เป้าหมายคือความสำเร็จของการบริหารเวลาที่ดี

เป้าหมายคือความสำเร็จของการบริหารเวลาที่ดี

เครื่องมือนำทางในการบริหารเวลา คือ เป้าหมาย
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

“ ความพยายาม ความขยัน ความอดทนในการทำงานยังไม่เพียงพอหากปราศจากซึ่งเป้าหมายและการวางแผนเพราะเป้าหมายและการวางแผนเปรียบดังดวงประทีปส่องนำทางในช่วงเวลาค่ำคืน ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ”
การตั้งเป้าหมายมีความสำคัญต่อการบริหารเวลาเป็นอย่างยิ่ง เพราะการตั้งเป้าหมายทำให้เรามีทิศทางในการทำงาน ทำให้เรามีความตั้งใจทุ่มเทให้กับสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดและลดการใช้เวลากับสิ่งที่มีความสำคัญน้อยที่สุด อีกทั้งลดการใช้พลังงานทั้งทางร่างกาย ทางสมอง ทางจิตใจ ของเราลงไปกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ
เมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว เราก็ควรที่จะจัดทำการวางแผนขึ้น เพราะการวางแผนเพียง 8 นาที จะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้ถึง 1 ชั่วโมง เลยทีเดียว ฉะนั้น หากใครวางแผนมาก เขาก็จะมีเวลาเหลือในการทำสิ่งที่สำคัญๆสำหรับชีวิตมากขึ้น
สำหรับการตั้งเป้าหมายที่ดี เราควรมีการร่างเป้าหมาย ร่างแผนการต่างๆลงในกระดาษ เพราะการร่าง เป้าหมายและแผนการ ลงในกระดาษมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ทำให้เราสามารถตรวจสอบเป้าหมายและแผนของเราได้ตลอดเวลา ทำให้เห็นภาพหรือทิศทางที่จะเดินไปข้างหน้า ทำให้เราเกิดสมาธิในการทำงานมากกว่าการนั่งคิดไปเรื่อยๆ ทำให้เราลดภาระการจดจำของเรา การเขียนร่างนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการทำงานและเตือนใจอีกด้วย ถ้าจะให้ดี เราควรมีแฟ้มใส่เป็นสัดส่วนเพื่อจะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการทำงานครั้งต่อไปได้
หลายคนมักถามผมว่า “ แล้วถ้าผมมีเป้าหมายหลายอย่างละครับ ผมควรที่จะทำอย่างไร” หากว่าคุณมีเป้าหมายหลายอย่าง คุณควรเขียนเป้าหมายทุกอย่างลงในกระดาษ แล้วลองเรียงลำดับเป้าหมายที่มีความสำคัญที่สุดก่อนโดยให้คะแนนจากมากไปน้อย (เป้าหมายไหนมีความสำคัญมากให้คะแนนมาก เป้าหมายไหนมีความสำคัญน้อยให้คะแนนน้อยหรือเรียงจาก ABC ) แล้ววางแผนและให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่มีความสำคัญมากที่สุดก่อนตามลำดับ

เป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นเครื่องมือนำทางในการบริหารเวลา ไม่ว่าคุณจะบริหารประเทศ บริหารทีมงาน บริหารองค์กร รวมถึงการบริหารตนเอง หากว่าไม่มีเป้าหมายเสียแล้ว การบริหารก็จะขาดทิศทาง ต่างคนต่างทำงาน จึงทำให้ประสิทธิภาพของตนเอง ขององค์กร ของหน่วยงาน ลดลง
ดังนั้น หากว่าคุณเป็นผู้บริหาร คุณควรตั้งเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน ขึ้นภายในองค์กร ภายในหน่วยงาน ภายในทีมงาน และควรตั้งเป้าหมายสำหรับตัวของคุณเองด้วย แล้วคุณจะพบว่าคุณเป็นบุคคลหนึ่งที่บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในอดีต

#image_title

สาเหตุและเหตุผลในการบริหารเวลาไม่ดี

สาเหตุและเหตุผลในการบริหารเวลาไม่ดี

สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

หลายท่านได้เรียนรู้ ได้อ่าน ได้ศึกษา เกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลามามาก แต่ก็ไม่สามารถบริหารเวลาได้ดี ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญในการทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดีพอมีอยู่ 3 สาเหตุ คือ

1.ตัวเราเอง ตัวเราเองมีความสำคัญที่สุดในเรื่องของการบริหารเวลา หลายคนบริหารเวลาไม่ดี เนื่องมาจาก

–   การไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทางในการดำเนินชีวิต สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก การไม่มีทิศทางเปรียบเสมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล แต่หากเรามีเป้าหมาย มีทิศทาง เปรียบเสมือนเรือที่เคลื่อนตัวเข้าไปหาฝั่ง อีกทั้งการมีเป้าหมายยังสามารถทำให้เรากำหนดระยะเวลา กำหนดความเร็วในช่วงเวลาต่างๆได้อีกด้วย

–   การไม่มีแผนการหรือการวางแผน การวางแผนมีความสำคัญมากต่อการบริหารเวลาของคนเรา เพราะหากปราศจากการวางแผนแล้ว เราก็จะไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้เราต้องทำอะไร วันมะรือนี้เราต้องทำอะไร วันมะเรื่องนี้เราต้องทำอะไร อาทิตย์หน้าเราต้องทำอะไร เดือนหน้าเราต้องทำอะไร ปีหน้าเราต้องทำอะไร

–  การไม่มีวินัยในตนเองหรือชอบผัดวันประกันพรุ่ง กล่าวคือมีการวางแผนแล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เลยทำให้ผลงานออกมาไม่ตรงกับเป้าหมายหรือแผนที่วางไว้ เพราะบางคนทำๆ หยุดๆ ไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง และมีหลายๆท่านชอบเก็บงานที่ค้างไว้ทำในวันต่อๆไป ทำให้กลายเป็น “ ดินพอกหางหมู”

–  ไม่ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เทคโนโลยีทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้ประหยัดเวลาได้อีกด้วย เช่น การใช้โทรศัพท์ติดต่อธุรกิจ,การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน, การใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูลต่างๆ อีกทั้งการประชุมในยุคปัจจุบันเรายังสามารถประชุมข้ามประเทศ ข้ามจังหวัด ได้ก็ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

–  ไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญ  บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน เพราะไม่มีใครสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉะนั้น งานบางงานที่ไม่มีความสำคัญเราอาจให้คนอื่นทำแทนหรือใช้ผู้อื่นไปทำแทนได้

–    ไม่กล้าปฏิเสธ หลายๆคนไม่กล้าปฏิเสธ แทนที่จะได้ทำงานของตนเองให้เสร็จทันเวลาหรือตามแผนที่วางไว้ กับถูกผู้อื่นขอร้องให้ทำงานของคนอื่น แทนที่จะใจแข็งรู้จักปฏิเสธกับให้การช่วยเหลือ ทำให้งานของตนเองที่จะทำกลับไม่ได้ทำ

–   วางระบบ จัดโต๊ะ ในการทำงาน การวางระบบ การจัดโต๊ะทำงานจะทำให้เราประหยัดเวลาในการค้นหาสิ่งของต่างๆ ยิ่งหากท่านเป็นนักเขียน ท่านควรมีห้องสมุดส่วนตัว อีกทั้งควรจัดหนังสือให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการค้นหา

2.ผู้อื่น เป็นปัจจัยอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดี เช่น เจ้านายเรียกประชุมแบบกะทันหัน , เพื่อนหรือคนรู้จัก ชวนพูดคุยเป็นเวลานาน , การประชุมนานเกินกว่ากำหนดการที่วางเอาไว้เพราะมีคนเสนอความคิดเห็นมากจนเกินไป ,  การถูกขอร้องจากผู้อื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ  เป็นต้น

3.ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ได้ดี เช่น การเดินทางไปทำงานแล้ว รถติด รถเกิดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ , สภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง ฝนตกหนัก น้ำท่วม  ถนนทรุด ฯลฯ

จากข้อความข้างต้น สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี ผมให้น้ำหนักไปที่ตัวของเราเองเป็นหลัก เพราะหากเรามีเป้าหมายชีวิต มีการวางแผน มีวินัย มีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆช่วย  รู้จักลำดับความสำคัญ รู้จักวางระบบการทำงาน และอีกทั้งรู้จักกล้าปฏิเสธในกิจกรรมที่ทำให้เราเสียเวลา เราก็จะสามารถบริหารเวลาได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้อื่นและปัจจัยอื่นๆ เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น

#image_title

การใช้เวลา ที่ดีและมีประสิทธิภาพ

การใช้เวลา ที่ดีและมีประสิทธิภาพ

การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ใช้เวลาเพื่อการทำงานเถิด….มันคือรางวัลแห่งความสำเร็จ….
ใช้เวลาเพื่อการคิดเถิด….มันคือที่มาของพลังอำนาจ…..
ใช้เวลาเพื่อการผ่อนคลายเถิด…มันคือเคล็ดลับแห่งความมีชีวิตชีวา….
ใช้เวลาเพื่อการอ่านเถิด….มันคือรากฐานแห่งสติปัญญา….
ใช้เวลาเพื่อการฝันเถิด….มันคือพาหนะที่นำไปสู่ดวงดาว
ใช้เวลาเพื่อการสังเกต…เรียนรู้…อย่างกว้างขวางเถิด….
วันเวลาสั้นเกินไปที่จะเห็นแก่ตัว….
ใช้เวลาเพื่อการหัวเราะเถิด….มันคือดนตรีแห่งวิญญาณ…(บทสวดของชาวไอริช…)
การใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จกับคนธรรมดาโดยทั่วไป มักมีความแตกต่าง ซึ่งการใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จเขาจะมุ่งเน้นในการทำงานหรือการใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน เป็นอันดับแรก เขาจะมีการวางแผนในการใช้เวลา เช่นเดียวกับศัลยแพทย์ชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้าผมจะต้องผ่าตัดผู้ป่วยโดยใช้เวลา 13 นาที ผมจะใช้เวลาวางแผนการผ่าตัด 3 นาที เหลืออีก 10 นาทีผมจะใช้เวลาในการทำการผ่าตัด”
เราจะเห็นได้ว่าการวางแผนในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกทั้งการควบคุมตนเองก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
“เกษตรกรชายคนหนึ่ง ตื่นมาแต่เช้าเพื่อที่จะออกไปขุดดินเพื่อปลูกผัก เขามีความตั้งใจมากว่าจะต้องขุดดิน ขึ้นแปลง เพื่อทำการปลูกผักให้เสร็จภายในวันเดียว สวนผักของเขาอยู่ห่างไกลจากบ้านพักอาศัยที่เขาอาศัยอยู่ เขาจึงขับรถยนต์ ไปเติมน้ำมัน ระหว่างทางเขาขับรถยนต์ผ่านตลาดสด เห็นคนนำลูกไก่มาขาย เขาจึงคิดว่า แวะซื้อลูกไก่สัก 10 ตัว คงไม่ทำให้เสียเวลามาก ดังนั้นเขาก็จอดรถยนต์เพื่อลงไปซื้อลูกไก่ แล้วเขาก็ขับรถต่อไป เห็นร้านขายไม้กวาด เขาคิดว่าจะซื้อไปฝากภรรยา เขาจึงลงไปซื้อไม้กวาดมา 1 อัน แล้วเขาก็ขับรถต่อไป พอถึงปั๊มน้ำมัน เติมน้ำมันเสร็จ เขาเห็นคนนำผักผลไม้มาขาย เขาจึงตัดสินใจซื้อเพื่อนำไปเป็นอาหารมื้อเย็น จนถึงสวนของเขา ภายในสวน เขาเห็นบึงเล็กๆ มีน้ำเหลืออยู่จำนวนไม่มาก แต่ภายในบึงมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาคิดว่า เขาจะตักน้ำออกจากบึงแล้วเอาปลาออกจากบึง เพื่อนำไปเป็นอาหารเย็น ”
เราจะเห็นว่าเกษตรกรชายคนนี้ มีเป้าหมายและการวางแผนว่าจะออกไปขุดดิน ขึ้นแปลงเพื่อปลูกผัก แต่เอาเข้าจริงๆ มีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปกับเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ หลายๆคนอ่านแล้ว คงนึกขำตลกกับเกษตรกรชายคนดังกล่าว แต่หารู้ไม่ พวกเราส่วนใหญ่ก็มีพฤติกรรมไม่ได้แตกต่างไปจากเกษตรกรชายคนนี้มากนัก
หลายๆคนมีเป้าหมายแล้ว มักจะเฉไฉ ไม่พยายามเดินตรงไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ หลายๆคนออกนอกเส้นทางไปเลยก็มี เพราะระหว่างทางมักมีสิ่งล่อ สิ่งเร้า เพื่อให้เราเดินออกนอกเส้นทางที่เราวาง การบริหารเวลาที่ดีก็เช่นกัน คนที่จะบริหารเวลาได้ดีจำเป็นอย่างมากจะต้องเป็นคนที่มีวินัย
หลายๆคน มักบ่นว่าทำงานหนัก แต่หากเราลองไปศึกษา วิเคราะห์ การใช้เวลาของเราเอง เราก็จะเห็นว่า เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ มากจนเกินไป จนลืมทำงานที่สำคัญที่สุดของเรา จึงทำให้เกิดผลลัพธ์น้อยมาก การทำงานหนักไม่ได้หมายถึงว่าคนๆนั้นจะประสบความสำเร็จ หากว่าการทำงานหนักและทำงานอย่างชาญฉลาดต่างหากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำจะเป็นการดีกว่า (โพธิสัตว์)

#image_title

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ แนวความคิด

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ แนวความคิด

แนวความคิดในการบริหารเวลา
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ปัญหาของคนส่วนใหญ่ในเรื่องของการบริหารเวลาหรือการใช้เวลาไม่มีประสิทธิภาพก็คือ การไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน , การเสียเวลากับการรอคอย , การผัดวันประกันพรุ่ง , การไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน , การขาดวินัย , การไม่มีการวางแผนการทำงาน ฯลฯ
ซึ่งเหตุผลต่างๆ ข้างต้นคือ สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดีพอ แล้วถามว่าเวลาสามารถบริหารได้หรือไม่ ตามความคิดเห็นของกระผม เวลาเป็นทรัพยากรที่สำคัญประเภทหนึ่ง กระผมคิดว่าเวลาก็เหมือนกับทรัพยากรอื่นๆ เช่น ที่ดิน คน เงิน สิ่งของ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ ถ้าทรัพยากรต่างๆ เราสามารถบริหารได้ ทำไมทรัพยากรเวลา เราจะบริหารไม่ได้
แต่ทรัพยากรด้านเวลามีความแตกต่างจากทรัพยากรโดยทั่วไปกล่าวคือ ทรัพยากรเวลา ไม่สามารถสะสมหรือทดแทนกันได้ เป็นทรัพยากรที่คนเราทุกๆคน มีอย่างเท่าเทียมกัน ไม่สามารถหยิบยืมหรือขอซื้อกัน ดังนั้นเมื่อคนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขามักใช้เวลาที่มีเท่าเทียมกันได้อย่างคุ้มค่ากว่าคนโดยทั่วไป
หากว่าเรามีทรัพยากรเวลาที่มีจำกัด เราจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถใช้ทรัพยากรเวลาให้เกิดความคุ้มค่ากับตัวเราได้ สำหรับคนเราโดยส่วนใหญ่มักจะเสียเวลาหรือใช้เวลาไปกับกิจกรรมโดยแบ่งเป็นช่วงดังนี้ เวลาทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง เวลานอนประมาณ 8 ชั่วโมงและเวลาส่วนตัวประมาณ 8 ชั่วโมง นี่คือภาพรวมของการใช้เวลาของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้
หากเราต้องการใช้เวลาทำงานมากขึ้น เราก็ควรลดเวลาในช่วงอื่นลง เช่น เราอาจจะต้องลดหรือเพิ่มหรือยืดหยุ่นเวลานอนและเวลาส่วนตัวลง เนื่องจากเวลาหลับโดยเฉลี่ยแล้วคนเรานอนโดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง แต่ทางการแพทย์ได้มีการวิจัยมาแล้วว่า คนเราทุกๆคนมีความต้องการหลับมากน้อยไม่เท่ากัน เพราะบางคนอาจต้องการนอนหลับมากกว่าหรือน้อยกว่า 8 ชั่วโมงก็ได้ เช่น
โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกตามประวัติใช้เวลานอนเพียงคืนละ 4 ชั่วโมง แต่จะหาโอกาสงีบหลับครั้งละ 5 -10 นาทีในระหว่างทำงาน บางคนก็อาจจะนอนหลับวันละ 9-10 ชั่วโมง หากว่านอน 8 ชั่วโมงแล้วยังรู้สึกง่วงซึมหรือบางคนสุขภาพแย่ร่างกายก็ต้องการนอนพักผ่อนมากกว่า 8 ชั่วโมงเป็นต้น
ฉะนั้น หากท่านต้องการทราบว่าท่าน มีความต้องการเวลาในการหลับนอนวันละกี่โมง ท่านคงจะต้องใช้วิธีการทดลอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาของการนอนที่แตกต่างกันออกไปแต่ละช่วง เช่นกำหนด 5 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง หากว่าท่านนอนเพียงแค่ 5 ชั่วโมงแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า นั้นแสดงว่าช่วงเวลานอนของท่านนอนแค่ 5 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้น ขอให้พวกเรา จงบริหารเวลา ก่อนที่เวลาจะมากำหนดชีวิตหรือบริหารตัวเรา

“Lost time is never found again.”

#image_title

อย่ากลัวความล้มเหลว

อย่ากลัวความล้มเหลว

จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะความล้มเหลว คือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ มันเป็นบททดสอบ ความมุ่งมั่น ความอดทน การไม่ยอมแพ้และจะนำพาชีวิตของเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต อย่าได้กลัวความล้มเหลว คนบางคนกลัวและเข็ดหลาบจนไม่กล้าที่จะทำอะไร จงลุกขึ้นสู้กับมันอีกครั้งดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์#วิทยากรสอนสนุก #คำคม #คำคมสร้างแรงบันดาลใจ #นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ #คำคมสร้างกำลังใจ #คำคมสอนใจwww.drsuthichai.com

#image_title

ทำไมต้องฝึกพูด

ทำไมต้องฝึกพูด

หากไม่รู้อย่าริเป็นนักพูด
ทำไมจึงต้องฝึกการพูด
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

การพูดมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และมีความสำคัญต่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน เราคงไม่ปฏิเสธว่าการพูดเป็นการสื่อสารที่ทำให้คนเราเข้าใจกัน การฝึกการพูดมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการได้เคยกล่าวไว้ว่า “ หากท่านไม่สามารถลุกขึ้นยืนพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ท่านไม่ควรปรารถนาเป็นผู้นำ” แล้วเคย มีคนตั้งคำถามว่า ถ้าฉันไม่มีความปรารถนาเป็นผู้นำ ฉันมีความจำเป็นอย่างไรจึงต้องฝึกการพูด แท้จริงแล้วการฝึกการพูดมีประโยชน์ต่อตัวเราหลายอย่างดังนี้
1.ฝึกให้เราเป็นคนที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกันของคนเราต้องอาศัยการพูดเป็นพื้นฐาน การที่คนเราไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน เนื่องมาจากสาเหตุหนึ่งก็คือ การพูดนั้นเอง
2.ฝึกให้เราเป็นนักประชาธิปไตย ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ผู้ปกครองต้องรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้ปกครอง เสียงส่วนใหญ่ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของเสียงส่วนน้อย การฝึกการพูดจะทำให้เรากล้าที่จะแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ หากไม่มีความกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น ถึงแม้จะมีความคิดดีๆ ก็ไม่สามารถก่อประโยชน์ให้แก่ส่วนร่วมได้
3.ฝึกให้เราเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ คนเราคบหาสมาคมกันไม่ได้ดูแค่เรื่องของการแต่งตัวเพียงอย่างเดียว แต่การพูดจาสนทนาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการพูดนี้จะทำให้คนชอบก็ได้ จะทำให้คนเกลียดก็ได้ จะทำให้คนฆ่ากันก็ได้ การพูดจึงเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ของมนุษย์
4.ฝึกให้เราเป็นคนที่มีการพัฒนาบุคลิกภาพ การฝึกพูดจะช่วยขัดเกลาบุคลิกภาพของผู้พูด รวมไปถึงการแต่งกาย กริยาท่าทาง ความกระตือรือร้น ความเชื่อมั่นในตนเอง ความหนักแน่น เยือกเย็น
5.ฝึกให้เราเป็นผู้นำ มีคำกล่าวว่า ผู้นำมักทำงานด้วยปาก ผู้ตามมักทำงานด้วยมือ ดังเราจะเห็นได้จากการทำงานในปัจจุบัน ว่าผู้นำองค์กรส่วนใหญ่มักจะมีประชุมมาก บางคนประชุมทั้งสัปดาห์เลยก็มี ซึ่งการประชุมก็ต้องอาศัยการพูดการแสดงความคิดเห็นโดยการพูดทั้งสิ้น

เป้าหมายของการพูดมีกี่แบบ
ในการพูดแต่ละครั้ง ผู้พูดควรทราบว่า การพูดในครั้งนั้นเรามีเป้าหมายใด ซึ่งเป้าหมายในการพูดเราสามารถรวบรวมเป็นกลุ่มจัดรวมเข้าด้วยกัน เป็น 3 แบบ คือ
1. แบบบรรยายหรือแบบบอกเล่า
2. แบบโน้มน้าว จูงใจ ชักชวน
3. แบบบันเทิง

1.แบบบรรยายหรือแบบบอกเล่า เป็นการพูดในลักษณะ สอน บรรยาย ปาฐกถา การอภิปราย
การเล่าข่าว เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟัง ทราบข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เนื้อหา สาระ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่พูด
2.แบบโน้มน้าว จูงใจ ชักชวน เป็นการพูดในลักษณะ การหาเสียง การรณรงค์ การชักชวนให้ทำอะไรบ้างอย่าง เช่น การชักชวนให้เลิกบุหรี่ , การชักชวนให้ออกกำลังกาย , การชักชวนให้บริจาคเงินทำการกุศล เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟังปฏิบัติตาม หรือให้ความร่วมมือ หรือมีความเห็นด้วยกับผู้พูด
3.แบบบันเทิง เป็นการพูดที่มีความสนุกสนาน เน้นเฮฮา อาจจะมีสาระหรือไม่มีสาระก็ได้ เช่น การพูดทอล์คโชว์ การพูดแซววาที เป็นต้น การพูดในลักษณะนี้มีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนาน เฮฮา เพลิดเพลิน เวลาฟัง
ข้อแนะนำ
การพูดที่ดีควรมีทั้ง 3 แบบ ผสมผสานกัน ไม่ควรมีเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จะผสมผสานสัดส่วนเท่าใด คงต้องขึ้นอยู่กับผู้พูด โดยต้องคำนึงถึง สถานการณ์ สถานที่ การวิเคราะห์ผู้ฟัง ลักษณะงานที่จัด กาลเทศะ ความเหมาะสมและวัตถุประสงค์ในการจัดงาน

#image_title

ทำไมต้องจัดการและบริหารเวลา

ทำไมต้องจัดการและบริหารเวลา

ทำไมจึงต้องจัดการกับเวลา

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

One day is worth two tomorrows.(วันนี้มีค่าเท่ากับวันพรุ่งนี้ถึงสองวัน)

ทำไมจึงต้องมีการจัดการกับเวลา เพราะหากไม่มีการจัดการกับเวลา เวลาของเราก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากว่า เวลาเป็นสิ่งที่มีจำกัด เวลาไม่สามารถหาซื้อมาใหม่ได้ เราไม่สามารถหยุดเวลาได้

คนที่จัดการกับเวลาได้ดี เขามักเป็นคนที่มีเป้าหมาย  ท่านผู้อ่านลองกำหนดสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เช่น อีก 10 ปี ข้างหน้า ท่านอยากเป็นอะไร  ท่านผู้อ่านลองทบทวนชีวิตว่าอีก 10 ปี ข้างหน้าท่านจะเดินไปในทิศทางไหน แล้วท่านจงเริ่มวางแผนการใช้เวลาเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

หากว่าท่านมีเป้าหมายชีวิต กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่า  ท่านจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านจะจัดสรรลำดับความสำคัญของงานที่ท่านทำ ท่านจะมีความกล้าหาญที่จะปฏิเสธผู้คน หากว่าผู้คนเหล่านั้น ชวนท่านคุยในสิ่งต่างๆ ที่ไม่ก่อประโยชน์และทำให้ท่านรู้สึกเสียเวลา และท่านจะไม่มีการผัดวันประกันพรุ่ง

ตอนนี้ท่านผู้อ่านอาจลองทดสอบตัวเองด้วยการ ตอบคำถามข้างล่างให้ตรงกับความเป็นจริงเพื่อดูว่าเรามีการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

1.ท่านมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนหรือไม่

  1. ท่านมีการวางแผนเวลาหรือไม่

3.ท่านมีการจัดลำดับความสำคัญของงานที่ท่านทำหรือไม่

4.ท่านมีเครื่องมือช่วยในการวางแผนเวลา เช่น ไดอารี่ ปฏิทิน สมุดโน้ต หรือไม่

5.ท่านมีการบังคับตนเองเพื่อทำตามแผนงานที่ท่านได้วางแผนไว้หรือไม่

6.ท่านมีการแบ่งเวลาให้กับตัวเอง โดยหาที่สงบๆให้กับตนเองได้ใช้ความคิดหรือไม่

7.ท่านใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดหรือไม่ เช่น ระหว่างนั่งรอพบคน ท่านเอาหนังสือออกมาอ่าน

จากแบบทดสอบข้างต้น หากข้อใดท่านตอบว่า “ ไม่ ” ท่านควรตรวจสอบแล้วหาทางปรับปรุงและแก้ไขตัวท่านเอง การปรับปรุงและแก้ไขตัวท่านจะทำให้การจัดการเวลาของท่านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Time is more valuable than money. You can get more money,but you cannot get more time”

#image_title

ประตูโหลดสินค้าช่วยจัดการสินค้าภายในคลังสินค้า

ประตูโหลดสินค้าช่วยจัดการสินค้าภายในคลังสินค้า

ประตูโหลดสินค้า: ความสำคัญและการเลือกใช้ในธุรกิจต่างๆ

ประตูโหลดสินค้า (Loading Dock Doors) เป็นส่วนสำคัญในระบบโลจิสติกส์และการจัดการสินค้าภายในคลังสินค้าและโรงงาน โดยการใช้งานของประตูประเภทนี้จะช่วยให้การรับ-ส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งประตูโหลดสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้าปริมาณมาก เช่น คลังสินค้า โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค หรือการจัดจำหน่ายสินค้าส่งออก การเลือกใช้ประตูโหลดสินค้าจึงต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าที่ต้องการขนส่ง

ประเภทของประตูโหลดสินค้า

ประตูโหลดสินค้ามีหลายประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมและประเภทของสินค้าต่างๆ โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลักๆ

ประตูแบบยก (Overhead Sectional Doors)
เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีจำกัด เพราะประตูประเภทนี้จะยกขึ้นในแนวราบ โดยไม่กินพื้นที่รอบๆ เหมาะกับโรงงานที่ต้องการพื้นที่ในการขนถ่ายสินค้าในปริมาณมาก

ประตูแบบโรลเลอร์ (Roll-up Doors)
เป็นประตูที่เปิด-ปิดได้ง่ายและรวดเร็ว โดยจะม้วนขึ้นเหมือนม่านโรลเลอร์ เหมาะกับการใช้ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นต้องมีการเปิด-ปิดบ่อยๆ และต้องการความรวดเร็วในการโหลดสินค้า

ประตูผ้า (Fabric Doors)
ประตูที่ทำจากผ้าหรือวัสดุยืดหยุ่น เช่น ผ้ายืด เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความทนทานและสามารถกันความร้อนหรือสารเคมีได้

เลือกประตูโหลดสินค้าตามประเภทสินค้า

การเลือกประตูโหลดสินค้าควรพิจารณาจากลักษณะของสินค้าที่จะขนส่ง โดยมีข้อแนะนำสำหรับธุรกิจต่างๆธุรกิจสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม
คลังสินค้าหรือโรงงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่มมักต้องการประตูที่สามารถป้องกันการปนเปื้อนจากฝุ่นหรือสารเคมีได้อย่างดี
ประตูที่เลือกใช้ควรมีความทนทานต่อการทำความสะอาดและไม่สะสมสิ่งสกปรก
ประตูแบบยกหรือประตูแบบโรลเลอร์ที่มีการซีลดีอาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะจะช่วยป้องกันความชื้นและมลพิษจากภายนอก
ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods)
ประตูที่สามารถเปิด-ปิดได้รวดเร็วและง่ายดายช่วยให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น
ประตูแบบโรลเลอร์หรือประตูแบบยกที่มีขนาดใหญ่เหมาะกับการโหลดสินค้าในปริมาณมาก
ธุรกิจเครื่องจักรและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม
สินค้าประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก ดังนั้นประตูที่สามารถรับน้ำหนักได้สูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ประตูแบบยก (Sectional Doors)
หรือประตูแบบโรลเลอร์ที่มีระบบป้องกันน้ำหนักสามารถรองรับสินค้าที่มีขนาดและน้ำหนักสูงได้ดี
ธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต้องการสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปราศจากฝุ่น
การเลือกประตูที่สามารถป้องกันฝุ่นและมลพิษ เช่น ประตูที่มีซีลดี หรือประตูผ้าอาจเหมาะสม

ปัจจัยในการเลือกประตูโหลดสินค้า

นอกจากประเภทสินค้าที่จะขนส่งแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกประตูโหลดสินค้า ได้แก่

ขนาดของประตู: ขนาดของประตูควรเหมาะสมกับขนาดและประเภทของสินค้าที่ต้องการขนส่ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือมีปริมาณมาก
วัสดุที่ใช้: ประตูควรทำจากวัสดุที่ทนทาน เช่น เหล็กหรือสแตนเลส เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและทนต่อสภาพแวดล้อมการทำงาน
ระบบความปลอดภัย: ควรมีระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ เช่น ระบบล็อคอัตโนมัติ หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง
การบำรุงรักษา: ควรเลือกประตูที่มีการบำรุงรักษาง่าย ไม่ยุ่งยากในการทำความสะอาดหรือซ่อมแซม

ประตูโหลดสินค้าในอนาคต

ในอนาคต การเลือกประตูโหลดสินค้าจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อตอบสนองกับความต้องการในด้านการประหยัดพลังงานและการป้องกันสิ่งแวดล้อม อาจมีการใช้ประตูที่สามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์ เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

สรุป
การเลือกประตูโหลดสินค้าที่เหมาะสมกับประเภทและลักษณะของสินค้าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและการจัดการสินค้าในคลังหรือโรงงาน การพิจารณาเลือกประเภทประตูที่เหมาะสม เช่น ประตูแบบยก ประตูแบบโรลเลอร์ หรือประตูผ้า จะช่วยให้การขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ทำให้กระบวนการจัดการโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพสูงสุด

JEERAWAT S.C.GROUP CO.,LTD.

บริษัท จีระวัฒน์ เอส.ซี.กรุ๊ป จำกัด เราเป็นผู้นำทางด้านระบบขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานอุตสหกรรมที่ครบวงจร รวมทั้งยังเป็นผู้ให้บริการ จำหน่าย ออกแบบและติดตั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบขนถ่ายสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ อันได้แก่ , ประตูไฮสปีด High speed door, ประตูโหลดสินค้า Overhead sectional door, ประตูห้องเย็น Cold storage door, สะพานปรับระดับโหลดสินค้า Loading dock leveler, อุโมงค์โหลดสินค้าคลุมท้ายรถ Loading dock shelter, พัดลมยักษ์ขนาดใหญ่ HVLS fan, ประตูอุตสาหกรรม Industrial doors พร้อมทีมงานติดตั้งที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี เราคัดสรรสินค้าคุณภาพดีจากฝั่งยุปโรปและเอเซีย มาให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานตามความต้องการและความเหมาะสมโรงงานของลูกค้า

Project Dept. : 093 7896416, 061 8793236
Sales Dept.     : 094 7829361, 098 6323235

ฝันให้ไกล ตั้งเป้าหมายให้ไกล

ฝันให้ไกล ตั้งเป้าหมายให้ไกล

จงฝันให้ไกล….แล้วไปให้ถึง
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

หลายคนมีความฝันอยากเป็น ดารา นักร้อง นักการเมือง นักเขียน นักพูด นักกีฬา แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถพาตัวเองมุ่งไปสู่ความฝันได้สำเร็จ
Tiger Wood ชอบเล่นกอล์ฟ มาตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากกีฬากอล์ฟในสมัย Tiger Wood นั้น มักเป็นกีฬาที่คนผิวสีขาวเล่นกันโดยเฉพาะใน PGA Tour แทบจะไม่มีคนผิวสีดำและสีเหลืองเล่นกัน แต่ Tiger Wood สามารถเป็นแชมป์โลกในกีฬาประเภทกอล์ฟ ทั้งๆที่มีอายุยังน้อย และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนสีผิวต่างๆได้เล่นกอล์ฟมากขึ้น
โอปาห์ วินฟรีย์ ตอนอายุ 16 ปี ได้ทำงานเป็นโฆษกรายการวิทยุซึ่งเธอได้รับค่าจ้างเพียงน้อยนิด แต่ทำให้เธอทราบว่า เธอชอบอะไร เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอจึงมุ่งไปสู่เส้นทางของสื่อมวลชนโดยเข้าสู่วงการโทรทัศน์ โดยทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวคนหนึ่ง แต่เธอก็หมั่นฝึกซ้อม ฝึกฝนตนเอง อยู่เสมอ จนกระทั่งเธอเริ่มโดดเด่นและฉายแววขึ้นมา จึงมีคนมาติดต่อให้เธอจัดรายการโทรทัศน์ชื่อว่า “เอ เอ็ม ชิคาโก” ทางสถานีโทรทัศน์ WLS-TV เธอจัดเพียงแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น รายการของเธอดังมาก จนในที่สุด เธอคือ ผู้หญิงผิวดำตัวเล็กๆที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐและในโลกในวงการสื่อสารมวลชน
แลนซ์ อาร์มสตรอง เขาคือคนธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเขาประสบกับโรคมะเร็ง เขาจึงมีความฝันและมีความต้องการที่จะป็นนักปั่นจักรยานอาชีพ จนในที่สุดเขาเป็นนักกีฬาปั่นจักรยานที่โด่งดังที่สุดในโลกคนหนึ่งในฐานะที่เขาสามารถเอาชนะตัวเองและต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สร้างความหวัง สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งไปทั่วโลก
David Beckham ดารานักฟุตบอลดังของสโมสรในประเทศอังกฤษ กว่าจะโด่งดังและประสบความสำเร็จเขาต้องทุ่มเทฝึกซ้อมฟุตบอลทุกๆวัน บางวันเขาต้องซ้อมยิงลูกโทษเข้าประตูฟุตบอลหลายร้อยลูกต่อวัน ด้วยความฝึกฝน ด้วยการเสียสละเวลา ทุ่มเท ไม่ได้นำเวลาไปเที่ยวแตร่เหมือนกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ปัจจุบันเขาคือนักฟุตบอลอาชีพที่มีค่าตัวแพงที่สุดและมีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก
เหมา เจ๋อ ตุง กว่าที่เขาจะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนสำเร็จ เขาต้องพบกับความลำบาก เขาต้องเผชิญหน้ากับความตายอยู่หลายครั้ง เขาต้องทำงานที่หนัก เขาต้องเสียสละละทิ้งครอบครัวของเขา และเขาต้องพบกับความล้มเหลวในการปฏิวัติและการต่อสู้กับศัตรูหรือคู่แข่งทางการเมืองอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ทิ้งความฝันของเขาในที่สุด เขาสามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนและได้รับยกย่องจากประชาชนจีนอีกเป็นจำนวนมาก ว่าเป็นวีรบุรุษในหัวใจ
ชิน โสภณพนิช กว่าจะเป็นธนราชันย์ เป็นผู้สร้างธนาคารกรุงเทพจนใหญ่กลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศแล้วนำไปสู่ความเจริญเติบโตอันดับต้นๆของเอเชียอาคเนย์ เขาต้องทุ่มเทการทำงานอย่างหนัก มุ่งมั่น ขยัน อดทน มานะ บุกบั่น ซึ่งจุดเริ่มต้นของเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด มิหนำซ้ำเขายังเริ่มต้นทำงานที่ต่ำต้อย คือเขาทำงานเป็น กรรมกรแบกหาม (กุลี หรือ จับกัง) แต่ด้วยเขาเป็นคนที่มีความฝันใหญ่ในที่สุดเขาคือ “ ธนราชันย์” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ฉะนั้น หลายคนมักบ่นกับผมว่าอยากที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ มีอยู่ทางเดียวก็คือในเมื่อคุณมีความฝันแล้ว คุณจงมุ่งมั่น เดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมาย อย่าได้ละทิ้งหรือล้มเลิกก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ จงอย่ากลัว อย่าได้สูญเสีย ความตั้งใจ เมื่อมีคนมาด่า มาตำหนิ มาพูดดูถูกคุณ จงฝันให้ไกล แล้วเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้ ดังบุคคลตัวอย่างข้างต้น
หากคุณใฝ่ฝันอยากเป็นนักการตลาดที่เก่งที่สุดในประเทศไทย คุณสามารถเป็นได้ ถ้าคุณกล้าที่จะเป็น คนเราไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะพระเจ้า แต่ที่เราไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเราไม่เคยคิดที่จะประสบความสำเร็จต่างหาก ขอให้คุณกล้าที่จะคิด กล้าที่จะเป็น กล้าที่จะทำ แล้วคุณก็จะได้ทุกอย่าง อย่างที่คุณคิด คุณพูดและคุณทำ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการนำศาสตร์ทางด้านการตลาดไปประยุกต์ใช้ ขอให้ทุกท่านโชคดี

 

#image_title

คนเก่งพลิกโลก

คนเก่งพลิกโลก

อัจฉริยะพลิกสมอง…เปลี่ยนโลก
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

โทมัส อัลวา เอดิสัน ถือว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลที่โลกยกย่อง แล้วเขาเป็นอิจฉริยะได้อย่างไร จึงเป็นสิ่งที่น่าสมควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวกระผมเองและนักวิชาการอีกเป็นจำนวนมากเชื่อว่า อัจฉริยะสามารถสร้างขึ้นได้ การดูต้นแบบ ชีวิต แนวคิดของบรรดาอัจฉริยะบุคคลเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำให้เราเป็นอัจฉริยะได้ดังเช่นบุคคลต้นแบบ โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นบุคคลคนคนนั้น
มีคนเคยไปถาม โทมัส อัลวา เอดิสัน ว่า อัจฉริยะเกิดจากอะไร โทมัส อัลวา เอดิสัน ตอบว่า “ อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เกิดจากความพยายาม 99 เปอร์เซ็นต์” จากคำตอบนี้หากเราได้อ่านประวัติของ โทมัส อัลวา เอดิสัน เราจะเห็นถึงความมานะ พยายาม ความขยัน ความอดทนในการทำงานของเขา เขาจะไม่ล้มเลิกง่ายๆ
ชีวิตคือการทดลอง โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้ทุ่มเทให้กับเวลาทดลองเป็นอย่างยิ่ง เขาได้ใช้เวลาอย่างมากอยู่ในห้องทดลองและเมื่อออกมานอกห้องเขาก็จะทดลองทุกๆอย่างที่เขาสงสัยและอยากรู้ เขาจะลองผิดลองถูกและเฝ้ามองการทดลองนั้นด้วยตนเอง อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆที่ได้จากการทดลอง จนกระทั่งเขาได้รับสิทธิบัตรกว่า 1,000 รายการ
นวัตกรรมนำหน้า ในการทำธุรกิจของเขา เขามักจะคิดนวัตกรรมใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเสมอ เขาจะไม่หยุดคิด หยุดทดลอง อีกทั้งเขายังเคยพูดด้วยว่า “ วิธีที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำได้ ก็คือต้องทำการทดลอง ถ้าหยุดทดลองก็คือการเดินถอยหลัง” สตีฟ จอบส์ เองก็มีแนวคิดเรื่องนวัตกรรมไม่ต่างกัน เขาเคยพูดกับทีมงานของเขาว่า “ สิ่งที่เราต้องทำคือ การปฏิวัติวงการทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน สร้างโลกของเราขึ้นมา”
ชอบอ่าน โทมัส อัลวา เอดิสัน นับได้ว่าเป็นนักอ่านคนหนึ่ง ตอนเช้าเขาจะอ่านหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับและช่วงบ่ายอีก 3-4 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นวารสาร หนังสือพิมพ์ในวงการประดิษฐ์ วงการวิทยาศาสตร์ที่เขากำลังทำงานอยู่ จึงทำให้เขามีความคิดที่จะผลิตสินค้าให้สนองตอบกับคนในยุคนั้น เพราะเขาเชื่อว่า คนเราจะอยู่ได้ เติบโตได้ก็ด้วยความรู้ใหม่ๆ
คิดต่าง จึงประสบความสำเร็จ สิ่งประดิษฐ์ของ โทมัส อัลวา เอดิสัน เกิดขึ้นจากการคิดต่าง เช่น หลอดไฟฟ้า เทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหว เครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์ สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ถือได้ว่าช่วยทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ จากโลกที่มืดไม่มีไฟฟ้าใช้ กลับกลายเป็นส่องสว่างด้วยหลอดไฟฟ้าที่เขาประดิษฐ์ โลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นก็ด้วยเครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์ และโลกสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวเก็บไว้ได้ก็ด้วยฝึกมืออย่างคนอย่างเขา
เมื่อเจอปัญหาต้องไม่หยุด ในการทดลองสิ่งประดิษฐ์เกือบทุกชนิดของเขา เขาต้องพบกับปัญหาแต่เขาไม่เคยหยุดหรือทิ้งกลางคัน ตรงกันข้ามกับบุคคลโดยทั่วไป เมื่อเจอปัญหาก็มักบ่น มักทิ้ง แล้วไม่ทำต่อไป แต่คนอย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน เขาไม่เคยหยุดเมื่อเจอกับปัญหาโดยเฉพาะสิ่งประดิษฐ์ชิ้นสำคัญของโลกอย่างหลอดไฟฟ้า ในการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาต้องล้มเหลวนับเป็นพันๆครั้ง มีคนไปถามเขาว่าเขาไม่เสียใจหรือไม่ ที่พบกับความล้มเหลวเป็นพันๆครั้ง เขาตอบว่า “ เขาไม่ได้ล้มเหลวแต่เขากำลังได้วิธีการใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกพันวิธีต่างหาก” อีกทั้งเขาเป็นคนที่ไม่เคยหยุดยั้ง นักข่าวเคยตั้งคำถามว่า “ หากเขายังไม่สามารถผลิตหลอดไฟฟ้าสำเร็จเขาจะทำอย่างไร” โทมัส อัลวา เอดิสัน ตอบว่า “ ผมจะไม่เสียเวลามานั่งคุยอย่างนี้หรอก แต่ผมจะมุ่งหน้าคิดค้นวิธีการผลิตหลอดไฟฟ้าให้จงได้”
นี่คือวิธีคิด วิธีทำงานของ โทมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งทุกๆท่านสามารถนำเอาไปปฏิบัติได้ แล้วท่านจะประสบความสำเร็จอย่างอัจฉริยะคนนี้

#image_title