สอนตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro

สอนตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro

ทำไมยุคนี้ต้องมี skills ตัดต่อวิดีโอ

ในยุคปัจจุบันนี้ เนื้อหาวิดีโอเป็นสื่อที่สำคัญและมีความสำคัญอย่างมากในการสื่อสาร โดยเฉพาะในการโฆษณาและการสร้างความสนใจให้กับผู้ชม การสร้างเนื้อหาวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและน่าสนใจ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และสร้างความน่าสนใจและความจำให้กับผู้ชม

การตัดต่อวิดีโอเป็นสกิลที่สำคัญในการสร้างเนื้อหาวิดีโอที่มีคุณภาพสูง การใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโออย่าง Adobe Premiere Pro ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความสามารถในการสร้างเนื้อหาวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและน่าสนใจได้ และยังสามารถปรับแต่งและประยุกต์ใช้วิดีโอในแต่ละกรณีได้อย่างหลากหลาย

นอกจากนี้ การตัดต่อวิดีโอเป็นสกิลที่มีความน่าสนใจและมีอนาคตที่ดีในตลาดงานด้านสื่อสารมวลชน หากมีสกิลในการตัดต่อวิดีโอแล้ว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานและเติบโตในอาชีพด้านสื่อสารมวลชนได้ดีขึ้น

วันนี้ C-Skills News จะมาแนะนำคอร์สสอนตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น สอนโดย สรวิชญ์ บุญมาก Co-Founder of C-Skills.co ที่มีประสบการณ์ตัดต่อวิดีโอมามากกว่า 10 ปี ผลงานตัดต่อให้ช่อง yimnoi yimyai , BO YOSHI CHANNEL , BORIBOON FAMILY เนื้อหา 7 บทเรียน ระยะเวลาเรียน 1 ชั่วโมง

ะนำคอมพิวเตอร์พื้นฐานสำหรับตัดต่อวิดีโอ

การตัดต่อวิดีโอมีความต้องการในเรื่องของความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูลวิดีโอ ดังนั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับตัดต่อวิดีโอจะต้องมีสเปคสูงเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีคุณภาพ

ต่อไปนี้คือคอมพิวเตอร์สเปคสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro ที่แนะนำ:

  1. CPU: Intel Core i7 หรือ i9 หรือ AMD Ryzen 7 หรือ 9
  2. RAM: 16GB ขึ้นไป
  3. การ์ดจอ: NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti หรือ NVIDIA GeForce RTX 3070 หรือ AMD Radeon RX 6700 XT
  4. การ์ดเสียง: ซาวด์การ์ดที่รองรับ ASIO
  5. พื้นที่เก็บข้อมูล: มากกว่า 500GB SSD

โดยสเปคข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้ใช้งานว่าจะเลือกสเปคใดที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองได้ดีที่สุด

รู้จักโปรแกรม Adobe Premiere Pro

Adobe Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพที่มีการใช้งานแพลตฟอร์ม Windows และ Mac OS ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในวงการผู้ทำวิดีโอ เช่น ผู้ทำภาพยนตร์ วิดีโอโปรโมท เนื้อหา Youtube และผู้ที่ต้องการตัดต่อวิดีโอส่วนตัว

โปรแกรม Adobe Premiere Pro มีความสามารถในการตัดต่อวิดีโอในแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อภาพเคลื่อนไหว ตัดต่อเสียง ปรับแต่งภาพและเสียง การทำ Motion Graphics การใส่เอฟเฟกต์ การปรับสีและการแก้ไขภาพที่ลดคุณภาพ เป็นต้น

นอกจากนี้ Adobe Premiere Pro ยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น ๆ ของ Adobe เช่น Adobe After Effects และ Adobe Audition เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งภาพและเสียงได้อย่างละเอียดและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การตั้งค่า Project ก่อนเริ่มงาน

การตั้งค่า Project เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่จะเริ่มต้นการทำงานใน Adobe Premiere Pro เพราะจะมีผลต่อคุณภาพและความสะดวกสบายในการทำงานของคุณ ดังนั้นต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการตั้งค่า Project ใน Adobe Premiere Pro:

  1. เปิด Adobe Premiere Pro และเลือก “New Project” จากหน้าต่างที่เปิดขึ้นมา
  2. ตั้งค่าคุณสมบัติของ Project โดยเลือกค่าต่าง ๆ ตามต้องการ เช่น ชื่อ Project, ขนาดภาพ, อัตราส่วน, ความละเอียด, และอื่น ๆ ตามที่ต้องการ
  3. ตั้งค่าระบบเวลาของ Project โดยเลือกค่าตามความต้องการ เช่น อัตราเฟรม, ระยะเวลาแต่ละเฟรม, และอื่น ๆ ตามที่ต้องการ
  4. เลือกสถานที่เก็บไฟล์ Project และตั้งค่าการบันทึกไฟล์ Project โดยเลือกตำแหน่งที่ต้องการเก็บไฟล์และตั้งชื่อไฟล์ Project
  5. เลือก “OK” เพื่อสร้าง Project ใหม่

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการตั้งค่า Project คุณสามารถเริ่มต้นทำงานใน Adobe Premiere Pro ได้แล้วโดยเลือก “New Sequence” เพื่อสร้าง Sequence ที่ต้องการใน Project ของคุณ โดยสามารถตั้งค่า Sequence ได้ตามต้องการเช่นเดียวกับการตั้งค่า Project

Adobe Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่มีความสามารถหลากหลาย เช่น การตั้งค่า Project, Sequence และ Keyboard Shortcut ที่ต้องทำก่อนเริ่มต้นงาน การ import Footage เข้ามาในโปรแกรม และการตัดต่อวิดีโอเบื้องต้น รวมถึงการใส่ซับไตเติ้ลและ Grading Color ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการนำงานตัดต่อวิดีโอของเราไปใช้ในงานต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการเพิ่มเสียง ลดเสียง และอัดเสียงเข้าไปในวิดีโอ รวมถึงวิธีการ Export Project เพื่อส่งงานให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งทุกขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญในการตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro ที่ได้ผลงานคุณภาพและมีประสิทธิภาพในการใช้งานจริงๆ

อ่านต่อ >> สอนตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro

ถ้าเพื่อนๆสนใจเรามีสอนแบบวิดีโอเนื้อหา 7 บทเรียน ระยะเวลาเรียน 1 ชั่วโมง และมีไฟล์งานให้ทดลองตัดจริง >> คอร์สตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นด้วยโปรแกรม Adobe Premiere Pro

ติดตามคอนเทนต์ได้ที่ :

Facebook: bit.ly/3JYDPYm

Website : bit.ly/3JKNfFE

C-Skills.co แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ ที่จะยกระดับให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ

เติมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง แบบนี้ก็มีเหรอ?

เติมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง แบบนี้ก็มีเหรอ?

การเติมสะโพกเป็นกระบวนการศัลยกรรมอย่างหนึ่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อรูปทรงบั้นท้ายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของน้ำหนัก อายุ และพันธุกรรม ล้วนส่งผลต่อขนาดและรูปร่างของบั้นท้ายของคุณ ดังนั้นการควบคุมรูปร่างจึงมักเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตาม หากคุณสนใจที่จะมีก้นที่กลมและอวบอิ่มขึ้น เติมสะโพกให้รูปร่างมีสัดส่วนสวยงาม สามารถทำได้หลายวิธี แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการใช้ไขมันของตัวเองกัน

การฉีดไขมันเสริมสะโพก

วิธีการนี้ ศัลยแพทย์จะนำไขมันออกจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้องหรือต้นขา และนำไปใส่ในบั้นท้ายและสะโพก โดยหลักการแล้ว วิธีการเสริมสะโพกนี้เป็นการผสมผสานเทคนิค ระหว่างการดูดไขมันและการเสริมก้น แม้ว่าปริมาณที่ใช้เสริมจะไม่สูงเท่ากับการเสริมหน้าอก แต่ก็ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมจึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนเสริมความงามที่เติบโตเร็วมากในปัจจุบัน เพราะไม่ใช่แค่การเพิ่มขนาดของบั้นท้ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ได้บั้นท้ายที่เข้ารูปขึ้น และปรับสัดส่วนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าท้อง หรือต้นขา

ขั้นตอนการเติมสะโพกด้วยไขมัน

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับการฉีดไขมันมาบ้าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างขั้นตอนนี้ สำหรับขั้นตอนเริ่มต้น โดยปกติจะต้องดมยาสลบก่อน จากนั้นใช้เทคนิคการดูดไขมัน ซึ่งเป็นการนำไขมันออกจากร่างกายส่วนล่าง ไขมันนี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และฉีดเข้าไปในบริเวณเป้าหมาย ที่บั้นท้ายของผู้ป่วยเพื่อเติมสะโพก ก่อนการทำหัตถการ คุณสามารถพูดคุยปรึกษากับศัลยแพทย์เกี่ยวกับรูปลักษณ์และขนาดที่คุณต้องการได้ 

การดูแลตัวเองหลังเติมสะโพก

กระบวนการเสริมก้นนี้จะส่งผลให้คุณรู้สึกเจ็บระบมบ้าง แต่ยาแก้ปวดตามร้านขายยาทั่วไปสามารถช่วยบรรเทาได้ หรือในบางกรณี แพทย์อาจสั่งจ่ายยาแก้ปวดที่จำเป็นเพิ่มเติมให้ ผู้ป่วยจะไม่สามารถนั่งหรือออกแรงกดที่บริเวณนั้นเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หากดูตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำในการฟื้นฟูร่างกายได้ดี คุณจะสามารถกลับมานั่งปกติได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ เบาะรองนั่งหรือหมอนทรงโดนัท จะช่วยลดแรงกดทับจากบั้นท้ายของคุณหลังการเติมสะโพกได้ ช่วยทำให้คุณนั่งสบายขึ้น 

สรุป

ปัจจุบันการเติมสะโพกเป็นกระบวนการเสริมความงามที่เป็นที่ต้องการมาก มีหลายวิธีการในการทำให้สะโพกของคุณดูกลมโตและได้สัดส่วน แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 1 ใน 2 ในการทำเช่นนี้คือการย้ายไขมัน หากคุณสนใจจะทำอาจต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์สำหรับการเสริมความงามด้วยวิธีการนี้

เราจะเปลี่ยน ขยะอันตราย ให้เป็นพลังงานได้อย่างไร?

การกำจัดขยะอันตราย   ด้วยวิธีการเผาเพื่อเอาพลังงาน(Burn For Energy Recovery) ด้วยรหัสกำจัด043 เพื่อตอบสนองนโนบาย Zero Landfill ของผู้ประกอบกิจการโรงงานในปัจจุบัน เป็นการใช้หลักการการเผาไหม้ ในการทำลายหรือเปลี่ยนสภาพขยะที่อยู่ในรูปของแข็งให้กลายเป็นก๊าซ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไอน้ำ (H2O) และสุดท้ายคือพลังความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ขยะ นอกจากจะกำจัดขยะแล้ว การเผาในเตาเผายังสามารถนำพลังงานความร้อนกลับไปใช้ประโยชน์ เช่น การผลิตน้ำร้อน ไอน้ำ หรือแม้แต่พลังงานไฟฟ้าได้

ประเภทขยะที่เผาเพื่อเอาพลังงานได้(043)

– วัสดุปนเปื้อน(เศษผ้าถุงมือที่ปนเปื้อนน้ำมัน)
– กากสี
– กากตะกอนน้ำมัน
– บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกปนเปื้อน

รหัสกำจัด 043 คือ การเผาเพื่อเอาพลังงาน เช่น สินค้าเสื่อมสภาพ,เศษพลาสติก,เศษยาง เป็นต้น

ประโยชน์ของการกำจัดด้วยวิธี 043

– ตอบสนองนโนบาย Zero Landfill ของผู้ประกอบกิจการโรงงาน
– ได้พลังงานไฟฟ้าจากการเผา
– ช่วยลดภาวะโลกร้อนเพราะเป็นการจัดการขยะอย่างสมบูรณ์
– ไม่เกิดปัญหาการปนเปื้อนของขยะในดินและแหล่งน้ำ
– ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการกำจัด

10 อันดับขยะอันตรายที่มีการนำไปกำจัดมากที่สุด มีอะไรบ้าง

  1. บรรจุภัณฑ์ปนเปื้อน

  2. วัสดุปนเปื้อน เศษผ้าปนเปื้อน

  3. น้ำเสียที่มีสารอันตราย

  4. กากตะกอนจากระบบบำบัด

  5. ฝุ่นจากระบบบำบัดอากาศ

  6. ตะกรันอลูมิเนียม

  7. น้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว

  8. กรดเสื่อมสภาพที่ใช้ในการปรับสภาพผิว

  9. COOLANT

  10. กรดเสื่อมสภาพที่ใช้ในการขจัดคราบ

เนื่องจากปัจจุบันกากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมมีจำนวนมาก ซึ่งวิธีการกำจัดส่วนมากในประเทศไทยจะเลือกวิธีการฝังกลบ
เพราะง่ายต่อการจัดการ แต่จะดีกวามั้ยถ้าเราสามารถเปลี่ยนขยะอันตรายให้เกิดประโยชน์โดยเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ ด้วยวิธี 043 ตามที่ได้นำเสนอในข้อมูลข้างต้น

เครดิต:   https://www.en-technology.com/

นมเด็กเล็กแต่ละสูตรมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

นมเด็กเล็กแต่ละสูตรมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

สำหรับเด็กวัยแบเบาะแล้วอาหารที่ดีที่สุดคือ นมแม่ แต่หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้หรือให้ได้ในปริมาณจำกัด การใช้ผลิตภัณฑ์นมเด็กเล็กเข้ามาทดแทนตรงส่วนนี้ก็นับว่าเป็นทางออกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากในนมมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยอยู่มากมาย ทว่าคุณแม่ต้องเลือกนมสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็กด้วย เพื่อให้การดื่มนมเด็กเล็กเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยนมสำหรับเด็กแรกเกิดแต่ละสูตรที่วางขายอยู่ในท้องตลาดจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย ! 

นมผงแต่ละสูตรมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร และเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนสูตรนม

 ไม่ว่าจะเป็นนมผงอัดก้อนหรือแบบทั่ว ๆ ไป มักจะการผลิตออกมาหลากหลายสูตร ซึ่งคุณแม่ควรเช็กให้ดีว่านมสูตรดังกล่าวเหมาะสมกับวัยของลูกน้อยหรือไม่ และเมื่อไหร่ควรปรับเปลี่ยน เนื่องจากนมแต่ละแบบมีปริมาณสารอาหารไม่เท่ากันนั่นเอง โดยนมผงทารกสูตรต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้…

  • สูตรที่ 1 นมดัดแปลงสำหรับทารกแรกเกิดจนถึง 1 ปี

            อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า นมที่ดีที่สุดสำหรับเด็กวัยแรกเกิดจนถึง 1 ปี คือ นมแม่ แต่หากคุณแม่ติดปัญหาและจำเป็นต้องชงนมผงเมจิให้ลูกดื่มจริง ๆ ก็ควรเลือกสูตรที่ดัดแปลงมาสำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะ ซึ่งนมประเภทนี้จะมีปริมาณและคุณภาพของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ที่เหมาะสม เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สูตรที่ 2 นมดัดแปลงสำหรับเด็กวัย 6 เดือน ถึง 3 ปี

เมื่อเด็กเริ่มเข้าสู่วัย 6-12 เดือน เขาจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวร่างกายหรือขยับกล้ามเนื้อแขนขามากขึ้น ซึ่งเป็นผลให้การย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารรวดเร็วกว่าเดิม นอกจากนี้ระบบขับถ่ายของเสียที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ทำให้คุณแม่ต้องปรับเปลี่ยนสูตรนมใหม่ โดยแนะนำเลือกสูตรนมผงที่มีปริมาณสารอาหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมถึงมีไขมันพืชที่ช่วยในเรื่องการย่อยและดูดซึมสารอาหาร จากนั้นเมื่อเด็กมีอายุครบ 2-3 ปี คุณแม่ค่อยเริ่มให้ลูกทานอาหารจานหลักที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ แล้วเสริมด้วยการดื่มนมหลังระหว่างวัน

สรุป

ความแตกต่างของนมเด็กเล็กแต่ละสูตรขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของสารอาหาร เพราะเมื่อเด็กยิ่งโตขึ้นการใช้งานร่างกายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมทำงานมากกว่าเดิม ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกนมผงเมจิสูตรที่เหมาะกับช่วงวัยของลูกน้อย เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตอย่างครบถ้วน

Line Official Social platform ที่กำลังเป็นที่นิยม

Line Official Social platform ที่กำลังเป็นที่นิยม

Line Official เป็น Social platform หนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการออกแบบเฉพาะใช้กับมือถือเป็นหลัก สำหรับกลุ่มผู้เล่น Line

ส่วน Line official หรือ Line OA หรือ ภาษาไทยเรียก ไลน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ไม่นิยมเรียกกันเท่าไหร่ ส่วนมากจะเรียกทับศัพย์ไปเลย

Line Official เหมาะสำหรับใคร?

เดี๋ยวทำธุรกิจ คุณต้องมี Line Official เพราะถ้าคุณไม่มี Line Official คุณก็ขาดกลุ่มลูกค้าไปกลุ่มใหญ่ๆ เลยทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร หรือขายของแบบไหน การมี Line Official จะช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณได้ดียิ่งขึ้น
จุดเด่นที่แตกต่าง ของ Line Official คือ ระบบ Boardcast คุณสามารถ Boardcast ในรูปแบบ text, VDO, รูปภาพ, Slide หรือ ไลน์เรียกว่า Card Message
นอกจากนั้น Line  Official ยังรวบรวม ฟังชั่นหลายอย่าง มาให้บริการ แบบปิดการขายได้ง่าย และไวขึ้น เช่น ระบบแชทกับสมาชิกได้ทุกคน สามารถส่งไฟล์แนบ ส่งรูปภาพ หรือวีดีโอ ได้
Line Voom เป็นชื่อเรียกใหม่ เปลี่ยนแปลงมาจากคำว่า Timeline มาเป็น Line Voom เป็นการโพสต์ข่าว หรือ News Feed
นอกจากนั้นยังมีระบบ สร้างคูปอง บัตรสะสมแต้ม การรายงานสถิติต่างๆ การจัดการหมวดหมู่สมาชิก บล็อกสแปม การตอบกลับอัตโนมัติ ริชเมนู เป็นต้น

สมัคร Line Official เบื้องต้น ฟรี

การสมัคร Line OA  ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าคุณต้องการใช้ฟังชั่นการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ คุณต้องมีเอกสารประกอบ แสดงธุรกิจของคุณ ลิ้งค์กับระบบการชำระเงิน เพื่อใช้ฟังชั่นที่จำเป็นต้องจ่าย

Line Official ฟรี คุณได้อะไรบ้าง?

1. แอคเค้าสำหรับจัดการระบบ มีเครื่องมือให้ใช้แทบทุกฟังชั่น
2. สามารถส่งข้อความได้ฟรี 1000 ข้อความต่อเดือน
3. จ้ดสิทธิแอดมินได้ไม่จำกัด
4. โพสต์ Line Voom ได้ไม่จำกัด
ในส่วนฟรีนี้สำหรับธุรกิจเพิ่งเริ่มต้น น่าจะเพียงพอ เมื่อคุณมีสมาชิกเพิ่มขึ้นค่อยปรับซื้อแพคเกจเพิ่มได้

สิ่งที่ควรทำเพื่อให้ Line Official ของคุณ เป็นบัญชีที่สมบูรณ์แบบ

1. ซื้อพรีเมียม ID  เมื่อคุณใช้งานฟรี คุณจะได้  เบสิค ID ที่เป็นตัวเลขกับตัวอักษร เช่น @234sdgy เป็นต้น เพื่อให้ได้ID ตามที่คุณต้องการ เช่น @babystaff คุณต้องซื้อพรีเมียม ID ในราคาราว 475 บาทต่อปี
2. ขอรับรองบัญชี เมื่อบัญชีได้รับการรับรอง จะทำให้บัญชีคุณถูกค้นพบง่ายขึ้น เนื่องจากจะแสดงบัญชีที่ผลการค้นหาในโอ Line
3. อับเกรดแพคเกจฟรี เป็นแพคเกจพรีเมียมรายเดือน ราคาเริ่มต้น 1,284 บาท คุณสามารถส่งข้อความได้ถึง 15000 ข้อความ และสามารถใช้ริชเมนู และ ระบบคูปอง ได้
4. สร้างริชเมนู ริชเมนูคือเมนูแสดงที่หน้า Line Official chat Rich Menu มีเทมเพลทให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับโปรโมทข่าวสาร หรือ ต้องการเน้นลิ้งค์ไปยังหน้าเว็บไซต์ หรือแสดงข้อความ ริชเมนู เป็นอีกหนึ่งลูกเล่น ที่น่าสนใจมาก
5. ตั้งค่าข้อความต้อนรับ เพื่อนสมาชิกใหม่ เป็นข้อความอัตโนมัติ สำหรับกล่าวต้อนรับสมาชิกใหม่ เมื่อมีการคลิกเพิ่มเพื่อน
6. สร้างริช Massage เป็นรูปแบบของการส่ง Boardcast ถึงสมาชิก ในรูปแบบแบนเนอร์ที่เตรียมไว้ สามารถเรียกใช้ Boardcast ได้เมื่อต้องการ
7. สร้างริช VDO  Message เป็นระบบจัดเตรียม Boardcast ด้วย VDO ถึงสมาชิก
8. สร้าง Card Message เป็นระบบ Boardcast ในรูปแบบสไลด์
ใช้บริการ SEO แล้วคุณได้อะไรบ้าง

ใช้บริการ SEO แล้วคุณได้อะไรบ้าง

การทำ SEO เป็นรูปแบบการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมสูงสุด เพราะคุณไม่ต้องจ่ายค่าคลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์ ยิ่งเว็บไซต์ของคุณมีคอนเทนต์มาก มีหลายหน้าก็ยิ่งทำคะแนน SEO มากขึ้น มีหลากหลายคีเวิร์ต ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการยิงแอดโฆษณา ไปได้มาก แต่การทำ SEO จะมีขั้นตอนต่างๆ ที่ยุ่งยากมาก คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Algorithm ของ Search Engine เป็นอย่างดี มิฉะนั้นแล้ว เว็บไซต์ของคุณอาจถูกปิดกั้นจากผลการค้นหาได้

เมื่อคุณเริ่มใช้บริการ SEO คุณก็มั่นได้เลยว่า เว็บไซต์ของคุณจะได้รับการดูแลจากทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ความปลอดภัย ซึ่งยังไม่นับรวมกับผลลัพท์ที่เกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต์ของคุณติดหน้าหนึ่งแล้ว ยิ่งเพิ่มยอดผู้ชมจากผลการค้นหาได้มากขึ้น

ใช้บริการ SEO แล้วคุณได้อะไรบ้าง ?

  1. สุขภาพที่ดีของเว็บไซต์ คำว่าสุขภาพที่ดีของเว็บไซต์หมายถึง ความปลอดภัยไม่มีไวรัส มีการอับเดทสม่ำเสมอ ทีมงานที่ให้บริการออกแบบเว็บไซต์จะหมั่นอันเดทโปรแกรมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของเว็บไซต์
  2. งานประชาสัมพันธ์ เมื่อคุณเริ่มใช้บริการ SEO ทีมงานจะประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณในเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้เกิดคะแนน SEO ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณจะปรากฏในเว็บไซต์อื่นๆ ทำให้ผู้ชมเว็บไซต์อื่นๆเหล่านั้นได้เห็นธุรกิจของคุณในเว็บไซต์นั้นๆ ด้วย แต่ที่จริงแล้วทีมงานที่ให้บริการ SEO มีวัตถุประสงค์สร้างลิ้งค์ จากภายนอกเพื่อให้เกิดคะแนน SEO นั่นเอง
  3. ประหยัดเวลาของคุณแทนที่จะต้องหมั่นเข้ามาตรวจสอบดูแลเว็บไซต์ อับเดทโปรแกรมด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์จะต้องทำเอง แต่เมื่อคุณใช้บริการ SEO แล้ว ทีมงานที่ให้บรการ SEO จะเป็นผู้ดูแลแทนคุณ
  4. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลเว็บไซต์ เมื่อคุณใช้บริการ SEO คุณไม่จำเป็นต้องจ้างทีมงานอื่นๆ เข้ามาดูแลเว็บไซต์ เพราะทีมงานที่ให้บริการ SEO จะดูแลในส่วน อับเดทโปรแกรม ตรวจสอบความปลอดภัย หรือแม้กระทั่งการปรับปรุงคอนเทนต์ ต่างๆ เพื่อให้มีคุณภาพน่าอ่าน น่าติดตาม

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริการ SEO  https://www.websitegang.com/seo-service/