คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ

ภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นจะต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยของหญิงอื่นด้วยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5856/2567

ภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นจะต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยของหญิงอื่นด้วยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5856/2567

ภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นจะต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยของหญิงอื่นด้วยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5856/2567

จำเลยรับมอบรถยนต์ไว้ในครอบครองเพื่อเป็นประกันเงินกู้ยืม พฤติการณ์ที่จำเลยย้ายบ้านและไม่แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบถึงที่อยู่แห่งใหม่เพื่อที่จะได้นำเงินไปไถ่ถอนและรับรถยนต์ และตัดขาดการติดต่อกับผู้เสียหายที่ 2 ไม่ทวงถามให้ผู้เสียหายที่ 2 ชำระเงินกู้ทั้งที่ผู้เสียหายที่ 2 ชำระหนี้มาเพียง 2 งวด ยังไม่ครบถ้วนที่กู้ยืมไป และปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้รับมอบรถยนต์ไว้จากผู้เสียหายที่ 2 บ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอารถยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ. 352 วรรคหนึ่ง

จำเลยรับมอบรถยนต์ไว้ในครอบครองเพื่อเป็นประกันเงินกู้ยืม พฤติการณ์ที่จำเลยย้ายบ้านและไม่แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบถึงที่อยู่แห่งใหม่เพื่อที่จะได้นำเงินไปไถ่ถอนและรับรถยนต์ และตัดขาดการติดต่อกับผู้เสียหายที่ 2 ไม่ทวงถามให้ผู้เสียหายที่ 2 ชำระเงินกู้ทั้งที่ผู้เสียหายที่ 2 ชำระหนี้มาเพียง 2 งวด ยังไม่ครบถ้วนที่กู้ยืมไป และปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้รับมอบรถยนต์ไว้จากผู้เสียหายที่ 2 บ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอารถยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ. 352 วรรคหนึ่ง

จำเลยรับมอบรถยนต์ไว้ในครอบครองเพื่อเป็นประกันเงินกู้ยืม พฤติการณ์ที่จำเลยย้ายบ้านและไม่แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบถึงที่อยู่แห่งใหม่เพื่อที่จะได้นำเงินไปไถ่ถอนและรับรถยนต์ และตัดขาดการติดต่อกับผู้เสียหายที่ 2 ไม่ทวงถามให้ผู้เสียหายที่ 2 ชำระเงินกู้ทั้งที่ผู้เสียหายที่ 2 ชำระหนี้มาเพียง 2 งวด ยังไม่ครบถ้วนที่กู้ยืมไป และปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้รับมอบรถยนต์ไว้จากผู้เสียหายที่ 2 บ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอารถยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ. 352 วรรคหนึ่ง

สัญญาค้ำประกันที่นายจ้างให้ทำแบบไม่จำกัดวงเงินความรับผิด  สัญญาค้ำประกันนั้น ย่อมตกเป็นโมฆะบังคับใช้ไม่ได้ ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิด เพราะฝ่าฝืนประกาศกระทรวงฯ มีผลให้สัญญาค้ำประกันตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐  เทียบเคียง  ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 354/2561

สัญญาค้ำประกันที่นายจ้างให้ทำแบบไม่จำกัดวงเงินความรับผิด สัญญาค้ำประกันนั้น ย่อมตกเป็นโมฆะบังคับใช้ไม่ได้ ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิด เพราะฝ่าฝืนประกาศกระทรวงฯ มีผลให้สัญญาค้ำประกันตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐ เทียบเคียง ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 354/2561

สัญญาค้ำประกันที่นายจ้างให้ทำแบบไม่จำกัดวงเงินความรับผิด

สัญญาค้ำประกันนั้น ย่อมตกเป็นโมฆะบังคับใช้ไม่ได้ ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิด เพราะฝ่าฝืนประกาศกระทรวงฯ มีผลให้สัญญาค้ำประกันตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐

เทียบเคียง ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 354/2561

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6943/2562 ชายหญิงไม่มีเจตนาจดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่มอบให้แก่กันไม่เป็นของหมั้นและสินสอด ฝ่ายชายจะอ้างว่า ฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น และเรียกของหมั้นและสินสอดคืนและค่าทดแทนจากฝ่ายหญิงไม่ได้…

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6943/2562 ชายหญิงไม่มีเจตนาจดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่มอบให้แก่กันไม่เป็นของหมั้นและสินสอด ฝ่ายชายจะอ้างว่า ฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น และเรียกของหมั้นและสินสอดคืนและค่าทดแทนจากฝ่ายหญิงไม่ได้…

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6943/2562 ชายหญิงไม่มีเจตนาจดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่มอบให้แก่กันไม่เป็นของหมั้นและสินสอด ฝ่ายชายจะอ้างว่า ฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น และเรียกของหมั้นและสินสอดคืนและค่าทดแทนจากฝ่ายหญิงไม่ได้…