จดจ่อที่เป้าหมายของชีวิตให้มากขึ้น

จดจ่อที่เป้าหมายของชีวิตให้มากขึ้น

จดจ่อที่เป้าหมาย…ไม่ใช่จดจ่อที่อุปสรรค
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คุณจะเห็นอุปสรรค์เป็นสิ่งที่น่ากลัว…ถ้าคุณละทิ้งเป้าหมาย เป็นคำพูดของ เฮนรี่ ฟอร์ด
เป้าหมายที่ปราศจากแผนการ เป็นได้แค่ความฝัน…..
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จในโลกนี้….ไม่รู้ว่าตนเองเกิดมาแล้วต้องการอะไร….ก็เนื่องมาจากการขาดเป้าหมายนั่นเอง…..เป้าหมายจึงเปรียบเสมือนทิศทางที่ทำให้เราเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น…
หลายๆคนไม่ยอมบอกเป้าหมายของตนเองกับผู้อื่น….ก็เนื่องมาจากการขาดความมั่นใจในตนเอง บางคนอาย…แต่ตรงกันข้ามกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากมักเป็นคนที่ชอบบอกคนรอบข้างว่า….เขาต้องการอะไร…
จงกล้าบอกเป้าหมาย….แล้วท่านจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่…..หากว่าท่านอยากเป็นนักเขียนระดับประเทศ….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…..หากว่าท่านอยากมีเงินล้าน….จงบอกคนรอบข้างของท่าน….หากว่าท่านอยากเป็นทนายความ….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…แล้วท่านจะได้สิ่งนั้น รวดเร็วยิ่งขึ้น..และหากว่าท่านอยากได้รถเก๋งใหม่สักคัน….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…..สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็คือ คนส่วนมาก มักจะละทิ้งเป้าหมายที่ตนต้องการ…แต่การบอกคนรอบข้างจะทำให้คนรอบข้างของท่านคอยที่จะเตือน คอยที่จะย้ำ เป้าหมายของท่านอยู่ตลอดเวลา…
อยากให้เป้าหมายสำเร็จ…..ต้องไปสัมผัสกับของจริง….หลายคนมีเป้าหมาย อยากได้รถเก๋งใหม่….ถ้าท่านอยากได้จริงๆ ท่านลองไปสัมผัสกับรถเก๋งในฝันของท่านบ่อยๆ…ลองทดลองนั่ง….ลองทดลองขับ…หากท่านได้สัมผัสมันบ่อยๆ เป้าหมายนั้นก็จะเป็นจริงได้…
เป้าหมายจะสำเร็จได้ต้อง…ฝึกจินตนาการ….การฝึกจินตนาการถึงเป้าหมายบ่อยๆจะทำให้…ท่านเกิดความถี่ในการได้คิดถึงเป้าหมาย….เช่น การคิดการจินตนาการว่าท่านได้รถเก๋งคันนั้นแล้ว…ท่านกำลังขับ….ท่านกำลังอยู่ในรถเก๋งใหม่คันนั้น…..ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น….เราควรหาภาพรถเก๋งคันที่เราต้องการ…ติดไว้ข้างฝาบ้าน…ก็ยิ่งจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็ว…
เป้าหมายจะสำเร็จได้….ต้องลงมือทำ…..เมื่อคิดแล้ว เมื่อพูดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด….จงลงมือทำ…..ลองเอากระดาษ ปากกาหรือดินสอ มาวาด มาเขียน ดูว่า เราจะมีวิธีการหาเงินมาจากไหนเพื่อซื้อรถเก๋งในฝันของเรา….เช่น หารายได้จากการเขียนหนังสือ…..หารายได้จากการขายประกันชีวิต….หารายได้จากการขายสินค้าต่างๆ….หารายได้จากการทำธุรกิจเครือข่าย….ฯลฯ
เป้าหมายจะเคลื่อนไปข้างหน้าได้….ท่านจะต้องกระตือรือร้น….จงเดินอย่างคนกระตือรือร้น….จงพูดอย่างคนกระตือรือร้น….จงทำตัวอย่างคนกระตือรือร้น…..จงขายอย่างคนกระตือรือร้น….แล้วเราก็จะเคลื่อนตัวไปสู่เป้าหมาย….
เป้าหมายดี…ต้องหมั่นบำรุง….จึงจะประสบความสำเร็จ….จงให้กำลังใจตนเอง…จงลุกขึ้นพูด “ ฉันทำได้”, “ ฉันสุดยอด” , “ ฉันยอดเยี่ยม” …ปลุกพลังด้วยคำพูดกับตัวเองบ่อยๆ
เป้าหมายต้องเขียนบ่อยๆ…การเขียนเป้าหมายบ่อยๆ…จะทำให้เรา…เกิดความตั้งใจที่จะทำตามเป้าหมายยิ่งขึ้น…จงเขียนเป้าหมาย….จงเขียนแผนการไปสู่เป้าหมาย…จงเขียนระยะเวลาที่จะเดินทางไปสู่เป้าหมาย….จงเขียนขั้นตอนต่างๆที่จะทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ…..
เป้าหมายยิ่งใหญ่….ท่านยิ่งต้องพัฒนาตนเอง….พัฒนาทั้งการอ่าน การฟัง การพูด การกระทำ การขาย การนำเสนอ….ยิ่งท่านพัฒนาตนเองได้มากเท่าไร….เป้าหมายที่ท่านดูว่ายิ่งใหญ่…ก็จะเป็นเพียงเป้าหมายหมายที่เล็กน้อน….เท่านั้น
เมื่อได้…อ่านมาถึงนี้แล้ว…ผมอยากถามว่า….คุณมีเป้าหมายหรือยัง….คุณค้นพบเป้าหมายตัวเองหรือยัง….เพราะถ้าคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน…ชีวิตของคุณก็จะมีความตื่นเต้น…ชีวิตของคุณก็จะมีพลังขับเคลื่อน….ชีวิตของคุณก็จะมีพลังมีความหวัง….ถ้าคุณยังไม่มี….จงเขียนมันขึ้นมา….ตอนนี้….ขอให้คุณประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้ขอให้ทุกๆท่านโชคดี

#image_title

ข้อผิดพลาดทางด้านการตลาด

ข้อผิดพลาดทางด้านการตลาด

ข้อผิดพลาดทางการตลาด
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ศาสตร์ทางด้านการตลาดเป็นศาสตร์ที่ต้องมีการยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง หลักการบางอย่างปฏิบัติหรือใช้ในอดีตได้ผล แต่เมื่อนำมาใช้ในปัจจุบันอาจไม่ได้ผลหรือไม่ประสบความสำเร็จ
นักการตลาดที่ดีจึงต้องเป็นนักยืดหยุ่น นักปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
– อย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีต เฮนรี่ ฟอร์ด ได้นำเสนอรถยนต์ฟอร์ด รุ่น T สู่ตลาดใน
ระหว่างปี 1909 ปรากฏขายได้ดีมาก โดยช่วงแรกขายในราคาคันละ 850 เหรียญ และมีเพียงสีเดียวเท่านั้นคือสีดำ ซึ่งรถยนต์ฟอร์ด รุ่น T เป็นที่ต้องการของตลาดมากเวลานั้น จึงทำให้รถยนต์ฟอร์ดยึดครองตลาดรถใหม่ที่ขายในประเทศสหรัฐ เป็นจำนวนเกินครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว จึงทำให้บริษัทฟอร์ดเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ใหม่เป็นเวลานานถึง 17 ปี จนกระทั่งถึงปี 1926 ตลาดรถยนต์ตกต่ำมาก จึงทำให้บริษัทฟอร์ด ลดราคารถยนต์ฟอร์ด รุ่น T เหลือคันละ 263 เหรียญ ซึ่งในขณะนั้น เฮนรี่ ฟอร์ด ก็ยังคงใช้นโยบายเดิมกับบริษัทฟอร์ดว่า “ เราจะผลิตรถยนต์เพียงสีเดียวคือสีดำเท่านั้น” อีกทั้ง เฮนรี่ ฟอร์ด ยังคงเดินหน้าผลิตรถยนต์ รุ่น T อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้รถยนต์ รุ่น T ถูกลง การไม่ปรับตัว การไม่เปลี่ยนแปลง และยึดติดกับความสำเร็จในอดีต จึงทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ในเวลาต่อมา
จี-เอ็ม มีการปรับตัวต่อความต้องการของตลาดรถยนต์ใหม่ดีกว่า ช่วงทศวรรษ 1920 คนอเมริกาต้องการรถยนต์ที่มีลักษณะหรูหรามากขึ้น อีกทั้งแต่ละคนก็มีความต้องการสีของรถยนต์ที่แตกต่างกันไป จี-เอ็มจึงได้ผลิตรถยนต์ เชฟโรเลท ซึ่งมีลักษณะหรูหรา น่าขับ มีให้เลือกหลากหลายสี มีความทันสมัย ปลอดภัย ผลก็คือ จี-เอ็ม กลับกลายเป็นผู้นำตลาดรถยนต์แทน ฟอร์ด
ถึงแม้ในช่วงเวลาต่อมา บริษัทฟอร์ด ได้มีการปรับตัวแต่ก็เพียงเล็กน้อย โดยจัดให้รถยนต์ฟอร์ด รุ่น T มีสีให้เลือกมากขึ้น มีการใส่บังโคลน เพิ่มกระจกหน้าลาดเอียง แต่ยอดขายก็คงยังลดลง ลดลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด บริษัทฟอร์ดตัดสินใจหยุดการผลิตรถยนต์ จึงทำให้คนงานบริษัทฟอร์ดสมัยนั้นตกงานเป็นจำนวนหลายหมื่นคน
จากนั้นในเวลาต่อมา บริษัทฟอร์ด ได้ตัดสินใจส่งสินค้าตัวใหม่ออกสู่ตลาดคือรถยนต์ฟอร์ด รุ่น A ซึ่งบริษัทฟอร์ดต้องลงทุนอีกเป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญ แล้วเริ่มขยายตลาดมากขึ้น มีคนซื้อใช้มากขึ้น จากการสูญเสียความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ให้กับจี-เอ็มในครั้งนั้น ทำให้บริษัทฟอร์ดกว่าจะเรียกความศรัทธาจากผู้บริโภคและศรัทธาจากสายตาคนอเมริกามาได้ต้องใช้เวลา นี่คือบทเรียนสำคัญในการยึดติดกับความสำเร็จในอดีต
– “ทำไมถึงไม่มีร้านขายแฮมเบเกอร์แบบ แม็คโดนัล อีกสักแห่ง” เบเกอร์ เชฟ คือกรณีศึกษาของ
การขยายตลาดที่รวดเร็วมากจนเกินไป ปี 1967 บริษัทเจเนอรัล ฟูดส์ ได้ใช้เงินจำนวน 16 ล้านเหรียญ ซื้อระบบร้านแฟรนไช้ส์ของ เบเกอร์ เชฟ ซึ่งในขณะนั้นเบเกอร์ เชฟ มีสาขาถึง 700 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา และในปี 1969 เดือนมีนาคม บริษัทได้ตัดสินใจขยายสาขาเบเกอร์ เชฟ อีกเป็นจำนวนถึง 900 สาขา และในปีเดียวกันคือปี 1969 เดือนธันวาคม บริษัทได้ตัดสินใจขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกเป็น 1,022 สาขาและอีก 29 สาขาในประเทศแคนาดา ต่อจากนั้นอีก 1 ปี บริษัทได้ขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,200 สาขา และ 36 สาขาในประเทศแคนาดา จากการเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 3 ปี เบเกอร์ เชฟ ขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บริษัทการบริหารงานได้ยุ่งยากและซับซ้อน อีกทั้งทำให้บริษัทประสบกับภาวะขาดทุนและถดถอยในเวลาต่อมา เงินที่ลงทุนไป 16 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนี้สิน การขยายสาขามากๆแทนที่จะสร้างผลกำไรกลับการเป็นการเพิ่มการขาดทุนมากยิ่งขึ้น เบเกอร์ เชฟ จึงเป็นกรณีศึกษาที่เรียกว่า “แจ้งเกิดเร็ว ตายเร็ว” ซึ่งแตกต่างกับระบบร้านแฟรนไช้ส์แม็คโดนัล ของเรย์ คร้อก และระบบร้านแฟรนไช้ส์ของ KFC ของผู้พัน ฮาแลนด์ แซนเดอร์ ที่ค่อยๆขยายตลาดออกไปตามกำลังความสามารถที่ตนเองสามารถดูแลได้
– ผลิตภัณฑ์ต้องสอดคล้องกับตลาดอย่างแท้จริง บริษัทโค้ก เป็นผู้นำตลาดน้ำดำของโลก แต่ก็
ใช่ไม่มีข้อผิดพลาดทางการตลาดเลย ข้อผิดพลาดของบริษัทโค้ก ที่มีการกล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆและมีการกล่าวขวัญเป็นอันดับต้นๆของโลก ก็คือ การออกผลิตภัณฑ์ “นิวโค้ก” เป็นการเปลี่ยนแปลงสูตรของโคคา-โคล่า(รสชาติใหม่)โดยมีการวางขายเมื่อ พ.ศ.2528 แทน “โค้ก” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะ นิวโค้ก ไม่ได้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนออกมาให้เห็น อีกทั้ง โคลา-โคล่า หรือ โค้ก ยังคงเป็นที่พอใจและเป็นที่ชื่นชอบของตลาดโลกในระดับที่สูงที่สุดอยู่แล้ว จนกระทั่ง ปี 2535 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ “โคลา-โคล่า 2”
ฉะนั้น จาก 3 กรณีศึกษาข้างต้นเราจะเห็นได้ว่า บริษัทฟอร์ดในยุคแรกๆเป็นผู้บุกเบิก
นวัตกรรมใหม่ๆให้แก่ตลาดรถยนต์ ซึ่งบริษัทได้ผลิตรถรุ่น T และสีดำ ขึ้นมา แต่เนื่องจากบริษัทฟอร์ดได้ละเลยการคิดค้นหรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาต่อยอดกับรถยนต์ฟอร์ดรุ่น T จึงทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำทางการตลาด เพราะความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป แต่บริษัทฟอร์ดก็ยังยืนยันที่จะผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่น T และสีดำ ความไม่ยืดหยุ่น ความไม่เปลี่ยนแปลง นี่เองจึงนำไปสู่ความทดถอยและพ่ายแพ้ทางการตลาดในเวลาต่อมา
กรณีศึกษาของ เบเกอร์ เชฟ ทำให้เห็นได้ว่า การโตไว การขยายสาขาไว จนดูแลไม่ไหว เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทางด้านการตลาด
กรณีศึกษา “นิว โค้ก” เป็นการออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีความสอดคล้องกับความต้องของตลาดอีกทั้งยังไม่สามารถทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ดังนั้น การไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่ดี การขยายตัวโตเร็วเกินไปและการผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการตลาด จึงถือว่าเป็นอันตรายทั้งสิ้น
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ควรอยู่นิ่งหรือไม่เปลี่ยนแปลงนานจนเกินไป เพราะสภาพแวดล้อมทางการตลาดย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ช้าๆ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง หรือไม่ควรขยายตลาดให้เร็วมากเกินไปจนเกินกำลังเกินความสามารถของตนเองและควรเลือกผลิตภัณฑ์ ควรออกสินค้าให้ตรงกับจังหวะเวลา อีกทั้งต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าที่มีอยู่เดิมแล้วกับสินค้าที่ออกมาใหม่

#image_title

ปัญญามีมาก แต่หัวใจเล็กเกิน

ปัญญามีมาก แต่หัวใจเล็กเกิน

ปัญญามีมาก…แต่ใจเท่า…หัวไม้ขีดไฟ.

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

..

ในชั่วเวลาหนึ่งของชีวิตของผม ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับบุคคลหลากหลายประเภท เช่น นักธุรกิจบ้าง นักการเมืองบ้าง นักเขียนบ้าง ข้าราชการบ้าง ฯลฯ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมีทั้งบุคคลที่ประสบความสำเร็จและบุคคลที่ล้มเหลว

ทำให้เห็นความแตกต่าง

บางคนมีปัญญามาก….แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ….กล่าวคือ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความคิดดีมาก แต่ขาดซึ่งความกล้าหาญในการทำงานใหญ่…

บางคนเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต…แต่เป็นคนที่เดินแบบครึ่งๆกลางๆ แล้วหยุด ไม่ยอมเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ถึงเป้าหมาย….

บางคนเจออุปสรรคนิดเดียว เจอปัญหานิดเดียว…ถึงกับถอดใจไม่ยอมทำงาน

ถ้าหากว่าจะให้ผมเลือกระหว่าง “ ปัญญา กับ ใจ ” ผมขอเลือกใจ

เพราะ ใจมีความสำคัญมากๆ ต่อความสำเร็จ เพราะถ้าหากเรามีปัญญาน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ใจเราสู้ไม่ถอย เราก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ แต่ในทางกลับกัน บางคนมีปัญญามาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ เมื่อเจอกับอุปสรรค เขาก็มักจะถอดใจกลัว ไม่กล้า เมื่อเจอกับปัญหานิดหน่อย เขาถึงกับต้องเป็นกังวล ทำให้ชีวิตเกิดความวิตกกังวลตลอดเวลา จนบางคนต้องกินยาแก้ปวดทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

ดูอย่างคนที่ประสบความสำเร็จต่างๆในแวดวงธุรกิจซิ แล้วคุณจะเห็นว่า เขามีใจที่ยิ่งใหญ่ดังทะเล เจ็บเป็นเจ็บ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ใจถึง ใจสู้ไม่ถอย  ดังเช่น

–                    โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ นักธุรกิจใหญ่ของสหรัฐ ดำเนินธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล เมื่อถึงคราวที่จะล้มละลาย ก็ยังมี

ใจที่สู้ไม่ถอย มีความอดทน จนกระทั่งธุรกิจของเขากลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม ก็เพราะเขามีใจที่ยิ่งใหญ่  กล้าเสี่ยง กล้าที่จะต่อสู้กับเหตุการณ์ร้ายๆ

–                    ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจใหญ่ชาวอังกฤษ เจ้าของชื่อการค้า “เวอร์จิ้น” มีธุรกิจกว่า  360 บริษัท เขาทำธุรกิจ

ตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มทำนิตยสารตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนนักศึกษา แล้วขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ  เขาชอบผจญภัยและสร้างสถิติโลก  เช่น ทำลายสถิติการขับเรือเร็วข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก , ทำลายสถิติการเดินทางด้วยบัลลูนข้ามมหาสมุทรแอตแนติก เป็นต้น

–                    ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน โออิชิ จบชั้นมัธยมปีที่ 3 เริ่มทำงานโดยการแบกของ ค่าจ้างประมาณ 700 บาท แล้ว

จึงเริ่มลงทุนทำธุรกิจแผงหนังสือที่จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจซื้อตึกแถวต่างๆ จนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาได้ขยายธุรกิจไปยังการสร้างภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ชื่อ โออิชิ และขยายไปยังธุรกิจเครื่องดื่ม ชาเขียวโออิชิ

บุคคลทั้งสามนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจ และถ้าหากเป็นคุณถ้าให้เลือกระหว่างการมีปัญญา กับ ใจ  คุณจะเลือกอะไร

#image_title

ครีมไวท์เทนนิ่งทำให้ผิวขาวกระจ่างใส

ครีมไวท์เทนนิ่งทำให้ผิวขาวกระจ่างใส

ครีมไวท์เทนนิ่ง: เคล็ดลับเพื่อผิวกระจ่างใส

การมีผิวกระจ่างใสและดูอ่อนเยาว์เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะหรือการโดนแสงแดดมากเกินไป ซึ่งทำให้ผิวคล้ำเสียและเกิดจุดด่างดำได้ง่าย ครีมไวท์เทนนิ่งจึงกลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการดูแลและปรับสภาพผิวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง หากคุณกำลังมองหาครีมไวท์เทนนิ่งที่เหมาะกับผิวของคุณ พร้อมทั้งเคล็ดลับการดูแลผิวให้กระจ่างใสอย่างยั่งยืน บทความนี้จะให้ข้อมูลที่คุณต้องการโดยโรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง

ครีมไวท์เทนนิ่งคืออะไร?
ครีมไวท์เทนนิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผิวคล้ำ และช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้นโดยการยับยั้งการผลิตเมลานินในชั้นผิว เมลานินเป็นสารที่ทำให้ผิวหนังมีสีเข้ม และเมื่อผิวถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดหรือปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดหรือมลภาวะ การผลิตเมลานินจะเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น

ส่วนประกอบสำคัญในครีมไวท์เทนนิ่ง
การเลือกครีมไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้คือลิสต์ของส่วนประกอบที่พบในครีมไวท์เทนนิ่งที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส

วิตามิน C
วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการผลิตเมลานิน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยหมองคล้ำ และจุดด่างดำได้

กรดอัลฟาอาร์บูติน (Alpha Arbutin)
เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเมลานิน ทำให้ผิวสว่างขึ้นและลดเลือนจุดด่างดำได้

ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide หรือ Vitamin B3)
ไนอาซินาไมด์ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและลดความหมองคล้ำ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับรูขุมขนและลดการอักเสบ

กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid)
กรดไกลโคลิกช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำออกไป ซึ่งทำให้ผิวดูสว่างใสและเรียบเนียนมากขึ้น

สารสกัดจากชาเขียว
ช่วยลดการอักเสบและปกป้องผิวจากมลภาวะ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและสุขภาพดี

กรดไฮยาลูโรนิก
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา

เคล็ดลับการใช้ครีมไวท์เทนนิ่งให้ได้ผลดีที่สุด
การใช้ครีมไวท์เทนนิ่งอย่างถูกวิธีสามารถช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ดังนี้:

ใช้ครีมในตอนเช้าและเย็น
ครีมไวท์เทนนิ่งจะได้ผลดีที่สุดหากใช้ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น หลังจากการทำความสะอาดผิวหน้าและทาครีมบำรุงที่เหมาะสม ก่อนทาครีมไวท์เทนนิ่ง ควรใช้โทนเนอร์หรือเซรั่มที่ช่วยให้ครีมซึมซาบได้ดีขึ้น

ทาครีมกันแดดทุกวัน
ครีมไวท์เทนนิ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากใช้ร่วมกับการทาครีมกันแดด เนื่องจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวคล้ำและเกิดจุดด่างดำได้ง่าย การทากันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่ทำลายผิวและทำให้เกิดการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้น

ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง
ครีมไวท์เทนนิ่งบางตัวอาจมีสารเคมีที่รุนแรง เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หากมีผิวที่บอบบาง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัยจากโรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง

ให้เวลาในการเห็นผล
การปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นต้องใช้เวลา และผลลัพธ์จะแตกต่างไปตามประเภทผิวของแต่ละบุคคล ครีมไวท์เทนนิ่งจะเริ่มเห็นผลหลังจากการใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 2-4 สัปดาห์

รักษาความชุ่มชื้น
ควรเลือกครีมไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์หรือกรดไฮยาลูโรนิก เพื่อช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและไม่แห้งกร้าน ซึ่งอาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำได้

เคล็ดลับอื่น ๆ เพื่อผิวกระจ่างใส
นอกจากการใช้ครีมไวท์เทนนิ่งแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผิวดูสว่างใสขึ้น ได้แก่:

การดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส

การพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้การฟื้นฟูผิวได้ดี ลดการเกิดจุดด่างดำและริ้วรอย

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด หรืออาหารที่มีโอเมก้า-3 จะช่วยบำรุงผิวจากภายใน

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
พยายามหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรงในช่วงเวลาที่มีแสงแดดแรง และควรใส่หมวกหรือใช้ร่มในการปกป้องผิว

สรุป
การใช้ครีมไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวกระจ่างใสนั้นไม่ใช่แค่การพึ่งพาผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องดูแลผิวให้ครบทุกด้านทั้งการให้ความชุ่มชื้น การปกป้องผิวจากแสงแดด และการดูแลภายในร่างกายด้วย ดังนั้น หากคุณต้องการให้ผิวของคุณกระจ่างใสและสุขภาพดี อย่าลืมเลือกใช้ครีมไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมปลอดภัย และดูแลตัวเองอย่างครบวงจร ด้วยครีมที่มากจากโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่ได้มาตราฐานและมีการรับรอง

 

รับผลิตเครื่องสำอาง โรงงานผลิตเครื่องสำอาง

Cn corporation Co.,LTD. รับผลิตเครื่องสำอาง โดย โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ที่ทันสมัย ผลิตตามมาตรฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข มีสูตรมาตรฐานให้เลือกหลากหลายสูตร
อาทิ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนฝ้ากระ, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว, ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย, ผลิตภัณฑ์ลดการแพ้ และการเกิดสิว, ผลิตภัณฑ์กันแดด, ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพร, ผลิตภัณฑ์สปาแคร์,
ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก ลิปแมท ลิปมัน ลิปกรอส ลิปบาล์ม นอกจากนั้นเรายังมีบริการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์

Facebookpage : Cn corporation Lab รับผลิตเครื่องสำอาง ครบวงจร
อีเมล : info@cncorporation.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 062-949-8888

แผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck ตัวช่วยคุมงบสำหรับคนสร้างบ้าน

แผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck ตัวช่วยคุมงบสำหรับคนสร้างบ้าน

เบื่อไหมกับการสร้างพื้นแบบเดิมที่ทั้งยุ่งยาก ใช้เวลานาน และสิ้นเปลืองทรัพยากร?แผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deckคือทางเลือกใหม่ที่ทำให้การก่อสร้างพื้นเป็นเรื่องง่าย ช่วยลดขั้นตอน ลดต้นทุน และเพิ่มความทนทานได้ในเวลาเดียวกัน

แผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck ตัวช่วยคุมงบสำหรับคนสร้างบ้าน

ทำไมต้องแผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck?

  1. ลดคอนกรีต ลดต้นทุน: ด้วยโครงสร้างแบบลอนของ Metal Deck ลดการใช้คอนกรีตไปได้ถึง 15–20% ทำให้งานก่อสร้างเบาขึ้น แถมยังช่วยประหยัดงบได้เยอะ
  2. แข็งแรงทนทาน ป้องกันการรั่วซึม: Metal Deck มาพร้อมปุ่มนูนพิเศษที่ยึดคอนกรีตได้แน่น ลดการเลื่อนไถลและเพิ่มความแข็งแรงของพื้น คุณจึงมั่นใจได้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นแตกร้าวหรือรั่วซึม
  3. น้ำหนักเบา ลดภาระโครงสร้าง: Metal Deck มีน้ำหนักเบา ช่วยลดภาระให้กับเสา คาน และฐานราก ลดงบการก่อสร้างไปอีกขั้น
  4. ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา: แผ่น Metal Deck ติดตั้งง่าย รวดเร็ว จบงานได้ไว เหมาะสำหรับทุกโครงสร้าง และไม่ต้องกังวลเรื่องช่างผู้ชำนาญ

คุณสมบัติของแผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck

เพิ่มความทนทานด้วยการเคลือบพิเศษ

แผ่นสำเร็จรูป Metal Deck เคลือบด้วยวัสดุ ZAM ซึ่งผสมสังกะสี อลูมิเนียม และแมกนีเซียม ป้องกันสนิมได้ถึง 10 เท่าของเหล็กเคลือบทั่วไป ใช้งานได้ยาวนาน แม้ในสภาพอากาศที่ท้าทาย

ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องวุ่นวาย เลือกแผ่นพื้นสำเร็จรูปของ ConTel Metal Deck แล้วงานพื้นของคุณจะทั้งแข็งแรง สวยงาม และคุ้มค่าในทุกมิติ

แผ่นพื้นสำเร็จรูป Metal Deck ป้องกันสนิมได้ถึง 10 เท่าของเหล็กเคลือบทั่วไป

 

สนใจเป้าหมาย อย่าไปสนใจอุปสรรค

สนใจเป้าหมาย อย่าไปสนใจอุปสรรค

จดจ่อที่เป้าหมาย…ไม่ใช่จดจ่อที่อุปสรรค
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คุณจะเห็นอุปสรรค์เป็นสิ่งที่น่ากลัว…ถ้าคุณละทิ้งเป้าหมาย เป็นคำพูดของ เฮนรี่ ฟอร์ด
เป้าหมายที่ปราศจากแผนการ เป็นได้แค่ความฝัน…..
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จในโลกนี้….ไม่รู้ว่าตนเองเกิดมาแล้วต้องการอะไร….ก็เนื่องมาจากการขาดเป้าหมายนั่นเอง…..เป้าหมายจึงเปรียบเสมือนทิศทางที่ทำให้เราเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น…
หลายๆคนไม่ยอมบอกเป้าหมายของตนเองกับผู้อื่น….ก็เนื่องมาจากการขาดความมั่นใจในตนเอง บางคนอาย…แต่ตรงกันข้ามกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากมักเป็นคนที่ชอบบอกคนรอบข้างว่า….เขาต้องการอะไร…
จงกล้าบอกเป้าหมาย….แล้วท่านจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่…..หากว่าท่านอยากเป็นนักเขียนระดับประเทศ….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…..หากว่าท่านอยากมีเงินล้าน….จงบอกคนรอบข้างของท่าน….หากว่าท่านอยากเป็นทนายความ….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…แล้วท่านจะได้สิ่งนั้น รวดเร็วยิ่งขึ้น..และหากว่าท่านอยากได้รถเก๋งใหม่สักคัน….จงบอกคนรอบข้างของท่าน…..สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็คือ คนส่วนมาก มักจะละทิ้งเป้าหมายที่ตนต้องการ…แต่การบอกคนรอบข้างจะทำให้คนรอบข้างของท่านคอยที่จะเตือน คอยที่จะย้ำ เป้าหมายของท่านอยู่ตลอดเวลา…
อยากให้เป้าหมายสำเร็จ…..ต้องไปสัมผัสกับของจริง….หลายคนมีเป้าหมาย อยากได้รถเก๋งใหม่….ถ้าท่านอยากได้จริงๆ ท่านลองไปสัมผัสกับรถเก๋งในฝันของท่านบ่อยๆ…ลองทดลองนั่ง….ลองทดลองขับ…หากท่านได้สัมผัสมันบ่อยๆ เป้าหมายนั้นก็จะเป็นจริงได้…
เป้าหมายจะสำเร็จได้ต้อง…ฝึกจินตนาการ….การฝึกจินตนาการถึงเป้าหมายบ่อยๆจะทำให้…ท่านเกิดความถี่ในการได้คิดถึงเป้าหมาย….เช่น การคิดการจินตนาการว่าท่านได้รถเก๋งคันนั้นแล้ว…ท่านกำลังขับ….ท่านกำลังอยู่ในรถเก๋งใหม่คันนั้น…..ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น….เราควรหาภาพรถเก๋งคันที่เราต้องการ…ติดไว้ข้างฝาบ้าน…ก็ยิ่งจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็ว…
เป้าหมายจะสำเร็จได้….ต้องลงมือทำ…..เมื่อคิดแล้ว เมื่อพูดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด….จงลงมือทำ…..ลองเอากระดาษ ปากกาหรือดินสอ มาวาด มาเขียน ดูว่า เราจะมีวิธีการหาเงินมาจากไหนเพื่อซื้อรถเก๋งในฝันของเรา….เช่น หารายได้จากการเขียนหนังสือ…..หารายได้จากการขายประกันชีวิต….หารายได้จากการขายสินค้าต่างๆ….หารายได้จากการทำธุรกิจเครือข่าย….ฯลฯ
เป้าหมายจะเคลื่อนไปข้างหน้าได้….ท่านจะต้องกระตือรือร้น….จงเดินอย่างคนกระตือรือร้น….จงพูดอย่างคนกระตือรือร้น….จงทำตัวอย่างคนกระตือรือร้น…..จงขายอย่างคนกระตือรือร้น….แล้วเราก็จะเคลื่อนตัวไปสู่เป้าหมาย….
เป้าหมายดี…ต้องหมั่นบำรุง….จึงจะประสบความสำเร็จ….จงให้กำลังใจตนเอง…จงลุกขึ้นพูด “ ฉันทำได้”, “ ฉันสุดยอด” , “ ฉันยอดเยี่ยม” …ปลุกพลังด้วยคำพูดกับตัวเองบ่อยๆ
เป้าหมายต้องเขียนบ่อยๆ…การเขียนเป้าหมายบ่อยๆ…จะทำให้เรา…เกิดความตั้งใจที่จะทำตามเป้าหมายยิ่งขึ้น…จงเขียนเป้าหมาย….จงเขียนแผนการไปสู่เป้าหมาย…จงเขียนระยะเวลาที่จะเดินทางไปสู่เป้าหมาย….จงเขียนขั้นตอนต่างๆที่จะทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ…..
เป้าหมายยิ่งใหญ่….ท่านยิ่งต้องพัฒนาตนเอง….พัฒนาทั้งการอ่าน การฟัง การพูด การกระทำ การขาย การนำเสนอ….ยิ่งท่านพัฒนาตนเองได้มากเท่าไร….เป้าหมายที่ท่านดูว่ายิ่งใหญ่…ก็จะเป็นเพียงเป้าหมายหมายที่เล็กน้อน….เท่านั้น
เมื่อได้…อ่านมาถึงนี้แล้ว…ผมอยากถามว่า….คุณมีเป้าหมายหรือยัง….คุณค้นพบเป้าหมายตัวเองหรือยัง….เพราะถ้าคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน…ชีวิตของคุณก็จะมีความตื่นเต้น…ชีวิตของคุณก็จะมีพลังขับเคลื่อน….ชีวิตของคุณก็จะมีพลังมีความหวัง….ถ้าคุณยังไม่มี….จงเขียนมันขึ้นมา….ตอนนี้….ขอให้คุณประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้ขอให้ทุกๆท่านโชคดี

 

#image_title

สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ

สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ

สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนที่ประสบความสำเร็จ มักมีนิสัย ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในทางตรงกันข้าม คนที่ล้มเหลว มักมี นิสัยที่ทำให้เขาล้มเหลวอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจึงควรสร้างนิสัยใหม่ที่จะทำให้ท่านเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ โดยดูต้นแบบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขามีนิสัยอย่างไรกัน จากการอ่านและการค้นคว้าของกระผม กระผมพอสรุปได้ดังนี้
1.มีความเป้าหมาย มีความตั้งใจ มุ่งมั่น พยายาม เพื่อไปให้สู่เป้าหมาย คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขามักมีเป้าหมายในชีวิต อีกทั้งเขาพยายามทุ่มเท ชีวิต พลังงานทั้งหมด ไปยังเป้าหมายที่เขาได้กำหนดเอาไว้
2.วางแผน เขียนแผนการ ลงบนกระดาษ คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักมีการวางแผน อีกทั้งมักจะเขียนแผนการ เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี ราย 5 ปี ราย 10 ปี ไว้บนกระดาษ เพราะการเขียนไว้บนกระดาษจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้เกิดการตรวจสอบ เกิดการควบคุม เป้าหมายและแผนการ ว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
3.พึ่งตนเอง มากกว่าพึ่งเทวดา ฟ้า ดิน พระเจ้า คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักเชื่อมั่นในตนเอง เขามักพึ่งพาตนเอง มากกว่า พึ่งคนอื่น และยังเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้อีกด้วย
4.เป็นคนที่มีจินตนาการ มีความฝัน มีความหวัง คนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักเป็นนักคิด นักฝัน นักจินตนาการ เขาจึงสามารถสร้างผลงานที่ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นแก่สังคมและประเทศชาติ
5.ดึงศักยภาพแฝงเร้นออกมาใช้ได้มากกว่าคนอื่นๆ ความจริงแล้ว คนเรามีพลัง มีศักยภาพมากมาย แต่เรามักไม่ได้นำออกมาใช้งาน แต่ตรงกันข้าม คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักดึงศักยภาพแฝงเร้นออกมาใช้ได้อย่างมหาศาล
6.เป็นคนที่ ททท.หรือทำทันที คนที่ประสบความสำเร็จเมื่อ มีเป้าหมายแล้ว มีการวางแผนแล้ว มีจินตนาการแล้ว เขาจะลงมือทำทันที แต่ตรงกันข้าม บุคคลโดยทั่วไป เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ไม่ยอมลงมือทำ แต่จะมีข้ออ้างต่างๆนานา เพื่อที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องทำสิ่งนั้น
7.หาความรู้เสมอ ไม่หยุดยั้ง คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักเป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์ เขาพร้อมที่จะยอมรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ตรงกันข้าม บุคคลที่ล้มเหลว มักหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บุคคลโดยทั่วไป เมื่อจบการศึกษาแล้ว ได้รับปริญญาแล้ว ก็หยุดที่จะเรียนรู้
8.รู้จักหาความสมดุลให้แก่ชีวิต บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิต โดยหาความสงบ เข้าหาธรรมชาติ ฝึกจิตใจ ฝึกสมาธิ ตรงกันข้าม บุคคลโดยทั่วไปมักจะดำเนินชีวิตเป็นไปตามกระแสโลก โดยเฉพาะโลกแห่งวัตถุนิยม โลกแห่งการบริโภคนิยม
ดังนั้น หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจึงควรสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน

#image_title

จงพัฒนาตนเอง เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต

จงพัฒนาตนเอง เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต

พัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้า
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในการทำงาน มักจะเป็นคนที่มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง การพัฒนาตนเองจะช่วยให้บุคคลคนนั้นก้าวไปข้างหน้าได้ไกลกว่าคนที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง ซึ่งท่านสามารถพัฒนาตนเองได้ดังนี้
1.อ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านจะทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะ จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ใหม่ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของความคิด การตัดสินใจ ท่านสามารถปลูกฝังการอ่านได้โดยลำดับแรกคือ จงเลือกอ่านหนังสือที่ท่านชื่นชอบก่อนแล้วจึงขยายการอ่านไปยังศาสตร์ความรู้แขนงอื่นๆ , การเข้าร้านหนังสืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้ท่านได้รับบรรยากาศและเกิดความอยากอ่านหนังสือเนื่องจากมีหนังสือใหม่ๆออกสู่ตลาดทุกๆวัน , การเข้าห้องสมุดประชาชน เข้าห้องสมุดสถานศึกษาก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศในการอ่านได้เป็นอย่างดี
2.การจัดสรรเวลาหรือการบริหารเวลา ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ มักเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาเป็น บริหารเวลาเป็น ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า การบริหารเวลาที่ดีควรให้มีความสมดุลกับชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละบุคคลอาจมีการใช้เวลาที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายปัจจัย
3.รักษาสุขภาพอยู่เสมอ จะไม่มีประโยชน์เลยหากว่า เราประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน มีเงินมากมายมหาศาล แต่เรามีความเครียดตลอดเวลา ไม่มีความสุขในชีวิต เป็นโรคต่างๆ การรักษาสุขภาพร่างกายจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เราควรแบ่งเวลาสำหรับเรื่องของสุขภาพ เช่น แบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย , แบ่งเวลาสำหรับไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี , แบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อน , แบ่งเวลาสำหรับการไปท่องเที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น
4.สร้างเป้าหมายสำหรับชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้า มักเป็นคนที่มีเป้าหมาย รู้ว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร ไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามดวงหรือโชคชะตา เมื่อเขามีทิศทางมีเป้าหมายเขาก็จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายด้วยความกระตือรือร้น ดังนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจะต้องค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ ต้องรู้ว่าเราชอบอะไร เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด
5.กล้าที่จะล้มเหลว คนที่เจริญก้าวหน้าในชีวิตและประสบความสำเร็จ เวลาทำงานมักจะต้องเจอความผิดหวัง ความผิดพลาด ความล้มเหลว หากท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านโปรดอย่าได้กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เราจะต้องควรได้รับและประสบ อีกทั้งทุกความล้มเหลวจะทำให้เราเกิดความเข้มแข็ง เกิดประสบการณ์ เกิดความแข็งแกร่งขึ้นภายในจิตใจ
6.จงคิดในแง่บวกให้มากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดในแง่บวกมากกว่าในแง่ลบ เขาจะคิดถึงเป้าหมายในชีวิตมากกว่าคิดถึงแต่เรื่องของอุปสรรค ปัญหา การคิดในแง่ดี แง่บวก จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหา สิ่งเลวร้ายไปได้ หากว่าคุณชอบคิดในด้านลบอยู่บ่อยๆ ก็ขอจงให้นำเอาสิ่งที่ดีๆ เข้าใส่ไปในสมองแทนที่แล้วชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์เราอาจเกิดมามีความแตกต่างกัน มีความไม่เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เรามีความเท่าเทียมกันในเรื่องของการพัฒนาตนเอง จงพัฒนาตนเองแล้วท่านจะมีความก้าวหน้าในชีวิต ในการทำงาน และประสบความสำเร็จได้

#image_title

คนบ้าอะไรสู้ไม่ท้อถอย อย่าท้อถอย

คนบ้าอะไรสู้ไม่ท้อถอย อย่าท้อถอย

คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย

โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

 

ต้นไม้ใหญ่ในป่าลึก ที่มีความใหญ่โต แข็งแรง เติบโตได้ด้วยการผ่านการต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับต้นไม้อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ  แต่ต้นไม้ที่ถูกเอาใจใส่ รักษาเป็นอย่างดีด้วยมนุษย์กลับเติบโตและมีขนาดที่เล็กกว่า

คนเราก็เช่นกัน คนที่เจริญเติบโต ก้าวหน้า ในอาชีพ  ร่ำรวย เงินทอง ก็เพราะมีการแข่งขันและต่อสู้กับคนอื่นๆ ทั้งจากการทำงานที่หนัก ทั้งจากการทำงานที่ยากลำบาก  “ จงทำงานแล้วท่านจะมีอำนาจ” เป็นคำกล่าวของอีเมอร์สัน เป็นคำพูดที่เป็นจริงมากทีเดียว

หากว่าท่านผู้อ่านต้องการมือ แขน ขา ที่แข็งแรง ไม่มีวิธีอื่นใดเลย ท่านผู้อ่านจำเป็นจะต้องออกกำลังกาย หมั่นออกแรงอยู่เสมอ  แต่หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการเช่นนั้น จงมัดมันไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย  หลังจากนั้นไม่นานท่านจะพบว่า มือ แขน ขา ของท่านจะลีบไปเอง

จงฝึกฝนตนเองท่ามกลางการแข่งขันที่สูง ไทเกอร์ วูดส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย ลูกครึ่งไทย-อเมริกา เป็นนักกอล์ฟระดับโลก เนื่องจากได้ร่วมแข่งขัน และมีคู่แข่งขันระดับโลก ไทเกอร์ วูดส์ จึงได้เป็นนักกอล์ฟที่มีอายุน้อยและประสบความสำเร็จ หากพวกเราลองคิดเสียใหม่ว่า หากไทเกอร์ วูดส์ เกิดในประเทศไทย อยู่ในประเทศไทย แข่งขันกีฬากอล์ฟเฉพาะในประเทศไทย ไทเกอร์ วูดส์ คงไปไม่ถึงระดับโลกได้ ฉะนั้น จงฝึกฝนและนำพาตนเองไปแข่งขันในท่ามกลางสนามที่มีการต่อสู้ มีการแข่งขันสูงแล้วท่านจะเติบโต พัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด

สตีฟ จอบส์  คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย สตีฟ จอบส์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ เนื่องมาจากการต่อสู้ เขาก่อตั้งบริษัท Apple ร่วมกับเพื่อน จนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1985 เขาถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น แต่เขากลับเดินหน้าสู้ต่อโดยการตั้งบริษัท NeXT มาแข่งกับ Apple แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สตีฟ จอบส์ เดินหน้าสู้ต่อไปโดยก่อตั้งบริษัท Pixar ในที่สุดเขาประสบความสำเร็จอย่างสูง จนบริษัท Apple ที่ไล่เขาออกกลับเชิญเขาเข้ามาเป็น CEO อีกครั้ง

อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สำคัญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน อายุมากแล้ว แต่เขายังมีไฟที่จะทำธุรกิจหรือแสวงหาความฝันของตนเอง เช่น  ผู้พัน KFC หรือ ผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ เป็นคนบ้าอีกคนหนึ่งที่สู้ไม่ถอย  ปลดเกษียณจากงานประจำซึ่งเป็นทหารแล้วจึงคิดที่จะมาทำไก่ทอดขาย  ต้องเร่ขายสูตรไก่ถึง 1,009  คน ถึงมีนักธุรกิจที่ตัดสินใจซื้อสูตรไก่ทอดของเขา หาก ผู้พัน KFC ยอมแพ้ ไม่เดินหน้าสู้ต่อ โดยการไม่ยอมขายสูตรไก่ทอดให้คนที่ 1,009 พวกเราก็คงไม่ได้กินไก่ทอดที่อร่อยที่สุดในโลก

เรย์ คร็อก  คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย เจ้าของลิขสิทธิ์ร้านแมคโดนัลด์   เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคไขข้อ เขาเคยเป็นทหาร เขาเคยเป็นพนักงานขับรถโรงพยาบาล เป็นนักดนตรีในวงออเคสต้า เป็นพนักงานขาย ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายถ้วยกระดาษ พออายุ 54 ปี เขายังมีความฝันในการประกอบธุรกิจโดยการไปซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ จากสองพี่น้องแมคโดนัลด์ แล้วขยายสาขาไปทั่วประเทศสหรัฐและอีกไม่นานได้ขยายสาขาไปทั่วโลก

เรย์ คร็อก ยังสร้างทฤษฏี  Q S C  โดยทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับร้านอาหารทั่วไปในขณะนั้นคือ

Q = Quality หมายถึงปรับปรุงคุณภาพ ทั้งอาหาร เครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

S =Service หมายถึง การบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย

C=Clean หมายถึง ความสะอาดไม่ว่าการแต่งกายของพนักงาน สินค้า  หน้าร้านต้องสะอาดเรียบร้อย

ดังนั้นเมื่อเราเข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์ เราจะพบกับ แฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ที่น่าทาน ความรวดเร็วในการส่งถึงมือลูกค้า ความสะอาดของร้าน

คนบ้าที่มีจิตใจเป็นนักสู้เหล่านี้ เป็นแค่บุคคลส่วนหนึ่งที่กระผมได้มีโอกาสนำเสนอ ฉะนั้น หากท่านต้องการ ร่ำรวย ตำแหน่ง ชื่อเสียง หรือต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ จงสู้ไม่ถอย แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

 

#image_title

 

การตลาดเรื่องของสื่อ

การตลาดเรื่องของสื่อ

สื่อการตลาด
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com

ในการทำการตลาด สื่อมีความสำคัญและมีความจำเป็นเป็นอันมาก เพราะสื่อสามารถทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค รับรู้ถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ความก้าวหน้า ของบริษัท ของผลิตภัณฑ์ ของตนเองดังนั้น นักการตลาดที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จจะต้องให้ความสำคัญกับการใช้สื่อเป็นอย่างยิ่ง
สื่อในยุคปัจจุบัน มีหลากหลาย มีความทันสมัย มีความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคา มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าอดีตเป็นอย่างยิ่ง เหตุเพราะยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มนุษย์เราสามารถคิดค้นสื่อใหม่ๆ ที่มีคุณภาพทั้งเสียงและภาพดีขึ้นมาเรื่อยๆ
อีกทั้งสื่อก็มีลักษณะที่ผสมผสานกัน เช่น เราสามารถดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูภาพยนตร์ ดูหนังสือพิมพ์ โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ และ เราสามารถใช้สื่อที่เราผลิตขึ้นมากระจายไปยังสื่อต่างๆได้อีกมากมาย เช่น เราทำรายการวิทยุ เราก็สามารถถ่ายทอดผ่านจานดาวเทียม ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านไปยังสถานีวิทยุต่างๆทั่วประเทศโดยมีการเชื่อมโยงกันผ่านระบบเครือข่าย ฉะนั้นเราจึงควรที่จะเรียนรู้สื่อให้มากขึ้น สำหรับสื่อการตลาดมีดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือสื่ออำนาจใหม่ โทรศัทพ์มือถือถือว่าเป็นสื่อที่กำลังมาแรงเป็นอย่างยิ่ง เพราะโทรศัทพ์มือถือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง อีกทั้งยังสามารถพกพาไปไหนได้สะดวก มีความเล็กกะทัดรัด และราคาก็ไม่สูงมากนัก โทรศัทพ์มือถือสามารถรับและส่งข้อมูลได้หลายวิธี เช่น การรับและส่ง SMS การใช้ไลน์ การใช้ Facebook การชำระเงินผ่านมือถือ การใช้มือถือนำทางโดยผ่านโปรแกรมต่างๆ ฯลฯ
2.สื่อออนไลน์ สนามรบใหม่ การสร้างเว็บไซค์ การสร้างข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถือว่าจำเป็นจะต้องมีถ้าเราต้องการที่จะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางด้านการตลาด ซึ่งสื่อออนไลน์มีลักษณะที่พิเศษหลายอย่าง เช่น ราคาถูก สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้ เป็นการเพิ่มช่องทาง เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า อีกทั้งยังมีความรวดเร็วอีกด้วย หากเกิดอะไรขึ้นเราสามารถรับรู้ได้เพียงเสี้ยววินาที เพราะถ้ารอหนังสือพิมพ์ กับ ข่าวโทรศัพท์ก็ต้องใช้เวลาที่นานกว่า
3.ฟุตบอลเป็นสื่อ ในยุคนี้ เราจะเห็นได้ว่ามีบริษัทใหญ่ๆของประเทศไทยเราหลายบริษัทที่เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลในสโมสรอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนทั่วโลกนิยมดูโดยเฉพาะฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลของประเทศอังกฤษ
4.สื่อทางด้านวัฒนธรรม เมื่อโลกมีควมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เราก็จะเห็นสินค้าทั่วโลกมีลักษณะที่คล้ายกัน อีกทั้งรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น คนทั่วโลกเริ่มมีการใส่เสื้อสูทมากขึ้น เริ่มมีการบริโภคที่คล้ายคลึงกัน เราเริ่มมีการรับประทานอาหารประเภทสะดวกซื้อสะดวกทานกันมากขึ้น เช่น แฮมเบอร์เกอร์ กาแฟสด โดนัส
5.สื่อตราสินค้า การสร้างตราสินค้าไม่ว่าจะเป็นชื่อ สัญลักษณ์ สี เป็นสิ่งที่ต้องสร้างและจะต้องนำไปจดลิขสิทธิ์ เพราะหากไม่จด เมื่อสินค้า ผลิตภัณฑ์ อื่นๆเลียนแบบหรือมีการจดก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ทั้งๆที่เราได้สร้างตราเหล่านั้นขึ้นมาก่อน เพราะการใช้สื่อตราสินค้าจะทำให้มีลูกค้าประจำและมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มยอดขายอีกด้วย
6.สื่อหนังสือพิมพ์ ถึงแม้ปัจจุบันสื่อสมัยใหม่จะมีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอยู่ดี เนื่องมาจากว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงสื่อใหม่ๆ เพราะมีราคาที่แพงกว่า มีความยุ่งยากในการใช้กว่า อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเช่นหากไม่เครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็ไม่สามารถดูได้ หนังสือพิมพ์จึงเป็นที่นิยมของประชาชนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง
7.สื่อวิทยุ สำหรับประเทศไทยเรา ยังคงเป็นที่นิยมในสังคมชนบท โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่ชอบพกวิทยุไปฟังเพลง ฟังข่าวสารข้อมูลในขณะทำงาน ยิ่งในยุคปัจจุบันมีวิทยุชุมชน วิทยุผ่านดาวเทียม ยิ่งเป็นการเพิ่มช่องทางให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
8.สื่อโทรทัศน์ มีทั้งภาพและเสียง ซึ่งแตกต่างกับวิทยุที่รับฟังแต่เสียง การโฆษณาผ่านโทรทัศน์จึงสามารถโน้มน้าวใจได้ดีกว่า เพราะสามารถเห็นภาพ เห็นตัวอย่างของสินค้า แต่สื่อโทรทัศน์อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า ตัวเครื่องรับโทรทัศน์ก็แพงกว่าเครื่องรับวิทยุ
9.สื่อภาพยนตร์ หรือ เรียกเป็นภาษาพูดว่า “หนัง” เป็นสื่อที่สร้างความบันเทิง และสามารถนำไปใช้โฆษณาชวนเชื่อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสื่อภาพยนตร์ในยุคปัจจุบัน เราไม่มีความจำเป็นจะต้องไปดูที่โรงภาพยนตร์เหมือนในอดีต แต่เราสามารถชมภาพยนตร์ ในบ้าน ในรถยนต์ ในที่สาธารณะได้อย่างง่ายดายโดยผ่าน “หนังแผ่น” ผ่านทางโทรศัพท์ ผ่านทางโทรทัศน์
10.สื่อเคลื่อนที่ เป็นสื่อทางการตลาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เคลื่อนย้ายได้ เช่น ป้ายโฆษณาที่ติดตามรถยนต์ ติดตามเครื่องบิน ติดตามรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดิน ติดตามรถเข็น
11.สื่อที่วางไว้ ณ จุดขาย เช่น สติกเกอร์ ป้ายโฆษณา ใบปลิว ต่างๆที่ติดไว้อยู่ชั้นวางสินค้า หรือภายในร้านหนังสือก็จะมีการโฆษณาหนังสือติดตามหน้าร้าน
12.สื่อปากต่อปาก เป็นสื่อบุคคลที่มีคุณภาพและอนุภาพมาก เป็นเครือข่ายที่ยากจะมองเห็นและเป็นเครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เพราะคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการ ในขณะเดียวกันคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการเช่นกัน
13.สื่อเน็ตเวิร์ก เป็นการใช้สื่อแบบเครือข่ายหลายชั้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสารข้อมูลทางการตลาดได้อย่างดี เช่นเดียวกับธุรกิจเครือข่าย MLM ของบริษัทต่างๆ การสื่อสารทางการตลาดแบบเน็ตเวิร์กจึงทำให้เกิดการแพร่กระจายสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว
14.สื่อคนดัง การใช้คนดังเป็นสื่อในการขายสินค้าและบริการ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน อีกทั้งในยุคปัจจุบัน คนที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการถึงกับลงมาเล่นหรือออกมาสื่อสารขายสินค้าและบริการด้วยตนเอง ทำให้เกิดการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลกับการสร้างแบรนด์ของสินค้าและบริการไปพร้อมๆกัน
ฉะนั้นการใช้สื่อการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความจริงยังมีอีกหลายๆสื่อการตลาดที่กระผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่นักการตลาดจะประสบความสำเร็จในการใช้สื่อการตลาดหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น หากสินค้ามีความเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน อีกทั้งการใช้สื่อการตลาดก็ไม่มีความแตกต่างกัน ก็คงประสบความสำเร็จได้ยากกว่า คู่แข่งที่มีการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้สื่อการตลาดที่มีความแตกต่างโดดเด่น เหมาะสมกับสถานการณ์
สิ่งที่สำคัญสำหรับนักการตลาด หากต้องการใช้สื่อการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ควรสร้างแตกต่าง อีกทั้งต้องอาศัยความคิดที่สร้างสรรค์ จังหวะในการออกสินค้าและบริการ จังหวะในการออกสื่อแต่ละตัวก็มีความสำคัญบางครั้งออกโฆษณาไปก่อน ในขณะที่ยังไม่มีตัวสินค้าขายตามร้าน ก็ทำให้สูญเสียเวลาและค่าใช้จ่าย สื่อทางการตลาดต้องมีความเหมาะสมกับตัวของสินค้าและบริการจึงจะประสบความสำเร็จ

#image_title