5 เทคนิคเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคลินิก ปังกว่าเดิม !

5 เทคนิคเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคลินิก ปังกว่าเดิม !

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดขาย คือสิ่งที่บ่งบอกว่าธุรกิจของเรานั้นประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เพราะยิ่งยอดขายสูง นั่นเท่ากับว่ารายรับของธุรกิจเราก็ยิ่งสูงมากเช่นกัน นอกจากการใช้ โปรแกรมคลินิก, การยิง Ads ในเฟสบุ๊ค, การทำ SEO การทำการตลาดออนไลน์ หรือจะเป็นการจ้าง Influencer ผ่านช่องทางต่างๆแล้ววิธีไหนละ ที่จะช่วยให้เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจคลินิก ที่มีการแข่งขันสูงพอๆกับธุรกิจทั่วไป บทความนี้จะแนะนำ 5 เทคนิคที่จะช่วยทำให้ธุรกิจคลินิกเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นกว่าเดิม

สารบัญเนื้อหา [hide]

กลยุทธ์เด็ดเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคลินิก สร้างกำไรทะลุเป้า

ธุรกิจคลินิกมีการแข่งขันที่สูงมากเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ การเพิ่มยอดขายจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองที่มากขึ้น ธุรกิจคลินิกจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนทั่วไปที่อยากได้รับการรักษาที่ตรงจุดและรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนานเมื่อเทียบกับโรงพยาบาล ทำให้คลินิกต้องหากลยุทธ์ของตัวเองที่จะช่วยให้เพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตและนำหน้าคู่แข่งได้ และเทคนิคในการเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคลินิก ได้แก่

1.สร้างตัวตนแบรนด์คลินิกให้น่าเชื่อถือ ชัดเจน มีเรื่องราวให้น่าจดจำ

การสร้างตัวตนให้แบรนด์ มันคือการที่เรา สร้างมุมมองที่ดีต่อลูกค้า ส่งมอบความรู้สึก ตัวตนที่แตกต่างไปสู่ใจของลูกค้า และมันคือสิ่งที่ลูกค้าจะพูดถึงแบรนด์ สิ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจคลินิกของเราได้ เพียงแค่เราทำภาพลักษณ์ของแบรนด์คลินิกให้ดี มีความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาจุดยืน ที่บ่งบอกว่าคลินิกของเราแตกต่างจากคลินิกอื่นๆ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

การศึกษาผู้ชม คู่แข่ง และจุดแข็งของแบรนด์คลินิก

สิ่งแรกในการสร้าง Brand Identity ให้กับคลินิก คือ การศึกษาตลาด ซึ่งการที่จะทำสิ่งนี้ได้ เราต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้

  • ลูกค้า (Audience)เป็นเรื่องธรรมดาที่คนแต่ละคนจะมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นทำให้เราไม่สามารถเสนอสินค้าและบริการที่ถูกใจทุกคนได้ ดังนั้นเราควรรู้จักลูกค้าของเราให้ดี เรียนรู้ว่าเขาต้องการอะไรและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาเหล่านั้น นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะทำให้แบรนด์คลินิกของเราชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือ
  • รู้จุดแข็งของเรา และรู้จักคู่แข่ง (Value Proposition & Competition)เป็นเรื่องธรรมดาที่คนแต่ละคนจะมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นทำให้เราไม่สามารถเสนอสินค้าและบริการที่ถูกใจทุกคนได้ ดังนั้นเราควรรู้จักลูกค้าของเราให้ดี เรียนรู้ว่าเขาต้องการอะไรและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาเหล่านั้น นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะทำให้แบรนด์คลินิกของเราชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือ
  • บุคลิกภาพของแบรนด์ (Personality)เราสามารถสร้างภาพลักษณ์หรือบุคลิกภาพของแบรนด์ได้ โดยใช้รูปแบบ สี และภาพ เพื่อแสดงความเป็นแบรนด์ของเราออกมา และภาพเหล่านั้นจะสัมพันธ์กับโทน หรืออารมณ์ความรู้สึกของแบรนด์ที่จะสื่อถึงลูกค้าของเราอีกด้วย

คาแรกเตอร์ของแบรนด์คลินิกที่น่าจดจำ ทำให้นึกถึงง่าย

การที่แบรนด์คลินิกของเราดูโดดเด่นกว่าที่อื่น การเพิ่มยอดขายก็ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยการทำให้แบรนด์ของเรามีชีวิตและตัวตนขึ้นมาด้วยการ สร้างคาแรกเตอร์ของแบรนด์คลินิก เช่น การสร้างโลโก้และเทมเพลต สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ช่วยเสนอความเป็นตัวตนของแบรนด์ และช่วยเพิ่มความน่าสนใจของแบรนด์ต่อลูกค้าด้วย

การสื่อสารที่จะใช้กับผู้ชมทางโฆษณาและโซเชียลมีเดีย

การสื่อสารที่ดีกับลูกค้าก็เป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ และการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบันคือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพในทุกๆด้าน ทั้งโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ หรือผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะคอนเทนต์ทุกชิ้นที่เราเผยแพร่ จะสะท้อนความเป็นแบรนด์คลินิกออกมาให้ลูกค้าได้รับรู้

มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือจากลูกค้า

การที่แบรนด์คลินิกของเรามีแพทย์เฉพาะทางในการรักษา จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ หากเราใช้จุดนี้ในการโปรโมทคลินิกของเรา จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้นในการใช้บริการที่คลินิก และในอนาคตจะส่งผลถึงการกลับมาใช้บริการซ้ำอีกด้วย

รีวิวจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการจริง

การให้ลูกค้ามารีวิวหลังจากใช้สินค้าหรือบริการจริงๆ ก็เป้นที่ทางเลือกที่จะ่ชวยเพิ่มยอดขายได้ เพราะปัจจุบันการเลือกใช้สินค้าหรือบริการ ลูกค้าส่วนใหญ่จะมองหารีวิวเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั่นๆเป็นอันดับแรก นี่จึงเป็นจุดที่เราควรทำมาใช้เพื่อสร้างภาพจำที่ดีให้กับแบรนด์ของเรา ยิ่งคลินิกของเรามีผลรีวิวที่ดีเยอะ ยิ่งทำให้ลูกค้าเชื่อถือคลินิกของเรามากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ใช้ Storytelling เป็นตัวช่วย

การที่เราสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ไปพร้อมกับการเพิ่มยอดขายได้ ถือว่าเป็นกำไรทางธุรกิจของเราอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการใช้ Storytelling เข้ามาช่วย เพื่อเล่าเรื่องราวพร้อมกับทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงจุดขายของแบรนด์ได้พร้อมกันๆ เมื่อเรื่องราวที่เราเล่าออกไป ลูกค้าได้ฟังและอินไปกับมันจะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของเราได้ และการเพิ่มยอดขายก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงอะไร

แม้ว่าคุณจะทำตามขั้นตอนทั้งหมดของการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ แต่เราก็มีสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงนั่นคือ อย่าเลียนแบบคู่แข่ง ถึงแม้ว่าคู่แข่งจะมีสินค้าหรือบริการเดียวกันกับคลินิกของเรา น่าเอาเป็นแบบอย่างจนทำให้เราอยากทำตาม แต่นั่นจะทำให้แบรนด์ของเราไปซ้ำและเหมือนเดินตามเงาของคู่แข่งได้ แต่ว่าเราสามารถนำความสำเร็จของคู่แข่งมาวิเคราะห์ต่อยอดเป็นความคิดใหม่ๆ นั่นจะทำให้แบรนด์คลินิกของเราโดดเด่นและประสบความสำเร็จได้

2.สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า มัดใจได้อยู่หมัด

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์คลินิกของเราได้แบบระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทั้งในด้านสินค้าและบริการ รวมไปถึงบริการหลังการขาย และสิ่งที่ควรทำเพื่อให้ความสัมพันธ์ของเรากับลูกค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นนั่นคือ

ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้ได้

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวเพื่อรักษายอดขาย จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ลูกค้ามองหา และเราจะต้องหาวิธีการเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าพึงพอใจ เช่น การที่แอดมินสามารถตอบแชทลูกค้าได้ไว ซึ่งช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ ซึ่งนั่นจะช่วยตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า ทำให้ช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์คลินิกกับลูกค้าได้นั่นเอง

พัฒนาทักษะของพนักงาน

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวเพื่อรักษายอดขาย จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ลูกค้ามองหา และเราจะต้องหาวิธีการเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าพึงพอใจ เช่น การที่แอดมินสามารถตอบแชทลูกค้าได้ไว ซึ่งช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ ซึ่งนั่นจะช่วยตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า ทำให้ช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์คลินิกกับลูกค้าได้นั่นเอง

นำระบบ CRM มาใช้

เมื่อธุรกิจคลินิกของเรามีลูกค้ามากขึ้น การบริหารจัดการลูกค้าแบบ Manual อาจจะไม่ตอบโจทย์และอาจทำให้ไม่สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ทำให้เราเพิ่มยอดขายได้ยากมากขึ้น เราจึงควรใช้ ระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management จะช่วยให้เราสามารถจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การนำดาต้าของลูกค้าเก่ามาวิเคราะห์ เพื่อหาว่าสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการคืออะไร ทำให้เราสามารถเพิ่มโอกาสที่จะมัดใจลูกค้าได้มากขึ้น

ดูแลลูกค้าประจำเป็นอย่างดี

ลูกค้าประจำถือเป็นลูกค้าที่สำคัญกับธุรกิจของเรามากๆ เพราะพวกเขาเหล่านี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์คลินิกของเรา และช่วยรักษายอดขายของเรามาอย่างยาวนาน เราจึงควรดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ให้เป็นอย่างดี เช่น การออกโปรโมชั่นที่ดึงดูดให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการ หรือการให้ของสมมาคุุณต่างๆเมื่อลูกค้าใช้จ่าย จะช่วยให้แนวโน้มในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการจากเราในครั้งต่อๆไปก็สามารถเกิดขึ้นได้เลย โดยไม่ต้องมีการลงทุนการตลาดใดๆ

ใส่ใจกับความคิดเห็นของลูกค้า

หากเราต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อรักษายอดขาย เราก็ไม่ควรที่จะมองข้ามความคิดเห็นของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นด้านบวกหรือความคิดเห็นด้านลบ หากเป็นความคิดเห็นด้านที่ไม่ดี เราก็ต้องปรับปรุงในจุดๆนั้นที่ลูกค้าได้บอกมา ในส่วนความคิดเห็นที่เป็นด้านบวกเราก็รักษามาตรฐานนั้นไว้และทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้การบริการในครั้งต่อไปเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดต่อลูกค้า สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้านั่นเอง

3.แบ่งกลุ่มลูกค้าด้วยเทคนิค RFM

ประวัติการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้ หากเรารู้วิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการใช้ RFM Model นั่นเอง โดยวิธีการคือ เราจะบันทึกพฤติกรรมการซื้อของลูกค้ามาแบ่งเป็นกลุ่ม เพื่อหาว่าลูกค้ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มที่เราควรให้ความสนใจมากที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำการตลาด ซึ่งข้อมูลที่เราจะเก็บจากลูกค้า ได้แก่

เมื่อเราสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ด้วยเทคนิค RFM แล้ว จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มยอดขายให้กับคลินิกของเรา และยังช่วยทำให้ใช้ทรัพยากรเงิน เวลา และกำลังคนไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยจะสรุปข้อดีของเทคนิค RFM ได้ดั่งนี้

  • ทำให้รู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนสำคัญต่อธุรกิจของเรา
  • ทำให้สามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าจากดาต้าที่เรามีอยู่
  • ทำให้สามารถส่งโปรโมชั่นให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

เทคนิค RFM ทำให้เรารู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่เราควรจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และลูกค้ากลุ่มไหนที่เราสามารถปล่อยเขาไปได้ นอกจากนั้นยังช่วยให้ทำการตลาดคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพราะเราจะสามารถส่งโปรโมชั่นที่ถูกใจลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

4.เพิ่มยอดขายด้วยการสร้างโปรโมชั่น

การเพิ่มยอดขายด้วยวิธีการจัดโปรโมชั่นอาจจะเป็นวิธีที่ง่ายและหลายคนมองว่าได้ผลมากที่สุด ในแง่ของปริมาณการขายก็อาจจะใช่ แต่ในแง่ของรายได้นั้นบางทีอาจจะสวนทาง ยิ่งลดราคามากเท่ากับว่ากำไรที่เราจะได้ก็จะลดลงเช่นกัน นั่นอาจจะส่งผลทำให้แบรนด์คลินิกของเราดูด้อยคุณภาพได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายได้โดยที่ไม่ต้องลดราคาเลย ซึ่งได้แก่

กำหนดราคาด้วยจิตวิทยา หลักการตั้งราคาที่ดึงดูดลูกค้าไม่จำเป็นต้องลดราคาเพียงอย่างเดียว ทฤษฎีจิตวิทยาบอกว่าสมองของคนส่วนใหญ่จะอ่านจากซ้ายไปขวา ดังนั้นเราสามารถใช้จุดนี้ในการตั้งราคาได้ ยกตัวอย่างเช่น สินค้าราคาปกติราคา 50 บาท คนที่มองป้ายราคาก็จะอ่านจากทางซ้ายไปทางขวา ทำให้คิดว่าสินค้าชิ้นนี้ราคาหลัก 5 ขึ้นไป แต่ถ้าเราเปลี่ยนราคาเป็น 49 บาท จะช่วยทำให้ความรู้สึกของคนที่อ่านรู้สึกว่าราคาของสินค้าอยู่ที่หลัก 4 มากกว่าอยู่ดี วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

การขายสินค้าแบบมีเงื่อนไข หลักการของวิธีนี้คือ การนำเสนอส่วนลดที่น่าสนใจ แถมยังดึงดูดให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อจะได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นนี้เมื่อซื้อครบ 700 บาท ได้รับส่วนลด 25% ซึ่งการใช้โปรโมชั่นนี้จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าใช้จ่ายให้ครบ 700 บาทมากขึ้น เพื่อที่จะได้รับส่วนลด 25% นั่นเอง

การขายสินค้าแบบ Up-Selling Up-Selling คือ การเพิ่มยอดขายที่ซับซ้อน เพราะมันเป็นการเน้นขายสินค้าหรือบริการที่มีราคาสูงกว่าชิ้นอื่นในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งสินค้าชิ้นนั้นจะต้องมีความพิเศษมากกว่าสินค้าที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจอยู่ ฉะนั้นตรงจุดนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้ขาย ที่จะต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการเพิ่มเงินนั้นเขาจะได้รับสินค้าหรือบริการที่พรีเมียมกว่าเดิมนั่นเอง

ซื้อ 1 แถม 1 เป็นการจัดโปรโมชั่นที่เล่นกับจิตใจของผู้ซื้อ นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดขายแล้ว ยังเป็นวิธีการระบายสินค้าที่ค้างสต๊อกไปในตัวด้วย โดยสินค้าที่แถมฟรีอาจจะไม่ใช่สินค้าที่ขาย อาจจะเป็นสินค้าทดลองจากตัวอื่น เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักสินค้าชิ้นอื่นด้วย

กดไลก์ กดแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นการจัดโปรโมชั่นที่เล่นกับจิตใจของผู้ซื้อ นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดขายแล้ว ยังเป็นวิธีการระบายสินค้าที่ค้างสต๊อกไปในตัวด้วย โดยสินค้าที่แถมฟรีอาจจะไม่ใช่สินค้าที่ขาย อาจจะเป็นสินค้าทดลองจากตัวอื่น เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักสินค้าชิ้นอื่นด้วย

5. สม่ำเสมอ และ recall ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

การขายสินค้าหรือบริการได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่จะรักษายอดขายได้นั่นเป็นเรื่องที่ยาก หากเราสามารถทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและบริการได้ จะช่วยให้แบรนด์คลินิกของเราสามารถคงอยู่และเติบโตต่อไปได้ และลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นลูกค้ากลุ่มที่ภักดีกับแบรนด์ของเรา นอกจากนั้นแล้วจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ภาพจำที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย ซึ่งเราจะมาแชร์วิธีการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ

สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดี เราต้องทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาดี ทั้งตัวสินค้าและบริการ รวมไปถึงการให้บริการต่างๆ ทั้งตอนก่อนซื้อสินค้าและหลังซื้อสินค้า นอกจากนั้นยังรวมไปถึงคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ การโฆษณา ตรงจุดนี้จะช่วยให้เกิดภาพจำที่ดีต่อลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อสินค้าซ้ำกับเรา และยังช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย เมื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาดีการเพิ่มยอดขายก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

สร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าและบริการ ความโดดเด่นของสินค้าและบริการจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ ถ้าเกิดสินค้าของเราโดดเด่นมากกว่าสินค้าคู่แข่ง ภาพจำของลูกค้าก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น และตรงจุดนี้ยังเป็นข้อดีที่จะช่วยให้ลูกค้ารายใหม่ได้รู้จักสินค้าของเรามากยิ่งขึ้นด้วย

การให้บริการหลังการขาย หากสินค้าและบริการของเราดีมากแค่ไหน แต่การบริการหลังการขายของเราแย่ ลูกค้าก็อาจจะตัดสินใจไม่มาใช้บริการซ้ำอีกรอบ ดังนั้นแล้วการบริการหลังการขายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับแบรนด์คลินิกของเรา เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและการบริการของเรา หลังจากนั้นแล้วลูกค้าก็จะกลับใช้บริการกับแบรนด์ของเราอย่างสม่ำเสมอ

ธุรกิจคลินิกในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก หากเราสามารถทำให้แบรนด์คลินิกของเรารักษายอดขายได้ตลอด หรือสามารถเพิ่มยอดขายได้เรื่อยๆ จะทำให้แบรนด์คลินิกของเราเติบโตขึ้น และทำให้สามารถนำหน้าคู่แข่งรายอื่นๆได้ หากใช้ โปรแกรมคลินิกเวชระเบียน Paperless ควบคู่กับเทคนิคภายในบทความนี้ จะทำให้ยอดขายของแบรนด์คลินิกทะลุเป้ามากกว่าเดิมแน่นอน