ภูมิปัญญาไทยกับ wellness tourism

ภูมิปัญญาไทยกับ wellness tourism

มรดกทางภูมิปัญญาแบบ ‘พื้นบ้าน’ ของไทย เชื่อมโยงกับมิติทางสุขภาพอยู่แล้ว ถือเป็นต้นทุนที่เข้มแข็งของเมืองไทยที่สามารถประยุกต์เพื่อดึงดูดนักเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่กำลังซื้อสูง มีสัดส่วนเดินทางเข้าพักและอยู่อาศัยระยะเวลานาน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการท่องเที่ยวแต่ละครั้งสูงกว่านักท่องเที่ยวแบบปกติ

1. อาหารถิ่นสำหรับผู้ประกอบการอาจต่อยอดให้ ‘อาหารถิ่น’ มีภาพลักษณ์ของการเป็นเมนูเพื่อสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์และวัตถุดิบเฉพาะตัว อาหารถิ่นสอดแทรกมิติทางสุขภาพมาตั้งแต่ดั้งเดิม เช่น นิยมรับประทานเป็นสำรับช่วยให้ได้รับสารอาหารหลากหลาย ส่วนใหญ่เน้นกินร่วมกับผักและมีส่วนผสมของเครื่องเทศอยู่มากช่วยเพิ่มกากใยและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ บางพื้นที่ใช้กรรมวิธีการหมักทำให้ได้สารอาหารอื่นเพิ่มขึ้น เช่น โปรไบโอติกและพรีไบโอติก เป็นต้น

2. มวยไทยนักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบศิลปะการต่อสู้อย่าง ‘มวยไทย’ เป็นจำนวนมาก มุมของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มวยไทยจึงจัดเป็นกิจกรรมออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย และยังสอดคล้องกับลักษณะการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ไปพร้อมกันสำหรับ ‘มวยไทย’ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาสัมผัสในลักษณะของการเรียนเพื่อเป็นทักษะป้องกันตัว ในขณะเดียวกันการเรียนมวยก็ถือเป็นการขยับร่างกายเรียกเหงื่อที่ช่วยเผาผลาญ ถือเป็นการออกกำลังกาย ซึ่งเชื่อมโยงไปกับด้านสุขภาพได้เช่นกัน

3. นวดแผนไทยนวดไทย คือ กิจกรรมการนวดเพื่อผ่อนคลายและชะลอวัยเพื่อความงามเป็นกิจกรรมที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมายาวนาน องค์ความรู้การนวดแผนไทยมีมาแต่โบราณ จึงสามารถนำมาสร้างจุดขายเพื่อการรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ส่วนการทำสปา พอก ขัด อบตัวในบริบทของการชะลอวัยและความงาม เมืองไทยมีวัตถุดิบและภูมิปัญญาการนำพืชสมุนไพรจากธรรมชาติมาใช้เพื่อการดูแลความงามอยู่แล้ว จึงถือเป็นต้นทุนที่ดีต่อการส่งเสริมสุขภาพ

4. ธรรมชาติบำบัด คือ ภูเขา ทะเล เป็นวิวทิวทัศน์ที่กระตุ้นให้มีแรงบันดาลใจต่อการดูแลสุขภาพ เช่น กิจกรรมปั่นจักรยานเลียบชายหาด กิจกรรมเดินป่า กิจกรรมปีนเขา นอกจากเป็นการมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ก็ยังมีนัยยะของการออกกำลังกายซ่อนอยู่ สถานที่ทางธรรมชาติบางแห่งสามารถต่อยอดไปสู่การบำบัดความเหนื่อยล้าหรือการดูแลผิวพรรณ เช่น บ่อน้ำพุร้อน บ่อโคลนบำบัด การอบสมุนไพร เป็นต้น

สนใจการท่องเที่ยว Wellness Tourism ✅ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: nat.nsk
? 062-8595241
____________________________________________

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ VIP NATNARA PRIVILEGE CLUB : https://www.natnara-travel.com/form/21/sign-up
Website: https://www.natnara-travel.com
Facebook : https://www.facebook.com/natnaratravelandhotel
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCbUYtwcCb6cIRUVYX3nFDzA
Instagram : https://www.instagram.com/natnara_travel
Twitter : https://twitter.com/NatnaraTravel

 

ทำไมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถึงเติบโต

ทำไมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถึงเติบโต

ปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโต

1.การขยายตัวของชนชั้นกลางทั่วโลกที่ มีระดับรายได้ที่สูงขึ้นซึ่งให้ความสำคัญ กับการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมากขึ้น

2.ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใส่ใจเรื่อง สุขภาพของตนเองมากขึ้น ซึ่งถูกกระตุ้น จากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non- Communicable Diseases, NCDs) และ ความเครียดจากการทำงาน

3.เทรนด์การท่องเที่ยวที่นิยม การสัมผัสประสบการณ์ แปลกใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว มากกว่าการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิม

4. โรคต่อต่อไม่เรื้อรังไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรม การดำเนินชีวิต โดยมักเป็น ผู้ป่วยในช่วงวัยทำงานที่ ใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง เช่น ไม่ออกกำลังาย ทานอาหารที่มีไขมันสูง เครียดสะสม พักผ่อนน้อย ดื่มเเอลกอฮอลล์

สนใจการท่องเที่ยว Wellness Tourism ✅ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: nat.nsk
? 062-8595241
____________________________________________

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ VIP NATNARA PRIVILEGE CLUB : https://www.natnara-travel.com/form/21/sign-up
Website: https://www.natnara-travel.com
Facebook : https://www.facebook.com/natnaratravelandhotel
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCbUYtwcCb6cIRUVYX3nFDzA
Instagram : https://www.instagram.com/natnara_travel
Twitter : https://twitter.com/NatnaraTravel

 

เทรนด์ของธุรกิจ WELLNESS

เทรนด์ของธุรกิจ WELLNESS

เทรนด์ของธุรกิจ wellnessGLOBAL WELLNESS INSTITUTION ได้เคยประเมินเอาไว้ถึงเทรนด์ของธุรกิจ Wellness เอาไว้ 5 เทรนด์ใหญ่ๆ

1. การดูเเลส่งเสริมสุขภาพเเละความงามส่วนบุคคลเเละเวชศาสตร์ชะลอวัย เช่น คลีนิกเสริมความงามต่างๆ

2. รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือ wellness tourism ที่อาจจะตั้งใจไปเเบบเป็นจุดประสงค์หลัก หรือ เป็นเเค่ส่วนประกอบในการท่องเที่ยวก็ได้

3. ด้านอาหารสุขภาพ เน้นอาหารที่มีประโยชน์ ปลอดสารเคมี

4. ด้านการออกกำลังกาย คือ เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกาย เช่น ฟิตเนส ปีนเขา

5. ด้านการป้องกันเเละดูเเลสุขภาพ เน้นการตรวจสอบเเละการตรวจรักษา เพื่อดูเเลสุขภาพ

สนใจการท่องเที่ยว Wellness Tourism ✅ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: nat.nsk
? 062-8595241
____________________________________________

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ VIP NATNARA PRIVILEGE CLUB : https://www.natnara-travel.com/form/21/sign-up
Website: https://www.natnara-travel.com
Facebook : https://www.facebook.com/natnaratravelandhotel
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCbUYtwcCb6cIRUVYX3nFDzA
Instagram : https://www.instagram.com/natnara_travel
Twitter : https://twitter.com/NatnaraTravel

 

รูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

รูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

รูปเเบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ

รูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยนั้นมีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทย นวดเท้า หรือการอบและการประคบสมุนไพร เป็นต้น โดยรูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่เป็นที่นิยมมีทั้งหมด ดังนี้

1. การนวดแผนไทย ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นศาสตร์ในการบำบัดอีกแขนงหนึ่งของแพทย์แผนไทย โดยประโยชน์ของการนวดแผนไทยนั้นมีหลากหลายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคลายปวด หรือทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำได้ดีขึ้น แถมยังช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อต่อ และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

2. นวดเท้า เท้าเป็นอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งการนวดเท้าแบบไทยจะเป็นการกดจุดบนเท้า โดยนวดที่ฝ่าเท้า หลังเท้า และขา เพื่อกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดความตึงเครียด ป้องกันการเกิดอาการท้องผูก และช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

3. การอบและการประคบสมุนไพร เป็นการบำบัดรูปแบบหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพใจ และช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกผ่อนคลาย

4. สุวคนธบำบัด เป็นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากส่วนต่างๆ ของสมุนไพร เช่น รากไม้ เปลือกไม้ ดอกไม้ และใบไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีสารสกัดที่มาจากสัตว์ด้วย เช่น อำพันทอง ที่ได้มาจากสำรอกปลาวาฬ ชะมดเช็ด บีเวอร์ และกวาง

5. การบริการอาบน้ำแร่ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับการพัฒนา และสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น เพราะว่าการอาบน้ำแร่นั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูก และกล้ามเนื้อ ช่วยทำความสะอาดผิวหนัง และรูขุมขนได้ดี และช่วยให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น โดยในประเทศไทยมีทั้งน้ำพุร้อน และบ่อน้ำร้อนที่มีอยู่ในหลายๆ จังหวัด เช่น ลำปาง ยะลา และตรัง เป็นต้น

6.วารีบำบัด เป็นการบำบัด และส่งเสริมสุขภาพร่างกายด้วยการใช้น้ำเป็นตัวช่วยเสริม เช่น การวิ่งในน้ำ การเต้นแอโรบิกในน้ำ และการเล่นโยคะในน้ำ เป็นต้น เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอาการปวดหลัง หรือผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นยังมีวิธีการทำวารีบำบัดแบบง่ายๆ ด้วยการอาบน้ำร้อน และน้ำเย็นสลับกัน โดยเริ่มจากอาบน้ำร้อนก่อนประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงค่อยสลับไปอาบน้ำเย็น ซึ่งวิธีนี้ยังสามารถช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้อีกด้วย

7. การบริการอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นรูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่ต้องถูกใจสายกินอย่างแน่นอน โดยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรูปแบบนี้จะนำ พืช ผัก และสมุนไพรที่มีประโยชน์มาประกอบอาหารให้กับนักท่องเที่ยว เช่น อาหารที่มีส่วนประกอบของผักอย่างเดียว หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำมาจากสมุนไพร เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์

8. รูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพอย่างการบริหารร่างกาย โยคะ เป็นการท่องเที่ยวที่มีการบรรจุโปรแกรมบริหารร่างกายเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นโยคะ หรือ การบริหารร่างกายแบบอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี ช่วยให้จิตใจสงบมากขึ้น และสามารถช่วยคลายเครียดได้ดี

9. การบริการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม เป็นการนำสารสกัดจากธรรมชาติ หรือสมุนไพรมาผลิตเป็นเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นการพอกหน้า ขัดตัว หรือขัดเท้า เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผิวพรรณสดใส และได้ผ่อนคลายด้วยการสปา แถมยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสปา และความงามได้อีกด้วย

10. การท่องเที่ยวแบบการฝึกสมาธิแนวพุทธศาสตร์ เป็นการนำการท่องเที่ยวตามธรรมชาติมาประยุกต์เข้ากับวิถีพุทธศึกษา เช่น การนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม และการบวชพราหมณ์ เพื่อบำบัดสุขภาพจิตใจให้เกิดความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และปล่อยวาง พร้อมกับนำหลักคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

 

สนใจการท่องเที่ยว Wellness Tourism ✅ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: nat.nsk
? 062-8595241
____________________________________________

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ VIP NATNARA PRIVILEGE CLUB : https://www.natnara-travel.com/form/21/sign-up
Website: https://www.natnara-travel.com
Facebook : https://www.facebook.com/natnaratravelandhotel
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCbUYtwcCb6cIRUVYX3nFDzA
Instagram : https://www.instagram.com/natnara_travel
Twitter : https://twitter.com/NatnaraTravel

 

 

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคืออะไร

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคืออะไร

ความหมายของการท่องเที่ยวเเบบ wellness tourism

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในเเหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือวัฒนธรรม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ โดยแบ่งเวลาจากการท่องเที่ยว เพื่อมาทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพหรือการบำบัดรักษาฟื้นฟูสุขภาพ เช่น การรับคำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี การนวด อบ ประคบสมุนไพร การฝึกปฏิบัติสมาธิ ตลอดจน การตรวจร่างกาย การรักษาพยาบาล และอื่นๆ

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) อาจแบ่งออกได้ตามจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของโปรแกรมกิจกรรมการท่องเที่ยว และความต้องการของนักท่องเที่ยวเป็น 2 ประเภทหลักดังนี้

1. การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ  เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหรือวัฒนธรรม เพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ โดยแบ่งเวลาจากการท่องเที่ยวส่วนหนึ่งมาทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในที่พักแรมหรือนอกที่พักแรมอย่างถูกวิธี ตามหลักวิชาการและมีคุณภาพมาตรฐานอย่างแท้จริง เช่น การนวด  อบ ประคบสมุนไพร การบริการสุวคนธบำบัด และวารีบำบัด

2.การท่องเที่ยวเชิงบำบัดรักษาสุขภาพ  เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ โดยแบ่งเวลาส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยวไปรับบริการบำบัดรักษาสุขภาพการรักษา พยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีคุณภาพมาตรฐาน เช่น การตรวจร่างกาย การรักษาโรคต่างๆ การทำฟันและการรักษาสุขภาพฟัน การผ่าตัดเสริมความงาม การผ่าตัดแปลงเพศ และอื่นๆโดยทั่วไปจึงมักมีการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวที่บรรจุโปรแกรมการเข้ารับบริการบำบัดรักษาโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพต่างๆที่หลากหลาย เช่น การตรวจร่างกาย การรักษาโรคต่างๆ  การท่องเที่ยวเชิงบำบัดรักษาสุขภาพจึงเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่มุ่ง ประโยชน์ต่อการรักษาฟื้นฟูสุขภาพนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ

สนใจการท่องเที่ยว Wellness Tourism ✅ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: nat.nsk
? 062-8595241
____________________________________________

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ VIP NATNARA PRIVILEGE CLUB : https://www.natnara-travel.com/form/21/sign-up
Website: https://www.natnara-travel.com
Facebook : https://www.facebook.com/natnaratravelandhotel
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCbUYtwcCb6cIRUVYX3nFDzA
Instagram : https://www.instagram.com/natnara_travel
Twitter : https://twitter.com/NatnaraTravel

 

เติมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง แบบนี้ก็มีเหรอ?

เติมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง แบบนี้ก็มีเหรอ?

การเติมสะโพกเป็นกระบวนการศัลยกรรมอย่างหนึ่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อรูปทรงบั้นท้ายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของน้ำหนัก อายุ และพันธุกรรม ล้วนส่งผลต่อขนาดและรูปร่างของบั้นท้ายของคุณ ดังนั้นการควบคุมรูปร่างจึงมักเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตาม หากคุณสนใจที่จะมีก้นที่กลมและอวบอิ่มขึ้น เติมสะโพกให้รูปร่างมีสัดส่วนสวยงาม สามารถทำได้หลายวิธี แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการใช้ไขมันของตัวเองกัน

การฉีดไขมันเสริมสะโพก

วิธีการนี้ ศัลยแพทย์จะนำไขมันออกจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้องหรือต้นขา และนำไปใส่ในบั้นท้ายและสะโพก โดยหลักการแล้ว วิธีการเสริมสะโพกนี้เป็นการผสมผสานเทคนิค ระหว่างการดูดไขมันและการเสริมก้น แม้ว่าปริมาณที่ใช้เสริมจะไม่สูงเท่ากับการเสริมหน้าอก แต่ก็ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมจึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนเสริมความงามที่เติบโตเร็วมากในปัจจุบัน เพราะไม่ใช่แค่การเพิ่มขนาดของบั้นท้ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ได้บั้นท้ายที่เข้ารูปขึ้น และปรับสัดส่วนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าท้อง หรือต้นขา

ขั้นตอนการเติมสะโพกด้วยไขมัน

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับการฉีดไขมันมาบ้าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างขั้นตอนนี้ สำหรับขั้นตอนเริ่มต้น โดยปกติจะต้องดมยาสลบก่อน จากนั้นใช้เทคนิคการดูดไขมัน ซึ่งเป็นการนำไขมันออกจากร่างกายส่วนล่าง ไขมันนี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และฉีดเข้าไปในบริเวณเป้าหมาย ที่บั้นท้ายของผู้ป่วยเพื่อเติมสะโพก ก่อนการทำหัตถการ คุณสามารถพูดคุยปรึกษากับศัลยแพทย์เกี่ยวกับรูปลักษณ์และขนาดที่คุณต้องการได้ 

การดูแลตัวเองหลังเติมสะโพก

กระบวนการเสริมก้นนี้จะส่งผลให้คุณรู้สึกเจ็บระบมบ้าง แต่ยาแก้ปวดตามร้านขายยาทั่วไปสามารถช่วยบรรเทาได้ หรือในบางกรณี แพทย์อาจสั่งจ่ายยาแก้ปวดที่จำเป็นเพิ่มเติมให้ ผู้ป่วยจะไม่สามารถนั่งหรือออกแรงกดที่บริเวณนั้นเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หากดูตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำในการฟื้นฟูร่างกายได้ดี คุณจะสามารถกลับมานั่งปกติได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ เบาะรองนั่งหรือหมอนทรงโดนัท จะช่วยลดแรงกดทับจากบั้นท้ายของคุณหลังการเติมสะโพกได้ ช่วยทำให้คุณนั่งสบายขึ้น 

สรุป

ปัจจุบันการเติมสะโพกเป็นกระบวนการเสริมความงามที่เป็นที่ต้องการมาก มีหลายวิธีการในการทำให้สะโพกของคุณดูกลมโตและได้สัดส่วน แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 1 ใน 2 ในการทำเช่นนี้คือการย้ายไขมัน หากคุณสนใจจะทำอาจต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์สำหรับการเสริมความงามด้วยวิธีการนี้