนในช่วงกลางคืน โดยทาง ไว.เอ็ม.ซี.เอ ได้ตกลงให้ค่าจ้างเขาเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามจำนวนคนที่เข้าเรียน แทนการจ้างโดยการจ่ายเป็นเงินเดือนประจำ เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่าจะมีคนมาเรียนเป็นจำนวนมาก
แต่ในที่สุด หลักสูตรของเขาได้รับการยอมรับอย่างมากมาย คนมาสมัครเรียนเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินที่เขาได้รับเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามจำนวนคนเข้าเรียน มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าของเงินที่ทาง ไว.เอ็ม.ซี.เอ จะใช้จ้างเขาเป็นเดือนในตอนแรกเสียอีก ปัจจุบันหลักสูตรของเขาได้มีการแพร่หลายและใช้เรียนไปทั่วโลก
ทำไม เดล คาร์เนกี จึงประสบความสำเร็จ ? ปัจจัยหนึ่งก็คือ เขารู้จักตนเอง เขารู้ความต้องการของตนเอง และเขาดึงพลังจากภายในตัวของเขามาใช้อย่างเต็มที่
อยากเก่งต้องมี Passion (ความชอบ ความอยาก ความหลงใหล)ในการทำธุรกิจถ้าให้เลือกระหว่างมีเงินทุนมากกับมี Passion ผมเลือกการมี Passion มากกว่า เพราะการมี Passion จะทำให้เราเกิดความกล้า ความอดทน ความมุ่งมั่น ไม่บ่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ออกมาจากภายในใจของเรา อีกทั้งคนที่ประสบความสำเร็จมักมี Passion เกือบทุกคน(คนส่วนใหญ่หรือคนธรรมดามักยอมแพ้ในระหว่างทาง แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะพยายามเดินไปให้ถึงฝั่งฝัน ด้วยใจที่รักในสิ่งนั้น)
อยากดึงพลังภายในตนเอง ทำอย่างไร? คนโดยทั่วไปหรือคนธรรมดา มักจะไม่มีเป้าหมายในชีวิต ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จเขามักมีเป้าหมายในชีวิต หากต้องการดึงพลังภายในตนเองออกมาใช้ กระผมขอแนะนำว่า ท่านควรวางเป้าหมายในชีวิตให้แก่ตนเองก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการมีเป้าหมายจะทำให้เรามีทิศทางในการเดินทาง ไม่หลงทาง ไม่ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
อยากประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มจากตัวเราเอง หลายคนมักโทษคนอื่น บางคนโทษฟ้า โทษดิน โทษอากาศ แต่จริงๆแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน เปลี่ยนแปลงอย่างไร เปลี่ยนแปลงตนเองโดยการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา เช่น การอ่านหนังสือทุกวัน,การเข้าสัมมนา การอบรม , การคิดแง่บวก , ฝึกการพูด เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรสร้างเป้าหมายของตนเองขึ้นมา แล้วทุ่มเทพลัง ดึงพลังของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ แล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย

#image_title
by drsuthichai | Nov 6, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ หากว่าท่านต้องการรวย หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าด้านใดๆ ท่านจำเป็นจะต้อง ยอมเสียบางสิ่งบางอย่าง หรือท่านจำเป็นจะต้องย่อมที่จะเสียหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อแลกกับสิ่งนั้น ไม่ว่าท่านจะต้องยอมเสียเวลา เสียเงินทอง เสียความรู้สึก เสียโอกาส เพราะอะไรครับ ก็เพราะว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในระดับที่สูงใน สายงานอาชีพของท่าน ท่านก็มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทเวลา ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ กับสิ่งๆนั้น เช่น
– ถ้าท่านต้องการเป็นนักกีฬาชกมวยมืออาชีพ ท่านจำเป็นจะต้องซ้อมอย่างหนัก ท่านต้องขยันพัฒนาทักษะต่างๆ ทุ่มเทเวลา หลายๆชั่วโมงต่อวัน อีกทั้ง ท่านต้องสร้างสมประสบการณ์ในการชกมวยบนเวทีอยู่เป็นประจำ ท่านต้องยอมที่จะต้องถูกชก ท่านจะต้องยอมที่จะต้องเจ็บตัว เจ็บปวด เพื่อแลกกับชัยชนะ
– ถ้าท่านต้องการเป็นนักเขียน ท่านคงต้องทุ่มเทเวลาในการอ่าน และการลงมือเขียนอยู่เป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งควรหาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงงานเขียนของท่าน ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ท่านจะต้องเสียอะไรบางอย่างหรือหลายๆอย่าง เช่น เสียเงินซื้อหนังสือ เสียเวลาในการอ่าน การเขียน เสียใจต่อการถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ เป็นต้น
– ถ้าท่านต้องการเป็น นักการเมือง ท่านจำเป็นจะต้องลงพื้นที่ ท่านจำเป็นจะต้องเสียเงินเสียทองเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ท่านจำเป็นจะต้องเสียเวลาในการอยู่กับครอบครัว ท่านจำเป็นจะต้องอดทนเมื่อถูกคู่แข่งทางการเมือง สาดโคลน(ให้ร้ายต่างๆ)เป็นต้น
– ถ้าท่านต้องการเป็นนักธุรกิจ ท่านต้องกล้าเสี่ยงที่จะนำเงินของท่านไปลงทุน เพื่อให้ได้กำไรเป็นการตอบแทน ซึ่งท่านต้องเสี่ยงกับการขาดทุน อีกทั้งท่านจะต้องทำงานหนักโดยเฉพาะช่วงเปิดกิจการใหม่ๆ
– นักเรียน นักศึกษาก็เช่นกัน หากว่าต้องการสอบให้ได้คะแนนที่ดีๆ นักเรียน นักศึกษา ก็ควรที่จะต้องขยัน อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด ใคร่ครวญ หากว่าไม่เข้าใจก็ควรสอบถามผู้รู้
ระบบการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นมักสอนให้คนมีวินัยมาตั้งแต่ สมัยเป็นเด็กนักเรียน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามสร้างความทะเยอทะยานให้แก่เด็กนักเรียน โดยปลูกฝังให้เด็กทำการบ้าน ทุ่มเทการเรียนอย่างหนัก จนทำให้ชาวญี่ปุ่นเมื่อโตขึ้น จึงเป็นคนที่มีความอดทน มีระเบียบวินัย ขยันทำงานอย่างหนัก จนรัฐบาลของญี่ปุ่นบางสมัยถึงขนาด ออกกฎหมายให้มีวันหยุดมากขึ้น เพื่อให้คนญี่ปุ่นในวัยทำงานได้มีโอกาสพักผ่อน ไม่เครียดมากนัก เพราะชาวญี่ปุ่นในวัยทำงาน บางคนเครียดถึงขนาดหลังเลิกงานไปเที่ยว ไปกินเหล้า อยู่เป็นประจำ
แต่สำหรับโดยส่วนตัวของกระผมแล้ว กระผมคิดว่า การทำงานหนักและทุ่มเทให้กับงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรที่จะมากจนเกินไป จนขาดความสมดุล เพราะ หากว่าเราทำงานหนัก โดยขาดการพักผ่อน ขาดการออกกำลังกาย แต่เกิดความเครียด ความกดดันมากๆในชีวิตแล้ว ถามว่าเราจะหาเงินไปทำไม หาไปเพื่อรักษาตัวเองหรือ และ การทำงานอย่างหนัก โดยไม่พักผ่อนบ้าง จะส่งผลร้าย กล่าวคือ ทำให้เราตายไวกว่าอายุไขที่แท้จริงด้วย การขาดความสมดุล จึงเป็นสิ่งที่ควรคิด ควรพิจารณา ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า “ ทางสายกลาง” จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิตและการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ดังนั้น พอสรุปได้ว่า หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านต้องการมีชื่อเสียง เงินทอง ท่านมีความจำเป็นจะต้องลงทุนนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการ ลงทุนเวลา แรงกาย แรงใจ กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะยอมผิดหวัง อีกทั้งท่านต้องพยายามรักษาความสมดุลของชีวิตของท่านในด้านต่างๆอีกด้วย

#image_title
by drsuthichai | Nov 6, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
อุปสรรค คือ สีสันของชีวิต
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ว่าวที่จะขึ้นไปสู่ที่สูงได้ ย่อมมีแรงลมกระแทกเป็นธรรมดา
ทุกอุปสรรคทุกความล้มเหลว ย่อมพาเราไปสู่ความสำเร็จ
เป็นคำพูดที่มีส่วนจริงอยู่ไม่ใช่น้อย โทมัส เอ.เอดิสัน เขาไม่ได้เรียนจบจากสถาบันการศึกษา หลายๆคนบอกว่าเป็นอุปสรรค แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ เอดิสัน เขาต้องทนทรมานจากการหูหนวกของตัวเขาเอง หลายๆคนคิดว่ามันคืออุปสรรค แต่สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่ มีอยู่วันหนึ่ง มีนักข่าวคนหนึ่งไปถามเขาว่า การที่เขาหูหนวก มันเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไหม
เขากลับตอบกลับ จนนักข่าวต้องตลึงว่า “ การที่เขาหูหนวกเป็นสิ่งที่ดี ต่อการทำงานของเขา เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งฟัง คำพูดที่ไร้สาระของบุคคลต่างๆ ซึ่งบางคนยังไม่รู้เลยว่าตนเองต้องการอะไรในชีวิต แต่การที่เขาหูหนวก ทำให้เขาได้ยินเสียงจากภายในใจของเขาเอง ” และผมเชื่อว่า ถ้าหลายๆคนได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะคิดแบบเดียวกันกับผมว่า เอดิสัน สุดยอดจริงๆครับ เพราะการที่คนส่วนใหญ่หูหนวก มักคิดว่าเป็นอุปสรรค แต่เขามีมุมมองที่กลับกัน
เอดิสัน จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญของโลกและเป็นบุคคลที่คนทั่วโลกยกย่อง เขาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในเรื่องการเป็นนักประดิษฐ์ และในเรื่องของวิทยาศาสตร์
สำหรับการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาพบกับความล้มเหลวและอุปสรรค เป็นพันครั้ง มีนักข่าวไปสัมภาษณ์เขาว่า คิดอย่างไรกับความล้มเหลวหรืออุปสรรคที่พบเป็นพันๆครั้ง บ้าง เขากลับตอบนักข่าวว่า ความจริงมันไม่ใช่อุปสรรคหรือความล้มเหลว แต่มันคือวิธีการใหม่ๆที่จะนำไปสู่ความสำเร็จต่างหาก
สุดยอดนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่ เมื่อได้พบกับอุปสรรค เจอปัญหา หรือพบกับความพ่ายแพ้ เพียงแค่ครั้งเดียว หลายๆคนถอดใจ หนี นักขายจำนวนมาก เมื่อถูกลูกค้าปฏิเสธ การซื้อ เขาถึงกับถอดใจไม่ทำแล้ว ไม่ขายอีกแล้ว มีน้อยคนนักที่จะพยายามทำต่อไป แต่ เอดิสัน เขาพบกับความล้มเหลว อุปสรรค ถึง พันครั้ง แต่เขาก็สู้ต่อไป จนประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้ในที่สุด
ท่านผู้อ่านครับ หากว่าเรานำเรื่องราวของเอดิสัน มาคิด เราจะเห็นว่า หลายๆครั้งที่เรามักจะฟังคนอื่นๆ มากกว่าฟังตนเอง แต่สำหรับเอดิสันแล้ว การที่เขาหูหนวก นั้นเป็นข้อดี เขาจึงสามารถฟังเสียงของตนเองได้ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ เขาไม่ต้องมานั่งฟังคนส่วนใหญ่พูดให้เขาเสียกำลังใจ เช่น คุณทำหลอดไฟฟ้าไม่ได้หรอก เพราะยังไม่มีใครเคยทำ , คุณเลิกได้แล้ว ทำมาเป็นพันๆครั้ง ยังทำไม่ได้อีก เป็นต้น
เคยมีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า มีการแข่งขันปีนต้นไม้กัน หลายคนกำลังปีนแข่งกัน แต่ต้นไม้สูงมาก ทำให้คนดูเชื่อว่า ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ คนดูหลายๆคนจึงร้องบอกคนปีนว่า ลงมาเถอะ ไม่ไหวหรอก ด้วยความเป็นห่วยเป็นใยคนปีน จึงทำให้คนที่เข้าแข่งขันหลายๆคน ทยอยปีนลงมาจากต้นไม้สูง แต่มีนักปีนคนหนึ่ง ปีนได้ดีมาก ปีนสูงขึ้น ปีนสูงขึ้น จนสามารถปีนขึ้นไปสู่จุดที่สูงสุดได้ ปรากฏว่าทุกคนต่างก็ชื่นชม นักปีนต้นไม้ ผู้นี้ หลังจากนั้นจึงมีการให้สัมภาษณ์ โดยนักข่าวถามว่า “ ทำไมคุณถึงปีนได้โดยไม่พักเลย” นักปีนที่ได้รับชัยชนะกล่าวตอบว่า “ ก็ผมได้กำลังใจจากผู้ชมที่อยู่ด้านล่างนะซิ ที่ช่วยกันเชียร์” ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าคนที่ได้รับชัยชนะ คนดังกล่าว เขาเป็นคนหูหนวก เลยนึกว่าคนด้านล่างเชียร์ แต่ที่ไหนได้ คนชมด้านล่างกลับร้องตะโกนให้ลงจากต้นไม้
ฉะนั้น มนุษย์เป็นจำนวนมากมักเป็นเช่นนี้ กล่าวคือ มักเอาความคิดเห็นของคนทั่วไปมาสร้างปัญหาให้กับตัวเอง จนทำให้ตนเองแทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นว่าตนเอง พบกับอุปสรรค พบกับปัญหา ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ ดังเช่น โทมัส เอ.เอดินสัน ท่านจงฟังเสียงของตนเอง มากกว่าฟังเสียงของผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาในตัวของท่าน

#image_title
by drsuthichai | Nov 6, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ศาสตร์แห่งความร่ำรวย
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ถ้าคนที่อยู่ในประเทศของเรา อยู่ในจังหวัดของเรา สามารถสร้างความร่ำรวยได้ เราก็สามารถทำได้เช่นกัน
ศาสตร์แห่งความร่ำรวยมีอยู่จริง ซึ่งศาสตร์แห่งความร่ำรวยก็เหมือนกับศาสตร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์ทางด้านคณิตศาสตร์ ศาสตร์ทางด้านสังคมศาสตร์ ศาสตร์ทางด้านโหราศาสตร์ ฯลฯ
หากเราลองไปสังเกตคนที่ร่ำรวยแล้วเราจะรู้ว่าเขาไม่ได้ฉลาดเกินกว่าเรา เขาไม่ได้เก่งกว่าเรา หรือเป็นอัจฉริยะ แต่สิ่งที่มีความต่างแตกกันก็คือเรื่องของความคิด T.Harv Eker ผู้สอนและเขียนหนังสือเรื่อง “ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” เขาพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ ให้เวลาเขา 5 นาที แล้วเขาจะทำนายอนาคตทางการเงินตลอดชีวิตที่เหลือของคุณ” ถามว่าเขาทำนายจากสิ่งใด เขาสามารถทำนายได้จากแนวความคิดและแผนผังการเงินในสมองของคุณ เขายังเชื่อว่า หากต้องการเป็นคนที่ร่ำรวย สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ ท่านจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงความคิด ท่านจะต้องเลียนแบบวิธีคิดของคนรวย อีกทั้งต้องตั้งโปรแกรมความคิดเสียใหม่ ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ ท่านต้องพูดกับตัวท่านเองทุกๆวัน และทุกๆโอกาส เช่น ฉันสามารถร่ำรวยได้ , ฉันมีความคิดแบบมหาเศรษฐี , ฉันมีสมองเงินล้าน เป็นต้น
หนังสือ The Secret กฏแห่งการดึงดูด ความลับของ The Law of Attraction.(ท่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติ่ม)กล่าวไว้ว่า หากว่าท่านต้องการสิ่งใด ขอให้ท่านคิดเรื่องนั้นบ่อยๆ กฎแห่งการดึงดูดก็จะทำงาน หากท่านคิดเรื่องร้ายๆ เรื่องร้ายๆก็จะมาหาท่าน แต่ตรงกันข้ามหากท่านคิดแต่เรื่องที่ดีๆ เรื่องที่ดีๆก็จะเข้ามาหาท่าน ดังนั้น หากท่านต้องการร่ำรวย ท่านก็จงคิดแต่เรื่องที่จะนำพาท่านไปสู่ความร่ำรวย จงมุ่งความคิดของท่านไปที่การจะหาทรัพย์สิน การสร้างธุรกิจมากกว่าการชำระหนี้สินหรืออุปสรรค
และเนื้อหาในหนังสือ The Secret บางตอน ยังได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ให้ท่านตัดภาพวาดเกี่ยวกับ บ้าน รถ สระว่ายน้ำ เงินทอง หรือสิ่งต่างๆที่ท่านต้องการไว้ดู โดยติดไว้ในสถานที่ที่ท่านเห็นได้บ่อยๆ หรือตลอดเวลาได้ยิ่งดี
หนังสือ the new science of getting rich หรือ ไขรหัสศาสตร์สู่ความร่ำรวย ก็ได้กล่าวและมุ่งเน้นไปที่เรื่องของความคิด โดยสรุปก็คือ หากท่านต้องการร่ำรวย ท่านจงเปลี่ยนแปลงความคิดของท่านก่อนเป็นลำดับแรก
หลายๆคนอาจจะตั้งข้อสงสัย หลายๆท่านอาจจะมีความคิดที่โต้แย้ง แต่หากว่าท่านใดมีความเชื่อและยอมรับมันหมดหัวใจ ท่านก็จะเดินทางไปสู่ความร่ำรวยได้เร็วกว่าคนอื่นๆที่ไม่ยอมรับและมีข้อโต้แย้ง เพราะการไม่ยอมรับจะทำให้เขาไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงความคิด ทั้งนี้หากว่าท่านต้องการร่ำรวยอย่างแท้จริง ขอให้ท่านขจัดความคิดเก่าๆของท่านทิ้งไป แล้วคิดใหม่ คิดว่าท่านสามารถร่ำรวยได้ คิดว่าท่านสามารถกุมโชคชะตาของตนเองได้
คนที่ร่ำรวยมักชอบการสร้างสรรค์มากกว่าการแข่งขัน เพราะการแข่งขันจะทำให้รู้สึกกดดัน ไม่มีความสุข เกิดความเครียด แต่หากว่าเรามีความคิดที่สร้างสรรค์ เรามักสร้างสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ จากตัวเราเองทำให้เราไม่เกิดการกดดันใดๆ อีกทั้งการแข่งขันจะทำให้เกิดความคิดในทางลบมากกว่าทางบวก เช่น เกิดความอิจฉา เกิดความคิดที่อยากจะทำลาย เป็นต้น
จงสร้างสรรค์ผลงานในการทำงานของท่านให้ดีขึ้นตลอดเวลา เช่น การสร้างสรรค์งานเขียนใหม่ๆ การสร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ๆ การสร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ๆ การสร้างสรรค์การออกแบบเสื้อผ้า ทรงผมใหม่ๆ เป็นต้น
T.Haarv Eker เขาเปลี่ยนตัวเขาเองจากคนที่เคยถังแตกมาเป็นเศรษฐีร้อยล้านภายใน 2 ปีครึ่ง , Donald J.Trump (โดนัลด์ เจ ทรัมพ์) เปลี่ยนจากคนที่ใกล้จะล้มละลาย มาร่ำรวยยิ่งขึ้น ก็เพราะเขามีความคิดซึ่งเป็นความคิดของมหาเศรษฐีนั่นเอง
จงเปลี่ยนแปลงความคิด แล้วชีวิตของท่านจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

#image_title