by SompitMekmok | Apr 30, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
ไม้วอลนัท: ราชาแห่งไม้เนื้อแข็ง สู่ไม้เอ็นจิเนียร์สุดล้ำค่า
ไม้วอลนัท (Walnut) ไม่ได้มีดีแค่เมล็ดอร่อยเท่านั้น แต่เนื้อไม้ของมันยังขึ้นชื่อเรื่องความงาม ทนทาน และใช้งานหลากหลาย จนได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งไม้เนื้อแข็ง” นิยมนำไปแปรรูปเป็นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีคุณภาพสูง เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งภายใน และงานอื่นๆ อีกมากมาย
ทำไมต้องใช้ไม้วอลนัททำไม้เอ็นจิเนียร์?
1. ลายไม้ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์:
- ไม้วอลนัทมีลวดลายไม้ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร สีสันเข้มข้น มีเสี้ยนไม้ที่เรียบเนียน สม่ำเสมอ
- ลวดลายไม้มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และแหล่งปลูก
- ตัวอย่างลายไม้ที่พบได้บ่อย เช่น ลายตรง ลายขีด ลายก้นหอย ลายช้าง ฯลฯ
- ลายไม้แต่ละแบบมีความสวยงามแตกต่างกัน เหมาะกับการนำไปตกแต่งบ้านในสไตล์ต่างๆ
- ตัวอย่างการใช้งานลายไม้:
- ลายตรง: เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์แบบโมเดิร์น เรียบง่าย
- ลายขีด: เหมาะกับงานตกแต่งผนัง พื้น
- ลายก้นหอย: เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์แบบคลาสสิก หรูหรา
- ลายช้าง: เหมาะกับงานแกะสลัก ของตกแต่ง
2. ความแข็งแรงทนทาน:
- ไม้วอลนัทเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทกและการเสียดสี
- รองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องการความคงทน ใช้งานได้ยาวนาน
- ไม่บิดงอหรือเสียรูปทรงง่าย
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- โต๊ะ เก้าอี้ เตียง
- พื้นไม้ ประตู หน้าต่าง
- ด้ามจับเครื่องมือ อุปกรณ์กีฬา
3. กันน้ำและทนทานต่อปลวก:
- ไม้วอลนัทมีน้ำมันธรรมชาติอยู่ภายในเนื้อไม้ ช่วยให้ไม้กันน้ำ ทนทานต่อปลวกและแมลง
- เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศ
- สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- งานตกแต่งภายนอกอาคาร
- งานก่อสร้าง
- งานต่อเรือ
4. ง่ายต่อการแปรรูป:
- ไม้วอลนัทมีความยืดหยุ่นสูง แปรรูปง่าย ขัดเงาได้สวยงาม
- สามารถดัดโค้ง งอ ตัด เจาะ ได้ตามต้องการ
- เหมาะกับงานที่ต้องการความประณีต ละเอียดอ่อน
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- งานแกะสลัก
- งานไม้ประดับ
- งานเฟอร์นิเจอร์แบบโค้งมน
5. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม:
- ไม้วอลนัทเป็นไม้ที่ปลูกทดแทนได้ง่าย ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่า
- เป็นไม้ที่ยั่งยืน ใช้งานได้ยาวนาน
- ช่วยลดมลพิษทางอากาศ
- ตัวอย่าง:
- เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้วอลนัทที่ผ่านการรับรองจากแหล่งปลูกยั่งยืน
- สนับสนุนการใช้ไม้เอ็นจิเนียร์แทนไม้เนื้อแข็งธรรมชาติ
ไม้วอลนัท จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีคุณภาพสูง สวยงาม ทนทาน และใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับงานที่ต้องการความพิเศษและโดดเด่น
by SompitMekmok | Apr 29, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ตัวเลือกที่ยั่งยืนสำหรับบ้านของคุณ
ในโลกปัจจุบัน สิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่เคยในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับบ้านของเรา เมื่อพูดถึงพื้นไม้ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่แสวงหาทั้งสไตล์และความยั่งยืน พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่สวยงามและทนทานสำหรับบ้านของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ทำไมพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ถึงเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืน?
-
ลดขยะ: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทำจากชิ้นไม้ขนาดเล็กที่โดยปกติแล้วจะถูกทิ้ง ซึ่งทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรมากขึ้น
-
ไม้ชนิดที่เติบโตช้า: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์หลายชนิดทำจากไม้ชนิดที่เติบโตเร็วและยั่งยืน เช่น ไม้ไผ่และไม้ก๊อก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าไม้เนื้อแข็งที่เติบโตช้า
-
ทนทานและใช้งานได้ยาวนาน: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความทนทานสูงมากและสามารถใช้งานได้หลายปีด้วยการดูแลที่เหมาะสม ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนบ่อยครั้งและขยะที่เกี่ยวข้อง
-
การปล่อย VOC ต่ำ: ผลิตภัณฑ์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์หลายชนิดได้รับการรับรองว่าปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) ต่ำ ซึ่งสามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารได้
-
รีไซเคิลได้: เมื่อสิ้นอายุการใช้งาน พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มักสามารถนำไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์ใหม่ได้ ซึ่งช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนได้อีก
ประโยชน์เพิ่มเติมของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์:
-
ใช้งานได้หลากหลาย: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้ในสถานที่ต่างๆ มากมาย รวมถึงบ้าน สำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์
-
ดูแลรักษาง่าย: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทำความสะอาดและดูแลรักษาง่าย โดยต้องดูแลรักษาน้อยที่สุด
-
กันน้ำ: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์บางชนิดกันน้ำ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น ครัวและห้องน้ำ
-
สไตล์หลากหลาย: พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ สี และการตกแต่งเพื่อให้เข้ากับการตกแต่งใดๆ
การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ยั่งยืน:
-
มองหาการรับรอง: มองหาผลิตภัณฑ์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรต่างๆ เช่น Forest Stewardship Council (FSC) หรือ Sustainable Forestry Initiative (SFI) การรับรองเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าไม้ที่ใช้มาจากป่าที่จัดการอย่างมีความรับผิดชอบ
-
เลือกเนื้อหาที่รีไซเคิล: ผลิตภัณฑ์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์บางชนิดมีเนื้อหาไม้รีไซเคิล ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม
-
พิจารณาผู้ผลิตในท้องถิ่น: การสนับสนุนผู้ผลิตในท้องถิ่นช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
-
การติดตั้งและบำรุงรักษาที่เหมาะสม: การติดตั้งและบำรุงรักษาที่เหมาะสมสามารถยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณได้ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนใหม่
ด้วยการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คุณสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพลิดเพลินกับตัวเลือกพื้นที่สวยงาม ทนทาน และไม่ต้องบำรุงรักษาสำหรับบ้านของคุณ ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและคุณประโยชน์มากมาย พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับเจ้าของบ้านที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โปรดจำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในบ้านของเราสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อโลกใบนี้
by wedigital | Apr 28, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
กระเบื้องหลังคาบ้าน ความสำคัญคือช่วยให้บ้านร่มเย็น กันแดด กันฝน และรวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังควรเลือกช่างที่ชำนาญงานในการมุงหลังคาและที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเลือกแบบหลังคา ที่มีหลายหลายรูปแบบ รูปทรงที่แตกต่าง รวมถึงเหมาะกับสภาพอากาศภูมิประเทศไทยไหม เราควรจะศึกษาก่อนทำการ
ติดตั้งหรือ ต้องการเปลี่ยนแปลงหลังคาไว้ให้ดี วันนี้ขอนำการเลือกกระเบื้องหลังคามาให้ทราบกันเพื่อจะได้เป็นตัวเลือกสำหรับท่านที่ต้องการเปลี่ยนหรือกำลังมองหากระเบื้องหลังคากันค่ะ
กระเบื้องหลังคาทำจากอะไร
กระเบื้องหลังคา คือ แผ่นกระเบื้องหลังคาบ้านที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์(ไฟเบอร์ซีเมนต์) กรรมวิธีการผลิตโดยนำไปผสมกับเส้นใยสังเคราะห์ หรือเส้นใยเซลลูโลสและซิลิกา ที่มีเนื้อเหนียวแต่ยืดหยุ่น และคงทนสูง แล้วนำไปผสมกับทรายละเอียด
หลังจากนั้นนำไปอบไอน้ำแรงดันสูง เพื่ออัดขึ้นรูปแล้วรีดออกมาเป็นแผ่นในรูปแบบที่ต้องการ ความนิยมในตลาดโดยส่วนใหญ่มักใช้กันในรูปแบบของกระเบื้องลอนคู่ และที่สำคัญส่วนผสมที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ไม่ใช่เส้นใยหิน ทำให้กระเบื้องหลังคาเป็นวัสดุที่แข็งแรงทนทาน มีน้ำหนักเบา อีกทั้งไม่มีสารพิษที่ก่อให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย สะสมความร้อนต่ำ และปลอดภัยจากปลวกและแมลงต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากจะใช้เป็นกระเบื้องหลังคาบ้านได้แล้ว ไฟเบอร์ซีเมนต์ก็ยังเป็นวัสดุที่ใช้กับส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้อีกด้วย เช่น ผนัง ฝ้า ไปจนถึงพื้น
คุณสมบัติกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ควรรู้
1. แข็งแรง ทนต่อสภาพแวดล้อมแบบต่าง ๆ
2. ปลอดภัยต่อสุขภาพ
3. มีสีสันให้เลือกหลากหลายแบบ
4. ช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน
5. หาซื้อได้สะดวก
รูปทรงกระเบื้องหลังคาแบบต่างๆ
1. ทรงหลังคาชนิดต่าง
-ทรงจั่ว
-ทรงมนิลา
-ทรงปั้นหยา
หรือสโลปต่ำแบบโมเดิร์นที่กำลังมาแรงอยู่ในปัจจุบัน หลังคาทรงสูงมีข้อดีในเรื่องของการถ่ายเทอากาศ หลังคาองศาต่ำๆ ก็จะได้การตอบโจทย์ในเรื่องงานดีไซน์ของบ้านที่ดูทันสมัยขึ้น
2. ชนิดของกระเบื้องหลังคา
– กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ สไตล์คลาสสิค มุงเข้ากับทรงหลังคาบ้านได้หลากหลาย จุดเด่นน้ำหนักเบา ประหยัดโครงสร้าง ราคาถูก นำความร้อนต่ำ
– กระเบื้องหลังคาคอนกรีต
กระเบื้องลอนคู่จะเหมาะกับบ้านสไตล์ร่วมสมัย อบอุ่นเป็นธรรมชาติ
กระเบื้องคอนกรีตแผ่นเรียบจะเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น หรือบ้านสไตล์ร่วมสมัยเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น
กระเบื้องหลังคาเซรามิค สีสวยทนทานไม่ซีดจาง เหมาะกับคนที่อยากให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอ
3. สีกระเบื้องหลังคา สื่อถึงอะไร
สีแดง ช่วยเสริมเรื่องความ สร้างจุดเด่น
สีเขียว ช่วยเสริมเรื่องสุขภาพ ความสงบ และความร่ำรวย
สีส้มและสีน้ำตาล ช่วยเสริมเรื่องความสัมพันธ์และความสุขของคนในบ้าน
สีน้ำเงิน ช่วยเสริมเรื่องการงาน และโอกาสในชีวิต
สีเทาและสีน้ำตาลหม่น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้หญิงในบ้านะเบื้องหลังคา
4. เลือกกระเบื้องหลังคาปราศจากแร่ใยหิน
นอกจากความสวยงาน และข้ออื่นๆในการเลือกหลังคาแล้วนั้น ควรเลือกหลังคาปราศจากแร่ใยหิน ลดความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งปอด ปลอดภัย แข็งแรง ทนทาน ทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี
4 ข้อคิดสำหรับในการเลือกหลังคาลอนคู่แล้วนั้น ยังมีข้อคิดสำหรับการเลือกเพื่อสุขภาพลดความเสี่ยง ปลอดภัย แข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศต่างๆ หากเลือกใช้หลังคา Hahuang ทนหายห่วงแน่นอน
สนใจผลิตภัณฑ์สามารกดดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่
ข้อดี-ข้อเสีย ของกระเบื้องลอนคู่
กระเบื้องหลังคาลอนคู่ ข้อดี ราคาถูก ติดตั้งง่าย ข้อเสีย มีน้ำหนักมาก เปลืองค่าใช้จ่ายในการทำโครงสร้างเหล็ก
by SompitMekmok | Apr 27, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
ไม้สัก: ไม้เนื้อแข็งที่มีความนิยมยาวนาน
ไม้สัก หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tectona grandis เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบในฤดูร้อน พบได้ทั่วไปในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และบางส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ไม้สักมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความทนทานเป็นพิเศษ สีสันที่สวยงาม และลายไม้ที่ประณีตงดงาม
ไม้สักได้รับความนิยมมายาวนานหลายศตวรรษ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าใช้ในอารยธรรมโบราณ ปัจจุบันไม้สักยังคงเป็นไม้เนื้อแข็งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นที่นิยมทั้งในเรื่องความสวยงามที่คงทนและความหลากหลาย
คุณสมบัติและการใช้งานของไม้สัก
คุณสมบัติพิเศษของไม้สักมาจากองค์ประกอบที่ไม่เหมือนใคร ไม้ชนิดนี้มีน้ำมันธรรมชาติในปริมาณสูง ทำให้ทนทานต่อการผุพัง การเสื่อมสภาพ และการรุกรานของแมลง ความยืดหยุ่นโดยธรรมชาติของไม้สักนี้ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ซึ่งสามารถทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรงได้โดยไม่ทำลายความสมบูรณ์ของเนื้อไม้
ความหลากหลายของไม้สักนั้นไม่จำกัดอยู่แค่การใช้งานกลางแจ้งเท่านั้น สีทองอ่อนอันอบอุ่นและลายไม้ที่สวยงามของไม้สักนั้นเป็นที่นิยมสำหรับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายใน น้ำมันธรรมชาติของไม้ช่วยเพิ่มประกายเงางามซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามของไม้ สัมผัสที่เรียบเนียนให้ความรู้สึกหรูหรา ไม้สักมีความแข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ แผงไม้ และองค์ประกอบตกแต่งอื่นๆ
ไม้สักในประเทศไทย
ประเทศไทยมีประวัติอันยาวนานในการปลูกและใช้ไม้สัก สภาพอากาศแบบเขตร้อนและดินที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศไทยนั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้สัก ป่าไม้สักเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยมาหลายศตวรรษ มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจและมรดกทางวัฒนธรรม
อุตสาหกรรมไม้สักของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป เปลี่ยนจากการตัดไม้ทำลายป่าที่ไม่ยั่งยืนมาเป็นการจัดการป่าไม้ที่รับผิดชอบมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยยังคงเป็นผู้ผลิตและส่งออกไม้สักรายใหญ่ ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ส่งเสริมการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืนและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เสน่ห์อันยั่งยืนของไม้สัก
ความนิยมที่ยั่งยืนของไม้สักเป็นเครื่องพิสูจน์คุณสมบัติพิเศษและความหลากหลายที่เหนือชั้น ความทนทานต่อการผุพังควบคู่ไปกับความสวยงามที่น่าหลงใหล ทำให้ไม้สักเป็นวัสดุที่เหนือกาลเวลาที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับสถาปนิก นักออกแบบ และช่างฝีมือทั่วโลก ไม่ว่าจะประดับประดาภายนอกของโครงสร้างอันยิ่งใหญ่หรือประดับประดาภายในบ้าน ไม้สักเปล่งประกายความสง่างามและความซับซ้อน เพิ่มสัมผัสแห่งความหรูหราเหนือกาลเวลาให้กับทุกสภาพแวดล้อม
เมื่อโลกมุ่งสู่แนวทางที่ยั่งยืน ไม้สักจึงเป็นตัวเลือกที่รับผิดชอบ ด้วยความทนทานที่พิสูจน์แล้วและความงามที่ยั่งยืน ไม้สักยังคงเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับคนรุ่นต่อไป มรดกของไม้สักนั้นหยั่งรากลึกในอดีต ในขณะที่อนาคตยังคงมีโอกาสมากมายสำหรับการสร้างผลงานชิ้นเอกที่สวยงามและคงทน
by wedigital | Apr 27, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
“ฝ้าเพดาน” เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อบ้านและงานสถาปัตยกรรม อาคารจะเสร็จสมบูรณ์ไม่ได้ หากขาดการติดตั้งฝ้าเพดาน โดยประโยชน์ของฝ้าเพดานก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้งานออกมาเรียบร้อย สวยงาม ซ่อนงานระบบต่าง ๆ ไว้เหนือฝ้า ช่วยป้องกันแมลง ฝุ่นต่าง ๆ รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิในห้อง
ตามปกติแล้วเราจะแบ่งประเภทฝ้าเพดานเป็น 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบ่งตามประเภทการติดตั้ง และแบ่งตามวัสดุที่ใช้ติดตั้ง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักประเภทฝ้าเพดานตามการติดตั้ง ซึ่งเป็นแบบที่นิยมและใช้กันมากที่สุด Home Buyers มาพร้อมกับเกร็ดความรู้ดี ๆ ในเรื่องของประเภทฝ้าเพดาน และข้อดีของแต่ละประเภท
1. ฝ้าเพดานฉาบเรียบ
เริ่มจากฝ้าเพดานแบบแรกที่นิยมใช้กันเพื่อความเรียบร้อย กลมกลืนไปกับการออกแบบ นั่นคือฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบ ฝ้าประเภทนี้มักติดตั้งแบบถาวร ซึ่งวัสดุแผ่นส่วนใหญ่ที่นิยมใช้จะเป็นยิปซั่มและไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีคุณสมบัติน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
ติดตั้งฝ้าเพดานฉาบเรียบโดยการยึดวัสดุแผ่นเข้ากับโครงคร่าวอลูมิเนียมที่ติดไว้กับโครงหลังคา จากนั้นช่างจะทำการฉาบเรียบปิดรอยต่อฝ้าด้วยปูน และปิดทับรอยต่อด้วยผ้าด้ายดิบ ขั้นตอนสุดท้ายคือทาสีทับฝ้าเพดานทั้งหมดอีกรอบเพื่อเก็บงาน
หลังจากเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว เราจะเห็นว่าแผ่นฝ้าเรียบเนียนเป็นผืนเดียวกันหมด ไม่เห็นรอยต่อ จึงเรียกฝ้าประเภทนี้ว่าฝ้าฉาบเรียบ
2. ฝ้าเพดานแขวน (ที-บาร์)
ฝ้าเพดานแขวน หรือ T-bar เป็นประเภทฝ้าเพดานที่นิยมใช้ค่อนข้างมาก เนื่องจากติดตั้งสะดวก ราคาถูกเมื่อเทียบกับฝ้าแบบอื่นๆ ดูแลรักษาง่าย สามารถเปิดฝ้าขึ้นไปดูแล ซ่อมแซมงานระบบได้ และข้อสำคัญหากฝ้าชิ้นใดชำรุดก็สามารถเปลี่ยนที่ชำรุดได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมดค่ะ
ฝ้าเพดานแขวนจะทำการติดตั้งโครงคร่าวเป็นรูปตัว T คว่ำ เป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมเท่าๆ กัน เพื่อวางแผ่นฝ้ายิปซั่ม โดยจะมี 2 ขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้ ได้แก่ 60×60 ซม. และ 60×120 ซม.
ฝ้าเพดานชนิดนี้เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก อาคารสำนักงาน หรืออาคารที่เน้นการซ่อมบำรุงได้ง่าย ทั้งนี้จะไม่เหมาะกับอาคารสูง ๆ เพราะหากเกิดลมพัดแรงหรือเกิดแผ่นดินไหว อาจทำให้ฝ้าเพดานหลุดลงมาเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานค่ะ หรือถ้าต้องการติดตั้งในพื้นที่ ที่มีความชื้นสูง ควรเลือกฝ้า T- bar แบบกันชื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา
3. ฝ้าหลุม
ฝ้าเล่นระดับหรือฝ้าหลุมเหมาะสำหรับห้องหรืออาคารที่ต้องการความสวยงาม ความหรูหรา เช่น บ้าน รีสอร์ท ห้องประชุม และห้องสำนักงาน เป็นต้น ฝ้าเล่นระดับทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นดูมีมิติ ดึงดูดสายตา และยังทำให้รู้สึกระยะพื้นถึงฝ้าสูงมากขึ้นด้วย
ตามปกติแล้วหากเลือกใช้ฝ้าชนิดนี้ ก็มักจะมีการใช้คิ้วบัวตกแต่งเพิ่มค่ะ หรือถ้าใช้ฝ้าหลุมก็สามารถซ่อนงานระบบ ซ่อนเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งโคมไฟระย้า เพิ่มความสวยงามได้ด้วย
4. ฝ้าเพดานซ่อนระบบไฟ
ฝ้าเพดานซ่อนระบบไฟ จะคล้าย ๆ กับฝ้าหลุม มีการเว้นพื้นที่ฝ้าเพื่อวางแนวไฟให้สะท้อนจากฝ้ากระทบบริเวณพื้นที่ ที่ต้องการใช้งาน เป็นการเพิ่ม Shade & Lighting สร้างบรรยากาศในห้องให้นุ่มนวล สบายตา และยังเพิ่มความหรูหรา
5. ฝ้าอะคูสติก
ฝ้าอะคูสติกเป็นฝ้าที่มีการดูดซับเสียง ป้องกันเสียงสะท้อนได้ดีมากกว่าฝ้าชนิดอื่น ในปัจจุบันมีฝ้าอะคูสติกให้เลือกใช้หลายแบบ หลายประเภท อาทิ Acoustic Board, M board ฟองน้ำ เป็นต้น ส่วนมากนิยมใช้ในห้องดนตรี ห้องประชุมสัมนา โรงหนัง หรือห้องจัดแสดงต่าง ๆ ที่ต้องการลดการสะท้อนของเสียงเป็นพิเศษ
6. ฝ้าระแนง
ฝ้าระแนงมักนิยมใช้เพื่อการตกแต่ง เพิ่มความสวยงาม หรือใช้สำหรับพรางงานระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซ่อนท่อ สายไฟ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีความโปร่งช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก ซ่อมแซมง่าย
ฝ้าระแนงให้ความรู้สึกทันสมัย มีดีไซน์ และหากเลือกใช้ระแนงไม้ยังเพิ่มความอบอุ่นได้ด้วย ฝ้าประเภทนี้จะใช้ในอาคารสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เช่น ล็อบบี้ โถงโรงแรม ห้างสรรพสินค้า หรือสถานีรถไฟ ฯลฯ
7. ฝ้าติดตั้งพิเศษ
ฝ้าประเภทนี้มีความพิเศษกว่าฝ้าที่กล่าวมาทั้งหมดค่ะ เนื่องจากเป็นฝ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสวยงามโดยเฉพาะ ในแต่ละสเปซ แต่ละอาคาร ก็จะมีการออกแบบฝ้าเพดานที่แตกต่างกัน สร้างความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจให้กับพื้นที่นั้น ๆ โดยเฉพาะ มักจะพบบ่อยได้ในงานโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และรีเทลช็อป
ฝ้าชนิดนี้มักจะมีการผสมวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น ใช้กระจก อะคริลิก ไม้ ผ้า หรือแม้แต่ผ้าใบ ล้วนขึ้นอยู่กับการออกแบบ ทั้งนี้จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งด้วย เนื่องจากมีความซับซ้อนมากกว่า

by SompitMekmok | Apr 26, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
ลวดลายพื้นไม้โอ๊คแบบก้างปลาที่โดดเด่น
ลวดลายแบบก้างปลาหรือเฮอริงโบนสำหรับพื้นไม้กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสำหรับนักออกแบบภายในและเจ้าของบ้านที่ต้องการเพิ่มเอกลักษณ์และความน่าสนใจทางภาพ แต่ลวดลายโดดเด่นแบบนี้มีที่มาอย่างไร และทำไมไม้โอ๊คจึงเหมาะสมที่จะสร้างผลลัพธ์ที่สวยงามของการออกแบบแบบก้างปลา
ที่มาของลวดลายเฮอริงโบน ลวดลายเฮอริงโบนได้ชื่อมาจากลักษณะที่คล้ายกับโครงสร้างกระดูกของปลาเฮอริง ประกอบด้วยชิ้นส่วนไม้ที่เรียงตัวในลักษณะซิกแซ็กแบบถอยหลัง สร้างลวดลายที่น่าสนใจและมีความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและการไหล
นักประวัติศาสตร์สืบย้อนที่มาของการใช้การวางแนวเฮอริงโบนสำหรับพื้นและทางเดินย้อนกลับไปถึงสมัยโรมันโบราณ ลวดลายที่มีมุมทำให้มีความแข็งแรงและให้แรงเสียดทานมาก ทำให้เฮอริงโบนเป็นที่นิยมสำหรับถนนและเส้นทาง ในยุคเรเนซองส์ศตวรรษที่ 16 ลวดลายเฮอริงโบนได้รับความนิยมสำหรับพื้นปาร์เก้ที่มีสไตล์ในวังและบ้านมืองานทั่วยุโรป
การฟื้นคืนความนิยม แม้ว่าเฮอริงโบนจะไม่เคยล้าสมัยไปจากสไตล์ แต่มันได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในฐานะพื้นที่ต้องการสำหรับบ้านสมัยใหม่และพื้นที่พาณิชย์ นักออกแบบภายในชื่นชอบวิธีการที่การวางแนวก้างปลาสามารถเปลี่ยนมุมมองของขนาดห้องได้อย่างน่าอัศจรรย์ เส้นทแยงมุมสร้างผลกระทบแบบไดนามิกและยืดออก นอกจากนี้ลวดลายซิกแซ็กที่วนซ้ำยังช่วยปกปิดรอยทางการสัญจรและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าแผ่นไม้ตรง
ทำไมโอ๊คจึงเหมาะสม โอ๊คเคยได้รับการยกย่องมาว่าเป็นชนิดไม้ที่ดีที่สุดสำหรับพื้นเฮอริงโบนและปาร์เก้เนื่องจากคุณสมบัติที่ติดตัวมา:
ความทนทาน – โอ๊คเป็นไม้แข็งพิเศษเนื้อแน่นสามารถทนต่อการจราจรหนาแน่นได้
รูปลักษณ์โดดเด่น – โอ๊คมีลวดลายเนื้อไม้ที่สามารถมองเห็นและมีพลังตกแต่งซึ่งจะแสดงมุมของการวางแนวเฮอริงโบนได้อย่างสวยงาม
ความหลากหลายของสี – โอ๊คสามารถย้อมสีได้หลากหลายตั้งแต่เทาสมัยใหม่ไปจนถึงสีน้ำผึ้งโทนเข้มแบบคลาสสิก
การบำรุงรักษาต่ำ – โอ๊คที่ผ่านการบำบัดอย่างถูกต้องจะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและมีความต้านทานต่อรอยขีดข่วนและรอยบุบได้ดี
ไม่ว่าจะวางเป็นลายขวางแบบดั้งเดิมหรือเป็นแบบโค้งหรือทแยงที่มีพลวัตมากขึ้น สไตล์ก้างปลาก็จะสร้างลุคหรูหราอบอุ่นที่ผสมผสานกับสไตล์การตกแต่งภายในทุกแบบทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย ด้วยความทนทานและความงามตามธรรมชาติของโอ๊ค พื้นไม้โอ๊คแบบก้างปลาจึงเป็นสัมผัสที่มีระดับสูงและสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับพื้นที่หรูหราได้อย่างแท้จริง