F-Grade Foam คือ อะไร?

F-Grade Foam คือ อะไร?

พอลิสไตรีน (Polystyrene Foam, PS Foam) ชนิด F-Grade

f-grade foam
F-Grade Foam

F-Grade Foam คือ โฟมเกรดไม่ลามไฟ เป็นโฟมเกรดพิเศษที่มีความปลอดภัยสำหรับการป้องกันอัคคีภัย และโฟมในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเติมสารที่ชื่อว่า Hexabromocyclododecane (HBCD) ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ (Brominated Flame Retardant) ดังนั้นเมื่อโฟมมีการจะสามารถชะลอการลามไฟได้เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น นอกจากจะมีการนำสาร HBCD ไปใช้ในการผลิตโฟมฉนวนแล้วนั้นยังมีการนำไปใช้ในการผลิตสิ่งทอต่าง ๆ เช่น ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์, ฟูก, เบาะรถยนต์, ผ้าม่านและสิ่งทอในรถยนต์ เป็นต้น

  • P.S. Foam นิยมนำไปใช้งานเป็นไส้กลางของแผ่นฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า EPS (Expanded Polystyrene) Sandwich Panel
  • นิยมใช้งานเป็นแผ่นผนังห้องเย็น ไลน์ผลิตอาหาร
  • สามารถกันความร้อน รักษาอุณหภูมิได้ดี
  • แต่มีข้อเสีย คือ ไม่สามารถกันไฟได้ เมื่อเกิดเพลิงไหม้จะละลายกลายเป็นหยดไฟ
    ลุกลาม เสียโครงสร้าง ทำให้อาคารถล่ม
  • และมีค่าการดูดซับน้ำสูง (Water Absorption) เมื่อเทียบกับฉนวน PIR Foam และ PU Foam
  • มีค่าความเป็นฉนวนต่ำกว่า PU (Polyurethane) หรือ PIR ปลอม ที่มีค่าการกันไฟ Index < 350 และ PIR แท้ ๆ (โฟม Polyisocyanurate) ที่มีค่าการกันไฟ Index > 350
Eps Foam Granules
ที่มาของภาพ: https://fatek.co.th

https://fi.co.th/article/what-is-f-grade-foam/

เช่ารถตู้กระบี่ไปเที่ยวทะเล ดำน้ำ หรือขึ้นเขา เลือกยังไงให้คุ้มค่า?

เช่ารถตู้กระบี่ไปเที่ยวทะเล ดำน้ำ หรือขึ้นเขา เลือกยังไงให้คุ้มค่า?

แหล่งรวมความบันเทิงและวัฒนธรรมท้องถิ่น

 

ตลาดกลางคืนกระบี่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Krabi Town Night Market ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะหากคุณเดินทางกับครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือแบบส่วนตัว การใช้บริการเดินทางอย่าง บริการเช่ารถตู้กระบี่พร้อมคนขับ จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ในช่วงเย็นจนถึงค่ำ ตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองกระบี่ บริเวณถนนอุดมสุข (Utharakit Road) และเป็นแหล่งรวมความบันเทิง วัฒนธรรมท้องถิ่น และอาหารอร่อย ๆ ที่จะทำให้คุณประทับใจ


จุดเด่นของตลาดกลางคืนกระบี่

🍜 อาหารท้องถิ่นอร่อยหลากหลาย

ตลาดกลางคืนกระบี่เต็มไปด้วยร้านอาหารและแผงขายของที่มีทั้งอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติ คุณสามารถลิ้มลองเมนูเด็ดของกระบี่ เช่น ข้าวคลุกกะปิ, โรตี, ผัดไทย, กุ้งเผา, ส้มตำ, ผลไม้สด และอาหารทะเลสด ๆ

🛍️ สินค้าหัตถกรรมและของฝาก

แหล่งช้อปปิ้งของฝากที่มีเอกลักษณ์ เช่น เครื่องประดับ, เสื้อผ้า, กระเป๋าผ้า, งานฝีมือ และของตกแต่งสไตล์ท้องถิ่น เหมาะสำหรับซื้อเป็นของขวัญติดไม้ติดมือกลับบ้าน

🎶 บรรยากาศและการแสดงสด

เต็มไปด้วยเสียงเพลงสดและการแสดงจากศิลปินท้องถิ่น เพิ่มความสนุกให้กับการเดินเล่นและสร้างความทรงจำที่ดีในช่วงค่ำ

🧭 แหล่งรวมวัฒนธรรมท้องถิ่น

คุณจะได้เห็นงานศิลปะหัตถกรรมจากท้องถิ่น เช่น งานหินปูน ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว และของที่ระลึกทำมือ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวกระบี่


🚐 วิธีเดินทางไปตลาดกลางคืนกระบี่

การเดินทางไป ตลาดกลางคืนกระบี่ นั้นง่ายและสะดวก โดยเฉพาะถ้าคุณใช้บริการ เช่ารถตู้กระบี่ หรือ บริการรถตู้กระบี่แบบพร้อมคนขับ ซึ่งช่วยให้คุณเดินทางจาก อ่าวนางสนามบินกระบี่, หรือ ท่าเรือ ได้อย่างราบรื่น ใช้เวลาประมาณ 20–30 นาทีเท่านั้น

หากคุณเดินทางมาเป็นกลุ่ม แนะนำให้เลือกใช้ บริการรถตู้กระบี่ เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และสามารถเดินทางแบบส่วนตัวได้อย่างยืดหยุ่นตามแผนที่วางไว้


🧭 กิจกรรมที่น่าสนใจ

  • ชิมอาหารท้องถิ่น รสชาติเข้มข้นจากวัตถุดิบสดใหม่ เช่น ขนมจีน น้ำยาปู, ข้าวหมกไก่, หอยทอด หรือหมึกย่าง

  • เลือกซื้อของฝากท้องถิ่น เช่น สบู่หอม, งานจักสาน, กระเป๋าผ้าทอมือ

  • เดินชมเมืองกระบี่ยามค่ำคืน ชมแสงไฟบรรยากาศสุดคึกคักและถ่ายรูปสวย ๆ


🧳 เหมาะกับใคร?

  • นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในเมืองหรืออ่าวนาง

  • กลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวที่ใช้ บริการเช่ารถตู้กระบี่พร้อมคนขับ

  • ผู้ที่ต้องการเที่ยวแบบสบาย ไม่เร่งรีบ โดยสามารถจัดแผนเที่ยวอื่น ๆ ได้ในวันเดียว


สรุป

ตลาดกลางคืนกระบี่ คือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสทั้งรสชาติอาหาร ความอบอุ่นของคนท้องถิ่น และความมีชีวิตชีวาของเมืองกระบี่ยามค่ำคืน หากคุณต้องการทริปที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อย่าลืมเลือกใช้บริการ เช่ารถตู้กระบี่ หรือ บริการรถตู้กระบี่พร้อมคนขับ ที่จะพาคุณเที่ยวแบบไร้กังวล สะดวกและปลอดภัยทุกเส้นทาง

เช่ารถตู้กระบี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างรู้จัก ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพที่สวยงาม ชายหาดที่บริสุทธิ์ และเกาะที่มีเสน่ห์ เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่นและไร้กังวลบริการรถตู้พร้อมคนขับกระบี่ จึงมีบริการรับส่งที่ครอบคลุมในกระบี่ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับด้วยบริการรถตู้กระบี่
จำเลยได้รับเงินงบประมาณ เกินสิทธิที่ตนเองได้ โจทก์หรือหน่วยงานราชการสามารถติดตามเอาเงินคืนได้โดยไม่มีอายุความคำพิพากษาศาลฎีกาที่1259/2564  จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของราชการที่ได้รับเงินงบประมาณเป็นเงินเดือน รวมทั้งเงินตอบแทนหรือเงินรางวัลซึ่งเป็นเงินงบประมาณของแผ่นดินทั้งสิ้น การเบิกจ่ายงบประมาณของแผ่นดินย่อมเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย โจทก์ย่อมใช้สิทธิติดตามเอาเงินงบประมาณแผ่นดินที่นำไปจ่ายให้จำเลยเกินสิทธิที่จะได้รับ และสิทธิติดตามเอาคืนเงินที่จ่ายเกินสิทธิให้จำเลยเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาคืนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ไม่มีอายุความ จำเลยจะอ้างว่าได้รับเงินเกินสิทธิในฐานลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปีตามมาตรา 419 หาได้ไม่

จำเลยได้รับเงินงบประมาณ เกินสิทธิที่ตนเองได้ โจทก์หรือหน่วยงานราชการสามารถติดตามเอาเงินคืนได้โดยไม่มีอายุความคำพิพากษาศาลฎีกาที่1259/2564 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของราชการที่ได้รับเงินงบประมาณเป็นเงินเดือน รวมทั้งเงินตอบแทนหรือเงินรางวัลซึ่งเป็นเงินงบประมาณของแผ่นดินทั้งสิ้น การเบิกจ่ายงบประมาณของแผ่นดินย่อมเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย โจทก์ย่อมใช้สิทธิติดตามเอาเงินงบประมาณแผ่นดินที่นำไปจ่ายให้จำเลยเกินสิทธิที่จะได้รับ และสิทธิติดตามเอาคืนเงินที่จ่ายเกินสิทธิให้จำเลยเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาคืนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ไม่มีอายุความ จำเลยจะอ้างว่าได้รับเงินเกินสิทธิในฐานลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปีตามมาตรา 419 หาได้ไม่

จำเลยได้รับเงินงบประมาณ เกินสิทธิที่ตนเองได้ โจทก์หรือหน่วยงานราชการสามารถติดตามเอาเงินคืนได้โดยไม่มีอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1259/2564
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของราชการที่ได้รับเงินงบประมาณเป็นเงินเดือน รวมทั้งเงินตอบแทนหรือเงินรางวัลซึ่งเป็นเงินงบประมาณของแผ่นดินทั้งสิ้น การเบิกจ่ายงบประมาณของแผ่นดินย่อมเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย โจทก์ย่อมใช้สิทธิติดตามเอาเงินงบประมาณแผ่นดินที่นำไปจ่ายให้จำเลยเกินสิทธิที่จะได้รับ และสิทธิติดตามเอาคืนเงินที่จ่ายเกินสิทธิให้จำเลยเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาคืนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ไม่มีอายุความ จำเลยจะอ้างว่าได้รับเงินเกินสิทธิในฐานลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปีตามมาตรา 419 หาได้ไม่

ขู่เข็ญ ข่มขู่ “ เดี๋ยวฆ่าให้ตาย ” หรือ “ เดี๋ยวยิงทิ้งเลย ” การทำให้คนอื่นเกิดความตกใจกลัว ต้องรับโทษทางอาญาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542ขณะที่จำเลยทั้งสองพูดว่า “ถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาทำไมไม่ออกมา ออกมาโดน แน่” นั้น จำเลยทั้งสองอยู่ที่หน้าบ้าน ของผู้เสียหาย แสดงว่าเป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหาย ออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันไม่ คำพูดเช่นนี้ใช้กับ ผู้ใดโดยปกติแล้วผู้นั้นย่อมตกใจกลัว เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

ขู่เข็ญ ข่มขู่ “ เดี๋ยวฆ่าให้ตาย ” หรือ “ เดี๋ยวยิงทิ้งเลย ” การทำให้คนอื่นเกิดความตกใจกลัว ต้องรับโทษทางอาญาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542ขณะที่จำเลยทั้งสองพูดว่า “ถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาทำไมไม่ออกมา ออกมาโดน แน่” นั้น จำเลยทั้งสองอยู่ที่หน้าบ้าน ของผู้เสียหาย แสดงว่าเป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหาย ออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันไม่ คำพูดเช่นนี้ใช้กับ ผู้ใดโดยปกติแล้วผู้นั้นย่อมตกใจกลัว เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

ขู่เข็ญ ข่มขู่ “ เดี๋ยวฆ่าให้ตาย ” หรือ “ เดี๋ยวยิงทิ้งเลย ” การทำให้คนอื่นเกิดความตกใจกลัว ต้องรับโทษทางอาญาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542ขณะที่จำเลยทั้งสองพูดว่า “ถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาทำไมไม่ออกมา ออกมาโดน แน่” นั้น จำเลยทั้งสองอยู่ที่หน้าบ้าน ของผู้เสียหาย แสดงว่าเป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหาย ออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันไม่ คำพูดเช่นนี้ใช้กับ ผู้ใดโดยปกติแล้วผู้นั้นย่อมตกใจกลัว เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

ทำไมต้องใช้ผนังกันไฟ ดีอย่างไร ?

ทำไมต้องใช้ผนังกันไฟ ดีอย่างไร ?

ทำไมต้องใช้ผนังกันไฟ ดีอย่างไร ?

Why do we need to use fire walls 01 1

ทำไมต้องใช้ผนังกันไฟ ?

ในยุคที่ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะในภาคอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่ที่พักอาศัย การวางแผนรับมือกับอัคคีภัยล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการเลือกใช้ “ผนังกันไฟ” ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มักถูกมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วสามารถช่วยชะลอการลุกลามของไฟและลดความเสียหายได้อย่างมหาศาล ซึ่งการเลือกใช้ ผนังกันไฟ หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติป้องกันเพลิงจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น “มาตรการเชิงป้องกัน” ที่ช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว

เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานอุตสหกรรม
เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานอุตสหกรรม
ขอบคุณภาพจาก : https://mgronline.com

ผนังกันไฟคืออะไร ?

ผนังกันไฟ (Fire-rated Wall) คือผนังที่ผลิตจากวัสดุที่ทนไฟหรือมีคุณสมบัติในการกันไฟ โดยสามารถต้านทานความร้อนและเปลวไฟได้นานตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ชั่วโมง, 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการทดสอบที่ใช้ การมีผนังกันไฟจะช่วยแบ่งโซนอาคารให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้อาคารมีเวลามากพอที่จะอพยพออกจากพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย

ทำไมต้องใช้ผนังกันไฟ ?

  1. ป้องกันการลุกลามของไฟ: เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ผนังกันไฟจะทำหน้าที่เป็นแนวกั้นไฟ ไม่ให้ลุกลามไปยังห้องหรืออาคารข้างเคียงได้ง่าย ช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
  2. เพิ่มเวลาในการอพยพ: ด้วยคุณสมบัติทนไฟ ผนังจะช่วยยืดเวลาในการควบคุมสถานการณ์และอพยพผู้คนออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย
  3. เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้าง: ผนังกันไฟที่มีคุณภาพสูงสามารถช่วยรักษาความมั่นคงของโครงสร้างอาคารในระหว่างที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
  4. สอดคล้องกับข้อกำหนดกฎหมาย: อาคารหลายประเภทโดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสูง หรือสถานบริการสาธารณะ ต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยตามข้อกำหนดของกฎหมาย

ผนังกันไฟในภาคอุตสาหกรรม

ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องจักร ไฟฟ้า หรือสารไวไฟ ความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยมีอยู่สูง การเลือกใช้ผนังกันไฟจะช่วยแบ่งโซนอันตราย ลดการลุกลาม และช่วยให้การควบคุมเหตุการณ์ทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พนักงานและลูกค้าในด้านความปลอดภัย

ภาพติดตั้งผนังกันไฟในโรงงานอุตสาหกรรม
ภาพ : ติดตั้งโรงงานอุตสหกรรมด้วย Sandwich Panel

ผนังกันไฟสำหรับบ้านพักอาศัยในอนาคต

แม้ว่าในปัจจุบัน บ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้นำผนังกันไฟมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่แนวโน้มของบ้านยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและพลังงานมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยมีบทความ 4 เทคนิคแก้บ้านร้อน ปรับบ้านให้เย็นด้วย Sandwich Panel ทำให้การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติกันไฟกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น ห้องครัว ห้องเก็บของ หรือโรงรถ

เลือกผนังกันไฟคุณภาพจาก FATEK

บริษัท ฟาเท็ค เวิร์คส์  จำหน่ายแผ่น Sandwich Panel คุณภาพสูง ที่มีคุณสมบัติกันไฟ โดยเฉพาะรุ่นที่มีไส้ฉนวนเป็น Rockwool (ใยหิน) และ PIR (โฟมเหลือง) ซึ่งเป็นวัสดุกันไฟที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งยังมีความสามารถในการกันความร้อน เสียง และช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

จุดเด่นของแผ่น Sandwich Panel จาก FATEK

Rockwool (ใยหิน): ทนไฟได้นานถึง 2 ชั่วโมงขึ้นไป เหมาะกับโรงงานและพื้นที่เสี่ยงสูง

PIR Foam: ทนไฟได้ดี น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก เหมาะกับอาคารทั่วไปและบ้านพักอาศัย

EPS Foam: เหมาะกับงานที่ต้องการความคุ้มค่า เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ราคาย่อมเยา

นอกจากนี้ แผ่นผนังของเรายังออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา และมีความเรียบร้อยสวยงาม ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://fi.co.th/products/ หรือศึกษาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมจากบทความ 6 เหตุผลที่ควรเลือกใช้แผ่น Sandwich Panel เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมกับโครงการของคุณ

 

 

https://fi.co.th/article-en/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9f/

ปล่อยเงินกู้ อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย ? ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 – การเก็บดอกเบี้ยต้องไม่เกิน ร้อยละ 15 ต่อปี – ต้องไม่กำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่น ต้องไม่มีการเรียกเอาประโยชน์อื่นใด นอกจากดอกเบี้ยที่กำหนดในสัญญา บทลงโทษ จำคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ปล่อยเงินกู้ อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย ? ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 – การเก็บดอกเบี้ยต้องไม่เกิน ร้อยละ 15 ต่อปี – ต้องไม่กำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่น ต้องไม่มีการเรียกเอาประโยชน์อื่นใด นอกจากดอกเบี้ยที่กำหนดในสัญญา บทลงโทษ จำคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ปล่อยเงินกู้ อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย ?
ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560
– การเก็บดอกเบี้ยต้องไม่เกิน ร้อยละ 15 ต่อปี
– ต้องไม่กำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่น
ต้องไม่มีการเรียกเอาประโยชน์อื่นใด นอกจากดอกเบี้ยที่กำหนดในสัญญา
บทลงโทษ จำคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6083/2546 ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริง คือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก  จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตายเป็นความผิด และ การกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตายหาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546 ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริง คือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตายเป็นความผิด และ การกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตายหาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546
ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริง คือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก

จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตายเป็นความผิด และ
การกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตายหาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง

วิธีเลือกซื้อซิเดกร้าอย่างปลอดภัย พร้อมคำแนะนำจากเภสัชกร

วิธีเลือกซื้อซิเดกร้าอย่างปลอดภัย พร้อมคำแนะนำจากเภสัชกร

ซิเดกร้า (Sildenafil) คือยารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยคุณสมบัติเด่นในการช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยม ซิเดกร้า สำหรับผู้ชาย เพิ่มความอึดทนท่านชาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับกลไกการทำงาน วิธีการใช้ ข้อควรระวัง และข้อมูลสำคัญอื่นๆ ก่อนการใช้ยา


✅ กลไกการทำงานของซิเดกร้า

ซิเดกร้าทำงานโดย ยับยั้งเอนไซม์ PDE5 (phosphodiesterase type 5) ซึ่งมีหน้าที่ทำลาย cGMP ในร่างกาย เมื่อเกิดการกระตุ้นทางเพศ ร่างกายจะปล่อยไนตริกออกไซด์ (NO) ทำให้ cGMP เพิ่มขึ้น และส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศขยายตัว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดการแข็งตัวที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นกลไกหลักที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอย่างได้ผล


✅ ข้อบ่งชี้ในการใช้

ซิเดกร้ามักใช้ในกรณีต่อไปนี้:

  • ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED): ช่วยให้เกิดการแข็งตัวตามธรรมชาติเมื่อมีการกระตุ้น

  • โรคความดันในหลอดเลือดปอดสูง (PAH): ลดแรงต้านในหลอดเลือดปอด เพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ


✅ วิธีการใช้งาน

  • รับประทาน ก่อนกิจกรรมทางเพศประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

  • ไม่ควรใช้มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน

  • ควรใช้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องโดยไม่ปรึกษาแพทย์


⚠️ ข้อควรระวัง

  • ผลข้างเคียง: อาจมีอาการปวดศีรษะ หน้าแดง มึนงง ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีปัญหาด้านการมองเห็นชั่วคราว

  • การใช้ร่วมกับยาอื่น: ห้ามใช้ร่วมกับยาไนเตรต เช่น ยารักษาโรคหัวใจ เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างอันตราย

  • ผู้ป่วยโรคประจำตัว: ผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคตับ หรือความดันโลหิตไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้


📌 สรุป

ซิเดกร้า สำหรับผู้ชาย เพิ่มความอึดทนท่านชาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังอวัยวะเพศ ซึ่งช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้นตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศและต้องการฟื้นฟูความมั่นใจ

แต่อย่าลืมว่า การใช้ซิเดกร้าควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับยา การใช้ หรือผลข้างเคียง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้านค่ะ

ซิเดกร้า ไวอากร้าไทย รับรองของแท้

ซิเดกร้า ไวอากร้าไทย ยาปลุกอารมณ์ ของแท้  ช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้น ชะลอการหลั่ง เพิ่มความอึดทนท่านชาย

เป็นยา ไวอากร้า ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้สมองสั่งการผ่านเส้นประสาทไปยังอวัยวะเพศ ทำให้แข็งตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ ช่วยให้การร่วมรักดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ยาวนาน และประทับใจ ซิเดกร้า สำหรับผู้ชาย
อาการอวัยวะเพศอ่อนตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ อาการ แข็งไม่สุด นกเขาไม่ขัน หรือเรียกอีกอย่างว่า อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซิเดกร้า ไว้อากร้าไทย ของแท้ ช่วยปัญหาได้เป็นอย่างดี และมีความปลอดภัย รับรองโดยองค์การเภสัชกรรม (GPO) มีตัวยา ซิลเดนาฟิล ซิเตรท 100 % (Sildenafil Citrate) ซึ่งเป็น ตัวยาเดียวกับ ไวอากร้าอเมริกา

ติดต่อเรา
Line@ : @112cscdt
โทร : 086-380-7312

ฟ้องเรียกคืนเงินตามสัญญาซื้อขาย อายุความ 10 ปี (หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 419)  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2567  โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่ดินจากจำเลย มีบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาซื้อขายที่ดินอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินว่า หากรังวัดที่แล้วปรากฏว่ามีเนื้อที่ไม่ครบถ้วนตามที่ระบุในโฉนดที่ดิน จำเลยยินยอมคืนเงินโจทก์ตามส่วนที่ดินซึ่งขาดไป เป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยมีข้อตกลงการคืนเงินถ้าที่ดินไม่ครบถ้วน เมื่อรังวัดที่ดินแล้วพบว่าที่ดินขาดหายไปบางส่วนจริง การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อเรียกเงินราคาที่ดินบางส่วนคืนเป็นกรณีสืบเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน จะนำอายุความ 1 ปี ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 419 มาบังคับไม่ได้ เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับใช้อายุความสิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30  (หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่โจทก์จ่ายไปตามสัญญาซื้อขายไม่ถือว่าเป็นเงินส่วนที่โจทก์ชำระเกินไปและเป็นเงินที่จำเลยได้มาเพราะการที่โจทก์กระทำเพื่อชำระหนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ อันจะถือได้ว่าเป็นลาภมิควรได้ที่ตกแก่จำเลยซึ่งโจทก์จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยภายในอายุความ 1 ปี )

ฟ้องเรียกคืนเงินตามสัญญาซื้อขาย อายุความ 10 ปี (หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 419) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2567 โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่ดินจากจำเลย มีบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาซื้อขายที่ดินอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินว่า หากรังวัดที่แล้วปรากฏว่ามีเนื้อที่ไม่ครบถ้วนตามที่ระบุในโฉนดที่ดิน จำเลยยินยอมคืนเงินโจทก์ตามส่วนที่ดินซึ่งขาดไป เป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยมีข้อตกลงการคืนเงินถ้าที่ดินไม่ครบถ้วน เมื่อรังวัดที่ดินแล้วพบว่าที่ดินขาดหายไปบางส่วนจริง การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อเรียกเงินราคาที่ดินบางส่วนคืนเป็นกรณีสืบเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน จะนำอายุความ 1 ปี ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 419 มาบังคับไม่ได้ เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับใช้อายุความสิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 (หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่โจทก์จ่ายไปตามสัญญาซื้อขายไม่ถือว่าเป็นเงินส่วนที่โจทก์ชำระเกินไปและเป็นเงินที่จำเลยได้มาเพราะการที่โจทก์กระทำเพื่อชำระหนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ อันจะถือได้ว่าเป็นลาภมิควรได้ที่ตกแก่จำเลยซึ่งโจทก์จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยภายในอายุความ 1 ปี )

ฟ้องเรียกคืนเงินตามสัญญาซื้อขาย อายุความ 10 ปี (หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 419)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2567
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่ดินจากจำเลย มีบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาซื้อขายที่ดินอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินว่า หากรังวัดที่แล้วปรากฏว่ามีเนื้อที่ไม่ครบถ้วนตามที่ระบุในโฉนดที่ดิน จำเลยยินยอมคืนเงินโจทก์ตามส่วนที่ดินซึ่งขาดไป เป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยมีข้อตกลงการคืนเงินถ้าที่ดินไม่ครบถ้วน เมื่อรังวัดที่ดินแล้วพบว่าที่ดินขาดหายไปบางส่วนจริง การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อเรียกเงินราคาที่ดินบางส่วนคืนเป็นกรณีสืบเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน จะนำอายุความ 1 ปี ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 419 มาบังคับไม่ได้ เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับใช้อายุความสิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30

(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่โจทก์จ่ายไปตามสัญญาซื้อขายไม่ถือว่าเป็นเงินส่วนที่โจทก์ชำระเกินไปและเป็นเงินที่จำเลยได้มาเพราะการที่โจทก์กระทำเพื่อชำระหนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ อันจะถือได้ว่าเป็นลาภมิควรได้ที่ตกแก่จำเลยซึ่งโจทก์จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยภายในอายุความ 1 ปี )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2566 การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาลักษณะที่รวมการเช่าระยะแรก 30 ปี แต่กำหนดมีคำมั่นที่โจทก์จะให้เช่าอีกสองคราว คราวละ 30 ปี ในวันเดียวกัน ทั้งจำเลยยังชำระเงินการเช่าสองคราว คราวละ 30 ปี เช่นที่กล่าวข้างต้น ไม่มีรายละเอียดกำหนดค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการเช่าใหม่ ทั้ง ๆ ที่กำหนดระยะเวลายาวนานล่วงเลยไปแล้วถึง 30 ปี จะให้ต่อระยะเวลาเช่าไปอีก 2 คราว คราวละ 30 ปี รวมเป็น 90 ปี ซึ่งปกติสภาพความเจริญของที่ดิน สภาวะเศรษฐกิจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การทำคำมั่นของโจทก์จำเลยเท่ากับถือตามอัตราค่าเช่าเดิม เงื่อนไขการเช่าเดิมทุกประการ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์จำเลยต่างประสงค์หลีกเลี่ยง ป.พ.พ. มาตรา 540 ที่ห้ามเช่าเกิน 30 ปี ฉะนั้นสัญญาส่วนที่เป็นคำมั่นที่จะต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ เนื่องจากวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายชัดแจ้ง และกรณีไม่อาจจะให้ตีความเป็นสัญญาบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยเพื่อให้มีผลบังคับต่อไปตามที่จำเลยฎีกา เพราะมิฉะนั้นวัตถุประสงค์ของ ป.พ.พ. มาตรา 540 ดังกล่าวย่อมจะไร้ผลบังคับ