by SompitMekmok | Mar 29, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์: ดีไซน์สวย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
พื้นระเบียง เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่นกลางแจ้ง เป็นจุดที่สมาชิกในครอบครัวสามารถพักผ่อนหย่อนใจ สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมต่างๆ การเลือกวัสดุปูพื้นระเบียงจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจเลือกวัสดุปูพื้นระเบียงที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
วัสดุปูพื้นระเบียง ที่นิยมใช้มี 2 ประเภทหลักๆ คือ พื้นระเบียงไม้ และ พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์
1. พื้นระเบียงไม้:
ข้อดี:
- สวยงามตามธรรมชาติ สร้างบรรยากาศอบอุ่น
- หลากหลายเนื้อไม้ให้เลือก เช่น ไม้สัก ไม้เนื้อแข็ง ไม้เนื้ออ่อน
- มั่นคงแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ดี
ตัวอย่างเนื้อไม้ ที่นิยมใช้สำหรับพื้นระเบียง ได้แก่
- ไม้สัก: ทนทานต่อสภาพอากาศ ปลวก รา แมลง กลิ่นหอม
- ไม้มะค่าโมง: แข็งแรง ทนทาน สีน้ำตาลอมแดง สวยงาม
- ไม้ตะแบก: ทนทาน ยืดหยุ่นดี สีน้ำตาลเข้ม
ข้อด้อย:
- ต้องบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทาน้ำมันเคลือบเงา ระวังการเน่าเปื่อย
- อายุการใช้งานอาจสั้น
- บางชนิดราคาแพง
- อาจเกิดปัญหาการขึ้นรา บิดงอ หดตัว
2. พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์:
ทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า
ไม้เอ็นจิเนียร์เป็นวัสดุประเภทใหม่สำหรับทำพื้นระเบียง ที่ผลิตจากการรวมเส้นใยธรรมชาติและพลาสติก มีข้อดีดังนี้:
ความคงทน อายุการใช้งานยาวนานกว่า
- ทนต่อสภาพอากาศ ความชื้น แรงกระแทกได้ดี
- ไม่เน่าเปื่อย บิดงอ หรือหดตัว
ตัวอย่าง พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์ที่ทนทาน ได้แก่
- พื้นระเบียง WPC (Wood Plastic Composite): ผสมผสานไม้และพลาสติก ทนทาน กันน้ำ
- พื้นระเบียง SPC (Stone Plastic Composite): ผสมผสานหินและพลาสติก ทนทาน กันน้ำ ทนไฟ
การดูแลรักษาง่าย
- ไม่ต้องเคลือบเงาหรือทาสี
- เพียงทำความสะอาดตามปกติ
ความปลอดภัย
- ผิวเรียบละเอียด ไร้เสี้ยนไม้
- ลดความเสี่ยงในการลื่นล้ม
สีสัน รูปแบบให้เลือกมากมาย
- สวยงาม ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกสไตล์
ตัวอย่าง พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีสีสันและรูปแบบหลากหลาย
- พื้นระเบียงลายไม้จริง: ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ไม้จริง
- พื้นระเบียงลายหิน: สวยงาม ทนทาน ดูแลรักษาง่าย
- พื้นระเบียงลายกราฟิก: ทันสมัย เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- บางกรณีทำจากวัสดุรีไซเคิล
- ส่วนประกอบปลอดสารพิษ
ข้อควรพิจารณา:
- ราคา: พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์มีราคาแพงกว่าไม้ทั่วไป แต่คุ้มค่าจากอายุการใช้งานยาวนาน
- การหาซื้อ: อาจหาซื้อยากในบางประเทศ
- ผู้ผลิต: ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
ทำไมพื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์จึงเป็นที่นิยม?
- สวยงาม ทนทาน ดูแลรักษาง่าย
- อายุการใช้งานยาวนาน ประหยัดค่าบำรุงรักษา
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทสรุป:
พื้นระเบียงไม้เอ็นจิเนียร์เป็นทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่าไม้ธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นระเบียงที่สวยงาม ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
**
by SompitMekmok | Mar 28, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
พื้นไม้ vs พื้นลามิเนต: เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านของคุณ?
การตกแต่งพื้นในบ้านเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างบรรยากาศให้แก่ห้องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเลือกใช้พื้นไม้หรือพื้นลามิเนต ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ทำให้เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
เริ่มจากพื้นไม้
ข้อดีของพื้นไม้
- ความงามและความรู้สึกอบอุ่นตามธรรมชาติ เนื้อไม้ที่แท้จริงทำให้รู้สึกถึงความมีชีวิต ความละเอียดอ่อนของลวดลายธรรมชาติบนเนื้อไม้แต่ละชนิดจะสร้างเสน่ห์และความโดดเด่นให้แก่พื้น
- ความยั่งยืนและทนทาน หากเลือกใช้ไม้ชนิดที่มีความแข็งแรงและมีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี พื้นไม้สามารถใช้งานได้ยาวนานนับสิบปี
- เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน บ้านที่มีพื้นไม้มักจะมีมูลค่าสูงกว่าบ้านที่ใช้พื้นชนิดอื่นๆ
- สามารถเลือกได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้อแข็งแบบคลาสสิก ไม้เนื้อละเอียดแบบร่วมสมัย หรือรูปแบบที่มีลวดลายและสีสันโดดเด่น
ข้อเสียของพื้นไม้
- ต้นทุนการติดตั้งสูงกว่าพื้นลามิเนตมาก โดยเฉพาะหากเลือกใช้ไม้เนื้อดีและมีคุณภาพสูง
- การดูแลรักษาค่อนข้างยุ่งยาก ต้องระวังไม่ให้โดนความชื้น ขัดเงาสม่ำเสมอ และต้องใช้น้ำยาดูแลพื้นอย่างระมัดระวัง
- มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากการขีดข่วน แมลงกัดกิน หรือการกระแทก
- หากมีเด็กเล็กอาศัยอยู่ด้วย ความเสี่ยงของอุบัติเหตุและความเสียหายต่อพื้นจะสูงขึ้น
ต่อมาคือพื้นลามิเนต
ข้อดีของพื้นลามิเนต
- ราคาประหยัดกว่าพื้นไม้อย่างมาก โดยมีราคาในระดับกลางถึงปานกลาง
- ทนทานและต้านทานต่อรอยขีดข่วน แรงกระแทก และความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้
- ดูแลรักษาง่ายด้วยการถูพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป
- มีให้เลือกลวดลาย สีสัน และเนื้อผิวมากมายหลายแบบ ตั้งแต่แบบจำลองลายไม้จนถึงสไตล์โมเดิร์นหรือบิดเบี้ยว
- เหมาะกับบ้านที่มีคนอาศัยจำนวนมากหรือมีเด็กเล็ก เนื่องจากทนทานต่อการใช้งาน
ข้อเสียของพื้นลามิเนต
- อายุการใช้งานน้อยกว่าพื้นไม้ คาดว่าสูงสุดประมาณ 15-20 ปี
- ดูไม่มีความอบอุ่นเหมือนไม้จริง เนื่องจากเป็นวัสดุประเภทพลาสติกเคลือบผิว
- มีข้อจำกัดในการซ่อมแซม หากเกิดความเสียหายจะต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ทั้งแผ่น
- บางชนิดอาจมีการปลดปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ การใช้งานพื้นประเภทต่างๆ ก็ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับสไตล์การตกแต่งภายในบ้านด้วย
สไตล์การตกแต่งแบบคลาสสิก หรูหรา และเรียบง่ายมักนิยมใช้พื้นไม้เป็นหลัก เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและมีเสน่ห์ ส่วนสไตล์โมเดิร์นหรือแนวลอฟท์ที่มีการตกแต่งแบบโปร่งโล่งและเรียบง่าย พื้นลามิเนตจะเข้ากับการตกแต่งได้ดีกว่า
ทั้งนี้ ถ้าภายในบ้านมีเด็กเล็กอาศัยอยู่ด้วย พื้นลามิเนตที่ทนต่อการกระแทกและง่ายต่อการดูแลรักษาอาจเหมาะกว่าพื้นไม้ แต่หากไม่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัยและสามารถดูแลรักษาได้อย่างดี พื้นไม้ก็เป็นตัวเลือกที่สวยงามและสร้างบรรยากาศอบอุ่นได้อย่างแน่นอน
by SompitMekmok | Mar 27, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
บันไดไม้: สัมผัสแห่งความอบอุ่นและความหรูหราเหนือกาลเวลา
บทบาทสำคัญของบันไดภายในบ้าน
บันไดภายในบ้านไม่ได้มีหน้าที่เพียงเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างชั้นต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนจุดเด่นที่ช่วยกำหนดบรรยากาศ สไตล์ และภาพลักษณ์โดยรวมของบ้านได้อีกด้วย การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ไม้: ตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับบันไดที่สวยงามและอบอุ่น
ไม้เป็นวัสดุกำลังนิยมสำหรับบันไดภายในบ้าน ด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน และกลมกลืนกับธรรมชาติ
ไม้เอ็นจิเนียร์: ทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่าสำหรับบันไดไม้
ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ผลิตจากการนำเส้นใยไม้หรือชิ้นส่วนไม้มารวมกันด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ผลลัพธ์คือวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่น ดีกว่าไม้ธรรมชาติ
ข้อดีของบันไดไม้เอ็นจิเนียร์
- แข็งแรง ทนทาน: ทนต่อแรงดัน แรงกระแทก การเสียดสี และการบิดงอ
- ดูแลรักษาง่าย: ทำความสะอาดง่าย ป้องกันรอยขีดข่วน ยืดอายุการใช้งาน
- สวยงาม: มีลวดลายและสีสันให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับทุกสไตล์
- ติดตั้งง่าย: สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา
การออกแบบบันไดไม้ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร
- ราวบันได: เลือกรูปแบบที่เข้ากับสไตล์บ้าน เพิ่มความสวยงามและปลอดภัย
- ไฟส่องสว่าง: สร้างบรรยากาศอบอุ่น น่าสนใจ และปลอดภัย
- ของตกแต่ง: เพิ่มสีสันและเอกลักษณ์ให้กับบันได เช่น ต้นไม้ รูปภาพ กรอบรูป
- สีและพื้นผิว: เลือกให้กลมกลืนกับสไตล์การตกแต่งภายใน
บันไดไม้เอ็นจิเนียร์: ทางเลือกที่ลงตัวสำหรับบ้านของคุณ
ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าไม้ธรรมชาติ บันไดไม้เอ็นจิเนียร์จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงาม ความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน
อย่าลืมใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบและตกแต่งบันได
เพราะบันไดไม่ใช่แค่ทางขึ้นลง แต่คือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศและสะท้อนรสนิยมของเจ้าของบ้าน
สัมผัสความงามเหนือกาลเวลาของบันไดไม้เอ็นจิเนียร์
เลือกสร้างบันไดที่บ่งบอกถึงตัวตนของคุณ
by SompitMekmok | Mar 26, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
ไม้บีช: วัสดุยอดนิยมสำหรับพื้นไม้แท้และพื้นไม้วิศวกรรม
ในโลกของพื้นไม้สำหรับอาคารที่อยู่อาศัยและพาณิชย์ ไม้บีช (Beech Wood) ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่มีคุณสมบัติโดดเด่นทั้งด้านความสวยงามและความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้บีชแท้หรือพื้นไม้บีชวิศวกรรม
ความนิยมของไม้บีชในการใช้เป็นพื้นไม้
ไม้บีชเป็นไม้แข็งชนิดหนึ่งที่มีแหล่งกำเนิดจากทวีปยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ความนิยมของไม้บีชมาจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ดังนี้
- ความแข็งแกร่งสูง ไม้บีชมีเนื้อแน่นและแข็งแรง สามารถทนแรงกระแทกและการใช้งานหนักได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้เป็นพื้นไม้อาคารที่มีการสัญจรไปมาสูง
- ความทนทานต่อรอยขีดข่วน เนื่องจากความแข็งของเนื้อไม้ ไม้บีชจึงมีความต้านทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าไม้แข็งชนิดอื่นๆ
- ความสวยงามของลวดลายเนื้อไม้ ลักษณะลวดลายเนื้อไม้ของบีชมีเส้นตรงและเส้นใยแน่นละเอียด สร้างบรรยากาศหรูหราและทันสมัย
- ความหลากหลายของสีสัน แม้สีพื้นฐานของไม้บีชจะเป็นสีครีมอมน้ำตาลอ่อน แต่สามารถผลิตได้หลากหลายสีตามความต้องการ เช่น บีชสีน้ำตาล บีชสีแดง บีชสีดำ เป็นต้น
- มีกลิ่นไม่รุนแรง บางชนิดไม้แข็งอาจมีกลิ่นที่ฉุนและไม่พึงประสงค์ แต่ไม้บีชมีกลิ่นเบาบางไม่รบกวน
ด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้ไม้บีชได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาใช้ทำเป็นพื้นไม้ทั้งแบบพื้นไม้แท้และพื้นไม้วิศวกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งความสวยงามและความทนทาน
ความแตกต่างระหว่างพื้นไม้บีชแท้และพื้นไม้บีชวิศวกรรม
เมื่อเลือกใช้ไม้บีชเป็นพื้น ผู้บริโภคมีทางเลือกระหว่างพื้นไม้บีชแท้กับพื้นไม้บีชวิศวกรรม โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้
1. พื้นไม้บีชแท้
พื้นไม้บีชแท้หมายถึงพื้นไม้ที่ทำจากแผ่นไม้บีชทั้งแผ่น จึงสามารถเห็นลวดลายเนื้อไม้ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ข้อดีคือความสวยงามตามธรรมชาติของเนื้อไม้ มีความแข็งแรง และทนทานสูง แต่ข้อจำกัดคือราคาค่อนข้างสูง มีความยุ่งยากในการดูแลรักษา และอาจมีปัญหาการบิดงอหรือหดตัวของไม้หากมีการติดตั้งไม่ถูกวิธี
2. พื้นไม้บีชวิศวกรรม
พื้นไม้บีชวิศวกรรมหรือไม้วิศวกรรมบีชเป็นพื้นที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางวิศวกรรม โดยมีชั้นบนสุดทำจากแผ่นไม้บีชบางๆ และแกนกลางเป็นไม้อัดหรือพาร์ติเกิลบอร์ด เทคนิคการผลิตนี้ช่วยลดปัญหาการหดตัวและบิดงอของไม้ได้ดี ข้อดีคือราคาถูกกว่าไม้แท้ สามารถติดตั้งบนพื้นที่ที่มีระบบปรับอากาศหรือให้ความร้อนใต้พื้นได้ รวมถึงมีความแข็งแรงพอสมควร แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องความทนทานบางประการเมื่อเทียบกับไม้แท้
ดังนั้น การเลือกใช้พื้นไม้บีชแท้หรือไม้บีชวิศวกรรมนั้น ผู้บริโภคควรพิจารณางบประมาณ วัตถุประสงค์การใช้งาน รวมถึงความยากง่ายในการดูแลรักษา เพื่อให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด
สรุป
ด้วยคุณสมบัติความแข็งแกร่ง ทนทาน สวยงาม และความหลากหลายของสีสัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม้บีชกลายเป็นวัสดุยอดนิยมในการทำพื้นไม้ ทั้งแบบพื้นไม้แท้และพื้นไม้วิศวกรรม เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัยและมีระดับภายในอาคาร ผู้ซื้อสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับงบประมาณและสภาพการใช้งาน เพื่อให้ได้พื้นไม้ที่ดึงดูดสายตา คงทน และมอบความพึงพอใจได้อย่างแท้จริง
by SompitMekmok | Mar 23, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
ผนังไม้: เสน่ห์ธรรมชาติที่เติมเต็มพื้นที่ด้วยสไตล์และความอบอุ่น
ผนังไม้ เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในการตกแต่งภายในบ้าน เพราะนอกจากจะสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลายแล้ว ยังเป็นการนำธรรมชาติเข้ามาสู่พื้นที่อยู่อาศัย ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาและสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
การเลือกใช้ผนังไม้ มีหลากหลายสไตล์ให้เลือกสรร ขึ้นอยู่กับรสนิยมและบรรยากาศที่ต้องการ
สไตล์คลาสสิก
- เน้นความเรียบง่าย หรูหรา และดูมีระดับ
- นิยมใช้ไม้สักทอง ไม้เมเปิ้ล หรือไม้โอ๊คสีอ่อน
- วางเป็นแนวนอนหรือแนวตั้ง
- ประดับประดาด้วยไม้แกะสลักลวดลายโค้งมน
- เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน
สไตล์รัสติก
- มีลักษณะดิบ เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
- นิยมใช้ไม้ธรรมชาติที่มีรอยปล่อยเนื้อไม้ เช่น ไม้สนหรือไม้ซีดาร์
- วางแบบไม่เป็นระเบียบหรือวางทับซ้อนกัน
- ไม่จำเป็นต้องพื้นผิวเรียบเนียน
- เหมาะสำหรับสร้างบรรยากาศแบบบ้านพักตากอากาศ
สไตล์โมเดิร์น
- เน้นความทันสมัย เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์
- นิยมใช้ไม้เนื้อเนียนและมีสีสันอ่อน เช่น ไม้วอลนั๊ต หรือไม้เมเปิ้ลโทนสีอ่อน
- วางเป็นแนวนอนหรือแนวทแยงในลักษณะกระดานบาง
- วางทับซ้อนกันบนโครงสีเข้มหรือเพิ่มแผ่นอะลูมิเนียมบางๆคั่นระหว่างแนว
- เหมาะกับการตกแต่งในห้องนอนหรือพื้นที่ทำงานสมัยใหม่
ผนังไม้มีให้เลือกทั้งแบบใช้ไม้จริงและไม้เอ็นจิเนียร์
ผนังไม้จริง
- สวยงามตามธรรมชาติ มีลวดลายและเนื้อสัมผัสของไม้แท้
- หลากหลายชนิดไม้ให้เลือก เช่น ไม้สัก ไม้เนื้อแข็ง ไม้ซีดาร์
- ซ่อมแซม ขัดเงา หรือย้อมสีใหม่ได้
- คงทนแข็งแรงหากดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ
- บางชนิดไม้อาจเกิดปัญหาบิดงอได้
ผนังไม้เอ็นจิเนียร์
- ราคาถูกกว่าไม้จริง
- ทนทาน ไม่ผุกร่อนง่าย
- ไม่ต้องดูแลรักษามาก
- มีให้เลือกหลากหลายลวดลายและสีสัน
ข้อเสีย
- อาจขาดเสน่ห์ของธรรมชาติ
- ไม่สามารถซ่อมหรือเปลี่ยนส่วนผิวที่ชำรุดได้
- อาจมีปัญหาการขยายหรือหดตัวจากความร้อน
การติดตั้งผนังไม้
- วางผังและติดตั้งอย่างถูกวิธี
- เพิ่มเสน่ห์และบรรยากาศอบอุ่นให้กับพื้นที่ภายในบ้าน
ข้อควรระวัง
- การเลือกใช้ไม้จริงหรือไม้เอ็นจิเนียร์ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ รสนิยม ความสวยงามที่ต้องการ และการดูแลรักษา
- เลือกสไตล์ผนังไม้ให้เข้ากับบรรยากาศโดยรวมของห้อง
ตัวอย่างการตกแต่งผนังไม้
- ผนังไม้แบบเต็มผนัง
- ผนังไม้แบบครึ่งผนัง
- ผนังไม้แบบบัวผนัง
- ผนังไม้แบบระแนง
การดูแลรักษาผนังไม้
- ทำความสะอาดด้วยไม้ขนไก่หรือผ้าชุบหมาดๆ
- ทาน้ำมันเคลือบเงาเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและความชื้นสูง
การตกแต่งผนังไม้ เป็นวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มเสน่ห์และบรรยากาศอบอุ่นให้กับพื้นที่ภายในบ้าน เลือกสไตล์และวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
by SompitMekmok | Mar 22, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, แนะนำสินค้าและบริการ
ไม้โอ๊ค: วัสดุคุณภาพสูงสำหรับงานก่อสร้างและตกแต่งภายใน
ไม้โอ๊ค (Oak Wood) เป็นพันธุ์ไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากในด้านความแข็งแรง ความทนทาน และความสวยงาม ไม้โอ๊คเป็นไม้ในวงศ์ Fagaceae ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้โอ๊คที่พบมากในแถบทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ได้แก่ สายพันธุ์ White Oak และ Red Oak
คุณสมบัติเด่นของไม้โอ๊คคือความหนาแน่นและความแข็งแรงสูงมาก เนื้อไม้มีน้ำหนักประมาณ 760 กก./ลบ.ม. และมีค่าความแข็งแรงกดอัดสูงถึง 1,360 PSI นอกจากนี้ไม้โอ๊คยังมีความทนทานต่อสภาพอากาศและแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เนื่องจากโครงสร้างเนื้อไม้ที่แน่นหนา และมีลักษณะลวดลายเนื้อไม้สวยงาม คล้ายวงแหวนปีที่ชัดเจน โดยทั่วไปจะเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือเหลืองอมน้ำตาล ไม้โอ๊คยังมีจุดเด่นอีกประการหนึ่งคือกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่รู้จักกันดี
ในประเทศไทย ไม้โอ๊คไม่ใช่ไม้พื้นเมืองแต่จะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยไม้โอ๊คถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและตกแต่งภายในบ้าน เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไม้โอ๊คมาใช้ผลิตเป็นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ประเภทพาร์เก้บอร์ด (Parquetry)
พาร์เก้บอร์ดจากไม้โอ๊คได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย ทั้งแบบบล็อกเดี่ยว (Solid Parquetry) และแบบติดแนบกาว (Glue Down Parquetry) โดยลักษณะเด่นของพาร์เก้บอร์ดไม้โอ๊คคือผิวสวยงาม คงทน สามารถรับน้ำหนักได้ดี และมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ พาร์เก้บอร์ดชนิดนี้จึงถูกนิยมนำมาปูพื้นให้กับบ้านเรือน คอนโดมิเนียม โรงแรม ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานต่างๆ
นอกเหนือจากพาร์เก้บอร์ดแล้ว ไม้โอ๊คยังถูกนำมาใช้ทำงานวูดเวิร์คหลายประเภท เช่น บานประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ และงานตกแต่งภายในอีกมากมาย เนื่องจากมีเนื้อไม้สวยงาม แข็งแรง สามารถผลิตเป็นชิ้นงานได้หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถตกแต่งได้อย่างมีรสนิยมและหรูหรา จึงถือเป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับงานตกแต่งบ้านและอาคารในประเทศไทย
สรุปได้ว่า ไม้โอ๊คนับเป็นไม้ที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งสำหรับงานก่อสร้างและตกแต่งภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตเป็นไม้เอ็นจิเนียร์ชั้นดีอย่างพาร์เก้บอร์ดและวูดเวิร์คต่างๆ ความแข็งแรง ความทนทาน และความงามของลวดลายไม้โอ๊คล้วนเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์จากไม้โอ๊คมีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดไม้ในประเทศไทย