by drsuthichai | Nov 11, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
พัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้า
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในการทำงาน มักจะเป็นคนที่มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง การพัฒนาตนเองจะช่วยให้บุคคลคนนั้นก้าวไปข้างหน้าได้ไกลกว่าคนที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง ซึ่งท่านสามารถพัฒนาตนเองได้ดังนี้
1.อ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านจะทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะ จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ใหม่ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของความคิด การตัดสินใจ ท่านสามารถปลูกฝังการอ่านได้โดยลำดับแรกคือ จงเลือกอ่านหนังสือที่ท่านชื่นชอบก่อนแล้วจึงขยายการอ่านไปยังศาสตร์ความรู้แขนงอื่นๆ , การเข้าร้านหนังสืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้ท่านได้รับบรรยากาศและเกิดความอยากอ่านหนังสือเนื่องจากมีหนังสือใหม่ๆออกสู่ตลาดทุกๆวัน , การเข้าห้องสมุดประชาชน เข้าห้องสมุดสถานศึกษาก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศในการอ่านได้เป็นอย่างดี
2.การจัดสรรเวลาหรือการบริหารเวลา ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ มักเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาเป็น บริหารเวลาเป็น ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า การบริหารเวลาที่ดีควรให้มีความสมดุลกับชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละบุคคลอาจมีการใช้เวลาที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายปัจจัย
3.รักษาสุขภาพอยู่เสมอ จะไม่มีประโยชน์เลยหากว่า เราประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน มีเงินมากมายมหาศาล แต่เรามีความเครียดตลอดเวลา ไม่มีความสุขในชีวิต เป็นโรคต่างๆ การรักษาสุขภาพร่างกายจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เราควรแบ่งเวลาสำหรับเรื่องของสุขภาพ เช่น แบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย , แบ่งเวลาสำหรับไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี , แบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อน , แบ่งเวลาสำหรับการไปท่องเที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น
4.สร้างเป้าหมายสำหรับชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้า มักเป็นคนที่มีเป้าหมาย รู้ว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร ไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามดวงหรือโชคชะตา เมื่อเขามีทิศทางมีเป้าหมายเขาก็จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายด้วยความกระตือรือร้น ดังนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจะต้องค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ ต้องรู้ว่าเราชอบอะไร เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด
5.กล้าที่จะล้มเหลว คนที่เจริญก้าวหน้าในชีวิตและประสบความสำเร็จ เวลาทำงานมักจะต้องเจอความผิดหวัง ความผิดพลาด ความล้มเหลว หากท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านโปรดอย่าได้กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เราจะต้องควรได้รับและประสบ อีกทั้งทุกความล้มเหลวจะทำให้เราเกิดความเข้มแข็ง เกิดประสบการณ์ เกิดความแข็งแกร่งขึ้นภายในจิตใจ
6.จงคิดในแง่บวกให้มากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดในแง่บวกมากกว่าในแง่ลบ เขาจะคิดถึงเป้าหมายในชีวิตมากกว่าคิดถึงแต่เรื่องของอุปสรรค ปัญหา การคิดในแง่ดี แง่บวก จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหา สิ่งเลวร้ายไปได้ หากว่าคุณชอบคิดในด้านลบอยู่บ่อยๆ ก็ขอจงให้นำเอาสิ่งที่ดีๆ เข้าใส่ไปในสมองแทนที่แล้วชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์เราอาจเกิดมามีความแตกต่างกัน มีความไม่เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เรามีความเท่าเทียมกันในเรื่องของการพัฒนาตนเอง จงพัฒนาตนเองแล้วท่านจะมีความก้าวหน้าในชีวิต ในการทำงาน และประสบความสำเร็จได้

#image_title
by drsuthichai | Nov 11, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ต้นไม้ใหญ่ในป่าลึก ที่มีความใหญ่โต แข็งแรง เติบโตได้ด้วยการผ่านการต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับต้นไม้อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ แต่ต้นไม้ที่ถูกเอาใจใส่ รักษาเป็นอย่างดีด้วยมนุษย์กลับเติบโตและมีขนาดที่เล็กกว่า
คนเราก็เช่นกัน คนที่เจริญเติบโต ก้าวหน้า ในอาชีพ ร่ำรวย เงินทอง ก็เพราะมีการแข่งขันและต่อสู้กับคนอื่นๆ ทั้งจากการทำงานที่หนัก ทั้งจากการทำงานที่ยากลำบาก “ จงทำงานแล้วท่านจะมีอำนาจ” เป็นคำกล่าวของอีเมอร์สัน เป็นคำพูดที่เป็นจริงมากทีเดียว
หากว่าท่านผู้อ่านต้องการมือ แขน ขา ที่แข็งแรง ไม่มีวิธีอื่นใดเลย ท่านผู้อ่านจำเป็นจะต้องออกกำลังกาย หมั่นออกแรงอยู่เสมอ แต่หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการเช่นนั้น จงมัดมันไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย หลังจากนั้นไม่นานท่านจะพบว่า มือ แขน ขา ของท่านจะลีบไปเอง
จงฝึกฝนตนเองท่ามกลางการแข่งขันที่สูง ไทเกอร์ วูดส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย ลูกครึ่งไทย-อเมริกา เป็นนักกอล์ฟระดับโลก เนื่องจากได้ร่วมแข่งขัน และมีคู่แข่งขันระดับโลก ไทเกอร์ วูดส์ จึงได้เป็นนักกอล์ฟที่มีอายุน้อยและประสบความสำเร็จ หากพวกเราลองคิดเสียใหม่ว่า หากไทเกอร์ วูดส์ เกิดในประเทศไทย อยู่ในประเทศไทย แข่งขันกีฬากอล์ฟเฉพาะในประเทศไทย ไทเกอร์ วูดส์ คงไปไม่ถึงระดับโลกได้ ฉะนั้น จงฝึกฝนและนำพาตนเองไปแข่งขันในท่ามกลางสนามที่มีการต่อสู้ มีการแข่งขันสูงแล้วท่านจะเติบโต พัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด
สตีฟ จอบส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย สตีฟ จอบส์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ เนื่องมาจากการต่อสู้ เขาก่อตั้งบริษัท Apple ร่วมกับเพื่อน จนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1985 เขาถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น แต่เขากลับเดินหน้าสู้ต่อโดยการตั้งบริษัท NeXT มาแข่งกับ Apple แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สตีฟ จอบส์ เดินหน้าสู้ต่อไปโดยก่อตั้งบริษัท Pixar ในที่สุดเขาประสบความสำเร็จอย่างสูง จนบริษัท Apple ที่ไล่เขาออกกลับเชิญเขาเข้ามาเป็น CEO อีกครั้ง
อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สำคัญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน อายุมากแล้ว แต่เขายังมีไฟที่จะทำธุรกิจหรือแสวงหาความฝันของตนเอง เช่น ผู้พัน KFC หรือ ผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ เป็นคนบ้าอีกคนหนึ่งที่สู้ไม่ถอย ปลดเกษียณจากงานประจำซึ่งเป็นทหารแล้วจึงคิดที่จะมาทำไก่ทอดขาย ต้องเร่ขายสูตรไก่ถึง 1,009 คน ถึงมีนักธุรกิจที่ตัดสินใจซื้อสูตรไก่ทอดของเขา หาก ผู้พัน KFC ยอมแพ้ ไม่เดินหน้าสู้ต่อ โดยการไม่ยอมขายสูตรไก่ทอดให้คนที่ 1,009 พวกเราก็คงไม่ได้กินไก่ทอดที่อร่อยที่สุดในโลก
เรย์ คร็อก คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย เจ้าของลิขสิทธิ์ร้านแมคโดนัลด์ เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคไขข้อ เขาเคยเป็นทหาร เขาเคยเป็นพนักงานขับรถโรงพยาบาล เป็นนักดนตรีในวงออเคสต้า เป็นพนักงานขาย ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายถ้วยกระดาษ พออายุ 54 ปี เขายังมีความฝันในการประกอบธุรกิจโดยการไปซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ จากสองพี่น้องแมคโดนัลด์ แล้วขยายสาขาไปทั่วประเทศสหรัฐและอีกไม่นานได้ขยายสาขาไปทั่วโลก
เรย์ คร็อก ยังสร้างทฤษฏี Q S C โดยทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับร้านอาหารทั่วไปในขณะนั้นคือ
Q = Quality หมายถึงปรับปรุงคุณภาพ ทั้งอาหาร เครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
S =Service หมายถึง การบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย
C=Clean หมายถึง ความสะอาดไม่ว่าการแต่งกายของพนักงาน สินค้า หน้าร้านต้องสะอาดเรียบร้อย
ดังนั้นเมื่อเราเข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์ เราจะพบกับ แฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ที่น่าทาน ความรวดเร็วในการส่งถึงมือลูกค้า ความสะอาดของร้าน
คนบ้าที่มีจิตใจเป็นนักสู้เหล่านี้ เป็นแค่บุคคลส่วนหนึ่งที่กระผมได้มีโอกาสนำเสนอ ฉะนั้น หากท่านต้องการ ร่ำรวย ตำแหน่ง ชื่อเสียง หรือต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ จงสู้ไม่ถอย แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

#image_title
by drsuthichai | Nov 11, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
สื่อการตลาด
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในการทำการตลาด สื่อมีความสำคัญและมีความจำเป็นเป็นอันมาก เพราะสื่อสามารถทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค รับรู้ถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ความก้าวหน้า ของบริษัท ของผลิตภัณฑ์ ของตนเองดังนั้น นักการตลาดที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จจะต้องให้ความสำคัญกับการใช้สื่อเป็นอย่างยิ่ง
สื่อในยุคปัจจุบัน มีหลากหลาย มีความทันสมัย มีความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคา มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าอดีตเป็นอย่างยิ่ง เหตุเพราะยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มนุษย์เราสามารถคิดค้นสื่อใหม่ๆ ที่มีคุณภาพทั้งเสียงและภาพดีขึ้นมาเรื่อยๆ
อีกทั้งสื่อก็มีลักษณะที่ผสมผสานกัน เช่น เราสามารถดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูภาพยนตร์ ดูหนังสือพิมพ์ โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ และ เราสามารถใช้สื่อที่เราผลิตขึ้นมากระจายไปยังสื่อต่างๆได้อีกมากมาย เช่น เราทำรายการวิทยุ เราก็สามารถถ่ายทอดผ่านจานดาวเทียม ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านไปยังสถานีวิทยุต่างๆทั่วประเทศโดยมีการเชื่อมโยงกันผ่านระบบเครือข่าย ฉะนั้นเราจึงควรที่จะเรียนรู้สื่อให้มากขึ้น สำหรับสื่อการตลาดมีดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือสื่ออำนาจใหม่ โทรศัทพ์มือถือถือว่าเป็นสื่อที่กำลังมาแรงเป็นอย่างยิ่ง เพราะโทรศัทพ์มือถือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง อีกทั้งยังสามารถพกพาไปไหนได้สะดวก มีความเล็กกะทัดรัด และราคาก็ไม่สูงมากนัก โทรศัทพ์มือถือสามารถรับและส่งข้อมูลได้หลายวิธี เช่น การรับและส่ง SMS การใช้ไลน์ การใช้ Facebook การชำระเงินผ่านมือถือ การใช้มือถือนำทางโดยผ่านโปรแกรมต่างๆ ฯลฯ
2.สื่อออนไลน์ สนามรบใหม่ การสร้างเว็บไซค์ การสร้างข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถือว่าจำเป็นจะต้องมีถ้าเราต้องการที่จะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางด้านการตลาด ซึ่งสื่อออนไลน์มีลักษณะที่พิเศษหลายอย่าง เช่น ราคาถูก สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้ เป็นการเพิ่มช่องทาง เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า อีกทั้งยังมีความรวดเร็วอีกด้วย หากเกิดอะไรขึ้นเราสามารถรับรู้ได้เพียงเสี้ยววินาที เพราะถ้ารอหนังสือพิมพ์ กับ ข่าวโทรศัพท์ก็ต้องใช้เวลาที่นานกว่า
3.ฟุตบอลเป็นสื่อ ในยุคนี้ เราจะเห็นได้ว่ามีบริษัทใหญ่ๆของประเทศไทยเราหลายบริษัทที่เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลในสโมสรอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนทั่วโลกนิยมดูโดยเฉพาะฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลของประเทศอังกฤษ
4.สื่อทางด้านวัฒนธรรม เมื่อโลกมีควมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เราก็จะเห็นสินค้าทั่วโลกมีลักษณะที่คล้ายกัน อีกทั้งรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น คนทั่วโลกเริ่มมีการใส่เสื้อสูทมากขึ้น เริ่มมีการบริโภคที่คล้ายคลึงกัน เราเริ่มมีการรับประทานอาหารประเภทสะดวกซื้อสะดวกทานกันมากขึ้น เช่น แฮมเบอร์เกอร์ กาแฟสด โดนัส
5.สื่อตราสินค้า การสร้างตราสินค้าไม่ว่าจะเป็นชื่อ สัญลักษณ์ สี เป็นสิ่งที่ต้องสร้างและจะต้องนำไปจดลิขสิทธิ์ เพราะหากไม่จด เมื่อสินค้า ผลิตภัณฑ์ อื่นๆเลียนแบบหรือมีการจดก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ทั้งๆที่เราได้สร้างตราเหล่านั้นขึ้นมาก่อน เพราะการใช้สื่อตราสินค้าจะทำให้มีลูกค้าประจำและมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มยอดขายอีกด้วย
6.สื่อหนังสือพิมพ์ ถึงแม้ปัจจุบันสื่อสมัยใหม่จะมีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอยู่ดี เนื่องมาจากว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงสื่อใหม่ๆ เพราะมีราคาที่แพงกว่า มีความยุ่งยากในการใช้กว่า อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเช่นหากไม่เครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็ไม่สามารถดูได้ หนังสือพิมพ์จึงเป็นที่นิยมของประชาชนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง
7.สื่อวิทยุ สำหรับประเทศไทยเรา ยังคงเป็นที่นิยมในสังคมชนบท โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่ชอบพกวิทยุไปฟังเพลง ฟังข่าวสารข้อมูลในขณะทำงาน ยิ่งในยุคปัจจุบันมีวิทยุชุมชน วิทยุผ่านดาวเทียม ยิ่งเป็นการเพิ่มช่องทางให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
8.สื่อโทรทัศน์ มีทั้งภาพและเสียง ซึ่งแตกต่างกับวิทยุที่รับฟังแต่เสียง การโฆษณาผ่านโทรทัศน์จึงสามารถโน้มน้าวใจได้ดีกว่า เพราะสามารถเห็นภาพ เห็นตัวอย่างของสินค้า แต่สื่อโทรทัศน์อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า ตัวเครื่องรับโทรทัศน์ก็แพงกว่าเครื่องรับวิทยุ
9.สื่อภาพยนตร์ หรือ เรียกเป็นภาษาพูดว่า “หนัง” เป็นสื่อที่สร้างความบันเทิง และสามารถนำไปใช้โฆษณาชวนเชื่อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสื่อภาพยนตร์ในยุคปัจจุบัน เราไม่มีความจำเป็นจะต้องไปดูที่โรงภาพยนตร์เหมือนในอดีต แต่เราสามารถชมภาพยนตร์ ในบ้าน ในรถยนต์ ในที่สาธารณะได้อย่างง่ายดายโดยผ่าน “หนังแผ่น” ผ่านทางโทรศัพท์ ผ่านทางโทรทัศน์
10.สื่อเคลื่อนที่ เป็นสื่อทางการตลาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เคลื่อนย้ายได้ เช่น ป้ายโฆษณาที่ติดตามรถยนต์ ติดตามเครื่องบิน ติดตามรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดิน ติดตามรถเข็น
11.สื่อที่วางไว้ ณ จุดขาย เช่น สติกเกอร์ ป้ายโฆษณา ใบปลิว ต่างๆที่ติดไว้อยู่ชั้นวางสินค้า หรือภายในร้านหนังสือก็จะมีการโฆษณาหนังสือติดตามหน้าร้าน
12.สื่อปากต่อปาก เป็นสื่อบุคคลที่มีคุณภาพและอนุภาพมาก เป็นเครือข่ายที่ยากจะมองเห็นและเป็นเครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เพราะคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการ ในขณะเดียวกันคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการเช่นกัน
13.สื่อเน็ตเวิร์ก เป็นการใช้สื่อแบบเครือข่ายหลายชั้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสารข้อมูลทางการตลาดได้อย่างดี เช่นเดียวกับธุรกิจเครือข่าย MLM ของบริษัทต่างๆ การสื่อสารทางการตลาดแบบเน็ตเวิร์กจึงทำให้เกิดการแพร่กระจายสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว
14.สื่อคนดัง การใช้คนดังเป็นสื่อในการขายสินค้าและบริการ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน อีกทั้งในยุคปัจจุบัน คนที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการถึงกับลงมาเล่นหรือออกมาสื่อสารขายสินค้าและบริการด้วยตนเอง ทำให้เกิดการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลกับการสร้างแบรนด์ของสินค้าและบริการไปพร้อมๆกัน
ฉะนั้นการใช้สื่อการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความจริงยังมีอีกหลายๆสื่อการตลาดที่กระผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่นักการตลาดจะประสบความสำเร็จในการใช้สื่อการตลาดหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น หากสินค้ามีความเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน อีกทั้งการใช้สื่อการตลาดก็ไม่มีความแตกต่างกัน ก็คงประสบความสำเร็จได้ยากกว่า คู่แข่งที่มีการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้สื่อการตลาดที่มีความแตกต่างโดดเด่น เหมาะสมกับสถานการณ์
สิ่งที่สำคัญสำหรับนักการตลาด หากต้องการใช้สื่อการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ควรสร้างแตกต่าง อีกทั้งต้องอาศัยความคิดที่สร้างสรรค์ จังหวะในการออกสินค้าและบริการ จังหวะในการออกสื่อแต่ละตัวก็มีความสำคัญบางครั้งออกโฆษณาไปก่อน ในขณะที่ยังไม่มีตัวสินค้าขายตามร้าน ก็ทำให้สูญเสียเวลาและค่าใช้จ่าย สื่อทางการตลาดต้องมีความเหมาะสมกับตัวของสินค้าและบริการจึงจะประสบความสำเร็จ

#image_title
by drsuthichai | Nov 10, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
อยากประสบความสำเร็จต้องมี Passion
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
Passion คือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
Passion มีความสำคัญมากต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลว บางคนเคยบอกผมว่า เขาจะทำธุรกิจแต่มีเงินไม่มากจะทำอย่างไรดี กระผมเป็นนักอ่าน นักอบรม เคยเห็นบุคคลที่มีเงินน้อย แต่เขามี Passion เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เช่น
– ศุภกิจ รุ่งโรจน์ เขาเล่าในงานอบรม สัมมนาว่า หลังจากที่เขาไปเรียนและทำงานที่สหรัฐ แล้วกลับมา
เมืองไทยเขามีเงินติดตัวเพียงแค่เล็กน้อย แต่เขามีหัวใจที่จะทำธุรกิจ (Passion) เขาจึงได้ลงทุนทำธุรกิจ “ พิซซ่า ทูเดย์ พิซซ่าลอยฟ้า ” ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท
– อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำชาวนาซี ประเทศเยอรมนี เขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่มี
การศึกษามากมาย แต่เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้นำประเทศ ( Passion) ในที่สุด เขาได้เป็นจริงๆ
– โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ เรียนจบแค่ประถมสี่ ก็ต้องออกจากโรงเรียน ไปเป็นลูกจ้างร้านจักรยานขณะมีอายุยังไม่
ถึงสิบห้าปี เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจซึ่งล้มลุกคุกคลานมาตลอด แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้(Passion) เขาได้รับสมญาว่า เป็นเทพเจ้าแห่งวงการค้าญี่ปุ่น
– วอลท์ ดีสนีย์ เจ้าของสวนสนุกที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เขามีนิสัยรักศิลปะตั้งแต่เด็ก พออายุ 21 ปี เขาตั้งบริษัท
สร้างภาพยนตร์การ์ตูนกับเพื่อนๆ แต่ถูกพนักงานโกงเงินไปจนถึงขั้นล้มละลาย แต่ด้วยหัวใจที่มี (Passion) เขากลับมาสู้ใหม่ จนในที่สุด โลกต้องจารึกชื่อเขาไว้ว่าเป็นราชาภาพยนตร์การ์ตูนระดับโลก
บุคคลตัวอย่างข้างต้น เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่มี Passion หรือมีใจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า ไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว หากให้ผมเลือกสองอย่างในการทำธุรกิจ คือ มีเงินให้ กับ มีใจให้(Passion) กระผมขอเลือกอย่างหลัง คือมีใจให้(Passion)
นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่ชาวสหรัฐ วิลเลี่ยม เจมส์ กล่าวว่า คนเราโดยทั่วไปใช้สมรรถภาพอันโดดเด่นของตนเองแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ดังนั้นเราสามารถนำเอาขุมทรัพย์ที่อยู่ในร่างกาย จิตใจ ความคิด มันสมอง ออกมาใช้ประโยชน์ได้อีกตั้งมากมาย
จงเคารพตัวเอง จงเชื่อมั่นต่อตัวเอง จงสร้างความฝัน สร้างเป้าหมาย แล้วใช้หัวใจอันเด็ดเดี่ยวทำการบุกเบิก เข้าไปจนฝันนั้น เป้าหมายนั้น กลายเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาทำได้ เราก็ทำได้

#image_title
by drsuthichai | Nov 10, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
มึงสู้จริงหรือเปล่า
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หากครั้งแรกคุณทำไม่สำเร็จก็ขอให้ พยายาม พยายาม และพยายาม ทำต่อไป………
ความสำเร็จจะมีหรือไม่มี ก็ช่างหัวมัน แต่จง พยายาม พยายามและพยายาม ทำต่อไป……
ดิเอโก มาราโดนา นักแตะระดับโลก ซึ่งได้รับฉายาว่า “ หัตถ์พระเจ้า ” เล่นฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อเขาต้องการเข้าสู่นักแตะอาชีพ เขาต้องทุ่มเทฝึกซ้อม ฝึกฝน การแตะบอลวันละไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง เป็นเวลาเกือบ 10 ปี สุดท้ายเขาเป็นนักฟุตบอลระดับโลก
บิล เกตต์ เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำในสิ่งที่เขารัก เขาต้องยุ่งอยู่กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องมือไฟฟ้า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ เขาต้องทนทำงานเหล่านี้ภายในโรงเก็บรถเก่าๆของพ่อเขา เขาใช้เวลาวันละไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมง ทุกๆวัน สุดท้ายเขาคือเจ้าพ่อคอมพิวเตอร์ระดับโลก
เออเนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนรางวัลโนเบล เขาต้องทุ่มเทและใช้เวลาเขียนหนังสือทุกๆวัน เขาแทบจะไม่ได้ออกจากบ้านเลยเป็นเวลาหลายๆปี อีกทั้งเขาต้องใช้เวลาอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือทุกๆวันอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง งานเขียนช่วงแรกๆ เขาถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธ สุดท้ายเขาคือผู้ชนะ โดยได้รับรางวัลระดับโลก
จิมมี เฮนดริกซ์ เขาได้รับยกย่องว่าเป็นนักกีตาร์มือดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง เขาต้องฝึกซ้อม ฝึกฝน การเล่นกีฬาของเขาตลอดเวลา ทุกๆวัน เป็นเวลาหลายปี โดยเขาต้องฝึกฝนไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมง ต่อวัน สุดท้าย เขาได้รับยกย่องในระดับโลก
คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่มีเป้าหมาย รู้ว่าตนเองชอบอะไร แล้วเดินทางไปสู่เป้าหมาย อย่างไม่ลดละความพยายาม ตรงกันข้าม เขาจะฝึกฝน ฝึกซ้อม อย่างหนัก แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักจะโทษสิ่งต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่ง โทษดิน โทษฟ้า โทษอากาศ หรือ มีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวต่างๆนาๆ เช่น ฉันมันไม่มีโอกาส ฉันไม่มีเงิน ฉันเป็นคนไม่มีชื่อเสียง ฉันมัน……ฯลฯ
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจำเป็นจะต้องรู้จักตนเองอย่างแท้จริง ว่าตนเองต้องการอะไร ตนเองอยากที่จะเป็นอะไร แล้วจึงฝึกฝน ฝึกซ้อมตนเอง ตามเป้าหมาย ตามความฝัน ทุกๆวันอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 8 ชั่วโมงขึ้นไป และต้องฝึกฝน ฝึกซ้อมเป็นเวลาหลายๆปี ท่านจึงจะเป็นที่หนึ่งในวงการนั้นๆ

#image_title
by drsuthichai | Nov 10, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ปลาเล็กกินปลาใหญ่
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
“พวกที่ตัวใหญ่ๆ มักไม่กินตัวเล็กๆ เสมอไป แต่พวกที่รวดเร็วกว่าสิ กินพวกที่ช้ากว่าเสมอ” เป็นคำกล่าวของประธานบริษัท BMW แห่งยุโรปเมื่อปี 1989
โลกแห่งการแข่งขันในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะเรื่องของการตลาดมีความสำคัญเป็นอันมาก ซึ่งโลกยุคนี้อะไรก็ไม่แน่นอน บริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทมักไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันกับบริษัทเล็กๆบางแห่งได้ แต่สิ่งที่บริษัทเล็กๆ สามารถเอาชนะบริษัทใหญ่ๆได้ มีประเด็นที่สำคัญก็คือบริษัทเล็กๆต้องพัฒนาเรื่องของความคิด พัฒนาไอเดีย พัฒนาการคิดต่าง คิดอย่างผู้ท้าชิง หาโอกาสให้ตัวเองและจงรักในสิ่งที่ทำ จงทำในสิ่งที่รัก
ในอดีต บริษัทไมโครซอฟท์ของบิล เกตส์ และ บริษัท แอปเปิลของสตีฟ จอบส์ นับว่าเป็นบริษัทเล็กๆ เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM แต่เนื่องจาก ทั้งคนได้ใช้ ไอเดีย คิดค้นสินค้าใหม่ๆ จึงทำให้บริษัทของเขาทั้งสองคน เจริญเติบโตจากบริษัทเล็กๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่ๆระดับโลกได้ในที่สุด
เราจะสังเกตได้ว่า ทั้งสองคนมีแนวความคิด มีไอเดีย ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ดังปรากฏในข่าวตามสื่อต่างๆ หรือจากคำพูดของเขาทั้งสองคน
บิล เกตส์ เคยกล่าวว่า “ ทุกวันนี้ผมทำงานเพราะผมสนุกกับมัน ชีวิตจะสดใสขึ้น ถ้าคุณมองการท้าทายให้เป็นหนทางแห่งการสร้างสรรค์” หรือ “ ไมโครซอฟท์จะรับและต่อยอดเทคโนโลยีออกไปซึ่งจะทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ใหม่ขึ้นมา” หรือ “เราต้องการทำให้แน่ใจว่า เราเป็นผู้นำสินค้าใหม่ไปทดแทนสินค้าของเราเองแทนที่จะให้ผู้อื่นเป็นผู้กระทำ” หรือ “ อะไรทำให้ไมโครซอฟท์ทะยานขึ้นเป็นผู้นำ บิลเกตส์บอกว่า มันคือความคิดนั่นเอง”
สตีฟ จอบส์ เคยกล่าวว่า “ ช่วงชีวิตของคนเรานั้นมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาให้กับการใช้ชีวิตตามคนอื่น” หรือ “ การเป็นคนรวยที่สุดในสุสานไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่การที่ผมได้นอนหลับบนเตียงและพูดว่า วันนี้เราได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทิ้งไว้ให้กับโลก คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด” หรือ “ ในบางครั้งที่คุณเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ แล้วพบกับความผิดพลาด มันจะเป็นการดีมากที่คุณจะรีบหันมายอมรับข้อผิดพลาดนั้นเสียแล้วเดินหน้าปรับปรุงสิ่งใหม่อื่นๆต่อไป”
ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า จากคำพูดของบิล เกตส์ และสตีฟ จอบส์ เขาทั้ง 2 คน ได้พัฒนาความคิด พัฒนาไอเดียใหม่ๆออกมาเสมอๆ ดังนั้น หากว่าบริษัทของท่านเป็นบริษัทเล็กๆ ท่านสามารถเอาชนะบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ด้วยการใช้ความคิดใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ มาแข่งขัน
แล้วถามว่ามันยากไหมที่จะสามารถเอาชนะบริษัทใหญ่ๆได้หากว่าเราเป็นบริษัทเล็กๆ คำตอบมีอยู่ว่า ยุคปัจจุบันลูกค้า ผู้บริโภค ไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต และในอนาคต ลูกค้า ผู้บริโภค ก็จะยิ่งมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หากว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่สามารถปรับตัวต่อการแข่งขัน ก็มีโอกาสตายได้เช่นกัน ดังเช่น ฟิลม์ถ่ายรูปในอดีตมีหลายบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่แต่ก็ล้มหายตายจากไปก็เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้พฤติกรรมลูกค้า ผู้บริโภค เปลี่ยนแปลงตาม จากการใช้ฟิลม์ปกติก็เปลี่ยนแปลงเป็นมาใช้กล้อง Digital บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Kadak คือตัวอย่างที่ดีในอดีตเป็นผู้นำวงการถ่ายรูป แต่ Kadak มีการปรับตัวน้อยมากจึงไม่สามารถรักษาความเป็นผู้นำได้
แล้วถามว่า บริษัทเล็กๆ จะพัฒนาความคิด ไอเดีย จากอะไร นาย Dee Hock กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การป้อนความคิดแปลกๆใหม่ๆ ใส่เข้าไปในหัวสมองของเรา หากแต่อยู่ที่การขจัดความคิดเก่าๆ ออกไปต่างหาก หัวสมองของเราก็เหมือนกับห้องที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ล้าสมัย เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะเอาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ใส่เข้าไป เราก็ต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์เก่าออกไปจากห้องนี้ให้หมด” กล่าวคือ นาย Dee Hock ได้แนะนำให้ลืมอดีตไปบ้าง ไม่ควรนำอดีตมาใส่ในสมอง เพราะหากนำมาใส่มากๆ ก็จะทำให้เราคิดสิ่งใหม่ๆ สิ่งแปลกๆ สิ่งที่สร้างสรรค์ไม่ออก
Think ต่างคืออีกเทคนิคหนึ่งซึ่งจะนำมาซึ่งความคิดและไอเดียแปลกๆ ก็คือ คุณต้องมีความคิดต่าง ในอดีตร้านขายข้าวต้มมีผัดผักบุ้งไฟแดง แต่ด้วยความคิดต่างจึงเกิดมี “ ผักบุ้งลอยฟ้า” หรือ ร้านขายไอศกรีมหากขายตามปกติ ธรรมดาก็ขายกันเหมือนร้านทั่วๆไป แต่ปัจจุบันมี “ไอศกรีมลอยฟ้าหน้าพระปฐมเจดีย์” ฉะนั้น การคิดต่าง จึงก่อให้เกิดชื่อเสียง เกิดความแปลกใหม่ เกิดความสนใจ เกิดความอยากที่จะซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ
คิดอย่างผู้ท้าชิง หากต้องการจะเอาชนะยักษ์ใหญ่หรือต้องการเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ เราก็ควรมีความคิดอย่างผู้ท้าชิงอยู่ตลอดเวลา เพราะหากว่าวันใดเราคิดว่า เราเหนือกว่าคนอื่นแล้ว เราก็ไม่อยากที่จะคิด อยากที่จะพัฒนาตนเอง ไม่อยากที่จะพัฒนาความคิด พัฒนาไอเดีย ต่อไป จงคิดอย่างผู้ท้าชิงอยู่เสมอ แล้ว ท่านจะได้ไม่หยุดความคิดในการพัฒนาสินค้าและบริการของท่านเอง
หาโอกาสให้ตัวเอง บริษัทของตัวเอง สินค้าและบริการของตัวเองอยู่ตลอดเวลา โอกาสมีอยู่ทุกๆที่ ทุกหนแห่ง เพียงแต่เราจะสามารถจับมัน หยิบมันมาใช้ได้หรือไม่ บางคนมีโอกาส เข้ามาในชีวิตแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับโอกาสที่ผ่านเข้ามาได้ จงเตรียมพร้อมความคิด ไอเดีย ต่างๆของคุณ เมื่อโอกาสมาถึงความคิด ไอเดียดีๆ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และนำพาคุณไปสู่ความร่ำรวยได้ สำหรับวิธีในการหาโอกาส เราสามารถหาโอกาสได้จากหลายวิธี เช่น การสมัครเป็นสมาชิกสื่อต่างๆในวงการที่เราทำงาน,การไปร่วมงานแสดงงานโชว์สินค้าต่างๆ,การนำเอาของเก่ามาประยุกต์และพัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นต้น
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำในสิ่งที่รัก บุคคลที่ประสบความสำเร็จ สร้างความร่ำรวยหรือโด่งดัง เขามักจะทำงานในสิ่งที่เขารัก เขาจึงกลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียงในที่สุด หากบริษัทของท่านยังเล็กอยู่ ท่านสามารถสนุกกับมัน ท่านสามารถพัฒนาบริษัทจนเติบโตได้ หากว่าท่านได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก จงรักในสิ่งที่ที่ท่านทำและจงทำในสิ่งที่รัก แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ปลาเลิกสามารถกินปลาใหญ่ได้ บริษัทเล็กๆ สามารถเอาชนะบริษัทใหญ่ๆได้ ก็โดยการพัฒนาเรื่องของความคิด พัฒนาไอเดีย พัฒนาการคิดต่าง คิดอย่างผู้ท้าชิง หาโอกาสให้ตัวเองและจงรักในสิ่งที่ทำ จงทำในสิ่งที่รัก

#image_title