by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การตลาดเชิงยุทธ์
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
กลยุทธ์ทางการตลาดมีความสำคัญมาก ในการนำไปปรับใช้เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งขันทางการตลาด ซึ่งในภาวการณ์แข่งขันในปัจจุบันมีความรุนแรง มีความไร้พรมแดน มากกว่าในอดีต กลยุทธ์ทางการตลาดจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังในการกำหนดการแพ้ชนะในการแข่งขันทางการตลาด ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญมีดังนี้
กลยุทธ์การตั้งชื่อสินค้า ชื่อยี่ห้อ ชื่อสินค้า ชื่อผลิตภัณฑ์ มีความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากเราใช้ชื่อนั้นไปแล้ว แล้วมาเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ก็จะทำให้เรามีต้นทุนและเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น สำหรับหลักการตั้งชื่อที่ดีนั้น ควรมีลักษณะ “ สั้น , ง่าย , ไม่ซ้ำ , จูงใจ , จดจำได้ง่าย ”
สั้น คือ ควรใช้คำในการตั้งชื่อ 1- 2 พยางค์ (แฟ้บ , มาม่า , โค้ก , แม่โขง , กูเกิล ,ซัมซุง )หากมีความจำเป็นจะต้องใช้ 3-5 พยางค์ ควรให้มีความสอดคล้องกัน ( เอไอเอส ,โมโตโรร่า , อายิโนะโมะโต๊ะ , ส ขอนแก่น ) ข้อดีของการตั้งชื่อที่มีความยาว คือทำให้เกิดความซ้ำซ้อนน้อยกว่า(ชื่อซ้ำกับผลิตภัณฑ์อื่น) การตั้งชื่อ 1-2 พยางค์
ง่าย คือ เรียกง่าย เข้าใจง่าย ไม่ยาก ฟังแล้ว อ่านแล้ว ไม่ต้องแปลให้มาก สำหรับความง่ายนี่ เราควรคำนึงถึงว่า เราจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศหรือเปล่า หากว่าต้องการขยายฐานตลาดก็ควรตั้งชื่อให้เป็น ภาษาอังกฤษจะดีกว่าการตั้งชื่อเป็นภาษาไทย
ไม่ซ้ำ คือ ชื่อไม่ควรซ้ำกับสินค้ายี่ห้ออื่น หรือ สินค้าประเภทต่างๆ เพราะอาจเจอเรื่องของลิขสิทธิ์ อีกทั้งเมื่อมีการประชาสัมพันธ์หรือทำการตลาดออกไปแล้ว ลูกค้าจะเกิดความสับสนขึ้นได้ การตั้งชื่อตามที่อยู่หรือแหล่งผลิตก็เช่นกันต้องพึ่งต้องระวังไม่ให้ซ้ำกัน เช่น ตั้งชื่อตามจังหวัด อำเภอ ตำบล ตัวอย่าง น้ำพริกศรีราชา , กล้วยตาก บางกระทุ่ม เป็นต้น
จูงใจ คือ ชื่อที่ดีต้องจูงใจ เร้าใจ โดน ปัจจุบันนี้แม้แต่ชื่อหนังสือ ชื่อเพลง ก็ต้องออกมาในเชิงการจูงใจด้วยถึงจะขายดีหรือมีคนสนใจอยากที่จะติดตามฟัง เช่น เพลงรักเมียที่สุดในโลก ,เพลงเรื่องบนเตียง เป็นต้น
จดจำได้ง่าย คือ ชื่อที่ดี หากว่าทำการโฆษณา ทำการประชาสัมพันธ์ออกไป ไม่นาน คนก็สามารถจดจำกันได้ในทันที
ฉะนั้น การตั้งชื่อจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการทำการตลาด และเป็นเรื่องที่นักการตลาดไม่ควรละเลยในการตั้งชื่อให้เหมาะสมกับตัวสินค้า
กลยุทธ์โปรโมชั่นมิกซ์ คือ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขายโดยตรงและการส่งเสริมการขาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนผสมทางการตลาด”
การโฆษณา เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เพราะหากว่าเรามีสินค้าดี แต่เราไม่สามารถทำให้คนรู้จักในวงที่กว้าง ก็จะทำให้ยอดขายของเราน้อย ซึ่งการโฆษณาที่ดีควรคำนึงถึงเรื่องของ การเข้าถึงคนจำนวนมาก , ค่าใช้จ่ายในการซื้อสื่อโฆษณา , การสร้างความถี่ในการโฆษณา เป็นต้น
การประชาสัมพันธ์ เป็นการใช้สื่อเพื่อกระจายข่าวให้แก่สาธารณชน ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการโฆษณา อีกทั้งในยุคปัจจุบัน นักการตลาดมักให้ความสนใจในเรื่องของการประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น ก็เนื่องมาจาก การประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการโฆษณา อีกทั้งสามารถจูงใจ สร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าด้วย
การขายโดยตรง เป็นการใช้พนักงานขายเป็นสื่อในการขายโดยตรง เพราะการอธิบายสินค้าโดยพนักงานขายจะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจลูกค้าสามารถซักถามได้ทันที อีกทั้งหากพนักงานขายมีความสามารถในการนำเสนอ ก็สามารถจูงใจลูกค้าให้ซื้อสินค้าได้มากกว่า การขายโดยผ่านทางสื่อต่างๆ
การส่งเสริมการขาย เป็นการจูงใจหรือเป็นการกระตุ้นยอดขายวิธีหนึ่งโดยผ่านช่องทางดังนี้ 1.ผ่านพนักงานขาย อาจให้ค่าคอมมิชั่นแก่พนักงานขายเพิ่มขึ้น 2.ผ่านทางร้านค้า อาจให้ผลประโยชน์ส่วนลดแก่ร้านค้า 3.ผ่านทางผู้บริโภคหรือลูกค้าโดยตรง เช่น ลด แลก แจก แถม
ทั้งนี้ การใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นมิกซ์ ควรคำนึงถึง ปัจจัยเหล่านี้ด้วย 1.จังหวะเวลาหรือช่วงเวลาในการนำไปใช้ 2.ความเหมาะสมหรือความสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการของเรา และ 3.งบประมาณ มีความสำคัญมากๆ เพราะถ้าหากเรามีงบประมาณที่จำกัด การใช้โปรโมชั่นมิกซ์ บางอย่างอาจจะทำไม่ได้เป็นต้น
กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ส่วนใหญ่ นักการตลาดมักใช้เรื่องของ การลดต้นทุน การสร้างความแตกต่างไปในทางที่ดีกว่าคู่แข่งขัน และความรวดเร็ว
การลดต้นทุน เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาด เพราะว่าหากว่าเราขายสินค้าที่ถูกกว่า แต่มีคุณภาพเท่ากัน ลูกค้าก็มักจะซื้อสินค้าของเรามากกว่าคู่แข่ง นักการตลาดจึงต้องหาวิธีในการลดต้นทุนลงเพื่อที่จะได้ขายสินค้าในราคาถูกกว่าคู่แข่งขัน
การสร้างความแตกต่างไปในทางที่ดีกว่าคู่แข่งขัน เป็นกลยุทธ์หนึ่ง ที่ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากเรา หากว่าเราไม่สามารถทำให้ต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่งได้ นักการตลาดที่ดีก็ควรเลือกกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างไปในทางที่ดีกว่าสินค้าของคู่แข่งขัน การสร้างความแตกต่างจะทำให้ลูกค้าไม่สามารถอ้างได้ว่า สินค้าคู่แข่งถูกกว่า ก็เนื่องจากว่าสินค้า ไม่เหมือนกันหรือแตกต่างกันนั้นเอง จึงทำให้การตั้งราคามีความแตกต่างกัน
ความรวดเร็ว เป็นกลยุทธ์หนึ่ง ที่ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา ถ้าสมมุติว่า เราจะเลือกซื้อสินค้าชนิดหนึ่ง เราเข้าไปในร้าน 3 ร้าน ร้านที่ 1 บอกว่า หากจ่ายเงินวันนี้จะได้ของอีก 7 วัน สำหรับร้านที่ 2 บอกว่า ถ้าจ่ายเงินวันนี้มารับของได้เลยอีก 3 วัน และร้านที่ 3 บอกว่า ถ้าจ่ายเงินวันนี้ เดี๋ยว 5 นาที รอรับของได้เลย ถามว่า เราจะเลือกซื้อร้านไหน ถ้าปัจจัยอื่นๆ มีความเหมือนกันทุกประการ คำตอบก็คือ เราเกือบทุกคนจะเลือกร้านที่ 3
ฉะนั้น กลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงเป็นตัวกำหนดยุทธศาสตร์ในระยะยาวในการต่อสู้สมรภูมิทางการตลาด ว่าเราจะเลือกเดินในทิศทางใด
กลยุทธ์การนำสินค้าใหม่เข้าตลาด ในยุคปัจจุบัน มีสินค้ามากมายให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ การนำเสนอสินค้าใหม่เพื่อเข้าตลาด จึงมีความสำคัญมากเพราะหากว่าถ้าเข้าผิดที่ ผิดเวลา หรือไม่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า สินค้านั้นก็จะตายไปจากตลาดในที่สุด ดังนั้น การนำสินค้าใหม่เข้าตลาดจึงควรคำนึงถึงปัจจัยดังนี้
การตั้งราคาสินค้าใหม่ (จะตั้งราคาต่ำกว่า สูงกว่าหรือเท่ากับคู่แข่งขัน), กลยุทธ์การโฆษณาสินค้าใหม่(การใช้สื่อต่างๆในการโฆษณา ช่วงจังหวะในการโฆษณา ความถี่ในการโฆษณา งบประมาณในการโฆษณา) , กลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด( 4 P ผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย ราคาและการส่งเสริมการตลาด)
กลยุทธ์แห่งสงคราม เป็นการปรับพิชัยสงครามของจีนเพื่อนำมาใช้ในทางการตลาด เช่น กลยุทธ์แบบกองโจร , กลยุทธ์การตีปีกข้าง , กลยุทธ์การตีโอบ , กลยุทธ์การโจมตีแบบเผชิญหน้า เป็นต้น
ฉะนั้น นักการตลาดที่ดีและเก่ง ควรทำการศึกษาและเรียนรู้ ศาสตร์ทางการตลาดทั้งใหม่และเก่าอยู่เสมอ อีกทั้งต้องมีศิลปะในการนำเอาศาสตร์ทางการตลาดมาประยุกต์ เพื่อที่จะได้นำศาสตร์ต่างๆไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การตลาดเชิงสร้างสรรค์
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ปัจจุบันความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากกับสังคมยุคปัจจุบัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง การทำการตลาด เราจะเห็นได้ว่า สินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างมากมาย ก็เนื่องมาจากมีคนคิดสร้างสรรค์นั่นเอง
สังคมไทยจึงมีความต้องการนักสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆ อีกจำนวนมาก อีกทั้งการประกอบอาชีพในอนาคต ใครที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์งานจึงสามารถได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนมาก
การตลาดเชิงสร้างสรรค์ จึงเป็นแนวโน้มในการทำงานในอนาคต ซึ่งในอนาคตจะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และไม่หยุดนิ่ง หากเรามองกลับไปยังยุคอดีตเราจะเห็นว่า สินค้าหลายๆตัวได้หายไปจากการแข่งขันในยุคปัจจุบัน เช่น
– การใช้บริการโทรเลขได้เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เด็กยุคใหม่จะไม่รู้จักอีกต่อไป สาเหตุก็มาจาก มีผู้ใช้บริการน้อย เทคโนโลยีมีความทันสมัย มีโทรศัพท์มือถือ มีระบบอินเตอร์เน็ต อีเมล์ต่างๆ มารองรับ อีกทั้งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่สูง ฉะนั้นการบริการโทรเลข จึงได้หยุดให้บริการนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2551
– การใช้เครื่องพิมพ์ดีด ก็มีจำนวนที่ลดน้อยลง โรงงานผลิตจึงต้องลดจำนวนผลิต บางแห่งมีการปิดตัวไปเลยก็มี สาเหตุหนึ่งก็เกิดจาก การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆออกมาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่อง Ipad โทรศัพท์บางรุ่นบางยี่ห้อ ก็สามารถใช้พิมพ์งานได้อย่างสบาย
ดังนั้น เมื่อเราเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่เสรีและรวดเร็ว บริษัท ห้างร้าน หน่วยงานต่างๆ ก็คงต้องพยายาม สร้างสรรค์ตัวสินค้า ตัวผลิตภัณฑ์ และการทำการตลาดอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ทันต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา
หากพูดไปแล้ว การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แปลกๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทุกๆคนสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม ความกล้า ที่จะทำ
การตลาดเชิงสร้างสรรค์(Creative Marketing) จึงเป็นการนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์เพื่อทำการตลาดหรือสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น หรือมีการนำเอาลูกเล่นการตลาดที่มีความแปลกใหม่กว่าคู่แข่งมานำเสนออยู่ตลอดเวลา ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกที่ได้รับความแปลกใหม่อยู่เสมอ
มีคนหลายคนมักถามผมว่า ทำไมผมจึงให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ เกี่ยวกับเรื่องการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในช่วงจังหวะนี้ คำตอบคือ มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความสนใจ เช่น
1. สินค้ามีอายุที่สั้นลง เช่น หากเราสังเกตสินค้าหลายๆประเภท ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หากใช้ได้ไม่นานก็มีอันต้อง ตกรุ่น , ธุรกิจเพลงออกมาได้ไม่นานติดตลาดได้ไม่นานก็มีอันต้องปิดตัวหรือออกนอกตลาดไป , ธุรกิจภาพยนตร์ มีอายุการฉายเพียงไม่กี่วัน ก็มีภาพยนตร์ใหม่ๆออกมาแข่งขันกันอย่างมากมาย เป็นต้น
2.สินค้าในยุคนี้เป็นเรื่องของการประหยัดต้นทุนหรือใครลดต้นทุนมากกว่าคนนั้นได้เปรียบ การลดต้นทุนนี้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้ธุรกิจจำนวนมากที่ไม่มีความสามารถในการปรับตัวต่อการแข่งขัน ต้องล้มหายตายจากไป การสร้างสรรค์งานใหม่ๆ หรือการทำการตลาดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในการต่อสู้กับคู่แข่งขันได้ เช่น สินค้าหลายตัวแข่งกันลดราคาสินค้า แต่หากเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ เราไม่ต้องลดราคา ในขณะเดียวกัน เราสามารถเพิ่มราคาของสินค้าได้ด้วย
3.สินค้ายุคเทคโนโลยี ปัจจุบัน เทคโนโลยีมีความทันสมัย เทคโนโลยีสามารถทำให้คนเราทำงานได้มากขึ้น ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น อีกทั้งราคาก็ถูกกว่าสมัยอดีต จึงทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปัจจุบัน เราสามารถทำวิทยุชุมชนได้อย่างง่ายดาย หากมีโปรแกรมการจัดรายการ มีเครื่องส่ง มีเสาวิทยุ มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถบันทึกเพลงได้เป็นล้านๆ เพลง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ผู้จัดรายการหรือเจ้าของสถานีวิทยุต้องหาซื้อแผ่นเสียงเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาเปิด , การผลิตรายการทางโทรทัศน์ก็เช่นกัน ทำได้อย่างง่ายดาย มีราคาถูก ใครก็สามารถทำได้ เรียนรู้ได้ อย่างกว้างขวางกว่าในอดีต เป็นต้น
4.สินค้ามีการเสนอขายในระดับโลกมากขึ้น เช่น KFC , กาแฟ Starbucks , รถยนต์ Toyata , McDonald’s หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า เช่น Makro, Lotus ก็มีการเปิดตัวแข่งขันไปทั่วโลก เป็นต้น ในขณะเดียวกันสินค้าท้องถิ่นที่ขายเป็นเวลานานในอดีตก็มีอันต้องปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก
5.สินค้านำเข้าและสินค้าส่งออก มีราคาที่เปลี่ยนแปลง ไม่อยู่นิ่ง อย่างรวดเร็ว ก็เนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินต่างๆ , สภาวะการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจภายในประเทศและสภาวะเศรษฐกิจโลก , สภาวะการเมืองภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
ดังนั้น จากปัจจัยข้างต้นนี้ จึงทำให้ การตลาดเชิงสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สามารถสนองตอบความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม เพราะการตลาดเชิงสร้างสรรค์ มีความหยืดหยุ่น มีการสร้างนวัตกรรม แปลกๆ ใหม่ๆ อย่างทันเหตุการณ์ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
นักการตลาดที่ต้องการเป็นนักการเตลาดเชิงสร้างสรรค์ จึงต้องมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและมีคุณสมบัติ มีความสามารถ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น
1.มีความสามารถในการพัฒนาช่องทางการตลาด ช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อสนับสนุนการตลาดเชิงสร้างสรรค์
2.มีความสามารถในการออกแบบสินค้า ออกแบบผลิตภัณฑ์และ ออกแบบการบริการในลักษณะเชิงสร้างสรรค์
3.มีการประชาสัมพันธ์ การใช้สื่อ มีการใช้กิจกรรมเพื่อการตลาดเชิงสร้างสรรค์ได้
4.มีการเรียนรู้ ปรับตัว พัฒนาตนเอง ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
5.มีการรวบรวม ข้อมูลต่างๆที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานและสามารถวิเคราะห์ได้
6.มีความสามารถทางการตลาด สามารถสร้าง Brand ส่วนบุคคล Brand สินค้า Brand ของบริษัทได้
7.มีความสามารถในการปรับ การประยุกต์ใช้การตลาดเชิงสร้างสรรค์ กับศาสตร์ต่างๆได้ เช่น การศาสนา การเมือง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์ การบริหาร ได้
8.มีกลยุทธ์ที่ไร้กระบวนท่ามากขึ้น กล่าวคือ เรียนรู้กลยุทธ์การตลาดเป็นจำนวนมากและมีความสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันต่อเหตุการณ์
9.มีการวางแผน มีการลงมือทำ มีการปรับปรุง ตรวจสอบแก้ไข ปรับเปลี่ยนแผนตลอดเวลา
10.มีความกล้า มีลูกบ้าบ้าง กล่าวคือ หากท่านต้องการเป็นที่จดจำและประสบความสำเร็จในระดับสูง ท่านต้องทำตัว ท่านต้องคิด ให้ประหลาด แปลกๆใหม่ๆ บ้าๆ บอๆ บ้าง
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยหรือคุณสมบัติที่ท่านควรมีในตัวท่านเอง หากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดเชิงสร้างสรรค์ จงพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน จงกล้าที่จะคิด จงกล้าที่จะลงมือทำ จงกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า อย่าได้เกรงกลัวต่ออุปสรรค ขวากหนามต่างๆ และจงกล้าที่จะล้มเหลว แล้วท่านจะประสบความสำเร็จดังที่ท่านปรารถนา

#image_titleการ
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การตลาดลูกผสม
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
แบรนด์ (Brand) ยังมีความสำคัญมากๆ ในการทำการตลาด การสร้าง แบรนด์ ยังเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันมาก เพราะ สินค้าใด มีการลงทุนสร้าง แบรนด์ สินค้านั้น จะได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว แบรนด์ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ที่เป็นเจ้าของ ไม่ควรละเลย อีกทั้งต้องเอาใจใส่ ดูแล อย่างสม่ำเสมอ
ลูกค้ายังเป็นพระเจ้าตลอดกาล สำหรับการทำการตลาดแล้ว ลูกค้าหรือผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ เป็นผู้มีสิทธิเลือก ยิ่งยุคปัจจุบันและยุคอนาคต คู่แข่งมีมากขึ้น สินค้ามีให้เลือกหลากหลายขึ้น ลูกค้าจึงมีสิทธิเลือกใช้สินค้าหรือบริการใดๆ ก็ได้ หากไม่พอใจก็สามารถโอนย้าย ได้อย่างง่ายดาย การตลาดจึงเป็นเรื่องที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยหาวิธีการต่างๆ มาดึงดูดให้ลูกค้าอยู่กับเราให้ได้ยาวนานที่สุด เช่น การตอบสนองด้วยสินค้าที่มีความหลากหลาย หลายสี หลายกลิ่น หลายรส หลายแบบ มากขึ้น , การตอบสนองด้วยการบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย ความสะดวกสบาย มากขึ้น , การตอบสนองด้วยราคาที่ถูกลง หรือ ต้องหาสินค้า หาบริการ ที่มีความคุ้มค่ากับราคา เป็นต้น
การตลาดภายในองค์กร ส่วนใหญ่แล้ว พวกเราหรือเจ้าของกิจการหรือผู้บริหาร มักให้ความสำคัญกับ การตลาดนอกองค์กรหรือลูกค้ามาก แต่หลายๆแห่งละเลย การตลาดภายในองค์กร หรือ คนที่ทำงานภายในองค์กรหรือทีมงาน ซึ่งมีความสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากเราพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่า องค์กร หน่วยงาน บริษัท ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของคน เป็นลำดับต้นๆ ภาพยนตร์เรื่อง 3 ก๊ก เป็นตัวอย่างที่ดี ก๊กใด รวบรวมคนเก่งไว้ได้มากๆ ก๊กนั้น มักจะเป็นผู้ชนะศึกสงคราม ฉะนั้นการทำสงครามด้านการค้าขายก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะถ้าหากองค์กรใด รวบรวมคนเก่งไว้มากๆ องค์กรนั้นก็จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนประสมทางการตลาด นำมาใช้ทุกยุคทุกสมัย นักศึกษา นิสิต การตลาด ไม่มีใครไม่เคยเรียน Marketing Mix เพราะถือว่าเป็นทฤษฏีพื้นฐานในการเรียนวิชาการตลาดไปเสียแล้ว 4 P
Product ผลิตภัณฑ์ ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน จะต้องมีผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการขาย เพื่อใช้ในการบริการ ลูกค้า ตัวผลิตภัณฑ์ จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่ในการสร้างกำไร และทำให้องค์กรเติบโต
Price ราคา การตั้งราคา ผลิตภัณฑ์ มีความสำคัญมากต่อการซื้อของลูกค้าและต่อการขายของพนักงาน เพราะเรื่องของการตั้งราคา ถูกหรือแพง มักมีองค์ประกอบอยู่หลายปัจจัย เช่น เรื่องของต้นทุน , เรื่องของจิตวิทยา , เรื่องของคู่แข่ง , เรื่องของความทันสมัย , เรื่องของความนิยม เป็นต้น
Place สถานที่หรือช่องทางในการจัดจำหน่าย การทำสงครามด้านการตลาด แพ้ชนะ บางครั้งขึ้นอยู่กับว่าใครมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากกว่ากัน สินค้าหลายตัวแจ้งเกิดที่ร้าน 7-11 เพราะร้าน 7-11 มีสาขามากมายทั่วประเทศ ช่องทางการจัดจำหน่าย จึงทำให้เกิดความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน
Promotion การสื่อสารการตลาด เป็นเรื่องของการสื่อสารเพื่อทำให้คนได้รู้จักตัวผลิตภัณฑ์(Product) ซึ่งหากสื่อสารการตลาดได้ดีและทั่วถึง ผลิตภัณฑ์ก็มีโอกาสในการขายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราสามารถสื่อสารการตลาดได้หลายทาง เช่น การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ เช่น แผ่นพับ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บอร์ด , การขายตรงโดยพนักงานขาย รวมไปถึงการสื่อสารกับสื่อสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เน็ต ทางโทรศัพท์มือถือ ทางทีวีดาวเทียม เป็นต้น
อยากดัง…. ต้องโดน….การจะโด่งดังในปัจจุบัน ทำได้ง่ายกว่าในยุคอดีต เนื่องจากในอดีต คนมักเข้าถึงสื่อได้น้อยกว่า แต่ยุคปัจจุบัน เรามีสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ต จำนวนมาก เราสามารถใช้ช่องทางนี้ในการสร้างความโด่งดังได้ แต่ว่าหากเราทำอะไรเหมือนกันกับคนอื่นๆหรือสินค้าอื่นๆ เราก็คงมีโอกาสโด่งดังได้น้อยและช้ามาก การสร้างความแตกต่าง การคิดต่าง จึงเป็นคำตอบที่ดี จงสร้างความแตกต่างทางการตลาดแล้วคุณจะ โด่งดังเป็นพลุ ดังเช่น คนธรรมดาทั่วไปได้เอากล้องบันทึกภาพถ่ายตัวเองโดยแสดงความสามารถต่างๆ ที่ตนเองถนัดแต่มีความแตกต่าง ทำให้เกิดอารมณ์ตลก หรืออารมณ์ร่วมของผู้ชม โดยผ่านทาง Youtube เช่น จ๊ะ คันหู , เด็กฝรั่งท่อง ก. เป็นต้น
การเมืองกับการตลาดไปด้วยการได้ดี เราคงได้ยินคำเหล่านี้ “ ประชาธิปัตย์ ทำ รีแบรน์ดิ้ง , ไทยรักไทย ทำ IMC , โพลการเมือง ฯลฯ นับตั้งแต่คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แล้วนำการตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง จึงทำให้นักการเมืองเกิดการตื่นตัวและพรรคอื่นๆ ก็ได้พยายามเลียนแบบมากขึ้น
ผู้บริโภคยุคเดิม มักต้องการร้านค้าที่ใหญ่ มีการจัดสินค้าที่สวยงาม เป็นระเบียบ มีพนักงานขายที่คอยต้อนรับ มีลานจอดรถที่มากพอ เป็นร้านค้าที่ติดเครื่องปรับอากาศ มีสินค้าที่สามารถหยิบจับ สัมผัส ดม ดู ของจริงได้
ผู้บริโภคยุคไซเบอร์ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น อินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้บริการมากขึ้น โลกยุคนี้ ผู้บริโภคมีความสะดวกสบาย ผู้บริโภคหลายๆคน ไม่อยากออกไปช็อปปิ้ง การสั่งซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตจึงมีมากขึ้น เพียงแค่กดปุ่ม เพียงแค่คลิก ทุกอย่างก็ซื้อขายได้ ทำให้ผู้บริโภค ประหยัดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งสินค้าบางตัวยังขายต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย
ผู้บริโภคยุคทุกอย่างอยู่ที่มือถือ โลกยุคต่อไป เราสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น การชำระค่าสินค้า การโอนเงิน การซื้อสินค้า การติดต่อค้าขาย การท่องเที่ยวโดยใช้มือถือนำทาง ฉะนั้น มือถือจึงเป็นเกือบทุกอย่างในการทำธุรกิจในโลกยุคอนาคต
การตลาดมีความเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เมื่อโลกเป็นหนึ่งเดียว กลยุทธ์การตลาดก็มักจะมีแนวโน้มเดียวกัน ยุคอนาคต เมื่อออกโฆษณาชิ้นเดียวก็สามารถใช้ได้ทั่วโลก สินค้าก็มักจะมีลักษณะคล้ายกันหรือเหมือนกันมากขึ้น รสนิยมของแต่ละประเทศที่ในอนาคต มักยึดติดเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างสังคมไทย เราจะเห็นวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ภาษา การแต่งกาย ของคนในท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงไป สู่สากลมากขึ้น เสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าที่แต่ละชนเผ่าใส่ ก็ลดน้อยลง สำหรับสังคมในเมืองหลวงของแต่ละแห่ง ก็มักจะมีการใส่เสื้อสูท เพื่อให้ดูเป็นสากลมากขึ้น
การตลาดลูกผสม จึงเป็นคำตอบของการทำการตลาดในยุคใหม่ เนื่องจาก สูตรสำเร็จทางการตลาดไม่สามารถทำกันอย่างง่ายๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ปัจจัยต่างๆก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ความต้องการของลูกค้า , เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก , สื่อมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งทันสมัยกว่าในอดีต การใช้การตลาดที่มีการผสมประสานกัน น่าจะเป็นสูตรการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากกว่า การใช้สูตรเพียงสูตรเดียวในการทำงานด้านการตลาดเหมือนในอดีต

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
โลกยุคปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าเป็นยุคของการแข่งขัน ยุคของทุนนิยมและเป็นยุคของการนำเอาการตลาดมาใช้กับวงการต่างๆมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็น วงการเมือง วงการศาสนา วงการธุรกิจ วงการราชการ ฯลฯ
องค์กรใด หน่วยงานใด หากมีงบประมาณมากๆ องค์กรนั้น หน่วยงานนั้น มักได้เปรียบในการทำการตลาด โดยเฉพาะสมรภูมิทางธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดุเดือด มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายองค์กรต้องล้มหายตายจากไป ทั้งๆที่ในอดีต องค์กรเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นองค์กรชั้นนำหรือมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ของวงการนั้นๆเลยทีเดียว ตัวอย่าง ในอดีตหลายท่าน คงได้มีโอกาสได้ใช้ฟิลม์สีและฟิลม์ขาวดำในการถ่ายรูป ซึ่งยี่ห้อที่มีชื่อเสียงมากก็คง Kodak แต่ถามว่าตอนนี้ Kodak อยู่ที่ไหนของตลาด หลายท่านตอบไม่ได้ ก็เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าได้เปลี่ยนมาใช้ระบบกล้องดิจิตอดกันทั่วโลก อีกทั้งมีคู่แข่งรายใหม่ถึงแม้จะเล็กกว่าแต่ก็สามารถได้กำไรและเจริญเติบโตทางการตลาดได้ดีกว่า Kodak เสียอีก จากกรณีของบริษัท Kodak ทำให้เรารู้ว่า การไม่ยอมปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อการแข่งขันทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล อีกทั้งบริษัทเล็กๆ ก็สามารถทำการตลาดได้ดีกว่าหากว่าบริษัทนั้นๆ มีกลยุทธ์ ยุทธวิธีที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพกว่า
ในบทความนี้ จึงอยากนำเสนอ การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร เพื่อให้บริษัทหรือองค์กร ขนาดเล็กๆ ซึ่งมีงบประมาณจำกัด ใช้เป็นแนวทางในการต่อสู้ในการแข่งขันทางการตลาด มีดังนี้
การส่งเสริมการตลาด เมื่อเรามีสินค้าดี บริการดี แต่หากลูกค้า ไม่ทราบ ไม่รู้จัก สินค้า บริการนั้นๆ ก็มีคุณค่าน้อยกว่า สินค้า บริการของคู่แข่ง ซึ่งสินค้าของคู่แข่งอาจมีคุณภาพน้อยกว่าของเราก็ได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้บริโภค ดังนั้นในการทำงานด้านการตลาด เรารู้จักลูกค้ายังไม่เพียงพอ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ลูกค้าจะต้องรู้จักตัวเราด้วย หากลูกค้ารู้จักเรา เขาก็จะหาทางซื้อสินค้าของเรา แต่ในทางกลับกันหากลูกค้าไม่รู้จักเรา เขาก็ไม่มีความต้องการในการซื้อสินค้า การส่งเสริมการตลาดจึงมีความจำเป็น
1.1.การโฆษณามีความสำคัญในการทำการส่งเสริมการตลาด แต่การโฆษณาที่ดีต้องโฆษณาซ้ำๆ หลายๆครั้ง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความทรงจำที่ดี แต่หากบริษัทหรือองค์กรเรามีงบประมาณน้อยจะทำอย่างไร
เพราะการโฆษณาในแต่ละครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก นักการตลาดแบบกองโจรจะใช้วิธีการคือ ลงโฆษณาครั้งเดียวเช่นทางหนังสือพิมพ์แล้วเก็บภาพ ข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ถ่ายเอกสาร แล้วทำการเผยแพร่ไปยังลูกค้าเป้าหมายโดยตรง อาจจะเป็นทางไปรษณีย์ ร้านค้า สถานประกอบการธุรกิจต่างๆที่ขายสินค้าของเรา และหากเป็นไปได้ก็ควรตัดเก็บภาพข้อมูลต่างๆ ใส่กรอบติดไว้โชว์ภายในบริษัทของตนเองด้วย หากทำได้ในลักษณะนี้ ก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้มากกว่า การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก หรือ การทำโฆษณาทางโทรทัศน์โดยโฆษณาไม่กี่ตอน แต่เราสามารถนำไปลงในสื่ออินเตอร์เน็ต อีกทั้งนำไปเปิดก่อนที่จะแนะนำตัวสินค้า เปิดตอนก่อนที่จะอบรม สัมมนาได้อีกด้วย
1.2.ใบปลิว มีต้นทุนที่ถูกกว่า ต่ำกว่า การทำโบรชัวร์ ใบปลิวสามารถลงข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก มีความคล่องตัวในการแจกจ่าย ท่านสามารถติดใบปลิวตามป้ายรถเมล์ ติดตามมุมตึก ติดตามป้ายประกาศต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน โรงพิมพ์มีความทันสมัยมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยในการทำใบปลิวถูกมากๆ ซึ่งเนื้อหาภายในท่านควรทำการนำเสนออย่างง่ายๆ นำเสนอสินค้าและบริการของท่านในราคาพิเศษ ควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการซื้อหรือการใช้บริการ
ท่านคงเห็นได้แล้วว่า ใบปลิวเป็นเครื่องมืออีกตัวหนึ่งในการทำการส่งเสริมการตลาดแบบกองโจรของธุรกิจขนาดเล็กซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่อาจมองข้าม
1.3.บทความและทำเป็นหนังสือขาย เป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือ หากบริษัท องค์กรของท่าน สามารถเขียนบทความเป็นประจำลงในสื่อต่างๆ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือแม้แต่ลงในอินเตอร์เน็ต เพราะการเขียนบทความเผยแพร่ ให้ความรู้เกี่ยวกับคุณค่าของสินค้า บริการ ของบริษัท มักไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากหลายสิ่งพิมพ์ต้องการเผยแพร่ความรู้ การเขียนบทความหากท่านเขียนได้ดีและมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก ในอนาคตท่านสามารถรวบรวมทำเป็นหนังสือ ขายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งการทำหนังสือก็จะสร้างรายได้ สร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น เพราะหนังสือที่ขายเหล่านั้นก็จะวางขายตามร้านขายหนังสือชั้นนำ (ซีเอ็ด ร้านนายอินทร์ ศูนย์หนังสือจุฬา ฯลฯ)
1.4.การสอนการบรรยาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ ลูกค้า ผู้บริโภค เกิดความศรัทธาในตัวคุณและบริษัทของคุณ คุณสามารถสอนหรือบรรยายให้แก่องค์กรหรือสถานที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย ชุมชน องค์กร หน่วยงาน ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค เห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวงการนั้นๆ การสอนการบรรยาย ทำให้คุณไม่เสียค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด แต่สิ่งที่สำคัญ คุณควรระวังและไม่ควรทำดังนี้ อย่าใช้สถานที่ที่คุณบรรยายในการขายสินค้าและบริการ แต่จงให้ข้อมูลที่มีคุณค่าแทน , คุณจำเป็นจะต้องมีความสามารถในการพูดอยู่บ้าง เพราะสินค้าดี แต่คนพูดไม่ดีก็ทำให้สินค้านั้นอาจไม่ดี แต่ในทางกลับกัน หากสินค้าไม่ดี แต่คนพูดดี ก็อาจทำให้สินค้านั้นดีขึ้นมาได้ , อย่าลืมให้เบอร์โทรศัพท์หรือสถานที่ติดต่อ เพราะหากมีคนฟังสนใจเขาก็จะสามารถโทรศัพท์มาปรึกษาถามซื้อสินค้าของคุณได้ และถ้าหากคุณคิดว่าคุณสามารถถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี คุณก็ควรถ่ายภาพจากกล้องเคลื่อนไหวหรืออัดวีดีโอ เพื่อนำมาลงในสื่ออินเตอร์เน็ตได้อีกด้วยก็จะเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว
1.5.เข้าเป็นสมาชิกของ ชมรม สมาคม สโมสรต่างๆ การเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม องค์กรต่างๆเหล่านี้จะทำให้คุณมีฐานลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งมีคนให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม อุดหนุนสินค้าของคุณ หลายคนอาจมองข้าม แต่หลายคนได้ประโยชน์จากการเข้ากลุ่มเหล่านี้ เพราะบางธุรกิจใช้สนามกอล์ฟ ในการติดต่อเจรจาทางด้านการค้า และหากคุณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ หากสมาชิกของกลุ่มเลือกคุณให้เป็นประธาน นายกสมาคม นายกสโมสร ก็จะยิ่งทำให้คุณมีโอกาสขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งกว่าเดิม ทั้งนี้เพราะภาพลักษณ์ของคุณจะดูดีในสายตาของผู้บริโภคหรือคนที่พบเห็น
การทำการส่งเสริมทางด้านการตลาดแบบกองโจรนี้ คุณจะต้องทราบและคุณจะต้องยึดหลักปฏิบัติดังนี้
1.คุณจะต้องมีความอดทน เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด งบประมาณมีจำนวนน้อย คุณจะต้องออกแรงมากกว่า คู่แข่งขันที่มีงบประมาณมากกว่า ดังนั้นคุณจำเป็นต้องอดทน ทำงานหนัก ทำงานมากกว่าคู่แข่ง ทุ่มเทมากกว่าคู่แข่ง
2.คุณต้องใช้ความคิดให้มากกว่าคู่แข่ง หากคุณมีโอกาสดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการทำสงคราม เช่น 3 ก๊ก , การต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 คุณจะเห็นภาพชัดเจนว่า บางครั้ง ฝ่ายที่มีทหารมากกว่าก็ไม่จำเป็นจะต้องได้รับชัยชนะเสมอไป แต่ตรงกันข้ามฝ่ายที่มีทหารน้อยกว่าก็สามารถได้รับชนะสงครามได้เช่นกัน ทั้งนี้ฝ่ายที่มีทหารน้อยกว่า จำเป็นจะต้องคิดให้มากขึ้น วางแผนให้มากขึ้น ทำการบ้านให้มากขึ้น ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ยุทธวิธี ตลอดเวลาตามสถานการณ์ในการต่อสู้นั้นเอง
3.คุณจำเป็นจะต้องมีความสม่ำเสมอ การส่งเสริมการตลาดเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขัน แต่จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ เพราะการจะสร้างภาพหรือสร้างแบรนด์ให้เกิดขึ้นภายในใจของลูกค้านั้นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร
4.ความมั่นใจในตนเอง หลายคนมีความคิดที่ดี หลายคนมีการวางแผนที่ดี แต่หากคนๆนั้น ไม่มีความมั่นใจในตนเองเสียแล้ว เขาก็คงทำอะไรสำเร็จได้ยาก การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจรก็เช่นกัน การต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแรงกว่า ใหญ่กว่า เงินงบประมาณมากกว่า หากคุณไม่มีความเชื่อมั่นและคิดว่าต่อสู้ไม่ได้ คุณก็จะไม่สามารถชนะคู่แข่งขันได้ ทั้งนี้ แค่คุณคิดก็เห็นได้แล้วว่า คุณแพ้หรือชนะ จงเชื่อมั่นในตนเองแล้วคุณจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน
สำหรับข้อความข้างต้นจึงเหมาะสำหรับผู้อ่านที่เป็น เจ้าของกิจการที่มีงบประมาณในการส่งเสริมการตลาดที่มีเงินจำนวนน้อย , นักการตลาดของบริษัทเล็กๆ , นักศึกษา นิสิตและคนทั่วไปที่สนใจเรื่องของการตลาด เพราะทุกๆคนสามารถเป็นนักการตลาดได้อย่างแน่นอนครับ

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การตลาด.ภิวัตน์
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
สภาพการแข่งขันทางด้านธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทำให้ศาสตร์ทางด้านการตลาดมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ พัฒนา ต่อยอด ปรับเปลี่ยนและหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้ทันกับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน สำหรับประเทศไทยเรา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ ศึกษา ศาสตร์ทางการตลาด เพราะโลกในยุคนี้ เปิดกว้างให้คู่แข่งขันจากประเทศต่างๆ เข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น อาทิเช่น การเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะต้องมีการเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
โลกไร้พรมแดน การตลาดไร้พรมแดนหรือการตลาด.ภิวัฒน์ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ธุรกิจที่จะสร้างความร่ำรวยและยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารมักจะต้องมองไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มากกว่ามองหาลูกค้าภายในประเทศ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลย ที่สินค้าหลายๆตัวซึ่งมีสัญชาติไทย ได้ออกไปขายสินค้ายังตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง , เบียร์ช้าง , สาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย เป็นต้น
ปัจจัยที่จะทำการตลาดในระดับโลกให้ประสบความสำเร็จมีอยู่หลายปัจจัย กล่าวคือต้องทำการศึกษาและหาข้อมูลต่างๆ ในประเทศที่เราจะไปลงทุน เช่น พฤติกรรมผู้บริโภคของคนในประเทศนั้นๆ , นโยบายของรัฐบาล , กฎหมายทางด้านการค้าระหว่างประเทศ , ภาษีระหว่างประเทศ , วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา ภาษา ฯลฯ
สำหรับการตลาดภายในประเทศ เราคงต้องมองออกไปให้กว้าง เพราะหากเปิด AEC (ASEAN Economic Community)หรือความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในประชาคมอาเซียน เราจะมีประชากรทั้งหมดเกือบ 600 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 60 ล้านคนเหมือนในอดีตอีกแล้ว ฉะนั้น นักธุรกิจชาวไทยคงต้องไวต่อการแข่งขัน เพราะตลาดที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นของเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ฯลฯ
กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม ยังคงเป็นกลยุทธ์แม่บทที่ยังใช้ได้และทรงอนุภาพมาก ถ้าหากนำไปใช้อย่างถูกจังหวะ เวลา เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา มักชอบสินค้าที่มีโปรโมชั่นเหล่านี้
การสื่อสารการตลาด โปรโมชั่นมิกซ์ จะต้องทำอย่างกระจายทุกรูปแบบมากกว่าในสมัยอดีต เพราะในยุคปัจจุบันมีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้นและได้รับความนิยมมากมาย เพราะในอดีตเรามักเน้นการโฆษณาลง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ วิทยุ แต่ยุคปัจจุบัน โลกได้เปลี่ยนไป สื่อต่างๆมีมากและทันสมัย ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อสินค้าของเรา สามารถเลือกที่จะบริโภคสื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น การเลือกบริโภคสื่อทางอินเตอร์เน็ต , การเลือกชมสื่อทางโทรทัศน์ดาวเทียมในรายการที่ตนเองชื่นชอบ , การเลือกฟังรายการวิทยุชุมชนที่ตนเองชื่นชอบ เป็นต้น
ดังนั้นการทำโปรโมชั่นมิกซ์ จึงต้องทำให้มีความหลากหลาย แต่ต้องทำอย่างมีคุณภาพทำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ขอแค่ให้ได้ทำหรือทำเหมือนกับการหว่านทรัพย์ให้ละลายในแม่น้ำ ซึ่งการทำโปรโมชั่นมิกส์อย่างได้ผลก็คงต้องยึดหลัก 4 หลักใหญ่ๆ คือ การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์,การขายโดยตรงโดยพนักงานขายและการส่งเสริมการขาย ซึ่งการจะใช้ตัวใดมากน้อยเพียงใด ก็คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี ของแต่ละองค์กรไป
เมื่อการสื่อสารไฮเทค นักการตลาด.ภิวัฒน์ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องไฮเทคตาม โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกที่ใช้เทคโนโลยีกันมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสาร เช่น ปัจจุบันเราสามารถอ่านข่าวได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ , เราสามารถโอนเงินผ่านเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดาย , เราสามารถดูโทรทัศน์ผ่านมือถือได้อย่างง่าย นักการตลาดสมัยใหม่จึงต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในการขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพราะเกมการแข่งขันทางธุรกิจต้องสู้กันด้วย ความไว ความถูกต้อง ความสบาย และความมีประสิทธิภาพด้วย
ตัวอย่างเช่น เทเลช็อปปิ้ง Tele Shopping เป็นตัวอย่างในการขายสินค้าด้วยแคตาล็อก โดยผ่านไดเร็กต์ เมล์ ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินฝากธนาคาร โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหรือพบปะกันเลย
โลกไร้พรมแดน สินค้าไร้พรมแดน ใครจะนึกว่า สินค้าทุกประเภทจะสามารถขายแข่งขันกันได้อย่างเสรีดังเช่นในยุคปัจจุบัน เคนตั๊กกี้ KFC , ดังกิ้น โดนัท , พิซซ่าฮัท ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สามารถขายแข่งขันกับข้าวแกงตามท้องถนนของประเทศไทยได้
โลกเป็นหนึ่งเดียว และใครจะไปรู้ว่า ในประเทศไทยของเรา มีสินค้าต่างๆที่คนทั่วโลกมีหรือคนทั่วโลกใช้เหมือนกันหรือแทบไม่แตกต่างกัน ตัวอย่าง อาหารอินเดียมาขายในเมืองไทยมากขึ้น อาหารของประเทศต่างๆมาขายในประเทศไทยเรามากขึ้น นักการตลาด.ภิวัฒน์ จึงต้องมองการตลาดให้มีความลึกซึ้ง มองในหลายมิติมากกว่าในอดีต
เพื่อนร่วมค้า จับมือคู่แข่ง ท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกว่า การทำธุรกิจในยุคนี้ เริ่มยาก เริ่มมีความซับซ้อนและในอนาคตก็จะมีความยากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า เนื่องจาก ปลาใหญ่จะมากินปลาเล็ก (บริษัทใหญ่ข้ามชาติจะเข้ามาซื้อกิจการต่างๆของไทยเรา) ดังนั้นหากท่านไม่ต้องการแข่งขัน ยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่ท่านจะทำได้ก็คือ การเป็นพันธมิตรการค้าร่วมกันกับคู่แข่ง กลยุทธ์นี้มีมานานแล้ว ท่านไม่ควรที่จะยึดอัตตามากจนเกินไป เพราะบางองค์กรเคยยิ่งใหญ่ แต่เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ประเภทสู้ตาย ผลที่ได้รับก็คือ ตายจริงๆ เพราะสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการหรือเลิกกิจการไป
องค์กรในสหรัฐอเมริกา มีการจับมือกันเป็นพันธมิตรกันอย่างมากมาย เช่น แอปเปิล คอมพิวเตอร์ จับมือกับ ดิจิตอล ในการวิจัยและพัฒนาถึงแม้จะเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์เหมือนๆกัน หรือ ฟอร์ด จับมือกับ มาสด้า ในการช่วยกันทำงานทางด้านเทคโนโลยีและการหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ แม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง เป็ปซี่ , โค้ก และกรีนสปอต ยังเคยจับมือกันลงทุนเปิดบริษัทผลิตแก้วผลิตกระป๋องแคนของตนเองร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
การจับมือกันทำให้เกิดชัยชนะร่วมกัน( win-win) แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือเรื่องของจิตสำนึก คุณธรรม จริยธรรม เพราะบางธุรกิจ เมื่อจับมือกันแล้วก็มักจะเอาเปรียบผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาหรือการกำหนดราคาเอง ทำให้ได้กำไรเป็นจำนวนมาก ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ใช้กลยุทธ์นี้ กระผมหวังว่าท่านจะมีจิตสำนึกดังกล่าวด้วย
ท้ายนี้ กระผมเชื่อว่า ในยุคของพวกเรา พวกเราไม่สามารถหลีกหนี การตลาด.ภิวัฒน์ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเราควรที่จะทำก็คือ เราต้องมีการปรับตัว เราต้องศึกษา เราต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่จะใช้ชีวิตในโลกของการแข่งขันที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีความสุข

#image_title
by drsuthichai | Nov 7, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
Think Different
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
Think Different หรือ คิดต่าง มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ทำงานด้านการตลาด สตีเวน จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์หรือ บริษัทแอปเปิล (Apple: Company Co-founder Steve Jobs Has Died) เขาให้ความสำคัญมากๆ เกี่ยวกับการคิดต่าง หรือ Think Different บริษัทถึงกับออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับแนวความคิดนี้ และมีคนเคยถามว่า ทำไมเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคิดต่างหรือ Think Different แต่มีการวิจัยตลาดหรือการหาความต้องการของลูกค้าน้อยมาก
เขาตอบว่า ในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า สมัยของเฮนรี ฟอร์ด คนเรายังไม่มีรถยนต์ใช้ แต่ใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้วัว ใช้เกวียน ในการเดินทาง ถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด ทำการวิจัยทางการตลาดว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามักจะตอบกลับว่า เขาต้องการม้าที่วิ่งได้ไวที่สุด เขาต้องการเกวียนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถบรรทุกของได้เป็นจำนวนมากๆ
และถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด สนองความต้องการของลูกค้า รถยนต์คันแรกของโลกก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น สตีเวน จอบส์ จึงให้ความสำคัญกับการคิดที่แตกต่างเป็นอันมาก และ Think Different จึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของบริษัทแอปเปิล ที่นำเอามาใช้ในองค์กร จนองค์กรคือ บริษัทแอปเปิล ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยความคิดที่แตกต่างสินค้าตระกูล I จึงได้เกิดขึ้น ( iPhone iPad iPod) ซึ่งมีหลายรุ่น หลายแบบ และหากเราตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่า สินค้าบางตัวเป็นสินค้าที่คิดมาก่อนบริษัทอื่นๆ เมื่อออกมาขาย บริษัทบางแห่งถึงกับมีการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อนำไปขาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า สตีฟ จอบส์ จะไม่มีการทำการตลาดในตัวสินค้า แต่ตรงกันข้าม เขาจะมีทีมงานการตลาดของบริษัทเอง โดยที่ไม่จ้างนักการตลาดมืออาชีพหรือนักการตลาดที่มีชื่อเสียงมาจากภายนอกแต่จะใช้ทีมงานภายในบริษัทเอง
บริษัท แอปเปิล ได้สร้างวัฒนธรรมด้วยการคิดต่างหรือ Think Different ดังนี้ ส่งเสริมให้พนักงานคิดต่าง , ส่งเสริมเรื่องของคุณค่ามากกว่ากฎระเบียบ เช่นมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่คำนึงถึงเรื่องของงานต้องเสร็จ พนักงานบางคนเดินเท้าเปล่าๆ เข้าประชุม โดยไม่มีใครต่อว่า , ต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เสมอ เป็นต้น
ผู้ชนะคือผู้ที่กำหนดเกมส์ให้ผู้อื่นเล่น แต่ผู้พ่ายแพ้มักเล่นตามเกมส์ของผู้อื่น ทำไมคนที่เป็นนักการตลาดจะต้องมีความคิดต่างหรือThink Different ก็เพราะการคิดต่างจะทำเกิดสินค้าใหม่ๆ กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรของตนเองหรือหน่วยงานของตนเอง ก้าวหน้ามากกว่าที่จะทำตามหรือลอกเลียนแบบ สินค้า กลยุทธ์การตลาดของบริษัทคู่แข่ง
หากอยากเป็นผู้นำตลาด ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะคนลอกเลียนแบบมักจะเป็นผู้ตามวันยังค่ำ ตรงกันข้ามคนที่คิดต่าง หรือ Think Different มักมีโอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ แต่ความยากที่สุดก็คงอยู่ที่ว่า นักการตลาดสมัยใหม่ กล้าหรือเปล่าที่จะคิดต่างและมีความกล้าหรือเปล่าที่จะนำความคิดนั้นไปใช้ เพราะความคิดใหม่ๆ มักต้องเผชิญกับทั้งความล้มเหลวหรือต้องเผชิญกับเสียงตำหนิ เสียงดุด่า การเสียดสี การพูดในเชิงดูถูก แต่หากว่าความคิดต่างหรือThink Different ประสบความสำเร็จ คุณก็มีโอกาสโด่งดังมากกว่าคนที่ทำอะไรตามๆ คนอื่นเขา
Make THE Difference เมื่อคิดต่างแล้ว นักการตลาดที่ดีก็ควรลงมือทำให้เกิดความแตกต่างด้วย ซึ่งพลังในตัวของนักการตลาด สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าให้แก่ตัวของสินค้า บริการ ใหม่ๆได้ ซึ่งการสร้างสรรค์นี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมอีกด้วย จงกล้าที่จะคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ “ แตกต่าง” เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ ที่ตนเองทำให้ดีขึ้น จงเริ่มต้นที่ตัวของคุณเอง
เอดิสัน ผู้คิดต่างหรือThink Different มีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนยุคเดียวกัน เขาคิดว่าเขาต้องการคิดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการใช้ คนทุกๆคนในสังคมสมัยนั้น ไม่เห็นภาพว่าหลอดไฟฟ้าคืออะไร ด้วยความคิดที่แตกต่าง หลอดไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมือทำที่แตกต่าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นของเขา มีคนตั้งคำถามเขาว่า หากว่าทำสองพันกว่าวิธียังไม่สำเร็จ ทำไมไม่เลิก นี่คือความคิดของคนทั่วไป แต่ เอดิสัน มีความคิดต่างหรือ Think Different เขาตอบกลับว่า ถึงแม้เขาจะยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้ค้นพบสองพันกว่าวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะผลิตไส้หลอดไฟฟ้า ดังนั้น หลอดไฟฟ้า ดวงแรกจึงเกิดขึ้น
คุณสมบัติของนักการตลาดในยุคดิจิตอล จึงต้องมีคุณสมบัติที่ คิดต่าง ทำต่าง เพื่อนำสิ่งแปลกๆใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค เมื่อสินค้า บริการ ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากๆ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต การจ้างงานเกิดขึ้น รายได้จากแรงงานเกิดขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมก็จะดีขึ้น
สรุป แนวความคิดเรื่องของ Think Different หรือ คิดต่าง กระผมสนับสนุนเต็มร้อยครับ ถึงแม้ว่าสังคมไทยเรามักจะไม่ชอบคิดก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเราส่งเสริม สนับสนุน ให้คนรุ่นใหม่ๆ คิดมากๆ กระผมเชื่อว่า เราจะมีนักการตลาดที่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ นักคิดที่มีความแตกต่างๆ มากขึ้น เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักคิดมากมาย ไม่ว่า เครื่องบินลำแรกเกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบร้านสะดวกซื้อ 7-11 เกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบอาหารสมัยใหม่เช่น KFC เกิดขึ้นในสหรัฐ รถยนต์ หลอดไฟฟ้า ระบบห้องสมุดประชาชน เกิดขึ้นในสหรัฐ
แต่อย่างไร ก็ดีสังคมไทย ก็มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้นกว่าในยุคอดีต ดังจะเห็นได้จากสินค้าหลายตัว มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบ ความทันสมัย รสชาติ สีสัน ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สมัยอดีต หากว่าเราจะเกิดโดนัสสักชิ้น เราคงจะต้องนึกภาพว่า โดนัส มีลักษณะกลมๆ มีรูตรงกลาง แต่ในปัจจุบัน มีนักการตลาด สร้างสรรค์ และออกแบบ โดนัส พิซซ่า ซึ่งทำให้ภาพของขนมโดนัส เปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากสัมผัส อยากทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ท่านจำเป็นต้องคิดต่างจากนักการตลาดด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านไม่คิดอะไรมาก ทำเหมือนๆคนอื่นๆ ความสำเร็จในการทำงานด้านการตลาดของท่านก็อยู่ในระดับปกติมาตรฐานนักการตลาดด้วยกัน ทั้งนี้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักการตลาดหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่ใคร อย่าโทษสิ่งต่างๆ แต่จงโทษตัวของท่านเอง จงกล้าคิดต่างแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านโชคดี

#image_title