by Mr.Home | Nov 21, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ

#ขอบคันหินราคาเท่าไหร่
ถ้าคุณกำลังวางแผนปรับปรุงพื้นที่รอบบ้าน หรือสร้างโครงการที่ต้องการความสวยงามและเป็นระเบียบ “ขอบคันหิน” คือตัวช่วยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ หลายคนอาจสงสัยว่า ขอบคันหินราคาเท่าไหร่? และจะเลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับงานของเรา
ในบทความนี้ แอดมินจะพาคุณไปเช็กราคาขอบคันหินแบบละเอียด พร้อมแชร์เคล็ดลับการเลือกให้เหมาะสมกับงบและการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในสายงานก่อสร้าง หรือกำลังมองหาวิธีเพิ่มความคุ้มค่าให้โครงการ บทความนี้มีคำตอบ!
จุดเด่นของขอบคันหินแต่ละแบบ ตัวช่วยสำคัญในการปรับปรุงพื้นที่ให้ดูดีและเป็นระเบียบ
ถ้าคุณกำลังวางแผนปรับปรุงพื้นที่รอบบ้าน หรือสร้างโครงการที่ต้องการความสวยงามและเป็นระเบียบ ขอบคันหินถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้! แต่จะเลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์? มาดูจุดเด่นของขอบคันหินแต่ละแบบกันดีกว่า จะได้เลือกได้ง่ายขึ้นและเหมาะกับการใช้งานที่สุด

#ขอบคันหินแบบกลวง
1. ขอบคันหินคอนกรีตมาตรฐาน
เหมาะกับงานทั่วไป เช่น จัดสวน ทำขอบถนนรอบบ้าน หรือโครงการเล็กๆ ถ้าคุณต้องการปรับปรุงพื้นที่เล็กๆ หรือเพิ่มความเป็นระเบียบในงบประมาณที่ไม่บานปลาย ขอบคันหินแบบนี้ตอบโจทย์แน่นอน
จุดเด่น
- แข็งแรง ทนทาน รับแรงกระแทกและน้ำหนักได้ดี
- ราคาประหยัด เริ่มต้นแค่ 50-100 บาทต่อชิ้น
- ติดตั้งง่าย ใช้ได้ทั้งช่างมืออาชีพหรือเจ้าของบ้านที่อยากลงมือเอง
2. ขอบคันหินแบบเสริมเหล็ก
เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ทางรถวิ่ง ลานจอดรถ หรือโครงการที่ต้องการความแข็งแกร่ง ถ้าคุณต้องการความมั่นใจในความแข็งแรง และพื้นที่ต้องรองรับแรงกดเป็นพิเศษ ขอบคันหินแบบเสริมเหล็กคือคำตอบ
จุดเด่น
- แข็งแรงพิเศษ มีเหล็กเสริมด้านใน เพิ่มความทนทานในระยะยาว
- เหมาะกับงานหนัก ใช้งานได้ทั้งถนนหลักและพื้นที่อุตสาหกรรม
- ลดการสึกกร่อน ใช้ได้นานแม้เจอสภาพอากาศรุนแรง
3. ขอบคันหินหินธรรมชาติ
เหมาะกับโครงการที่ต้องการความสวยงาม เช่น สวนหิน สระน้ำ พื้นที่ตกแต่งรอบบ้าน หรือรีสอร์ท ถ้าคุณอยากให้พื้นที่ดูโดดเด่นและแตกต่าง หินธรรมชาติช่วยยกระดับความสวยงามได้อย่างลงตัว
จุดเด่น
- สวยงามเป็นธรรมชาติ สีสันและพื้นผิวที่ไม่เหมือนกันในแต่ละชิ้น ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้พื้นที่
- เพิ่มความหรูหรา เหมาะสำหรับงานที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียม
- ทนต่อสภาพอากาศ ไม่ซีดจางหรือกร่อนง่าย
4. ขอบคันหินแบบตกแต่งลวดลาย
เหมาะกับงานจัดสวน ตกแต่งพื้นที่รอบบ้าน หรือทางเดินที่ต้องการความสวยงามแบบเฉพาะตัว ถ้าคุณต้องการสร้างจุดเด่นให้พื้นที่ ขอบคันหินตกแต่งลวดลายช่วยเพิ่มลูกเล่นที่สวยงามไม่เหมือนใคร
จุดเด่น
- ดีไซน์หลากหลาย มีลวดลายให้เลือกเยอะ เช่น ลายอิฐ ลายหิน หรือแบบโมเดิร์น
- เพิ่มมิติให้พื้นที่ ทำให้ดูน่าสนใจ ไม่ซ้ำซาก
- ติดตั้งง่าย ใช้แทนขอบคันหินแบบเรียบได้เลย
วิธีเลือกให้เหมาะกับงานของคุณ
- ถ้าต้องการความคุ้มค่าและใช้งานทั่วไป เลือก ขอบคันหินคอนกรีตมาตรฐาน
- ถ้าต้องการความแข็งแรงสำหรับพื้นที่หนัก เลือก ขอบคันหินเสริมเหล็ก
- ถ้าต้องการความสวยงามแบบธรรมชาติ เลือก ขอบคันหินหินธรรมชาติ
- ถ้าต้องการเพิ่มลูกเล่น เลือก ขอบคันหินแบบตกแต่งลวดลาย
ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน ขอบคันหินช่วยปรับปรุงพื้นที่รอบบ้านหรือโครงการของคุณให้ดูดี เป็นระเบียบ และพร้อมใช้งานได้ในระยะยาว
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาขอบคันหิน
เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไมขอบคันหินแต่ละที่ถึงราคาต่างกัน? จริงๆ แล้ว ราคามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับร้านอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องรู้ไว้ก่อนเลือกซื้อ เช่น วัสดุ ขนาด ความหนา และ ดีไซน์ ที่ใช้งานได้แตกต่างกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
- วัสดุที่ใช้ผลิต
วัสดุเป็นตัวกำหนดราคาหลักเลย ยิ่งวัสดุดี ราคาก็ยิ่งสูง แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว ตัวอย่างเช่น
- ขอบคันหินคอนกรีต ตัวนี้ฮิตสุด แข็งแรง ทนทาน ราคาก็ไม่แรงเกินไป
- ขอบคันหินหินธรรมชาติ สวยหรู ดูแพง แต่ก็ราคาสูงตามไปด้วย เหมาะกับงานที่อยากได้ความพรีเมียม
- ขอบคันหินเสริมเหล็ก เน้นงานหนัก ลานจอดรถ หรือพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะๆ แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
- ขนาดและความหนา
ขอบคันหินขนาดใหญ่ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นเพราะใช้วัสดุเยอะ ตัวอย่างที่ควรรู้
- ขนาดมาตรฐาน (10×20 ซม.) ราคาประหยัด ใช้งานทั่วไปได้สบายๆ
- ขนาดใหญ่พิเศษ ใช้กับงานหนัก เช่น ถนนใหญ่ ราคาก็จะสูงกว่าปกติ
- ดีไซน์และรูปแบบ
ดีไซน์ของขอบคันหินก็เป็นอีกจุดที่มีผลกับราคา เช่น
- แบบเรียบง่าย ถูกสุด ใช้งานได้ทุกประเภท
- แบบมีลวดลาย เหมาะกับงานที่ต้องการความสวยงาม เช่น สวนสาธารณะ ราคาจะแพงขึ้น
- แบบสั่งทำพิเศษ ต้องการงานเฉพาะ ราคาจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อน
ทำไมต้องรู้ปัจจัยเหล่านี้?
เพราะถ้าเราเข้าใจสิ่งที่ส่งผลต่อราคา ก็จะเลือกซื้อขอบคันหินได้ตรงกับงานและงบประมาณที่สุด แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็น จะเลือกแบบไหนก็มั่นใจได้ว่าเหมาะกับความต้องการแน่นอน!

#ขอบคันหินสำเร็จรูป
ราคาขอบคันหิน อัปเดตล่าสุด
ถ้าคุณกำลังมองหาขอบคันหิน แต่ยังไม่แน่ใจว่าราคาอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แอดมินได้รวบรวมข้อมูลมาให้แบบเข้าใจง่ายๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้น จะใช้งานทั่วไป หรืองานก่อสร้างขนาดใหญ่ ก็มีตัวเลือกที่เหมาะกับทุกงบ!
ราคาเริ่มต้นของขอบคันหินแต่ละประเภท
- ขอบคันหินคอนกรีตมาตรฐาน
- ราคาเริ่มต้นที่ 50-100 บาทต่อชิ้น
- เหมาะสำหรับงานทั่วไป เช่น ขอบถนนเล็กๆ หรือการจัดสวน
- ขนาดมาตรฐาน 10×20 ซม. หรือใกล้เคียง
- ขอบคันหินคอนกรีตเสริมเหล็ก
- ราคาเริ่มต้นที่ 150-300 บาทต่อชิ้น
- เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น พื้นที่รับน้ำหนักมาก หรือถนนในโครงการใหญ่
- จุดเด่น แข็งแรง ทนต่อแรงกดและแรงกระแทก
- ขอบคันหินหินธรรมชาติ
- ราคาเริ่มต้นที่ 300-600 บาทต่อชิ้น
- เหมาะสำหรับงานตกแต่งที่ต้องการความหรูหรา เช่น รีสอร์ทหรือพื้นที่สาธารณะ
- จุดเด่น ลวดลายและผิวสัมผัสธรรมชาติ
ตัวอย่างราคาจากผู้จำหน่าย
ราคาขอบคันหินยังขึ้นอยู่กับผู้จำหน่ายแต่ละแห่ง รวมถึงปริมาณที่คุณสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น
- ร้านวัสดุก่อสร้างในท้องถิ่น ราคามักเริ่มต้นถูกกว่า หากสั่งซื้อจำนวนมากอาจได้ส่วนลดเพิ่มเติม
- โรงงานผู้ผลิตโดยตรง เหมาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่ สามารถสั่งผลิตขนาดหรือดีไซน์พิเศษได้
- ร้านออนไลน์ สะดวก ตรวจสอบราคาก่อนซื้อได้ง่าย แต่ต้องเช็กค่าจัดส่ง เพราะขอบคันหินมีน้ำหนักมาก
เคล็ดลับประหยัดงบ
- สั่งซื้อจำนวนมาก ได้ส่วนลดและช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- เปรียบเทียบราคาหลายแหล่ง เลือกผู้ขายที่ไว้ใจได้และมีบริการจัดส่ง
- เลือกวัสดุที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องซื้อแบบแพง หากใช้งานทั่วไป ขอบคันหินคอนกรีตก็เพียงพอ
สรุปง่ายๆ ถ้าคุณเข้าใจประเภทและราคาเบื้องต้น การเลือกซื้อขอบคันหินก็ไม่ใช่เรื่องยาก และที่สำคัญคือได้ของที่คุ้มค่า ตรงกับการใช้งานของคุณ!
บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง>>> ไอเดียตกแต่งบ้านและสวนจากขอบคันหินสำเร็จรูป
by drsuthichai | Nov 21, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำงานในหน่วยงานหรือองค์กร มักจะเกิดปัญหาในการทำงานขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน เรื่องของระบบการบริหาร เรื่องของงบประมาณหรือเรื่องของการจัดสรรทรัพยากรที่มีจำกัด ฯลฯ การแก้ไขปัญหาจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการทำงาน หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาในการทำงาน ท่านลองทำตามคำแนะนำเบื้องต้นนี้ สำหรับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ มีดังนี้
1.วิเคราะห์ปัญหา แยกแยะและทำความเข้าใจปัญหา หากว่าท่านมีปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน ท่านลองวิเคราะห์ปัญหาว่าปัญหาที่ท่านเจอมีทางออกอย่างไร ท่านมีวิธีใดในการแก้ไขปัญหา ปัญหานั้นใหญ่แค่ไหน ปัญหาที่เจอมันจะส่งผลกระทบต่อหน่วยงานหรือตัวท่านเองมากน้อยแค่ไหน ขอให้ท่านลองคิดไตร่ตรองพิจารณา แล้วควรเขียนใส่ในกระดาษหรืออาจจะวิเคราะห์โดยใช้แผนที่ความคิด(Mind Map) เป็นต้น
2.รวบรวมข้อมูลมาให้มากที่สุด ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจแก้ปัญหาหรือตัดสินใจใดๆ ลงไป ท่านควรแสวงหาข้อมูลมาให้มากที่สุด เพราะการมีข้อมูลจะทำให้เราเกิดการตัดสินใจได้อย่างรอบด้านและตัดสินใจได้ดี ยิ่งขึ้น
3.การหาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาไว้หลายๆทาง จะทำให้ท่านตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่านอาจจะขอคำแนะนำ ขอคำปรึกษา จากผู้มีประสบการณ์หรือผู้เชี่ยวชาญ แล้วจงวิเคราะห์ว่าทางเลือกใดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหรือตรงกับความต้องการ มากที่สุด ด้วยตนเองโดยเรียงลำดับจากวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดไปจนถึงน้อยที่สุด
4.ตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์นั้นๆ เพราะวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาหนึ่งอาจไม่ดีสำหรับการแก้ไข ปัญหาอีกปัญหาหนึ่ง ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก สภาพของปัญหาที่ต่างแตกกัน เช่น เรื่องของพื้นที่ , เรื่องของงบประมาณ , เรื่องของเงื่อนไขบางอย่าง ฯลฯ ดังนั้นคุณอาจจะตัดสินใจเลือกวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดลำดับที่ หนึ่ง ตามรายละเอียดในข้อที่ 3 แต่ถ้าวิธีการที่หนึ่งมีปัญหาไม่สามารถนำไปใช้ได้หรือใช้แก้ไขปัญหาไม่ได้ คุณอาจมีวิธีที่สองสำรองไว้ใช้
5.นำวิธีการที่เลือกไปใช้โดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีการกำหนดรายละเอียด ออกแบบเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน แล้วจึงลงมือทำทันที
6.มีการประเมินผล ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด มีการปรับปรุงแผนที่วางไว้ให้เข้ากับเหตุการณ์ หากเกิดความขัดข้อง กล่าวคือ วิธีการที่หนึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ให้นำเอาแผนสำรองคือวิธีการที่สองมาประยุกต์ใช้ต่อไป แต่หากวิธีการที่หนึ่งแก้ไขปัญหาได้ประสบความสำเร็จ ก็ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย
จากข้อความข้างต้น ท่านจะเห็นได้ว่าหลักการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ จะทำให้ท่านมีการตัดสินใจได้อย่างดีขึ้น มีการมองปัญหาอย่างเป็นระบบขึ้น และมีหลักการในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าเดิม ซึ่งแต่เดิมบางท่านอาจจะแก้ไขปัญหาแบบไม่มีหลักการ ไม่มีการวิเคราะห์ปัญหา แยกแยะและทำความเข้าใจปัญหา ไม่มีการรวบรวมข้อมูลมาให้มากที่สุด ไม่มีการหาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาไว้หลายๆทาง ไม่มีการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่มีวิธีการที่ดีที่สุด ไม่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนในการนำวิธีการไปใช้ และไม่มีการประเมินผล ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

#image_title
by drsuthichai | Nov 18, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
คัมภีร์ผู้นำ
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มักมีคนเคยถามผมเกี่ยวกับคำว่าผู้นำ เช่น ผู้นำสามารถสร้างได้หรือไม่ , อะไรคือ ตัวกำหนดความเป็นผู้นำ , ผู้นำหมายถึงอะไร , ถ้าหน่วยงานไม่มีผู้นำอะไรจะเกิดขึ้น ฯลฯ ในบทความฉบับนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กันกับคำว่าผู้นำ
คำว่า “ผู้นำ” มีความหมายที่แตกต่างกันไปหรือบางคนอาจให้ความหมายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้แล้วแต่ใครที่จะนิยาม เช่น
-พจนานุกรมฉบับของราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำว่า “ ผู้นำ ” คือ หัวหน้า , คนชักจูงให้คนอื่นทำตาม
-อานันท์ ปันยารชุน ได้ให้ความหมายว่า “ ผู้นำ” คือ ผู้ที่คนอื่นอยากเดินตาม
– บุญทัน ดอกไธสง ได้สรุปคำว่า ผู้นำ (Leader) คือ
- ผู้มีอิทธิพล มีศิลปะ มีอิทธิพลต่อกลุ่มชน เพื่อให้พวกเขามีความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายตามต้องการ
- เป็นผู้นำและแนะนำ เพราะผู้นำต้องคอยช่วยเหลือกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความสามารถ
- ผู้นำไม่เพียงแต่ยืนอยู่เบื้องหลังกลุ่มที่คอยแต่วางแผนและผลักดัน แต่ผู้นำจะต้องยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่ม และนำกลุ่มปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย
สำหรับคุณสมบัติของผู้นำที่ดีนั้น มีดังนี้
1.ผู้นำที่ดีต้องมีเป้าหมาย เป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อความสำเร็จ ถ้าหากไม่มีเป้าหมายหรือทิศทาง จะทำให้ผู้นำและผู้ตามเกิดความสับสน ดังนั้นหากท่านได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำ ท่านจงกำหนดเป้าหมายหรือทิศทางให้ชัดเจน เพื่อท่านและผู้ตามในองค์กรของท่านจะได้ก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน
2.ผู้นำที่ดีต้องมีคุณธรรม ทั้งทางด้านความประพฤติ การปฏิบัติ ซึ่งหลักธรรมตามพุทธศาสนา ที่ผู้นำสามารถนำไปปรับใช้ได้คือ พรหมวิหาร 4 (เมตตา,กรุณา,มุทิตาและอุเบกเขา) อีกทั้งผู้นำที่ดีต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตามหรือลูกน้อง ซึ่งอาจจะมีปัญหาบ้างในทางปฏิบัติเนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์การทำ งานจึงมีระบบเส้นสาย
3.ผู้นำที่ดีต้องมีความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์ ในโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน การเป็นผู้นำสมัยปัจจุบันจึงต้องพบกับการแข่งขันที่เป็นไปอย่างรุนแรงและรวด เร็ว การที่ผู้นำไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือไม่ยอมรับต่อสิ่งใหม่ๆ ผู้นำคนนั้นก็มักจะล้าหลัง ฉะนั้นผู้นำในยุคปัจจุบันจึงต้องมีความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้นมา
4.ผู้นำที่ดีต้องกล้าตัดสินใจ การเป็นผู้นำมักต้องมีเรื่องให้ตัดสินใจเสมอ หากผู้นำตัดสินใจผิดพลาดก็มักจะทำให้องค์กรหรือหน่วยงานเกิดความเสียหาย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะตัดสินใจถูกหรือตัดสินใจผิด การเป็นผู้นำก็ต้องกล้าตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป
- ผู้นำที่ดีต้องทุ่มเท มุ่งมั่นในการทำงาน การเป็นผู้นำจะต้องเสียสละ ในบางครั้งการเป็นผู้นำจะต้องทำงานมากกว่าคนอื่นหรือทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ สำหรับผู้นำบางคนที่ไม่ทุ่มเท ไม่มุ่งมั่นในการทำงาน ผู้นำคนนั้นมักขาดเป้าหมาย อีกทั้งมีความเห็นแก่ตัวในการทำงาน
6.ผู้นำที่ดีต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ การเป็นผู้นำมีความจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับผู้ตามหรือลูกน้อง กล่าวคือต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความหลากหลาย ผู้นำที่มีมนุษย์สัมพันธ์จึงเป็นผู้นำที่ผู้ตามหรือลูกน้อง รักและอยากทำงานด้วย การเอาใจใส่ผู้อื่น การไม่มีความเย่อหยิ่งถือตัว จะสร้างเสน่ห์ให้แก่ผู้นำ
7.ผู้นำที่ดีต้องมีการประเมินผล ติดตามงาน ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักควบคุม ประเมินผล ติดตามงาน หากผู้นำได้ตัดสินใจสั่งการไปแล้ว แล้วไม่มีการประเมินผล ติดตาม ก็อาจจะเกิดความเสียหาย เนื่องจากผู้ตามบางคนได้กระทำเกินเลยหรือผู้ตามบางคนอาจละเว้นการกระทำ จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้ ผู้นำที่ดีจึงต้องรู้จักประเมินผล ติดตามการทำงาน
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นคุณสมบัติบางประการที่ผู้นำที่ดีควรมีอยู่ในตัวเอง คุณก็สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ เพียงแต่ลงมือทำแล้วแก้ไขพัฒนาตนเอง อย่างไม่หยุดยั้ง ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ผู้ตามให้การยอมรับ

#image_title
by drsuthichai | Nov 18, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
เข็มทิศการทำงาน
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เคยมีคนตั้งคำถามว่า ทำไมคนบางคนถึงทำงานได้มากมาย แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำงานได้น้อย อีกทั้งมักไม่ค่อยมีคุณภาพอีกต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ท่านสร้างผลงานต่างๆได้อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นงานประพันธ์หนังสือเป็นจำนวนมาก เช่น หนังสือเรื่องกุศโลบาย , วิธีทำงานและสร้างอนาคต ,มหาบุรุษ,มันสมอง เป็นต้น
สำหรับงานในชีวิตราชการท่านได้รับตำแหน่งต่างๆ มากมาย เช่น ตำแหน่งข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ ,รัฐมนตรีและอธิบดีกรมศิลปากร,รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง เป็นต้น ซึ่งบุคคลที่ทำงานได้ดีและมีผลงานเป็นจำนวนมากนั้น จะต้องเป็นคนที่ทำงานหนัก ทำงานเก่ง ทำงานรวดเร็ว สำหรับพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ เป็นตัวอย่างในเรื่องของการทำงานได้เป็นอย่างดี โดยท่านสามารถทำงานหนักได้นานถึงวันละ 16 ชั่วโมง เลยทีเดียว
สำหรับหลักการทำงานให้ได้ผลงานทั้งคุณภาพและปริมาณนั้น มีดังนี้
1.รู้จักลำดับงาน การรู้จักลำดับงานก็คือการวางแผนนั้นเอง คนที่ทำงานได้ดีนั้นจะต้องเป็นคนที่มีแผนงาน ว่าตนจะทำอะไร เมื่อไร อีกทั้งต้องรู้จักลำดับงานออกเป็นประเภทต่างๆ เช่น งานสำคัญ , งานไม่สำคัญ , งานเร่งด่วน , งานไม่เร่งด่วน แล้วจึงพิจารณาเลือกทำงานให้มีความเหมาะสมกับเงื่อนของเวลา
2.มีวินัยในการทำงาน คนที่ทำงานได้ดีนั้นจะต้องเป็นคนที่มีวินัยในการทำงาน เช่น นักเขียนดังๆ จะต้องมีวินัยในการทำงานเขียน เนื่องจากอาชีพนักเขียนไม่มีเวลาทำงานแน่นอนตายตัว ไม่มีหัวหน้างานคอยมาบังคับ อาชีพนักเขียนจึงเป็นอาชีพอิสระ ดังนั้นจะต้องมีวินัยในการบังคับตัวเองให้เขียน นักเขียนบางคนตั้งกฎกับตัวเองว่าจะต้องเขียนให้ได้วันละ 3 หน้ากระดาษ ทุกวัน ดังนั้น ผลงานของเขาจึงออกมามากมายมหาศาล ถ้าหากว่าเราคิดอย่างง่ายๆ วันละ 3 หน้ากระดาษ 1 เดือนมี 30 วัน เขาจะได้หนังสือ 1 เล่ม ที่มีจำนวนหน้า 90 หน้า และ 1 ปี เขาจะมีงานเขียนถึงจำนวน 12 เล่ม เลยทีเดียว
งานอาชีพอื่นๆก็เช่นกัน บุคคลที่ทำงานดีและเก่งนั้น จะต้องมีวินัยในการทำงาน ทำงานส่งตรงวันเวลาที่เจ้านายหรือลูกค้านัดหมาย
3. มีสมาธิในการทำงาน บุคคลที่ทำงานดี ทำงานเก่ง นั้นจะต้องมีสมาธิในการทำงาน
คำ ว่า “สมาธิ” จากพจนานุกรมไทย ราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ความตั้งมั่นแห่งจิต , ความแน่วแน่ในการสำรวมใจ , การมีจิตเพ่งเล็งแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ,ความตรึกตรองอย่าง เคร่งเครียดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานทุก ประเภท เช่น หากใครมีสมาธิในการอ่านหนังสือก็จะสามารถอ่านหนังสือได้ดีและเร็วกว่าคนไม่ มีสมาธิ , ใครมีสมาธิในการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ก็จะสามารถประดิษฐ์ของได้เป็นจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพกว่าคนไม่มีสมาธิ ดังเช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน สามารถประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ได้มากมาย ก็เพราะด้วยความที่โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นคนที่มีสมาธินั้นเอง เป็นต้น
4.มีการพักสมองบ้าง การหยุดพักมีความสำคัญไม่ใช่น้อย ร่างกายของคนเราไม่ใช่เครื่องจักรถึงแม้จะเป็นเครื่องจักรก็ตามก็ต้องมีการ หยุดพักเช่นกัน การพักสมอง อาจทำได้โดย
– การเปลี่ยนงานที่ทำ เช่น หากเรามีอาชีพนักเขียน เมื่อทำงานเขียนเป็นเวลานานๆ สมองอาจไม่สดชื่นแจ่มใส ควรเปลี่ยนงานที่ทำโดยการออกไปปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ไปล้างรถ ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ
– การเปลี่ยนที่ทำงาน เช่น ปกติห้องทำงานเขียนมักอยู่ภายในบ้าน ท่านสามารถนำงานเขียนไปเขียนนอกบ้านบ้าง โดยการออกไปเขียนตามห้องสมุด สวนสาธารณะ ฯลฯ
5.จงสนุกกับการทำงาน จงรักในงานที่ท่านทำ หากว่าเราทำงานด้วยความไม่สนุก หากว่าเราไม่รักในงานที่ทำ งานที่ทำมักทำให้เราเกิดความทุกข์ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากเราทำงานด้วยความสนุกงานที่ทำก็จะช่วยให้เราเกิดความ สุขขึ้น จงสนุกกับการทำงานแล้ว ผลงานของท่านจะมีปริมาณมากและคุณภาพของผลก็จะออกมาดีเยี่ยม
ปัจจัยข้าง ต้นนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ที่ทำงานได้เก่ง ทำงานได้ดี กับ คนที่ทำงานออกมาแล้วไม่มีประสิทธิภาพ หากว่าท่านต้องการทำงานเก่ง ทำงานได้ปริมาณที่มากทั้งคุณภาพและจำนวน ท่านควรปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเอง

#image_title
by Y | Nov 18, 2024 | ข่าวสารเว็บไซต์, ข่าวโปรโมชั่น, ทั่วไป อื่นๆ, ที่พัก, ออนไลน์น่ารู้, แนะนำสินค้าและบริการ
การย้ายเข้าบ้านทาวน์โฮมเป็นกระบวนการที่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า
และเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้การย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น

จัดการเรื่องเอกสารและการโอนกรรมสิทธิ์
ตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบเอกสารการซื้อขายบ้านให้ครบถ้วน รวมถึงสัญญาการซื้อขาย, โฉนดที่ดิน, และเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์
ติดต่อธนาคาร หากคุณมีสินเชื่อบ้าน ตรวจสอบรายละเอียดการผ่อนชำระและให้แน่ใจว่าเอกสารการขอสินเชื่อเสร็จสิ้น
วางแผนการย้าย
ตั้งวันย้าย กำหนดวันและเวลาที่จะทำการย้าย และติดต่อบริษัทขนย้ายหรือเช่ารถขนย้าย
ตรวจสอบสถานที่ใหม่ ทำความรู้จักกับพื้นที่ใหม่ เช่น จุดที่ตั้งของถังขยะ, จุดทิ้งขยะ, และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในโครงการบ้าน นนทบุรี
จัดเตรียมสิ่งของ
จัดเรียงสิ่งของ แยกสิ่งของที่ต้องการเก็บ, ขาย, หรือบริจาค
บรรจุหีบห่อ ใช้กล่องที่แข็งแรงและจัดกลุ่มสิ่งของให้ดี โดยทำเครื่องหมายหรือป้ายระบุสิ่งของภายในกล่อง
เตรียมของใช้จำเป็น เตรียมกล่องหรือกระเป๋าสำหรับสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ทันที เช่น อาหาร, เสื้อผ้า, และเอกสารสำคัญในการเข้าอยู่โครงการบ้าน นนทบุรี
จัดการกับบริการต่าง ๆ
เปลี่ยนที่อยู่ แจ้งที่อยู่ใหม่ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคาร, บริษัทบัตรเครดิต, และการบริการทางอีเมล
เชื่อมต่อบริการพื้นฐาน จัดตั้งการเชื่อมต่อบริการพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า, น้ำประปา, อินเทอร์เน็ต, และโทรศัพท์
เตรียมบ้านใหม่
ตรวจสอบสภาพบ้าน ตรวจสอบสภาพบ้านทาวน์โฮมใหม่ก่อนย้ายเข้าว่ามีปัญหาหรือไม่ เช่น ระบบไฟฟ้า, ประปา, และการทำความสะอาดโครงการบ้าน นนทบุรี
ทำความสะอาด ทำความสะอาดพื้นที่ก่อนการย้ายเข้า หรือจ้างบริการทำความสะอาดบ้าน
จัดระเบียบการขนย้าย
ติดป้าย ใช้ป้ายระบุที่อยู่ใหม่ในกล่องหรือเฟอร์นิเจอร์เพื่อความสะดวกในการขนย้าย
บรรจุสิ่งของ บรรจุและจัดเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบ โดยให้สิ่งของที่ใช้บ่อยอยู่ใกล้ทางออก
ดูแลสุขภาพและความปลอดภัย
ตรวจสอบสุขภาพ หากมีสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็ก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ใหม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา
ความปลอดภัย ตรวจสอบระบบล็อคประตู, หน้าต่าง, และระบบความปลอดภัยอื่น ๆ
รับมือกับความเครียด
จัดการเวลา วางแผนการย้ายและให้เวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
ทำความรู้จักกับพื้นที่ใหม่ ใช้เวลาสำรวจพื้นที่ใหม่และพบกับเพื่อนบ้านใหม่เพื่อทำความรู้จัก
ตรวจสอบสิ่งของที่ขนย้าย
ตรวจสอบความเสียหาย หลังจากการขนย้าย ตรวจสอบสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ว่ามีการเสียหายหรือไม่
จัดระเบียบบ้าน จัดเรียงสิ่งของในบ้านใหม่ตามความสะดวก และตั้งระบบจัดระเบียบที่คุณจะใช้ในระยะยาว
การเตรียมตัวสำหรับการย้ายเข้าบ้านทาวน์โฮมอย่างรอบคอบจะช่วยให้การย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการนี้
การซื้อบ้านพร้อมอยู่ช่วยลดความยุ่งยากและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างบ้านใหม่ และให้คุณเริ่มต้นการใช้ชีวิตในบ้านใหม่ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย.
การเตรียมตัวก่อนซื้อบ้านอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการซื้อและการอยู่อาศัยในบ้านใหม่ของคุณ ดังนั้นเราควรมีโครงการบ้านนนทบุรีที่ครบครันเช่น ..
ตอบโจทย์ชีวิตของคุณ ด้วยโครงการบ้าน ทาวน์โฮม นนทบุรี VISION GROUP เล็งเห็นประสิทธิภาพของทำเลทองนนทบุรี เมื่อเมืองได้ขยายไปยังนนทบุรี เป็นย่านที่มี Facility ที่ครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รถไฟฟ้าสีม่วง และสถานที่อื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เรามีหลายโครงการให้เลือก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
ติดต่อเรา
บริษัท วิชั่นสมาร์ทซิตี้ จำกัด
78/260 ม. 5 ถ. บางกรวย – กรุงเทพ
ตำบล บางบัวทอง อำเภอ บางบัวทอง นนทบุรี 11110
โทร : 02-149-1234
by drsuthichai | Nov 17, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
อยากก้าวหน้าไม่ยาก
โดย…สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
พวกเราคงเคยนึกสงสัยหรือคงเคยเห็นบุคคลที่มีอายุน้อยแต่มีความสามารถในการ บริหารงาน อีกทั้งเมื่อทำงานไปได้ไม่นานกลับมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าคนที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกัน การทำงานให้เจริญก้าวหน้าในสายงานหรือในองค์กรนั้น หากไม่คำนึงถึงเรื่องของเส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์ คนที่จะก้าวหน้าหรือเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น คงต้องอาศัยหลักการดังนี้
1.มีต้นแบบที่ดี หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานในสายงานหรือในองค์กร ท่านควรหาต้นแบบที่ดี ทุกองค์กรมักมีเจ้านายที่ทำงานเก่ง มีการบริหารที่ดี มีแนวคิดการตัดสินใจที่เยี่ยม ท่านควรเลียนแบบหรือปรับปรุงตนเองให้เหมือนต้นแบบ ท่านลองศึกษาวิธีทำงานของเขา วิธีการแก้ไขปัญหา แล้วท่านก็จดจำวิธีที่ดีๆ นั้นไว้ใช้ต่อไป
2.มีความทะเยอทะยานในการทำงาน มีความใฝ่สูงในการทำงาน ความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเกิดความเจริญก้าวหน้า สำหรับคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานมักมีแต่ความเสื่อม เพราะโลกยุคปัจจุบัน เป็นโลกของยุคการแข่งขัน หากเราหยุดอยู่กับที่เราในขณะที่คนอื่นๆ เดินไปข้างหน้า มุ่งไปข้างหน้า ก็เท่ากับเราล้าหลังทันที ความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานนั้น คือ สมมุติว่าเราทำงานธนาคาร เราเป็นเจ้าหน้าที่ เราจะต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงว่าเราจะต้องทำงานเป็นผู้จัดการ ธนาคารให้ได้
3.มีความขยันพากเพียร ความขยันไม่ได้หมายถึงการหักโหมทำงานจนกระทั่งเจ็บปวด แต่เป็นการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดความพยายาม เราจะเห็นจอมปลวก เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่สามารถสร้างจอมปลวกอันยิ่งใหญ่แข็งแรงเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ขึ้นมาได้ เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะความขยันพากเพียรของปลวก หรือ เราจะเห็นนักเขียนที่สามารถเขียนหนังสือเล่มโตๆ ได้เป็นจำนวนมากได้เพราะอะไร หากไม่ใช่นักเขียนผู้นั้นมีความเพียรพยายาม ฉะนั้นหากท่านต้องการเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กร ท่านจะต้องมีความขยันพากเพียรในการทำงาน
4.มีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง การทำงานในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของเทคโนโลยี คนที่จะก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรนั้น จะต้องมีความสามารถ ความรู้หลายอย่าง อีกทั้งจะต้องทำงานที่มีความหลากหลายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นการพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ในการทำงาน เพราะเทคโนโลยีทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์หรือ Ipad ในการนำเสนองาน ไม่ใช่นำเสนอแบบปากเปล่าเหมือนในอดีต เป็นต้น
5.มีใจรักในงานที่ทำ ในการทำงานหากว่าเรามีใจรักในงานที่ทำเราจะทำงานนั้นได้นานกว่าปกติ อีกทั้งยังมีความรู้สึกสนุกกับมัน ในทางตรงกันข้าม หากว่าท่านต้องทำงานด้วยความจำใจทำ ท่านจะทำงานด้วยความลำบากใจ ไม่สนุก เฉื่อยช้า ชีวิตความก้าวหน้าในการทำงานของท่านก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ
ฉะนั้น การทำงานให้เจริญก้าวหน้าเป็นสิ่งที่ทำกันได้ พัฒนาได้ ปรับปรุงแก้ไขได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นสำคัญ ว่าท่านต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองมากน้อยแค่ไหน ถ้าท่านอยากจะเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ท่านคงต้องมีต้นแบบที่ดี ท่านต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่งานในการทำงาน ท่านต้องมีความขยันพากเพียร ท่านต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง และท่านต้องมีใจรักในงานที่ท่านทำ
