by wedigital | Nov 23, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
บ้านโมเดิร์นได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่เรียบง่าย เรียบร้อย และฟังก์ชันใช้งานได้จริง แต่สิ่งที่คนยุคใหม่ให้ความสำคัญไม่แพ้ดีไซน์ก็คือ “การประหยัดพลังงาน” โดยเฉพาะในบ้านเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ที่หากออกแบบบ้านไม่เหมาะสมก็อาจทำให้อากาศร้อนอบอ้าวจนต้องเปิดแอร์ทั้งวัน
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า บ้านโมเดิร์นจะประหยัดพลังงานและเย็นได้ทั้งวัน ต้องออกแบบอย่างไร และควรเลือกวัสดุแบบไหนให้ตอบโจทย์ทั้งความสวยและความคุ้มค่าในระยะยาว
1. ดีไซน์บ้านโมเดิร์นให้ประหยัดพลังงาน ต้องเริ่มจาก “ทิศของบ้าน”
การออกแบบบ้านให้เย็นไม่ใช่แค่เรื่องของวัสดุ แต่เริ่มตั้งแต่ การวางตำแหน่งตัวบ้าน ตามทิศแดด
✔ ทิศที่ควรหลีกเลี่ยง
✔ ทิศที่ดีที่สุดสำหรับบ้านโมเดิร์น
2. เสริมความเย็นด้วยดีไซน์ “ช่องแสง – ช่องลม”
บ้านโมเดิร์นจุดเด่นคือกระจกบานใหญ่ หน้าต่างเยอะ แต่ถ้าเลือกผิดบ้านจะร้อนทันที
✔ วางช่องเปิดให้ลมเข้า–ออกได้จริง
✔ ใช้กระจกที่ช่วยลดความร้อน
แนะนำเลือก
3. หลังคาแบบไหนช่วยให้บ้านเย็นสุด?
หลังคาคือส่วนที่รับแดดโดยตรงตลอดวัน การเลือกหลังคาที่ดีช่วยลดอุณหภูมิบ้านได้หลายองศา
✔ หลังคาที่เหมาะกับบ้านโมเดิร์น
-
หลังคาแผ่นเรียบไฟเบอร์ซีเมนต์
-
หลังคาเมทัลชีทแบบมีฉนวน PU/PIR
-
หลังคาทรงแบนหรือสโลปน้อย ที่ระบายน้ำดีและติดฉนวนง่าย
✔ สิ่งที่ควรทำเพิ่ม
-
ติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน 2–3 นิ้ว
-
เพิ่มแผ่นสะท้อนความร้อนใต้หลังคา
-
ใช้ฝ้าชายคาระบายอากาศ (Vents) ให้ความร้อนออกได้เร็ว
4. ผนังบ้านเย็นขึ้นได้ด้วยการเลือกวัสดุให้เหมาะสม
ผนังคืออีกส่วนที่ทำให้บ้านร้อนสะสม หากเลือกวัสดุดีช่วยลดความร้อนได้มาก
✔ วัสดุผนังที่ช่วยให้บ้านโมเดิร์นเย็น
-
ผนังสำเร็จรูปไฟเบอร์ซีเมนต์ + ฉนวนใยแก้ว
-
ผนัง EPS / PU Sandwich Panel (ฮิตในบ้านโมเดิร์นราคาประหยัด)
-
ผนังปูนฉาบ + ฉนวน XPS แผ่น
✔ ผนังทิศตะวันตกควรเพิ่ม
5. พื้นบ้านที่เย็น เดินสบาย ใช้วัสดุอะไรดี?
พื้นก็ช่วยลดความร้อนสะสมในบ้านเช่นกัน
✔ พื้นที่ช่วยลดอุณหภูมิ
-
กระเบื้องเซรามิก / แกรนิตโต้ เย็นที่สุด
-
พื้นกระเบื้องยาง SPC ไม่อมความร้อน
-
พื้นไม้จริงหรือไม้เทียมสีอ่อน ไม่ดูดความร้อน
✔ สีพื้นและสีผนัง
ใช้โทน สีอ่อน – สีพาสเทล – สีเอิร์ธโทน จะช่วยสะท้อนความร้อนและทำให้ห้องโปร่งขึ้น
6. ใช้ “ต้นไม้ + พื้นที่สีเขียว” เป็นตัวช่วยประหยัดพลังงาน
บ้านโมเดิร์นไม่ต้องมีสวนใหญ่ก็เย็นได้ ใช้เพียง
ช่วยตัดแสงแดดก่อนถึงผนังได้ดีมาก
7. ใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานร่วมด้วย เพิ่มความคุ้มค่า
✔ ขนาดแอร์ให้เหมาะกับห้อง
ห้องร้อนเพราะแอร์เล็กเกินไปก็ทำให้กินไฟ
✔ หลอดไฟประหยัดพลังงาน LED
ลดความร้อนจากหลอดไฟลงได้อย่างมาก
✔ โซล่าเซลล์
ช่วยประหยัดค่าไฟระยะยาว โดยเฉพาะบ้านโมเดิร์นหลังคาแบนติดง่ายที่สุด
สรุป: บ้านโมเดิร์นเย็นได้ง่าย แค่เลือกวัสดุและดีไซน์อย่างเหมาะสม
การทำให้บ้านโมเดิร์นประหยัดพลังงานและเย็นทั้งวันไม่ยาก หากวางแผนตั้งแต่ต้น โดยปรับทั้ง
บ้านจะเย็นขึ้นอย่างรู้สึกได้จริง ลดค่าไฟ และอยู่สบายมากขึ้นในระยะยาว
by wedigital | Nov 22, 2025 | ทั่วไป อื่นๆ
ถ้าพูดถึงทำเลที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ชื่อที่ติดอันดับแรกเสมอคือ “สุขุมวิท” ไม่ว่าจะซื้ออยู่เอง ลงทุน ปล่อยเช่า หรือเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว ทำเลสุขุมวิทยังคงเป็น ที่สุดของความน่าอยู่ อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นโซนที่มีคอนโดคุณภาพระดับ Luxury – Super Luxury มากที่สุดในประเทศ

ภาพประกอบบทความ
หลายคนจึงตั้งคำถามว่า…ทำไมคอนโดสุขุมวิทถึงเป็นทำเลยอดนิยมที่สุดของกรุงเทพฯ? เหมาะกับใครบ้าง? ทำเลไหนในสุขุมวิทน่าอยู่ที่สุด?
บทความนี้จะพาคุณวิเคราะห์แบบลึก แต่เข้าใจง่าย ด้วยมุมมอง AEO ตรงประเด็น พร้อมตอบโจทย์ SEO ครบทุกหัวข้อหลักที่คนค้นหา
1. สุขุมวิทคือทำเลสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ เพราะอะไร? (ตอบ Intent แบบ AEO)
สุขุมวิทถูกยกให้เป็น “ที่สุดของทำเลเมือง” เพราะมีครบทั้ง
- การเดินทาง
- ไลฟ์สไตล์
- แหล่งงาน
- ชุมชนระดับพรีเมียม
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกมิติ
กล่าวได้ว่า “สุขุมวิท = คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ”
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้สุขุมวิทเหนือกว่าทำเลอื่น:
✔ ศูนย์กลางของรถไฟฟ้า BTS (ใจกลางเมืองจริง)
สุขุมวิทเป็นเส้นหลักที่เชื่อมต่อ
- สายสุขุมวิท
- สายสีเขียว
- สายสีทอง (เชื่อมฝั่งธน)
- ใกล้ MRT
- ใกล้ Airport Rail Link
- เดินทางง่ายที่สุดในกรุงเทพฯ
✔ ไลฟ์สไตล์ระดับโลกครบที่สุดในเมือง
- ห้างใหญ่ (EM District, Terminal 21, Gateway Ekamai)
- คาเฟ่ ร้านอาหารโรงแรมดัง
- ย่านบันเทิง ทองหล่อ – เอกมัย
- โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง
- โรงพยาบาลชั้นนำ
- อยากได้อะไร? สุขุมวิทมีหมด
✔ ชุมชนต่างชาติ (Expat Community) ใหญ่ที่สุดในไทย
เหมาะสำหรับการลงทุน ปล่อยเช่า
และเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาคอนโดสุขุมวิทเติบโตต่อเนื่อง
✔ ทำเลหรูที่สุดของกรุงเทพฯ
เป็นโซนที่มีคอนโด Luxury – Super Luxury มากที่สุด
เพราะเป็นทำเลที่ดินราคาสูงและมี Demand ตลอดเวลา
2. สุขุมวิทแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ทำเลไหนเหมาะกับใคร?
เพื่อเลือกคอนโดสุขุมวิทให้เหมาะที่สุด ต้องรู้จักแต่ละโซนก่อน
(1) สุขุมวิทตอนต้น – Prime CBD – ความนิยมสูงสุด
โซน: นานา – อโศก – พร้อมพงษ์
เหมาะกับ: ผู้บริหาร, expat, คนชอบความสะดวกสูงสุด
จุดเด่น:
- ติดแหล่งงานสำคัญ
- ใกล้ BTS + MRT + ทางด่วน
- ร้านอาหาร–ห้าง–ไลฟ์สไตล์ครบมาก
- มีคอนโดพรีเมียมจำนวนมาก
- ราคาคอนโดโดยประมาณ: 180,000 – 350,000 บาท/ตร.ม.
- โซนนี้ถือเป็น “ที่สุดของสุขุมวิท” สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง
(2) สุขุมวิทตอนกลาง – Premium Lifestyle Zone
โซน: พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย
เหมาะกับ: นักธุรกิจ, ครอบครัวพรีเมียม, expat รายได้สูง
จุดเด่น:
- ไลฟ์สไตล์สุดพรีเมียม
- ร้านอาหารนานาชาติ – คาเฟ่ดัง – nightlife
- โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง
- ชุมชนญี่ปุ่นใหญ่ที่สุดในไทย
- ราคาคอนโด: 200,000 – 400,000+ บาท/ตร.ม.
- โซนนี้คือ “Luxury Living Zone” ของกรุงเทพฯ
(3) สุขุมวิทตอนปลาย – คุ้มค่า น่าลงทุน เติบโตเร็ว
โซน: พระโขนง – อ่อนนุช – อุดมสุข – บางนา
เหมาะกับ: คนทำงาน, นักลงทุนรุ่นใหม่, กลุ่ม value-for-money
จุดเด่น:
- ราคาย่อมเยากว่าสองโซนแรก
- ใกล้ย่านออฟฟิศ, ห้างใหญ่, แหล่งงานใหม่
- มีกลุ่มผู้เช่าต่างชาติอยู่เยอะ
- เดินทางเข้าเมืองง่ายมาก
- ราคา: 90,000 – 150,000 บาท/ตร.ม.
- เป็นโซนที่ “คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนอยากอยู่สุขุมวิทด้วยงบจำกัด”
3. คอนโดสุขุมวิทเหมาะกับใครบ้าง?
✔ กลุ่มทำงานในเมือง (CBD Worker)
เดินทางสะดวก ประหยัดเวลา ใช้ชีวิตง่าย
✔ ผู้บริหาร–เจ้าของธุรกิจ
ต้องการพื้นที่พักที่มีคุณภาพสูงและใกล้บริษัท
✔ Expat รายได้สูง
นิยมมาก โดยเฉพาะโซนพร้อมพงษ์–ทองหล่อ
✔ ครอบครัวรุ่นใหม่
มีโรงเรียน–โรงพยาบาล–ห้างครบ จึงใช้ชีวิตง่าย
✔ นักลงทุนปล่อยเช่า
Demand สูง ปล่อยเช่าง่ายกว่าโซนเมืองอื่น
4. จุดเด่นของคอนโดสุขุมวิทที่ทำให้ ‘ได้รับความนิยมที่สุด’
1) เดินทางง่ายที่สุดในกรุงเทพฯ
BTS + MRT + ทางด่วน + แหล่งงานครบ
2) ไลฟ์สไตล์ดีที่สุดในเมือง
ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ห้าง โรงเรียน โรงพยาบาลระดับท็อป
รวมอยู่บนเส้นเดียว
3) อนาคตทำเลเติบโตต่อเนื่อง
สุขุมวิทเป็นแกนหลักของเมืองไม่ว่าจะ 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า
4) มูลค่าคอนโดแข็งแกร่ง
ราคาขายต่อและปล่อยเช่าดีที่สุดในกรุงเทพฯ
5) ความปลอดภัยและชุมชนคุณภาพสูง
ผู้คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพมั่นคงและชาวต่างชาติที่มีรายได้ดี
5. ราคาเฉลี่ยคอนโดสุขุมวิท (อัปเดตปี 2025)
โซน ราคาเฉลี่ย (บาท/ตร.ม.)
สุขุมวิทตอนต้น 180,000 – 350,000
สุขุมวิทตอนกลาง 200,000 – 400,000+
สุขุมวิทตอนปลาย 90,000 – 150,000
อินไซต์:
ราคาขึ้นเฉลี่ยปีละ 3–8% ขึ้นกับโซนและแบรนด์โครงการ
6. ซื้อคอนโดสุขุมวิทโซนไหนดี? (AEO ให้คำตอบแบบใช้งานได้จริง)
ถ้าคุณเป็น คนทำงานใน CBD → อโศก / พร้อมพงษ์
ถ้าคุณเป็น สายไลฟ์สไตล์–คาเฟ่–ร้านอาหาร → ทองหล่อ / เอกมัย
ถ้าคุณต้องการ อยู่ใกล้ห้าง เดินทางสะดวก → พร้อมพงษ์
ถ้าคุณหา คอนโดราคาเอื้อมถึง → อ่อนนุช / อุดมสุข
ถ้าคุณเน้น ลงทุน ปล่อยเช่า → พระโขนง–เอกมัย–อ่อนนุช
ถ้าต้องการ อนาคตเติบโต → บางนา–อุดมสุข
7. ข้อควรรู้ก่อนซื้อคอนโดสุขุมวิท
✔ ระยะห่างจาก BTS ต้องดูจริง
200–500 เมตรถือว่าเหมาะสุด
✔ ต้องเช็กแนวอาคารรอบโครงการ
มีผลต่อวิวและความเป็นส่วนตัว
✔ ส่วนกลางต้องเพียงพอ
สุขุมวิทเป็นโซนหนาแน่น ควรเลือกโครงการที่บริหารดี
✔ ค่าครองชีพโซนนี้ค่อนข้างสูง
เหมาะกับผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอ
สรุป: คอนโดสุขุมวิท คือทำเลยอดนิยมที่สุดของกรุงเทพฯ เพราะ “ครบทุกคุณภาพชีวิต”
สุขุมวิทไม่ใช่แค่ทำเล แต่เป็น “Lifestyle Hub” ของกรุงเทพฯ ที่รวมทุกอย่างไว้อย่างลงตัว ทั้ง
- ความสะดวก
- การเดินทาง
- แหล่งงาน
- ห้าง–ร้านอาหาร–คาเฟ่
- ชุมชนต่างชาติ
- โครงการคอนโดระดับพรีเมียม
ไม่ว่าคุณจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือเพื่อลงทุน คอนโดสุขุมวิทคือทำเลที่มีศักยภาพสูงสุดในระยะยาว และยังคงเป็น “ทำเลยืนหนึ่ง” ของกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง
by wedigital | Dec 27, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
ไม้ฝา หรือ ไม้เทียม คือวัสดุทดแทนไม้จริง ส่วนมากจะนำมาตกแต่งบ้าน เช่น ผนังบ้าน เชิงชาย พื้นบ้าน เป็นต้น
วัสดุพวกนี้ ปลวกไม่กิน ทนแดด กันน้ำ ทนฝน
ไม้ฝานำมาสร้างบ้าน สร้างผนัง อายุการใช้งาน ทนนาน อยู่ได้หลายปี
คุณสมบัติเด่น ของไม้ฝา มีความสวยงาม ลายไม้เสมือนจริง มีหลายสี
สภาพอากาศ : ดูแลรักษาง่าย ได้ทุกสภาพอากาศ
สรุป
ไม้ฝา อายุการใช้งาน ใช้งานได้ยาวนาน หากสีซีดสามารถทาสีทับใหม่ได้เลย
คุ้มมาก ต้องเลือกไม้ฝาเฌอร่า

by wedigital | Nov 29, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ

หินสังเคราะห์ ซึ่งมักได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์สมัยใหม่ในสาขาของวิทยาศาสตร์วัสดุ ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการก่อสร้างและการออกแบบ หินสังเคราะห์เป็นทางเลือกทดแทนหินธรรมชาติ โดยผสมผสานระหว่างความสวยงามและประโยชน์ในการใช้งานได้อย่างมีเอกลักษณ์ บทความนี้มุ่งหวังที่จะสำรวจคำจำกัดความและองค์ประกอบของหินสังเคราะห์ กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้อง และการใช้งานและข้อดีต่างๆ ที่หลากหลายของหินสังเคราะห์ เมื่อตรวจสอบแง่มุมเหล่านี้แล้ว เราจะเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าเหตุใดหินสังเคราะห์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ในงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัย และหินสังเคราะห์มีความแตกต่างจากหินธรรมชาติแบบดั้งเดิมอย่างไร
หินเทียมทำจากหินธรรมชาติ โดยใช้วิธีการเจียรหินธรรมชาติร่วมกับเรซิน แล้วกดให้เป็นแผ่น สำหรับหินสังเคราะห์ (Solid Surface) เราใช้เทคโนโลยีการผลิตและเติมสารเติมแต่งเพื่อขจัดข้อบกพร่องของหินธรรมชาติ เช่น ไร้รอยต่อ มีรูพรุน ไม่ดูดซับ ไม่เป็นแหล่งของแบคทีเรีย เป็นต้น
หินสังเคราะห์แบ่งออกเป็น
1. หินสังเคราะห์อะคริลิก 100% (วัสดุพื้นผิวแข็งอะคริลิก)
2. หินสังเคราะห์ผสมกับโพลีเอสเตอร์ (วัสดุพื้นผิวแข็งโพลีเอสเตอร์ไม่อิ่มตัว UPE) หินสังเคราะห์เป็นวัสดุที่มีพื้นผิวไม่มีรูพรุน ซึ่งจะทำให้หินสังเคราะห์มีโอกาสสะสมสิ่งสกปรกที่อาจก่อให้เกิดเชื้อโรคและแบคทีเรียน้อยลงเมื่อหินสังเคราะห์ขาดน้ำ หรือมีของเหลวใดๆ ซึมเข้าไป จะเป็นการป้องกันไม่ให้วัสดุเกิดความชื้น และใช้งานได้นานขึ้น
ความแตกต่างระหว่างหินสังเคราะห์อะคริลิก 100% และหินสังเคราะห์ผสมโพลีเอสเตอร์คือองค์ประกอบทางเคมี และหินสังเคราะห์อะคริลิก 100% สามารถงอได้ แต่หินสังเคราะห์ผสมโพลีเอสเตอร์ไม่สามารถงอได้
ข้อดีของหินสังเคราะห์
1. ไร้รอยต่อ
2. ไม่มีรูพรุน ไม่ดูดซับน้ำ และป้องกันความชื้น
3. ไม่มีแบคทีเรีย ไม่เพาะพันธุ์เชื้อโรค จึงปลอดภัยกว่า
4. ไม่ติดไฟ
5. ทนต่อความร้อนจากรังสี UV
6. รูปลักษณ์สวยงาม มีลวดลายให้เลือกมากมาย
7. ทนกรดและด่าง
8. ทนทานต่อสารเคมีในบ้าน เช่น น้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ และ
9. ทำความสะอาดง่าย
10. สามารถแก้ไขได้ง่าย หินสังเคราะห์มีเฉดสีและลวดลายต่างๆ มากกว่าหินธรรมชาติ เช่น สีแดง สีเหลือง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถปรากฏในรูปแบบที่เลียนแบบลวดลายหินธรรมชาติ เช่น ลวดลายหินอ่อน เป็นต้น หินสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่ดีกว่าหินธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีข้อเสียส่วนใหญ่ของหินธรรมชาติ เช่น ไม่หมอง ไม่ดูดซับน้ำ เป็นต้น
by wedigital | Nov 23, 2024 | ที่พัก
บ้านพร้อมอยู่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นพื้นที่ส่วนตัว ดังนั้นหากคุณจะสร้างสีสันให้บ้านพร้อมอยู่เราคงต้องอาศัยการตกแต่ง งั้นวันนี้เราจะมาแต่งห้องคอนโดของเราให้น่าอยู่และประหยัดงบกันดีกว่าค่ะ
5 ไอเดียของการแต่งห้องให้ดูใหม่ที่ง่ายและใช้งบประมาณอย่างประหยัด
(จริงๆมีมากกว่านี้แต่วันนี้ขอแค่ 5 ก่อนน๊า วันหลังนำมาเพิ่มให้)
1. การทาสีผนังห้องหรือปรับผนังห้องใหม่
การทาสีผนังห้องหรือการเลือกใช้วอลเปเปอร์มาปรับแต่งก็ได้ การใช้สีตกแต่งผนังห้องเป็นการสร้างจุดเด่น โดยใช้สีสันที่สดใสทาเฉพาะผนังส่วนใดส่วนหนึ่งของห้องและสำหรับส่วนอื่นๆ อาจจะใช้สีโทนกลางๆ ก็จะทำให้ห้องของเรานั้นดูมีมิติขึ้น
2.การผสมผสานระหว่างเก้าอี้และม้านั่ง
ซึ่งเป็นอีกไอเดียหนึ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนการตกแต่งห้องให้ดูไม่น่าเบื่อ โดยการเปลี่ยนรูปแบบจากโซฟา มาเป็นม้านั่ง และเก้าอี้ นำมาผสมผสานกันก็น่าจะเก๋ไปอีกแบบ
3.แต่งแต้มด้วยสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือติดผนัง
ยุคนี้ง่ายไปหมดซะทุกอย่าง อยากแต่งคำคม ให้บ้านดูสดใส ทันสมัยกิ๊บเก๋ ก็คงต้องใช้ตัวช่วยเจ้าสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือ นำมาเรียงเป็นคำคม เพิ่มความสวยงามให้ภายในบ้านอย่างง่ายเลยทีเดียวค่ะ
4. พื้นห้องครัว
ตกแต่งพื้นห้องครัวด้วยปูกระเบื้อง คุณสามารถลอกมันออกแล้วนำกระเบื้องลานใหม่มาปูแทน เปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องครัวดูใหม่ได้เช่นกันค่ะ
5.ชั้นวางของ
ตกแต่งชั้นวางของชิ้นเล็ก ช่วยให้ห้องดูมีสีสันขึ้น สร้างความแตกต่างจากเดิมได้อย่างง่ายเลยนะคะ อย่างเช่น ใช้ชั้นวางของประดิษฐ์ติดเพิ่มเติมมาภายในห้องก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 ไอเดียในการตกแต่งบ้านแบบชนิดประหยัด ใช้งบไม่บานปลายด้วยนะคะ
ทุกคนสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทซ์ ผสมผสานกัน หรือนำไปปรับแต่งบ้านพร้อมอยู่กันดูก็ได้นะคะ

#image_title