แหล่งที่มาของวิตามินดี ทั้งอาหารและแหล่งเสริม

วิตามินดี เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกาย มีหน้าที่หลักในการดูดซึมแคลเซียม เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีส่วนช่วยในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศ โรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมทั้งช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้อีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราทุกคนจึงไม่อยากอยู่ในภาวะพร่องวิตามินดี เพราะ Vitamin D มีประโยชน์มากมายจริง ๆ ยังไงล่ะ ในบทความนี้เราจะมาแจกแหล่งที่มาของวิตามินดี พร้อมแหล่งอาหารเสริม ไม่อยากพลาดติดตามได้ในบทความนี้เลย!

แหล่งที่มาของวิตามินดี มีอะไรบ้าง?

  1. แสงแดด ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดี 3 ได้เองบริเวณผิวหนังชั้นกำพร้า โดยผ่านการกระตุ้นจากรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีช่วงคลื่นสั้นมาตกกระทบที่ผิวชั้นนอก แต่จะต้องสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่เหมาะสมเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาทีทุกวัน
  2. อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาทู รวมทั้งนม น้ำส้ม โยเกิร์ต หรือธัญพืชที่เสริมวิตามินดีเข้าไป
  3. อาหารเสริม หรือวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริม เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ผู้ที่ไม่ชอบทานเนื้อปลา ผู้ที่ทำงานอยู่ในตึก หรือออฟฟิศเป็นประจำ ผู้ที่ใช้ครีมกันแดดเพื่อหลีกเลี่ยง SPF จากแสงแดดและผู้ที่มีอายุ

อาหารและแหล่งอาหารเสริม วิตามินดี จำเป็นไหม?

ต้องยอมรับว่าวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ไม่ส่งเสริมให้ร่างกายสามารถทำการสังเคราะห์วิตามินดีได้จากแสงแดด เนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องแสงแดดที่จัดจนเกินไป ทำให้คนในปัจจุบันพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดให้ได้มากที่สุด ดังนั้นอาหารและแหล่งอาหารเสริมวิตามินดีจึงมีความจำเป็นในระดับหนึ่ง เพื่อเป็นการเสริมวิตามินดีให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอ นอกจากจะมีประโยชน์ในการเพิ่มศักยภาพต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ลดอาการอักเสบและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ทดแทนด้วยความแข็งแรงและความทนทานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยปรับฮอร์โมนเพศ ปรับระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องการวิตามินดีในระดับน้อย ๆ แต่ก็ยังเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ อย่ามองข้ามวิตามินดีกันเลยนะ

รู้จักเครื่องช็อคเวฟ ใช้รักษาอะไรได้บ้าง?

เครื่อง Shockwave Therapy หรือ ช็อคเวฟ คือนวัตกรรมในการรักษาผ่านคลื่นเสียงพลังงานสูง ยิงตรงเข้าไปสู่ระดับเนื้อเยื่อ เพื่อบรรเทาปวด ลดอาการบวม อักเสบ กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมให้เกิดขึ้นตามธรรมชาติและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บปวดเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อที่ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้เรามาทำความรู้จักเครื่องชอคเวฟให้ดีขึ้นกันดีกว่า!

เครื่องชอคเวฟ ใช้รักษาด้านผิวหนัง

  • สามารถใช้เสริมประสิทธิภาพ หลังการสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) หรือการลดไขมันด้วยความเย็น เพื่อเสริมประโยชน์ให้อัตราการแข็งตัวและสลายตัวของไขมันลดลงมากขึ้นกว่าปกติ
  • สามารถใช้สลายไขมันเซลลูไลท์ (Cellulite) หรือผิวไม่เรียบเนียนได้ เพราะการใช้เครื่องกระแทกพลังงานสูงจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี กระตุ้นให้โครงสร้างใต้ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตคอลลาเจน การเรียงตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หรือเส้นใยต่าง ๆ เรียงตัวได้ดี ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่นและกระชับตัวมากยิ่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ๆ ได้
  • สามารถใช้รักษาแผลเรื้อรัง (Chronic Ulcer) และลดการเกิดแผลเป็นหลังการผ่าตัดได้ สามารถเหนี่ยวนำให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บ จากนั้นก็จะเกิดการรักษาซ่อมแซมเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ตามกระบวนการธรรมชาติ
  • สามารถรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) ได้ แรงกระแทกจากภายนอกที่กระตุ้นไปยังอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ เพิ่มอัตราการตื่นตัวและขยายตัวได้มากขึ้น

เครื่องชอคเวฟ ใช้รักษาออฟฟิศซินโดรม

ช็อคเวฟเป็นคลื่นกระแทกมีพลังงานสูงที่กระตุ้นให้ร่างกายในบริเวณที่เจ็บปวด เกิดการบาดเจ็บใหม่ ร่างกายจะทำการรักษาซ่อมแซมเนื้อเยื่อตามกระบวนการธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็น ยิงได้ลึก ตรงจุดแม่นยำและบรรเทาอาการปวดได้ทันทีหลังจากการรักษาครั้งแรก โดยเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้คลื่นพลังงานอื่น ๆ ในการรักษา

เครื่องชอคเวฟ ใช้รักษาการอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็น

หลักการทำงานมีความคล้ายคลึงกับการรักษาโรคอื่น ๆ โดยมีพลังกดที่เป็นลักษณะเฉพาะ สามารถส่งพลังงานผ่านชั้นผิวหนังลงไปถึงบริเวณเอ็นและกล้ามเนื้อได้ลึกกว่า จึงสามารถรักษาอาการอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็นได้

สรุป

เครื่องชอคเวฟ หรือ Shockwave Therapy นับว่าเป็นเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาอาการต่าง ๆ โดยเฉพาะอาการเรื้อรัง อาการปวด หรืออักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการรักษาด้านผิวหนังที่ใช้หลักการเดียวกัน นั่นคือ การเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและการกระตุ้นโครงสร้างใต้ผิวหนังของร่างกายให้สามารถกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ดังเดิม

ตัวช่วยธุรกิจ b2b ที่จะทำให้คุณไม่พลาดตลาดในยุคปัจจุบัน

ตัวช่วยธุรกิจ b2b ที่จะทำให้คุณไม่พลาดตลาดในยุคปัจจุบัน

ธุรกิจ B2B หรือ Business to Business เป็นธุรกิจที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อห่วงโซ่การตลาดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่สองธุรกิจทำการค้าร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจ ด้วยการผลิตสินค้าหรือบริการเพื่อตอบสนองต่อธุรกิจร่ายย่อย ยกตัวอย่างเช่น การซื้อผ้าจากโรงงานเพื่อนำมาผลิตเสื้อผ้า เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วธุรกิจรูปแบบดังกล่าวจะพบเห็นกันได้มากในธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น การขนส่ง DHL เป็นต้น

ด้วยโลกของเราเปลี่ยนเข้าสู่การติดต่อผ่านทางออนไลน์มากขึ้น จึงส่งผลให้ธุรกิจรูปแบบ B2B จำเป็นจะต้องให้บริการออนไลน์มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้แพลตฟอร์ม E-Commerce จึงมีความสำคัญและสามารถเป็นตัวช่วยที่ดีของธุรกิจดังกล่าวได้

  1. ERP
    ERP หรือ Enterprise Resource Planning คือระบบที่ใช้ในการวางแผนจัดการห่วงโซ่อุปทานหลัก ไม่ว่าจะเป็น ระบบการเงิน การบริหารบุคคล ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ระบบสำหรับกลุ่มบริหาร และการจัดการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งระบบ ERP มักพบว่าทำงานอยู่บน 2 ระบบหลัก ได้แก่ ระบบ Cloud และระบบ On-Premise ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองระบบนี้ก็คือตำแหน่งของการติดตั้ง ERP โดยระบบ Cloud จะถูกติดตั้งบน Cloud Server ซึ่งเราสามารถเข้าใช้งานได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ส่วนระบบ On-Premise คือการติดตั้ง ERP ไว้บนฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์ที่มีการใช้งานจริงในบริษัท ซึ่งประโยชน์ของระบบ ERP คือช่วยให้องค์กรเห็นภาพรวมการทำงานของทั้งระบบได้
  2. E-commerce (Adobe commerce)
    แพลตฟอร์ม E-Commerce จัดว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญต่อธุรกิจ B2B เป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่ธุรกิจมีหน้าเว็บไซต์สามารถช่วยเพิ่มมาตรฐานให้กับธุรกิจได้ ซึ่ง Adobe Commerce เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างเว็บไซต์และตัวช่วยทางการตลาดให้แก่ธุรกิจกลุ่ม B2B ได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบหน้าบ้านและหลังบ้านที่ได้ประสิทธิภาพ ตลอดจนระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บไว้บนคลาวด์เดียวได้เลย จึงเหมาะสมกับโครงสร้างธุรกิจที่มีความซับซ้อนตามความต้องการของลูกค้า
  3. CRM
    CRM หรือ Customer Relationship Management คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับจัดการความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับลูกค้า ซึ่งขั้นตอนนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการทำตลาดไปแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้าซ้ำนั่นเอง โดยกลุ่มบุคคลากรในบริษัทที่จะต้องใช้งานระบบนี้ก็คือทีมการตลาดและทีม Sales หลักการทำงานของระบบ CRM คือการบันทึกข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีลูกค้าโทรเข้ามายังบริษัท ทีม Sales จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลของลูกค้าและสิ่งที่ลูกค้าต้องการลงในระบบ หากยังไม่มีการซื้อขายในทันที ทางทีม Sales ก็จะทำหน้าที่ติดต่อกลับไปยังลูกค้านั่นเอง ซึ่งประโยชน์ในภาพรวมของระบบ CRM ก็คือการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท การเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้านั่นเอง
ฝังเข็มตัวช่วยชาวพลัสไซส์ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรมาดูกัน

ฝังเข็มตัวช่วยชาวพลัสไซส์ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรมาดูกัน

เมื่อพูดถึงการมีน้ำหนักตัวเยอะ หลายคนถึงกับกุมขมับกันเป็นแถว เพราะถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาโลกแตกที่แก้ไขยาก การมีน้ำหนักตัวมากเกิดจากปัจจัยร่วมหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น ต้นตอทางพันธุกรรม ความผิดปกติของระบบการเผาผลาญในร่างกาย สภาวะทางอารมณ์และจิตใจ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รวมไปถึงการขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทั้งนี้การแก้ปัญหาให้ตรงจุดและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องประเมินร่างกายของแต่ละบุคคลว่ามีสาเหตุความอ้วนมาจากเรื่องใด ในปัจจุบันการแก้ไขมีหลากหลายวิธี หนึ่งในทางเลือกอย่างการฝังเข็มลดความอ้วนก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น บทความนี้จะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆถึงข้อดี-ข้อเสียของการฝังเข็มลดน้ำหนัก

การฝังเข็มคืออะไร?

การฝังเข็มเป็นศาสตร์แพทย์แผนจีนโบราณที่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์สากลว่าสามารถรักษาโรคได้ดีเทียบหรือมากกว่าการรักษาแผนปัจจุบัน การใช้เข็มตันเล็กแหลมปักทั่วร่างกายตามจุดลมปราณทิ้งไว้ 15-30 นาที เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทและปรับสมดุลการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ

การฝังเข็มช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?

เนื่องจากหนึ่งในสาเหตุการมีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาจากการทำงานของอวัยวะในร่างกายอย่าง ระบบต่อมไรท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมไทรอยด์ที่ทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญพลังงาน การสร้างฮอร์โมนมากจนทำให้เกิดการสะสมไขมัน การทำงานของไต ตับ และม้ามไม่มีประสิทธิภาพ การฝังเข็มจะไปกระตุ้น ‘ชี่ (Qi)’ หรือลมปราณและคลื่นพลังงานในร่างกายให้หมุนเวียน ฟื้นคืนความสมดุลของอวัยวะ ลดความเครียด ความอยากอาหารและการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร

ข้อดีของการฝังเข็มลดน้ำหนัก

  1. ช่วยลดน้ำหนักผ่านวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญในร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด
  2. กระตุ้นการขับของเสียในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ ลดการสะสมไขมัน
  3. บรรเทาความเครียดและความกังวล
  4. ช่วยฟื้นฟูพลังงานในร่างกายให้สดชื่น
  5. กระตุ้นสมองในส่วนของการลดความต้องการอาหาร
  6. เป็นการรักษาแบบธรรมชาติไม่ต้องทานยา
  7. สามารถทำควบคู่กับการรักษาแบบอื่นๆเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ข้อเสียของการฝังเข็มลดน้ำหนัก

  1. อาจใช้เวลาเพื่อการแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  2. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดและอนุญาตจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  3. อาจมีเลือดออก อาการบวมช้ำ
  4. ในวัยคนที่มีอายุ 20-40 ปี จะเห็นผลลัพธ์มากที่สุดเนื่องจากระบบในร่างกายยังไม่สึกหรอ สามารถฟื้นฟูได้ ในขณะที่คนอายุเยอะจะเห็นผลน้อยกว่า
  5. การรักษาที่ไม่มีมาตรฐานก่อให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อ

สรุป

การฝังเข็มเป็นเพียงอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยลดน้ำหนัก ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เข้ารับการประเมินร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือมีใบรับรอง และคลินิกให้บริการที่สะอาด ไม่ใช่เข็มซ้ำ อุปกรณ์ทุกชิ้นต้องผ่านการทำความสะอาดปลอดเชื้อ รวมถึงเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแต่ละที่ก่อนการตัดสินใจเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

‘Invisalign Teen’ โปรแกรมจัดฟันใสที่ออกแบบมา เพื่อวัยรุ่นโดยเฉพาะ

‘Invisalign Teen’ โปรแกรมจัดฟันใสที่ออกแบบมา เพื่อวัยรุ่นโดยเฉพาะ

การหมั่นใส่ใจดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมสร้างสุขภาพและภาพลักษณ์ที่ดี โดยเฉพาะช่องปากก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนเชื่อว่าหากไม่ได้มีปัญหาด้านทันตกรรมที่รุนแรงอันก่อให้เกิดความลำบากในการดำรงชีวิตอย่างฟันคุดหรือปัญหาโรคปริทันต์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์ แต่รู้หรือไม่ว่าฟันซ้อนเก หรือฟันสบลึก เป็นจุดเริ่มต้นของโรคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดบอดที่ทำให้เศษอาหารเข้าไปติดได้ง่าย หรือการสบฟันที่ผิดธรรมชาติอาจทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่มีประสิทธิภาพเกิดเป็นอาการท้องอืด ดังนั้นการเริ่มแก้ไขฟันให้เป็นระเบียบตั้งแต่เนิ่นๆจึงช่วยป้องกันปัญหาอื่นๆตามมา การจัดฟันในเด็กวัยรุ่นเริ่มเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหลายคนคำนึงถึงมากขึ้นเพื่อสุขภาพฟันที่ดีในระยะยาวของบุตรหลาน ทางการแพท์จึงพัฒนาเทคโนโลยีการจัดฟัน Invisalign Teen เป็นโปรแกรมการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างฟันให้เหล่าวัยรุ่นโดยเฉพาะ

การจัดฟัน Invisalign Teen คืออะไร?
การจัดฟัน Invisalign เป็นเทคโนโลยีการจัดฟันแบบใส อำพรางการมองเห็นเครื่องมือจัดฟันระหว่างการรักษา ที่ช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างฟันตั้งแต่แบบง่ายไปจนซับซ้อน ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามจุดประสงค์การรักษา Invisalign Teen เป็นการจัดฟันใสสำหรับเด็กและวัยรุ่น 8-18 ปี ที่ซึ่งส่วนมากในวัยนี้มักมีปัญหาฟันห่าง ฟันซ้อน และขากรรไกรบนคร่อมส่วนล่าง ช่วยปรับการเจริญของรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้อง Invisalign Teen?
1.Invisalign ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคาดการณ์การเคลื่อนฟัน และสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล จึงมีความแม่นยำสูง
2.เนื่องจากพฤติกรรมของวัยรุ่นเป็นวัยที่มีการทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้เยอะ การระมัดระวังตัวอาจมีไม่มาก การจัดฟันแบบใสจึงลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บในช่องปากระหว่างการเล่นเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ
3.ตัวเครื่องมือจะแนบติดกับผิวฟันไม่ทำให้เกิดการออกเสียงผิดเพี้ยน
4.การถอดเครื่องมือช่วยให้ผู้ป่วยวัยรุ่นสามารถทำความสะอาดฟันได้ง่ายและครอบคลุมยิ่งขึ้น
5.ช่วยหลีกเลี่ยงการล้อเลียนเรื่องภาพลักษณ์ในสังคมวัยรุ่น
6.ชุดเครื่องมือจะมีตัวบอกระยะการสวมใส่ คือหากสีฟ้าที่เครื่องมือกลายเป็นสีใสแปลว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนชุดเครื่องมือชิ้นใหม่ ทำให้เด็กๆสามารถจัดการดูแลตัวเองได้อย่างง่ายดาย

Invisalign Teen มีขั้นตอนการรักษาอย่างไร?
1.พบแพทย์เพื่อประเมินพื้นฐานโครงสร้างฟัน
2.เอ็กซเรย์ พิมพ์ฟัน และทำการสแกนฟันแบบ 3 มิติ เพื่อประเมินการเคลื่อนตัวของฟัน รวมทั้งการออกแบบเครื่องมือเพื่อสภาพฟันแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
3.ผู้ป่วยลองใส่เครื่องมือ ขั้นตอนนี้แพทย์จะมีการแนะนำวิธีการดูแลรักษา ทั้งนี้อาจมีการติดตั้งเครื่องมือเสริมอื่นๆหากเห็นว่าสมควรตามแต่ละกรณี
4.ผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของการรักษาทุกๆ 1.5-2 เดือน
5.เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น ผู้ป่วยก็สามารถเผยรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ