คนที่ใช่คือคนที่รักเราได้ทุกเวอร์ชั่นและเขาคือคนที่เราจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิต อย่าได้เสียใจหรือกังวลกับการปล่อยมือจากคนที่ไม่ใช่เพราะมันคือการให้โอกาสตัวเองได้พบกับคนที่ใช่ในอนาคตในบางครั้งเราอาจจะต้องเจ็บปวดจากคนที่ไม่ใช่ เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจถึงความหมาย ความรู้สึก ของคนที่ใช่  จงอย่าได้กลัวมัน เพราะความรักที่แท้จริงจะมาในเวลาที่เหมาะสมดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์อาจารย์โทนี่www.drsuthichai.com

คนที่ใช่คือคนที่รักเราได้ทุกเวอร์ชั่นและเขาคือคนที่เราจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิต อย่าได้เสียใจหรือกังวลกับการปล่อยมือจากคนที่ไม่ใช่เพราะมันคือการให้โอกาสตัวเองได้พบกับคนที่ใช่ในอนาคตในบางครั้งเราอาจจะต้องเจ็บปวดจากคนที่ไม่ใช่ เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจถึงความหมาย ความรู้สึก ของคนที่ใช่ จงอย่าได้กลัวมัน เพราะความรักที่แท้จริงจะมาในเวลาที่เหมาะสมดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์อาจารย์โทนี่www.drsuthichai.com

คนที่ใช่
คือคนที่รักเราได้ทุกเวอร์ชั่น
และเขาคือคนที่เราจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิต

อย่าได้เสียใจหรือกังวลกับการปล่อยมือจากคนที่ไม่ใช่
เพราะมันคือการให้โอกาสตัวเองได้พบกับคนที่ใช่ในอนาคต

ในบางครั้งเราอาจจะต้องเจ็บปวดจากคนที่ไม่ใช่ เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจถึงความหมาย ความรู้สึก ของคนที่ใช่  จงอย่าได้กลัวมัน
เพราะความรักที่แท้จริงจะมาในเวลาที่เหมาะสม
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์โทนี่
www.drsuthichai.com

 

#image_title

การพัฒนาตนเอง

การพัฒนาตนเอง

การพัฒนาศักยภาพตนเอง

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

การพัฒนาศักยภาพของตนเองมีความสำคัญมากกับความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและ หน้าที่การทำงาน คนที่ต้องการประสบความสำเร็จควรจำเป็นต้องมีการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งคงต้องมีการพัฒนากันหลายๆ ด้าน เช่น

1.การอ่านหนังสือ คนที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ต้องเป็นคนที่ชอบการอ่าน รักการอ่าน การสร้างนิสัยรักการอ่าน เราควรฝึกอ่านหนังสือในแนวที่เราชอบหรือรักก่อน แล้วจึงขยายไปอ่านหนังสือในแนวต่างๆ สำหรับการอ่านเพื่ออาชีพ เราควรหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเรา อ่านให้มากที่สุด อย่างน้อยเดือนละ 3-5 เล่ม ต่อเดือน และควรหาวารสารนิตยสารเกี่ยวกับอาชีพที่เราทำ  อ่านเพื่อหาความก้าวหน้า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในแวดวงอาชีพนั้น

2.การเข้าฟังสัมมนาดีๆ การอบรมดีๆ ถือว่าเป็นทางลัดในการเรียนรู้เทคนิคต่างๆ เพราะวิทยากรหรืออาจารย์มักมีประสบการณ์หรือมีเทคนิคต่างๆ ในการสัมมนาหรือการอบรม ทำให้เราสามารถนำเทคนิคต่างๆ เหล่านั้น มาปรับใช้ ประยุกต์ใช้ได้ด้วย

3.การฟังเทปหรือCD วิชาการในรถ เมื่อมีความจำเป็นต้องเดินทางไปในที่ต่างๆหรือไปยังสถานที่ต่างๆ เท่าที่มีเวลาว่างหรือโอกาส เราควรใช้เวลาว่างนั้นๆ ในขณะขับรถโดยการเปิดฟังเทปหรือCD วิชาการ ฟัง

4.หาทางเข้าสังคมหรือการสร้างเครือข่ายในอาชีพ หรือในงานอดิเรกที่เราสนใจ เช่น สมาคม สโมสร ชมรม ( สมาคมฝึกพูด , สโมสรนักเขียน , ชมรมกีฬาต่างๆ) เพื่อหาเพื่อนหรือเครือข่ายในการช่วยเหลือกัน

5.การดูแบบอย่าง การหาแบบอย่าง การดูต้นแบบ จะทำให้เราเกิดการลอกเลียนแบบ คนที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มักมีต้นแบบเสมอ เราจะสังเกตเห็นว่า บางคนตอนเด็กๆ อยากเป็นนักร้องแบบนักร้องคนโน้นคนนี้ จึงเริ่มต้นฝึกร้องเพลงหรือบางคนอยากชกมวยเก่งแบบเขาทราย เขาจึงเอาหนังสือประวัติของเขาทรายมาอ่าน แล้วเขาก็จะมีกำลังใจในการฝึกฝน อดทนในการซ้อมชกมวย ฯลฯ

6.หาเวลาว่างให้กับตนเอง การใช้ชีวิตของคนเราในภาวะปัจจุบันเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ทำให้ทุกๆคนต้องแข่งขันกันเกือบทุกๆด้าน บางคนยุ่งวุ่นวายมากจนไม่มีเวลาให้ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งตนเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักจะต้องจัดเวลาให้แก่ตนเอง เพื่อใช้ในการคิดหรือเพื่อใช้เวลาสำหรับการพักผ่อน

7.ฝึกจดบันทึกส่วนตัว เกี่ยวกับความสำเร็จ ไอเดียใหม่ๆ การใช้ชีวิตประจำวัน การจดสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราไม่ลืม หรือ สามารถนำเอาไอเดียเหล่านั้นมาใช้เพื่อสร้างเป็นธุรกิจหรือการทำงานของเราได้ อีกทั้งท่านสามารถรวบรวมเป็นหนังสือโดยการรวมเล่มขายได้อีกด้วย

8.ต้องฝึกปฏิบัติหรือพัฒนาตนเองตลอดเวลา จะมีประโยชน์อันใด หากว่าเราอ่านหนังสือ เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการสัมมนา ฟังเทปหรือCD วิชาการ ถ้าเราฟังแบบสนุกหรือผ่านๆ ไป แต่ไม่นำมาปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวเราเอง และไม่เกิดการพัฒนา ชีวิตของเราก็จะคงเดิม ไม่ก้าวหน้า

เช่น เรียนรู้เทคนิคทางด้านการพูดแต่ไม่นำเอาเทคนิคเหล่านั้นมาใช้ หรือไปอบรมเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองแต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนเรื่องของ การแต่งกาย เรื่องของท่าทางในการเดินการนั่ง หรือ ฟังเทปหรือCD เรื่องการบริหารเวลาแต่ไม่มีความจริงจังในการทำแบบฝึกหัดที่วิทยากรบรรยาย ฯลฯ

ฉะนั้น หากต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองหรือพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างแท้จริง เมื่อได้อ่าน เมื่อได้ฟังสิ่งใดแล้วเกิดประโยชน์กับตนเอง แล้วคิดว่าเราน่าจะพัฒนาสิ่งนี้ ก็ขอให้รีบนำสิ่งต่างๆที่ได้เรียนรู้มาปฏิบัติ ก็จะทำให้ตนเองเกิดการพัฒนาอย่างแท้จริง

คนเรามักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าหรือพัฒนาได้ก็เพราะการเปลี่ยนแปลง

#image_title

เกิดมาเพื่อชนะ

เกิดมาเพื่อชนะ

Born To Win เกิดมาเพื่อชนะ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนเราในโลกนี้ช่างมีความสวยงาม มีความยิ่งใหญ่ มีความหลากหลาย มีความสามารถ ดังจะเห็นได้ว่าสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เราหรือคนเราทั้งสิ้น แต่มีสิ่งใดที่แบ่งคนเราให้แตกต่างกัน ทำไมคนบางคนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ทำไมคนอีกจำนวนมากมายกลับล้มเหลว ทำไมคนบางคนเกิดมาเพื่อชนะแต่ทำไมคนบางคนซึ่งเป็นจำนวนมากกลับเกิดมาเพื่อ ความพ่ายแพ้
จากงานวิจัย จากการสำรวจ จากการศึกษาค้นคว้า สิ่งที่ทำให้มนุษย์ในโลกนี้แตกต่างกันระหว่างผู้ที่ชนะและผู้ที่พ่ายแพ้ แตกต่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว มีหลายสิ่งดังนี้
1.เป้าหมาย ผู้ประสบความสำเร็จหรือผู้ชนะ มักมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน แตกต่างกับผู้ที่ล้มเหลวหรือผู้ที่พ่ายแพ้ มักไม่มีเป้าหมายในชีวิต เป้าหมายคือวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ เป้าหมายคือสิ่งที่เราต้องการทำให้สำเร็จ หากท่านต้องการประสบความสำเร็จหรือเป็นผู้ชนะ จงสร้างเป้าหมายขึ้น เช่น อีก 10 ปี ข้างหน้าท่านจะมีรายได้เท่าไร ท่านต้องการตำแหน่งหรือความรับผิดชอบระดับใด มีชื่อเสียงระดับไหน เป็นต้น สำหรับการวางเป้าหมายเราไม่ควรวางให้ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป ไม่ควรวางเป้าหมายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การวางเป้าหมายที่ดีควรมีการวางเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว และเมื่อลงมือทำจนบรรลุเป้าหมายหรือประสบความสำเร็จแล้ว ควรตั้งเป้าหมายครั้งต่อไปให้สูงขึ้น ไม่ควรหยุดในการตั้งเป้าหมาย
2.มีความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ มีการวางแผนเพื่อไปสู่เป้าหมาย ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในโลกนี้ไม่มีใครที่ล้มเหลว หากแต่ว่าเขาล้มเลิกก่อนเวลาที่จะถึงเป้าหมายที่วางไว้ จงกล้ายอมรับการพ่ายแพ้หรือความล้มเหลวเพียงแค่ชั่วคราว จงอย่าได้หมดกำลังใจ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ หากว่าท่านยึดมั่นในเป้าหมายแล้วย่อมมีวิธีการต่างๆไปสู่เป้าหมายนั้น หากว่าวิธีการที่ท่านได้คิดเอาไว้ไม่สำเร็จ ท่านอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆดู แต่เป้าหมายของท่านไม่ควรเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ จงนั่งวางแผนเพื่อไปสู่เป้าหมาย จงนั่งคิดหาวิธีการเพื่อไปสู่เป้าหมาย
3.สร้างนิสัย ททท.หรือทำทันที เลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง คนที่ประสบความสำเร็จ คนที่เกิดมาเพื่อที่เป็นผู้ชนะ เมื่อเขากำหนดเป้าหมายแล้ว วางแผนหาวิธีการแล้ว เขาจะลงมือ ทำทันที เขาจะไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เพราะถ้าหากเราไม่ลงมือทำทันทีหรือผัดวันประกันพรุ่ง แผนที่วางเอาไว้หรือวิธีการที่วางเอาไว้ก็จะเปล่าประโยชน์ จงลงมือทำแล้วท่านจะพบกับความสำเร็จ
4.จงคิดบวก จงพูดบวกกับตนเองบ่อยๆ ไม่ควรคิดลบหรือไม่ควรใช้ภาษาที่ลบ การพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ จะช่วยให้เราเกิดทัศนคติในด้านบวกต่อตนเอง ต่อคนรอบข้าง ต่อการดำเนินชีวิต การคิดบวก การพูดบวกมักจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต แต่ตรงกันข้าม การคิดลบ การพูดลบกับตัวเองมักจะดึงดูดสิ่งที่ร้ายเข้ามาในชีวิตเช่นกัน จงเปลี่ยนความคิดให้เป็นบวก จงเปลี่ยนการพูดให้บวก แล้วชีวิตของเราก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
5.จงบริหารเวลา จงบริหารชีวิต คนเรามีเวลาเท่ากันทุกคน แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือผู้ที่ชนะ มักเป็นผู้ที่บริหารเวลา บริหารชีวิต ได้อย่างสมดุล สำหรับคนๆหนึ่งเรามักใช้เวลาแต่ละวันไปกับสิ่งต่างๆ ซึ่งอาจแบ่งเป็น เรื่องของ 1.ครอบครัว 2.สังคม 3.หน้าที่การทำงานหรือการเรียน 4.สุขภาพ 5.การผักผ่อน ดังนั้นหากใครสามารถวางแผนบริหารเวลาได้อย่างเหมาะสม ชีวิตของท่านก็เกิดความสมดุลขึ้น จะมีประโยชน์อะไรเหล่า ถ้าหากว่าท่านทุ่มเททำงานจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่สุขภาพของท่านย่ำแย่ เป็นโรคต่างๆ แทบเดินไม่ไหว
6.จงตรวจสอบ ทบทวน สิ่งต่างๆที่ท่านได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่วางเอาไว้ ให้หมั่นทบทวน นึกถึงฝันถึงบ่อยๆ จงตรวจสอบวิธีการว่าวิธีการที่ได้วางแผนเอาไว้ สามารถปฏิบัติได้จริงหรือเปล่า หากไม่สามารถปฏิบัติได้จริงท่านไม่ควรเสียเวลา ควรเปลี่ยนวิธีการเสียใหม่ จงตรวจสอบการกระทำของท่านว่าท่านได้ลงมือทำทันทีหรือไม่ เป้าหมายที่วางเอาไว้เป็นรายวัน รายเดือน รายปี ท่านได้ทำไปหรือไม่ แล้วดำเนินการแก้ไขทันที จงตรวจสอบความคิด การพูดของท่านว่าท่านคิดบวกหรือพูดบวกหรือไม่ หากไม่ก็จงรีบแก้ไขปรับปรุง และจงตรวจสอบเรื่องของการบริหารเวลา การบริหารชีวิต ว่าแต่ละวันท่านได้ทำอะไรไปบ้าง เกิดประโยชน์หรือเปล่า แล้วทำการวางแผนบริหารเวลา เสียใหม่
ทั้งหมดข้างต้นนี้ เป็นปัจจัยบางส่วนที่ทำให้ เกิดความแตกต่างกันระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือคนที่ล้มเหลว และ เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ที่ชนะหรือผู้ที่พ่ายแพ้ คนเราเกิดมาไม่ได้มีแผ่นป้ายผูกติดหรือเขียนติดว่าเราจะเป็นอะไร เช่น เป็นครู เป็นหมอ เป็นทนายความ เป็นอัยการ เป็นนักการเมือง เป็นผู้ประสบความสำเร็จ เป็นผู้ชนะ ท่านสามารถเป็นอะไรก็ได้ ก็ด้วยการฝึกฝนตนเอง การพัฒนาตนเอง จงฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง และท่านสามารถเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะได้ จงเชื่อว่าท่านเกิดมาเพื่อ Born To Win

#image_title

ถ้าเขาเป็นคนที่ไม่ใช่ ต่อให้เขามาหา มาตามตื้อ ตามจีบ พูดจาไพเราะ ยิ่งรู้สึก…รำคาญ  แต่ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่ ไม่ต้องไปหา ไม่ต้องพยายาม พูดจาอย่างไร ก็น่าฟัง  อย่าพยายามเป็นคนที่ใช่  เพราะคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์โทนี่ www.drsuthichai.com

ถ้าเขาเป็นคนที่ไม่ใช่ ต่อให้เขามาหา มาตามตื้อ ตามจีบ พูดจาไพเราะ ยิ่งรู้สึก…รำคาญ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่ ไม่ต้องไปหา ไม่ต้องพยายาม พูดจาอย่างไร ก็น่าฟัง อย่าพยายามเป็นคนที่ใช่ เพราะคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์โทนี่ www.drsuthichai.com

ถ้าเขาเป็นคนที่ไม่ใช่ ต่อให้เขามาหา มาตามตื้อ ตามจีบ พูดจาไพเราะ ยิ่งรู้สึก…รำคาญ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่ ไม่ต้องไปหา ไม่ต้องพยายาม พูดจาอย่างไร ก็น่าฟัง อย่าพยายามเป็นคนที่ใช่ เพราะคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์โทนี่ www.drsuthichai.com

#image_title

การรับรองประตูอุตสาหกรรม

การรับรองประตูอุตสาหกรรม

ประตูอุตสาหกรรม เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในกระบวนการผลิตและการทำงานในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีบทบาทในการควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ ป้องกันความปลอดภัย ป้องกันมลพิษ หรือแม้แต่การจัดการอุณหภูมิในโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกประตูอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและการปฏิบัติตามมาตรฐานต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

 

มาตรฐานของประตูอุตสาหกรรม
มาตรฐานความปลอดภัย
ประตูอุตสาหกรรมต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน เช่น การป้องกันการกระแทกจากการเปิดหรือปิดประตูแรงเกินไป การออกแบบต้องมีฟังก์ชั่นที่ป้องกันการบาดเจ็บจากการใช้งานหรือการติดขัดของประตู

มาตรฐานความทนทาน
ประตูอุตสาหกรรมและประตูไฮสปีดต้องมีความทนทานสูงต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความร้อน ความเย็น ความชื้น หรือสารเคมีบางชนิด รวมถึงทนทานต่อการใช้งานที่หนักหน่วง ดังนั้นวัสดุที่ใช้ในการผลิตจึงต้องมีความแข็งแรงและทนทาน

มาตรฐานการป้องกันมลพิษ
ในบางโรงงานที่มีการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีหรือของเสียที่เป็นอันตราย ประตูอุตสาหกรรมต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันไม่ให้สารเหล่านี้รั่วไหลออกไปหรือกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ มาตรฐานที่ใช้ในด้านนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการป้องกันสารเคมีหรือมลพิษที่เป็นอันตราย

มาตรฐานการประหยัดพลังงานและการควบคุมอุณหภูมิ
ในบางสถานการณ์ประตูอุตสาหกรรมต้องช่วยในการควบคุมอุณหภูมิภายในโรงงาน เช่น ในโรงงานที่มีการผลิตอาหารหรือยา การรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะช่วยในการประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำความเย็นหรือความร้อนในโรงงาน

มาตรฐานการทำงานในพื้นที่จำกัด
ประตูอุตสาหกรรมบางชนิดถูกออกแบบให้ทำงานในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เช่น ประตูโรลอัพ (Roll-up Doors) หรือประตูบานเลื่อน (Sliding Doors) ที่ใช้ในโรงงานที่มีพื้นที่จำกัดหรือไม่ต้องการพื้นที่ว่างมากในการเปิดประตู

การรับรองประตูอุตสาหกรรม
การรับรองประตูอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับการทดสอบและตรวจสอบประตูให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

การรับรองด้านความปลอดภัย
ประตูอุตสาหกรรมและประตูไฮสปีดที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น มาตรฐาน EN 13241-1 ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรปที่ใช้สำหรับประตูอุตสาหกรรมที่ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น การทดสอบการทนทานต่อแรงกระแทก การทดสอบการใช้งานที่ปลอดภัยในระยะยาว

การรับรองด้านประสิทธิภาพในการป้องกันมลพิษ
ในบางประเภทของประตู เช่น ประตูห้องสะอาด (Cleanroom Doors) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ปราศจากมลพิษ เช่น อุตสาหกรรมยา หรืออิเล็กทรอนิกส์ ประตูต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่สามารถป้องกันฝุ่นหรือสารเคมีจากภายนอก

การรับรองด้านสิ่งแวดล้อม
การรับรองเกี่ยวกับการลดการใช้พลังงานหรือการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรฐาน ISO 14001 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมและลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การรับรองมาตรฐานการผลิต
การรับรองมาตรฐาน ISO 9001 สำหรับการจัดการคุณภาพในกระบวนการผลิตประตูอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าประตูที่ผลิตออกมานั้นมีคุณภาพสูงและสามารถใช้งานได้ยาวนาน

การรับรองด้านการทดสอบวัสดุ
บางครั้งประตูอุตสาหกรรมจะต้องผ่านการทดสอบวัสดุต่าง ๆ เช่น การทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อนของเหล็ก หรือวัสดุที่ใช้ในการผลิตประตู เพื่อรับรองว่าประตูนั้นสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีอันตรายได้

สรุป
การเลือกและการใช้ประตูอุตสาหกรรมและประตูไฮสปีดที่ได้มาตรฐานและการรับรองที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ความทนทาน ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงานล้วนเป็นปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกใช้ประตูอุตสาหกรรมที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในแต่ละสถานที่

 

JEERAWAT S.C.GROUP CO.,LTD.

บริษัท จีระวัฒน์ เอส.ซี.กรุ๊ป จำกัด เราเป็นผู้นำทางด้านระบบขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานอุตสหกรรมที่ครบวงจร รวมทั้งยังเป็นผู้ให้บริการ จำหน่าย ออกแบบและติดตั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบขนถ่ายสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ อันได้แก่ , ประตูไฮสปีด High speed door, ประตูโหลดสินค้า Overhead sectional door, ประตูห้องเย็น Cold storage door, สะพานปรับระดับโหลดสินค้า Loading dock leveler, อุโมงค์โหลดสินค้าคลุมท้ายรถ Loading dock shelter, พัดลมยักษ์ขนาดใหญ่ HVLS fan, ประตูอุตสาหกรรม Industrial doors พร้อมทีมงานติดตั้งที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี เราคัดสรรสินค้าคุณภาพดีจากฝั่งยุปโรปและเอเซีย มาให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานตามความต้องการและความเหมาะสมโรงงานของลูกค้า

Project Dept. : 093 7896416, 061 8793236
Sales Dept.     : 094 7829361, 098 6323235

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนเราทุกคนเกิดมาแล้วควรทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น การทำงานคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสามารถทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้ แต่ในการทำงานก็ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความทุกข์ได้เช่นกัน ในบทความตอนนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง “ การทำงานอย่างไรให้มีความสุข ” ซึ่งท่านสามารถนำเอาหลักการบางอย่างไปใช้ได้ การทำงานอย่างไรให้มีความสุขมีดังนี้

1.มีความรักในงานที่ทำ การมีความรัก ความชอบ ในงานที่ตนเองทำ เป็นหัวใจหลักของการมีความสุขในการทำงาน โทมัส เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์เอกของโลก ได้ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มามากมาย สิ่งประดิษฐ์บางชิ้นก็ยากเย็นแสนยาก แต่ท่านมีความรัก ความชอบในงานที่ทำท่านจึงมีความสนุกกับมัน อีกทั้งสามารถทำงานได้เป็นเวลานานๆ จิตใจก็คิดแต่เรื่องของการประดิษฐ์ตลอดเวลา ไม่ว่าตอนรับประทานอาหาร ตอนเข้าห้องน้ำ เมื่อมีความรัก ความชอบในงานที่ทำ ผลงานที่ยิ่งใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นเสมอ แต่ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่มีความรัก ความชอบ ในงานที่ทำ งานนั้นๆ ก็จะเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสสำหรับเรา เราจะทำงานด้วยความเบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่มีความสุข อยากที่จะเปลี่ยนงาน

2.มีเป้าหมายในการทำงาน หากท่านทำงานไปวันๆ ไม่มีเป้าหมาย ท่านจะทำงานอย่างขอไปที หรือไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ท่านควรเริ่มตั้งเป้าหมายในการทำงาน ว่าอีก 5 ปี ข้างหน้าท่านจะขึ้นตำแหน่งบริหาร หรือ ปีหน้าท่านจะสร้างยอดขายให้ได้ 1 ล้านบาทต่อปี ถ้าท่านมีเป้าหมายดังกล่าว ท่านก็จะมีความขยัน มีความกระตือรือร้น ท่านจะมีพลังในการหาวิธีเพื่อไปถึงเป้าหมาย

3.มีมนุษยสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกัน หลักในการทำงานร่วมกันย่อมเกิดปัญหาความไม่เข้าใจหรือความขัดแย้งขึ้นใน องค์การเสมอ ท่านต้องพยายามปรับตัว ท่านต้องรู้จักปล่อยวางในบางสถานการณ์ อีกทั้งท่านควรมีมนุษยสัมพันธ์ในที่ทำงาน คนที่มีมนุษยสัมพันธ์มักเป็นคนที่มีเพื่อนมาก มีคนคอยให้การช่วยเหลือ อีกทั้งจะมีความสุขในการทำงานในการดำเนินชีวิตมากกว่าคนที่ทำงานเข้ากับใคร ไม่ได้

4.มีการบริหารเวลาที่ดี คนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้น จะบริหารเวลา 24 ชั่วโมง อย่างไรให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นมากที่สุด หลักการบริหารเวลาที่ดี มีผู้รู้เคยแนะนำว่า ควรแบ่งเวลาออกเป็น 4 ส่วน ใหญ่ๆ กล่าวคือ แบ่งเวลาให้แก่งาน แบ่งเวลาให้แก่สังคม แบ่งเวลาให้แก่ครอบครัว และแบ่งเวลาให้แก่สุขภาพของตนเอง

สำหรับ เวลาที่ใช้ในการนอนหลับ เวลาที่ใช้ไปในการเดินทาง เวลาที่ใช้ไปในการรับประทานอาหาร เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจาก เราเสียเวลาดังกล่าวค่อนข้างมากสำหรับการทำสิ่งเหล่านี้ หากรู้จักใช้ประโยชน์จากเวลาที่เสียไปดังกล่าวก็จะทำให้เราสามารถสร้างผลงาน ขึ้นมาอย่างมากมาย เช่น ระหว่างขับรถอาจฟังเทปหรือvcd วิชาการ หรือ เราอาจจะนอนหลับให้น้อยลงเพื่อจะได้มีเวลาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ศาสตร์ในการบริหารเวลาเป็นศิลปะ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

5.มีความคิดเรื่องประโยชน์ที่ได้จากการทำงาน งานทุกงานมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นทั้งสิ้น หากท่านคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของแต่ตนเองเป็นหลัก เช่น เรื่องการขึ้นเงินเดือน เรื่องการขึ้นตำแหน่ง เรื่องโบนัส ฯลฯ การทำงานของท่านก็อาจเป็นทุกข์ เมื่อถึงเวลาพิจารณาท่านไม่ได้สิ่งดังกล่าว แต่หากท่านมองเห็นประโยชน์ที่ได้จากการทำงานที่ทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ ท่านจะมีพลังในการทำงานมากขึ้น เช่น ท่านเป็นครู เป็นอาจารย์ ท่านเกิดความภาคภูมิใจในการสอนในการผลิตนักเรียน หรือนักศึกษา นิสิต ที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม ออกมารับใช้สังคม ท่านจะเกิดความสุขใจจากสิ่งที่ท่านได้ทำงาน

และยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ท่านมีความสุขในที่ทำงาน เช่น การคิดบวก , การรู้จักคลายเครียดในการทำงาน เป็นต้น จะเห็นได้ว่า สิ่งที่กระผมกล่าวมาข้างต้น เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับตนเองเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งการทำงานมีเรื่องทะเลาะกัน หรือ ไม่เข้าใจกัน แต่เรานำมาคิดมากจนเกินไปก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์ขึ้นได้ สุขในการทำงานหรือทุกข์ในการทำงานขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญว่าเราจะเลือก ความสุขหรือเลือกเอาความทุกข์ที่เกิดจากการทำงาน

#image_title